ชลาสินธุ์ก็ก้มใบหน้าเข้มกัดเข้าที่ซอกคอขาวอย่างแรงเมื่อคิดได้แบบนั้น
แต่สิ่งหนึ่งที่ชลาสินธุ์คิดถูกก็คือ ณิชชาไม่ได้เป็นคนอ่อนโยนเหมือนธารากานต์ เธอจึงทำแบบเดียวกับที่เขาทำด้วย ชายหนุ่มส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ป่านนี้คอของเขาคงจะมีเลือดออกแล้วแน่ๆ
ณิชชาไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ตัวเองทำนั้นได้ดึงเอาสัญชาตญาณสัตว์นักล่าออกมาจากตัวชลาสินธุ์จนหมด
“โอ๊ย!” หญิงสาวร้องอย่างเจ็บปวด ใบหน้าหวานดิ้นหนีเมื่ออีกฝ่ายประกบจูบอย่างรุนแรง และลมหายใจกำลังจะหมดและอีกคนกลับไม่ยอมปล่อย
ชลาสินธุ์บดบี้ริมฝีปากเล็กอยู่อย่างนั้น จนเล็บจากมือเล็ก ๆ จิกเข้าที่ลำแขนแกร่งจนรู้สึกเจ็บจึงยอมปล่อย เขายืนจ้องมองคนที่หอบหายใจอย่างหนักนิ่ง ๆ ก่อนจะโยนเธอโครมบนเตียงในห้องนอน
ณิชชาจุกจนพูดไม่ออก นอนตัวงออยู่บนนั้น แต่แววตาที่มองมายังร่างสูงนั้นทั้งเกลียดและพร้อมสู้
วันนี้...สู้แค่ตาย!!!
แต่แววตาแข็งกร้าวที่ประกาศพันธะสัญญาในใจตัวเองออกมาอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่พูดอะไรนั้น ยิ่งทำให้สัญชาตญาณนักล่าที่ต้องชนะเท่านั้นของชลาสินธุ์ถูกกระตุ้นอย่างหนัก
ซิปกระโปรงสีดำมีระบายสั้นแค่เข่าถูกปลดออกทันที พร้อมกับตัวมันก็ออกไปจากร่างของหญิงสาวอย่างไร้ทิศทางด้วย ณิชชาดิ้นอย่างแรงเพื่อให้หลุดออกจากพันธนาการที่เป็นมือหนา ๆ ที่พยายามจะกดเธอไว้บนเตียง ซึ่งแม้ว่ามันจะยาก แต่เธอทำได้
โครม!
สองขาคู่ถูกยกขึ้นถีบไปที่ร่างของชายหนุ่มตัวหนาพร้อมกันจนเจ้าของร่างตกลงไปอยู่ข้างเตียง
“ณิช!”
หญิงสาวไม่ได้ฟังน้ำเสียงโกรธกริ้วนั้น เธอกระชับกางเกงชั้นในที่ตอนนี้เป็นอย่างเดียวที่ปกปิดส่วนล่างของเธอไว้ แล้วกางผ้าห่มออกก่อนจะโถมทั้งตัวเองและผ้าห่มให้ห่อคลุมร่างของคนที่ยังหาหลักตัวเองไม่เจอ แล้วก็นั่งทับลงไปบนร่างนั้นอย่างแรง ใครจะจุก ใครจะกระดูกหักมันเรื่องของเธอที่ไหนกัน
แต่เพราะขนาดลำตัวและพละกำลังที่แตกต่างกันมากเกินไป ทำให้หญิงสาวถูกตวัดลงไปอยู่ด้านล่าง ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
ณิชชาไม่เว้นจังหวะหายใจเลยสักนิด เธอตวัดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของเขา แต่เพราะอยู่ในท่าที่ไม่ดีนัก ทำให้ฝ่ามือไพล่ไปโดนลำคอและแรงก็เหลือแค่น้อยนิด ชลาสินธุ์รู้สึกเพียงแค่เหมือนโดนมดตัวเล็ก ๆ กัดเท่านั้น
“โอเค ๆ ฉันไม่ทำอะไรเธอแล้วก็ได้” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงหอบแฮก เขาออกแรงเยอะจริงๆ เหงื่อที่ออกไปมากน่าจะเรียกสติของเขาคืนมาได้บ้างแล้ว
ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพร้อมดึงร่างเล็ก ๆ ขึ้นมานั่งจุ้มปุ๊กกันที่พื้นข้างเตียงด้วย เหนื่อยหอบจนตัวโยนกันทั้งคู่ สายตาที่มองหน้ากันเหมือนไม่ค่อยไว้ใจ
“ไปอาบน้ำไป”
“อาบอะไร ฉันไม่ค้างที่นี่” หญิงสาวตอบเสียงแข็ง
“จะไปอาบดี ๆ หรือว่าต้องให้ฉันอาบให้” เขาตอบกลับมาด้วยเสียงต่ำ ที่แม้ว่าณิชชาจะไม่ได้กลัว แต่มันก็แอบขนลุกอยู่นิดๆ เหมือนกัน
“ฉันไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน”
“ชุดนอนใส่ของฉัน ส่วนชุดทำงานพรุ่งนี้เดี๋ยวให้คนเอามาให้”
“?”
“รีบไป”
เขาบอกให้เธอมาอาบน้ำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะได้อาบน้ำคนเดียว เพราะในขณะที่เขาปล่อยให้เธอใช้ตู้อาบน้ำ ตัวเองก็ลงไปในอ่าง แล้วอาบน้ำในนั้นจนเสร็จเรียบร้อยแทบจะพร้อมๆ กัน
“คุณนี่มันหน้าด้านหน้าทนจริง ๆ” เธอว่า เมื่อเขาก้าวออกมาจากอ่างอาบน้ำแบบไม่มีอะไรปิดร่างกายเลยสักชิ้น
ไม่มีเลย...เลย...
“ทำไม ยังไม่ชินอีกเหรอ เห็นก็ตั้งหลายครั้งแล้ว”
“หน้าด้าน”
“ณิช! อย่าปากดี”
“หึ”
สองคนเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัวแล้วหาอะไรกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยกัน ก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมกัน โดยชลาสินธุ์ไม่อนุญาตให้หญิงสาวออกจากอ้อมกอดของเขา
หญิงสาวปรือตาเมื่อนาฬิการ่างกายปลุกเธอให้ตื่น น่าจะเป็นเวลาใกล้ๆ ตีห้าแล้ว ตอนนี้ร่างของเธอไม่ได้อยู่ในอ้อมแขนใครเหมือนตอนที่จะหลับ แต่ก็ไม่มีใครอยู่ข้างกายเธอด้วย เขาคงตื่นแล้ว
ช่างเถอะ ขอนอนหลับอีกหน่อยแล้วกัน วันนี้น่าจะได้ไปทำงานพร้อมกับเขา คงไม่ต้องรีบอะไรมาก หญิงสาวคิดแบบนั้นแล้วก็ปล่อยตัวเองให้เผลอหลับไปอีกรอบ
“อื้อ” ร่างบางส่งเสียงในลำคอ เพราะรำคาญบางอย่างที่กำลังมาวุ่นวายอยู่ตรงหัวไหล่ มันค่อย ๆ ขยับร่างมาที่ลำคอ ใบหน้า
แมลงเหรอ?
ณิชชาคิด ทั้งที่ยังหลับตา ความง่วงงุนไม่ได้ออกไปเลยสักนิด เธอแค่ใช้มือปัดมันออกไปเบา ๆ
แมลงตัวนั้นเลยค่อยๆ เปลี่ยนเป้าหมาย จากลำคอ ไล่ลงมาที่หัวไหล่ และวนเวียนอยู่แถว ๆ หน้าท้องเนียน ร่างบางรู้สึกรำคาญจึงได้พลิกตัวหนี แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่า มือของเธอมีสายรัดเคเบิลไทร์มัดติดไว้กับหัวเตียง
“นี่? ไอ้บ้าเอ๊ย!” หญิงสาวตาเบิกโพลง แล้วแมลงยักษ์ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“คุณ?”
“อื้ม”..แมลงยักษ์ขานรับด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะรำคาญ ที่เจ้าของร่างที่เขากำลังแทะเล็มอย่างเอร็ดอร่อยนั้นเริ่มหนีส่ายไปมา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ เล่นบ้าอะไรเนี่ย” หญิงสาวตะโกนลั่น มือข้างหนึ่งทึ่เป็นอิสระจิกเข้าที่หัวของชายหนุ่มแล้วออกแรงกระชาก
“โอ๊ย!!!” ชลาสินธุ์สะบัดหัวออกมาจากมือเล็กแต่ร้ายกาจนั้น สองมือของเขายกขึ้นลูบหัวทั้งหัวที่เจ็บร้าวไปหมด “เราจะได้เห็นดีกัน ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก”
เขาเดินกระทืบเท้าออกไปก่อนจะกลับมาพร้อมกับเคเบิลไทร์อีกสองสามอัน แล้วใช้มันมัดมือทั้งสองของณิชชาเข้าด้วยกัน
“นี่ ไอ้บ้า ทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ได้ไม่ได้ ฉันก็ทำไปแล้ว”
“คุณมันโรคจิต ต้องหาหมอแล้ว หรือว่าคุณหนีออกมาจากโรงพยาบาลเนี่ย ขาดยาหรือไง”
“หึ เดี๋ยวก็รู้” เขาว่า ก่อนจะโอบร่างเล็กทั้งร่างไว้ในอ้อมแขน แล้วทิ้งตัวทาบทับลงไปเป็นหนึ่งเดียวกับร่างของณิชชาอย่างหาที่ว่างระหว่างกันไมได้
“ฉันไม่เอาแบบนี้นะ” ร่างบางเอ่ย เธอตะโกนจนเสียงแหบแล้ว “คุณมันสกปรก”
“ฉันไม่สกปรก” เขาพึมพำเพราะปากเริ่มไร้ที่ลำคอยาวสวยแล้ว “และถ้าไม่เอาแบบนี้ จะเอาแบบไหนก็ว่ามา ฉันจะสนองให้”
“ไม่เอาแบบไหนทั้งนั้น!”
“แต่ฉันจะเอา”
ณิชชาน้ำตาไหลพรากออกมาด้วยความโกรธอย่างถึงที่สุด ประสบการณ์ในการคบผู้ชายของเธอคงน้อยเกินไป เธอจึงไม่เคยได้เจอคนที่ชั่วร้ายอย่างเขามาก่อน
ชลาสินธุ์ดึงกางเกงของตัวเองที่ให้หญิงสาวใส่นอนออกอย่างง่ายดาย เพราะมันใหญ่กว่าขนาดคนใส่เยอะ เผยให้เห็นเรือนร่างดงามที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้สังเกต เมื่อเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มบาง ๆ อย่างพึงพอใจ
เขายกตัวขึ้นมาเป็นนั่งคร่อมอยู่ตรงท้องน้อยของหญิงสาว ทำให้เห็นหน้าอกกลมกลึงกับยอดสีชมพูดสวยนั้นอย่างเต็มตา
ทำไมนะ ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงได้ไม่เคยเห็นมันมาก่อน เอวคอดกิ่วนี่ก็อีก มันเล็กมากจนใช้มือเดียวก็แทบจะโอบรอบ ตรงกันข้ามกับสะโพกที่ผายกว้าง สวยงาม
สวยจริงๆ...
ชลาสินธุ์หลงเพ้อไปกับภาพที่เห็นตรงหน้า มือหนาสัมผัสไล้ไปทั่วหน้าท้องของหญิงสาว ก่อนจะหยุดอยู่ที่สองตุ่มไตสวย แล้วค่อย ๆ ใช้หัวนิ้วโป้งลูบไล้ไปตรงยอดของมันจนมันชูชันรับการแตะต้องของคนเอาแต่ใจ
“อื้อ” ณิชชาบิดตัวเพราะความเสียวซ่าน นี่มันจุดอ่อนของเธอ เป็นจุดอ่อนที่มีเพียงพี่อัคเท่านั้นที่รู้ หญิงสาวส่งเสียงประจานตนเองออกมาอย่างไม่อาจจะข่มอารมณ์เอาไว้ได้
เจ้าของมือได้ยินเสียงอย่างนั้นก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เขาลูบไปตามเอวคอด บีบเค้นเบาๆ มีความสุขที่ได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดนิดๆ ของคนที่อยู่เบื้องล่าง และเมื่อปล่อยมือจากหน้าอกกลมแน่นงดงามไปแล้ว ปากของเขาก็ทำหน้าที่แทน ชลาสินธุ์กัดเบา ๆ ที่ยอดอกนั้น ทำให้ณิชชาแทบทนไม่ไหว
“อื้อ...เจ็บ”
ชายหนุ่มเบาแรงลง แต่ไม่เพราะสงสารหรือเห็นใจอะไร แต่เพราะเขาอยากจะทำอย่างอื่นแล้วมากกว่า ชลาสินธุ์ใช้เข่าสองข้างแยกขอของเธอออก แล้วมือดื้อรั้นก็จับเข้าไปที่โหนกนูนดึงสายตานั้นทันที
“อ๊ะ อย่าจับ อย่านะ” แต่ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะฟัง เขากดตรงตุ่มไตหฤหรรษ์ที่อยู่ด้านนอก จากนั้นก็สอดนิ้วแกร่งเข้าไปในร่างของเธอ ร่างที่เขาพอจะรู้แล้วว่า ต้องทำตรงไหนอย่างไร เธอถึงจะกรีดร้องออกมาอย่างที่เขาต้องการ
“อื้อ...”
เล็กบิดตัวไปมา คิ้วขมวดมุ่นด้วยความเจ็บปวด เมื่อเห็นแบบนั้น
ชลาสินธุ์ยิ่งรู้สึกมีความสุข“อย่า ปล่อย” ณิชชาออกคำสั่งเสียงดัง พยายามขยับขาทั้งสองข้างและบิดกายไปมาเพื่อให้เขาทำอะไรไม่ถนัดนัก แต่ยิ่งเหมือนเพิ่มความสนุกให้กับชลาสินธุ์ขึ้นไปอีก
“เธอยังแน่นอยู่เลยอะ นับว่าฉันได้ของดีมาจริงๆ”
ใครเขาอยากได้คำชมแบบนี้กัน? หญิงสาวโกรธจนใบหน้าแดงไปหมด
“คุณอยากทำอะไรคุณกานต์ คุณก็ไปหาเธอสิ อย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉัน ฉันบอกกับคุณเป็นรอบที่ร้อยแล้วนะว่าฉันไม่ได้อยากทำอะไรกับคุณ ไม่ได้อยากเป็นอะไรกับคุณ”
“อย่าพูดถึงกานต์ เธอไม่มีสิทธิ์”
“คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้” หญิงสาวตะโกนกลับบ้าง หาความหวาดกลัวติดอยู่ในน้ำเสียงสักนิดก็ไม่มี
“เธอเป็นคนของฉัน”
“ฉันเป็นเลขา ไม่ใช่นางบำเรอ ฉันขายฝีมือทำงาน ไม่ได้ขายตัว!”
“แต่ฉันอยากซื้อ เธอต้องขาย”
“ไอ้เลว! ฉันขอสาปแช่งคุณ ก็ให้ไม่มีคนรัก ขอให้ตามคุณกานต์กลับมาไม่ได้”
“ณิช!”
“อ๊า!!!”
ชลาสินธุ์ส่งตัวตนน้อยๆ ของตัวเองเข้าไปทีเดียวมิดด้าม โดยไม่สนใจความเจ็บปวดของอีกฝ่าย ณิชชาร้องลั่น และร้องเสียงดังมากขึ้นไปอีกเมื่อชลาสินธุ์ไม่รอให้เธอเตรียมความพร้อมอะไร กลับขยับกายอย่างรวดเร็ว แรงเสียดสีที่ฝืดเคืองทำให้เลือดไหลออกมาจากช่องทางรักนั้นไม่น้อยเลย
“อย่าพูดถึงกานต์ เธอไม่มีสิทธิ์อาจเอื้อมไปถึงเธอ อึก อื้อ”
ชลาสินธุ์พูดเสียงกระท่อนกระแท่น เพราะความคับแน่นและเสียวซ่านที่ได้รับบ้าเอ๊ย หลายครั้งแล้วยังแน่นขนาดนี้
ณิชชาร้องครางเสียงฟังไม่เป็นคำแล้ว มันเจ็บไปหมด เจ็บจนแทบทนไม่ไหว
ธารากานต์คือสิ่งต้องห้าม เธอจะจำไว้ ทั้งจำไว้เพื่อห้ามตัวเองไม่ให้พูด และจำไว้เพื่อแก้แค้นเขาด้วย
ธารากานต์...
“อึก อ๊ะ...” ข้อมือของหญิงสาวเริ่มมีเลือดซิบเพราะถูกสายเคเบิ้ล ไทร์บาด “ฉันเจ็บ ฉันไม่ไหวแล้ว”
“เจ็บเหรอ...ซี้ด...เจ็บก็ร้องดัง ๆ สิ” คนพูดเหมือนจะยังอยู่กับภวังค์ตัวเอง
“ช่วย...ฮึก ช่วยด้วย” ณิชชาร้องครางโหยเหมือนจะขาดใจ “พี่อัค ช่วยณิชด้วย”
“...”
ณิชชาหมดสติไปทั้งที่ยังมีบางสิ่งบางอย่างอยู่ในตัว มือก็โดนผูกเอาไว้
ร่างสูงกระตุกแล้วค้างนิ่ง ก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักเข้าไปในร่างของคนที่สลบไสล และเมื่อตัณหาในกามลดลง...ชลาสินธุ์ก็เริ่มคิด
ใครคือพี่อัค?
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว