บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้าย
ภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย
“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา
“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยน
ณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
กลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง
“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต
“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”
“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำไม?!” มูลค่าการลงทุนที่ภัสสราลงไปกับการตั้งบ่อนที่สวรรยารีสอร์ตนั้นสูงมาก หญิงสาวทุ่มสุดตัว เธอทำทุกอย่างที่ทำได้ แต่เพราะชลาสินธุ์กับนังเลขาของมัน ทำให้ภัสสราสูญเสียอะไรไปอีกมากมาย ทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียง ความหวังในการสร้างธุรกิจใหม่ที่มีมูลค่ามหาศาล ความไว้วางใจของเพื่อน คนในสังคม ถึงตอนนี้ความรักของกำนันเพชรที่เคยรักเธอดังแก้วตาดวงใจ เธอก็แทบจะสูญเสียมันไปหมดแล้ว
“คุณนี่พูดจาเหมือนเด็กห้าขวบ” ชลาสินธุ์สบถ
“ก็ใช่น่ะสิ แม่ฉันตายตั้งแต่ฉันอายุได้ห้าขวบ ตั้งแต่นั้นพ่อฉันก็เลี้ยงฉันเป็นเด็กเสมอมา ก็มีแต่พวกแกนั่นแหละที่ขัดใจฉัน เอาเลย” คำพูดสุดท้ายเป็นคำสั่งที่อนุญาตให้ชายฉกรรจ์เหล่านั้นทำอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา กำปั้นของชลาสินธุ์พุ่งเข้าหาคนที่ทำตามคำสั่งคนแรกทันที
แววตาห่วงใยที่ส่งมาให้ณิชชาทำให้ร่างบางรู้สึกกังวล“ไม่ต้องห่วงฉัน” ร่างเล็กบอก พร้อมยืดตัวขึ้นเต็มที่บ่งบอกว่าพร้อมจะสู้เช่นเดียวกัน
ความชุลมุนก่อตัวขึ้นในกรอบสายตายิ้มร้ายของภัสสรา ความยินดีซ่านลึกเข้าไปในหัวใจของเธอทุกครั้งที่เห็นว่า ณิชชาถูกทำร้าย ต่อให้เป็น ชลาสินธุ์ก็เถอะ ขาของเขายังไม่หายดี และยังต้องต่อสู้กับคนตั้งหลายคนทำให้พลั้งพลาดออกบ่อย ๆ แต่กลับไม่ยอมพ่ายแพ้ สอยคนของภัสสราให้ลงไปกองกับพื้นได้ถึงสามคน
“ขามัน” ภัสสราตะโกนบอกคู่ต่อสู้คนที่สี่ของชลาสินธุ์ ทำให้เขาโดนเตะเข้าที่ขาข้างที่เจ็บทันที ความเจ็บปวดทำให้ชลาสินธุ์เสียการทรงตัว แต่ก็พยายามหลบหมัดและเท้าครั้งต่อ ๆ ไปได้บ้าง ไอ้ยักษ์ใหญ่เบอร์สี่หยิบมีดพกปลายแหลมออกมาจากที่เก็บข้างเอว หมายจะเสียบเข้าไปที่ร่างของชลาสินธุ์ แต่เขาหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียดทุกครั้ง ก่อนจะจับมือนั้นบิดเป็นเกลียว แล้วคว้ามีดที่กำลังจะร่วงจากมือของคู่ต่อสู้มาเป็นอาวุธของตัวเอง
“หยุด!” ทุกสิ่งนิ่งสนิทหลังจากเสียงตะโกนดังลั่น ชลาสินธุ์หอบจนสั่น และเมื่อหันไปยังต้นเสียงก็แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น แขนของณิชชาถูกบิดให้พับไปข้างหลังด้วยมือของไอ้ยักษ์เบอร์ที่เท่าไรไม่รู้ ส่วนที่ขมับมีมีดซ่อนปลายที่บัดนี้ปลายมีดถูกดันออกมาโชว์หรา พร้อมที่จะจิ้มมันลงไปที่ไหนก็ได้ตามแต่ใจเจ้าของปรารถนา อย่างไม่ทันตั้งตัวชลาสินธุ์ก็ถูกเตะเข้าที่ขาด้านหลังทำให้เจ้าตัวทรุดลงไปกองกับพื้น
“ฉันไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว” ภัสสราแผดเสียงลั่น พยักหน้าให้ คนสนิทของตนคว้าปืนขึ้นมา ก่อนจะเหวี่ยงร่างของณิชชาที่สะบักสะบอมจากการต่อสู้ให้ไปกองรวมกันกับชลาสินธุ์ที่กลางห้อง
ชายฉกรรจ์ที่ดูเหมือนจะปลอดภัยจากการต่อสู้น้อยที่สุดหยิบ
ไฟแช็กขึ้นมา ส่วนคนที่เหลือก็เล็งปืนที่ยังคนที่อยู่กลางวงอย่างพร้อมเพรียง“จัดการเลย!” หญิงสาวออกคำสั่ง
เสียงปืนยิงรัวดังขึ้นทันที แต่...
แต่มันไม่ได้มาจากปากกระบอกของลูกน้องของเธอ
กระสุนที่มาเป็นห่าฝนถูกยิงรัวไปรอบ ๆ ห้อง เหมือนเป็นการข่มขู่ ภัสสราตกใจกลัวจนตัวสั่น พยายามมองไปยังลูกน้องของตนเพื่อหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีใครสามารถตอบคำถามของเธอได้ จนชลาสินธุ์ต้องเป็นคนตอบให้แทน
“อะไรทำให้คุณคิดว่า ผมจะบ้ามาที่นี่คนเดียวล่ะคุณสรา”
“แกหมายความว่ายังไง”
“อยากรู้ก็เปิดประตูสิ”
ภัสสราลังเล แต่ในที่สุดก็บอกลูกน้องตัวเองให้ไปเปิดประตูจนได้สิ่งที่พบทำให้ภัสสราร้องไห้
“พ่อ” กำนันเพชรรออยู่ที่หน้าประตู ฟาดมือเต็มแรงเข้าที่ใบหน้าของลูกสาว
“กลับบ้าน! ต่อจากนี้ฉันจะขังแกไว้ที่บ้าน ไม่ให้แกไปไหนอีกเลย” กำนันเพชรคำรามลั่น คนอย่างกำนันเพชรไม่ได้รู้สึกว่าคดีที่โดนมันสลักสำคัญอะไร เขาไม่คิดว่าตัวเองกับลูกสาวจะต้องโทษอะไรเลยด้วยซ้ำ ขอแค่ช่วงนี้ทำตัวเงียบๆ ไม่ก่อเรื่องให้มันทับถมกันมากก็พอ ไม่อย่างนั้นคนที่คอยช่วยพวกเขาอยู่คงช่วยไม่ไหว
แต่ดูลูกของเขาทำสิ เรื่องขับรถชนชลาสินธุ์ก็ทีหนึ่งแล้ว เตือนแล้วก็ยังทำ และยังมีเรื่องวันนี้อีก
ที่ผ่านมาแม้จะดื้อดึงแต่ลูกสาวก็มักจะทำตามคำของพ่อเสมอเพราะความกลัวที่ฝังรากลึก แต่ไม่ใช่คราวนี้ ภัสสรามาไกลเกินกว่าที่จะหยุดแล้ว
“ไม่...หนูจะฆ่าพวกมันก่อน” เธอตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“แกบ้าไปแล้ว สรา” กำนันเพชรทั้งรักทั้งห่วงลูกสาว แต่เพราะเป็นพ่อที่เลี้ยงลูกไม่เป็น เขาจึงเลี้ยงแบบผิด ๆ มาโดยตลอด ถึงตอนนี้จะแก้ไข ชายชราก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่า...อาจจะไม่ทันการ
“พวกมันทำลายชีวิตหนู พ่อเห็นไหม ต่อให้พ่อไม่ขัง หนูก็แทบจะออกจากบ้านไม่ได้อยู่แล้ว” ลูกสาวตะโกนลั่น
“นั่นแกทำตัวแกเองทั้งนั้น”
ภัสสราตาเบิกโพรง ไม่คิดว่าพ่อจะพูดคำนี้กับเธอ หญิงสาวรู้ว่าพ่อ เป็นผู้มีอิทธิพลของที่นี่ และรู้ว่าพ่อทำบางอย่างไม่โปร่งใสนัก ซึ่งตัวเธอเป็นลูกจะทำบ้างก็คงไม่ผิด และพ่อต้องเข้าข้าง
...แต่ไม่ใช่...
ภัสสราหัวใจแตกสลาย โดยไม่รับรู้ถึงความรู้สึกรักและห่วงใยของพ่อเลย
ความชุลมุนก่อตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อตำรวจนายหนึ่ง เดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องตัวเองอีกหลายนาย อาวุธครบมือจ่อเข้าไปที่ลูกน้องของภัสสราทุกคนแบบพร้อมส่งกระสุนออกจากลำกล้องถ้าจำเป็น
“พอเถอะครับ คุณสรา มันจบแล้ว ยังมีพวกผมล้อมอยู่ด้านนอกอีกคุณสู้ไม่ได้หรอก ล้มเลิกตอนนี้ดีกว่า” เขาบอกเสียงเรียบแต่สายตากลับมุ่งมั่น คนด้านนอกอาจจะไม่ได้เยอะเท่าที่บอกกับภัสสรา เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่โต แต่เขาเชื่อว่า ภัสสราต้องเชื่อ และหยุดการกระทำเหล่านี้ ด้านนอกจึงเป็นคนของพัฒนศักดิ์และธารากานต์ซะเป็นส่วนใหญ่ ที่มาอยู่ที่นี่ก็เพราะเป็นห่วงพี่ชายของพวกเขา
“กลับบ้านกับพ่อนะลูก” กำนันเพชรบอกลูกพร้อมกับเอื้อมไปจับมือลูกสาว ขณะที่ตำรวจทุกนายตรงนั้นกำลังทำหน้าที่ของตัวเอง โดยการคล้องกุญแจมือคนของภัสสราแล้วค่อยลำเลียงออกมาจากห้องนั้น ซึ่งสืบพบว่าเป็นบ่อนลอยสร้างไว้กลางป่า สำหรับหลบหูหลบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลายเป็นว่า ครั้งนี้ภัสสราได้ความผิดเพิ่มอีกหลายกระทง
ชลาสินธุ์กับณิชชาค่อย ๆ ประคองกันและกัน ตามออกไป นายตำรวจที่นำทีมตัดสินใจปล่อยให้พ่อลูกทำความเข้าใจกันสักพัก
“คุณต้องพาลูกสาวออกไปหาผมข้างนอกนะกำนัน” เขาพูดก่อนจะเดินออกไป
“ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะคะพ่อ ทำไมเป็นแบบนี้”
“นี่แกทำอะไรอยู่ สรา พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่เงียบ ๆ” กำนันเพชรไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เรื่องนี้มันกัดกินใจลูกสาวจนสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ เพราะสำหรับกำนันเพชรแล้วนี่คือเรื่องขี้ปะติ๋ว อาจจะก่อกวนจิตใจบ้าง แต่นี่มันเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบอื่น ๆ
“ไป กลับบ้าน ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว” เขาตัดจบ เมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่พูดอะไรต่อ เขาพูดคุยกับนายตำรวจคนนั้นไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะเป็นคนดูแลลูกเอง และจะไม่ให้ออกไปทำเรื่องไม่ดีได้อีก เมื่อนายตำรวจแจ้งว่า หลังจากได้รับการประกันตัวแล้วลูกสาวของตนทำเรื่องเสี่ยงนอนคุกอีกหลายอย่าง
ภัสสราเดินตามพ่อมาเงียบ ๆ ก่อนจะผลักกำนันเพชรให้ออกจากบ้านนั้นอย่างแรง แล้วล็อกประตูซะ กำนันเพชรทั้งทุบและพยายามบิดลูกบิดประตูแต่ไม่สามารถทำได้ ถามหากุญแจจากลูกน้อง พวกเขาก็บอกว่าอยู่กับภัสสรา
ควันไฟและกลิ่นไหม้โชยออกมาจากห้องที่ปิดตายนั้น เมื่อนายตำรวจเห็นท่าไม่ดี จึงใช้ปืนของตัวเองยิงไปที่ลูกบิดประตูพร้อม ๆ กับกำนันเพชรที่หยิบปืนที่ซ่อนไว้ข้างขามายิงด้วยเช่นกัน
“สรา!”
“คุณสรา!” ณิชชาที่กำลังได้รับการดูแลจากธารากานต์ร้องขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกำนันเพชรตะโกนลั่นแล้วเหลือบไปเห็นภาพตรงหน้า
ห้องนั้นกำลังไหม้ไฟอย่างรวดเร็วเพราะก่อนหน้านี้ภัสสราสั่งลูกน้องของตนราดน้ำมันไว้จนทั่ว แต่ทว่าร่างทั้งร่างของภัสสราก็กำลังโดนเผาไหม้ด้วย
เธอจุดไฟนั้นด้วยตัวของเธอเอง
เสียงร้องลั่นของคนที่กำลังย่างสดตัวเองทำให้ณิชชาหน้าซีด ร่างนั้นแม้จะลุกโชนด้วยเปลวไฟแต่ก็ปฏิเสธการช่วยเหลือจากใคร ๆ โดยเฉพาะพ่อ
ชลาสินธุ์ที่มองเหตุการณ์นั้นอยู่ห่าง ๆ เดินมาที่ณิชชาพร้อมทั้งกอดร่างเล็กไว้และบังคับให้หันหน้าไปทางอื่น เพื่อจะได้ไม่เห็นภาพอันน่าสยดสยองนั้น มืออีกข้างก็จับไหล่น้องสาวให้หันไปทางอื่นเช่นกัน
ที่ไร่ธารากานต์ ซึ่งเจ้าของตั้งชื่อใหม่ตามคนรักของตน พัฒนศักดิ์รู้สึกหมั่นไส้พี่ชายคนรักอย่างบอกไม่ถูก คราวก่อนที่ชลาสินธุ์พาณิชชามาที่นี่ยังทำท่าอย่างกับจะฆ่าณิชชาทิ้งได้ คนเป็นลมจนลุกไม่ขึ้นยังถูกด่าหาว่าสำออย แต่ตอนนี้ ถึงแม้หมอจะยืนยันว่า ร่างบางนั้นปลอดภัยแล้ว ร่องรอยที่เกิดจากปลายมีดเล็กของภัสสราที่ลำตัวก็เล็กน้อยมากแปะพลาสเตอร์ก็หาย แต่ชลาสินธุ์กลับนั่งลูบ ๆ คลำ ๆ ราวกับว่ามันจะทำให้ณิชชาตายได้อย่างนั้นแหละ
พอหมั่นไส้หนักเข้า ก็ตัดสินใจออกมาจากห้องนอนแขกที่ตอนนี้เป็นของคู่นี้ซะดีกว่า เดี๋ยวจะต้องก่อเรื่องชกต่อยกับพี่เมียตัวเอง
“พี่ชายคุณนี่มัน ” พัฒนศักดิ์พูดขึ้นหลังจากเดินเข้ามาถึงในครัวที่คนรักกำลังจัดแจงของว่างสำหรับทุกคนอยู่
“อะไรคะ พี่สินธุ์ทำไม”
“เยอะ”
“กับคุณณิชน่ะเหรอ ก็เขารักของเขานี่” ธารากานต์หัวเราะ
“ทีเมื่อก่อน ด่าสาดเสียเทเสีย” ยังอดไม่ได้ที่จะค่อนแคะ
แต่ธารากานต์หัวเราะกับท่าทางแบบนั้นเพราะรู้ดีกว่าอาการหมั่นไส้กันไปมาระหว่างคนรัก กับพี่ชายของตนแก้ชาตินี้ทั้งชาติก็คงทำไม่สำเร็จ
ทุกคนถูกตามลงไปรับอาหารว่างที่ห้องรับแขก เพราะเพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ สิ่งที่พูดคุยกันจึงยังคงวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องเดิม ณิชชาหน้าซีดลงไปเรื่อย ๆ เมื่อถูกบังคับให้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนได้ฟัง มือหนาที่โอบกอดร่างเล็กเข้าไว้ไม่ห่าง คอยลูบแขนเล็กทุกครั้งเมื่อเห็นว่า ณิชชามีท่าทางอึดอัด หรือยังคงตกใจกับเรื่องที่พูดถึง
“จะว่าไป คุณสราก็น่าสงสารนะคะ คงจะโตมาแบบไม่รู้ว่าอะไรคือความดีความเลวที่แท้จริง” ณิชชาบอก
“ผมว่าน่าสงสารทุกคนนะ” พัฒนศักดิ์พูดขึ้นบ้าง “ตั้งแต่รู้จักกันมา ผมว่ากำนันเพชรนี่เป็นคนที่รักลูกมากคนหนึ่งเลยละ แต่ความสามารถในการเลี้ยงดูมีน้อยมาก เรื่องที่ประกันตัวออกมาจากคดีนั้น ก็คงคิดอยากจะให้ลูกสบาย ใช้เส้นสายไปตั้งเยอะ แต่ไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้ลูกตาย” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“ภัสสราอ่อนแอเกินไป อ่อนแอจนยับยั้งความอยากของตัวเองไม่ได้ และก็อ่อนแอที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่เป็นผลมาจากสิ่งที่ตัวเองก่อไม่ได้” ชลาสินธุ์พูดขึ้นบ้าง
“เป็นคนอ่อนแอแต่กลับชอบเอาชนะนะคะ” ธารากานต์บอก พี่ชายพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“ใช่ แล้วความอ่อนแอก็ทำให้เธอกลัวว่าจะแพ้ เลยต้องหาทางทำอะไรที่เป็นทางลัดตลอดเวลาเพื่อจะยืนยันว่า ตัวเองจะต้องเป็นคนชนะด้วยไงล่ะ แต่ลืมคิดไปว่าทำแบบนี้ผลลัพธ์มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แล้วผลของมันก็จะยิ่งทำให้แย่ลงไปกว่าเดิม”
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว