ณิชชาจัดการงานของตัวเองเสร็จตั้งแต่เช้า วันนี้งานของเธอเป็นงานประจำวันปกติ เธอดูแลทั้งของตัวเองและของพายและบัว จากนั้นจึงชวนทั้งสองคนไปรับประทานอาหารที่แคนทีนของบริษัทด้วยกัน เพราะปกติแล้ว ในวันที่ยุ่งมากๆ พวกเธอทั้งสามคนไม่สามารถทิ้งงานมาพร้อมกันได้ หรือบางทีก็ต้องทำงานให้เสร็จก่อน ว่าจะได้ลงมากินข้าวก็บ่ายคล้อยแล้ว เพราะหากหายไปพร้อมกันหมด แล้วมีงานที่เจ้านายต้องการ ระเบิดลูกใหญ่ได้ลงแผนกเลขาแน่ๆ
กลุ่มของหญิงสาวเป็นจุดสนใจมากตอนที่เข้ามาในแคนทีน ที่นี่มีอาหารไว้เลี้ยงพนักงานในราคาที่ถูกมาก ข้าว กับข้าวอีกสองอย่าง ขนมหวาน และน้ำฟรีที่ตั้งไว้เต็มตู้เย็น พนักงานจ่ายเพียงยี่สิบบาทเท่านั้น ซึ่งทุกบริษัทของตระกูลจิรารักษนนท์เป็นแบบนี้หมด
เมื่อได้รับอาหารครบแล้ว สามสาวยังไม่ทันได้หย่อนสะโพกลงที่โต๊ะก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาคุยด้วยเสียก่อน ซึ่งทั้งสามคนก็ยิ้มกว้างรับ
“ว่าไงครับสาว ๆ งานไม่ยุ่งเหรอ ถึงได้ลงมาพร้อมกันได้ ลงมาเร็วด้วยนะเนี่ย” พฤกษ์ หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ของที่นี่เอ่ยทัก พร้อมหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ณิชชา
ทั้งหมดรู้จักกันอยู่แล้ว โดยการแนะนำของณิชชา เพราะพฤกษ์คือเพื่อนนักเรียนที่เรียนชั้นมัธยมมาด้วยกัน เพิ่งจะแยกย้ายกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย และมาเจอกันอีกครั้งก็ที่นี่ ตอนนั้นณิชชาดีใจมากที่อย่างน้อยก็มีคนรู้จัก เพียงแต่ด้วยงานที่ยุ่งมากของทั้งคู่ ทำให้ไม่มีโอกาสได้เจอกันมากนัก
บุคลิกของพฤกษ์ดูเป็นมิตรและน่าเข้าหาสมกับเป็นประชาสัมพันธ์มาก ข่าวคราวมากมายที่เขาส่งออกไปเพื่อประชาสัมพันธ์บริษัทและผู้บริหารนั้น ได้รับความสนใจสม่ำเสมอ ค่าที่เขาเป็นคนที่รอยยิ้มไม่เคยจางหายไปจากไปหน้า ใครเห็นใครก็อยากลงข่าวให้ ใครเห็นใครก็อยากร่วมทำงานด้วย
“เพิ่งจะว่างวันนี้นี่แหละ อาทิตย์ที่แล้วงานยุ่งจนลืมวันลืมเวลาไปเลย” หญิงสาวตอบ ทั้งคู่รู้จักกันมานาน เรียกว่าเป็นเพื่อนรัก เพื่อนสนิท สนิทไปถึงครอบครัวของอีกฝ่ายทีเดียว เรื่องส่วนตัวหลายอย่างก็เคยถูกเอาออกมาพูดคุยปรึกษากันด้วย ทั้งคู่มีประสบการณ์ร่วมหลายอย่าง เช่น
ณิชชาโดนรุ่นพี่ผู้ชายจีบแบบไม่สนใจว่าผู้หญิงไม่เล่นด้วย หรือถูกแฟนผู้ชายที่เข้ามาจีบเข้าใจผิดคิดว่าณิชชาเข้าไปอ่อย ปัญหาเหล่านี้ถูกแก้ไขโดยพฤกษ์ โดยเขาใช้ทั้งวิธีการที่ละมุนละม่อม หรือหากจำเป็นพฤกษ์ก็ไม่เกี่ยงเลยที่จะตอบสนองด้วยหมัด เท้า เข่า ศอก‘ฉันไม่ได้ใจดีกับทุกคนหรอกนะ’ เขาบอกกับณิชชาในวันหนึ่ง ตอนที่หญิงสาวไปช่วยเขาดูแลแม่ที่ป่วยไข้ที่บ้าน
นี่ถ้าไม่ติดว่า พฤกษ์ชอบคนอวบ ๆ หน่อย ณิชชาก็คงได้เป็นแฟนเขาไปแล้ว เขาเคยบอกหญิงสาวแบบนี้ สิ่งที่ได้กลับมาคือ ณิชชาหัวเราะจนตัวโยก พร้อมทำท่าจะอาเจียนใส่
เป็นอันว่า ทั้งคู่คิดตรงกัน
มื้ออาหารของทั้งกลุ่มนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน คนสี่คนพร้อมด้วยเสียงหัวเราะครื้นเครง และรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้านั้น กลายเป็นจุดสนใจเล็กๆ ของคนทั่วแคนทีน
เมื่อกลับขึ้นมาที่ชั้นบนสุดของอาคารสำนักงาน ณิชชาก็ถูกเรียกตัวเข้าไปในห้องของท่านประธานทันที
“ไหนบอกมาซิว่า ถ้าฉันต้องทำเรื่องพวกนี้เอง แล้วฉันจะมีเลขาเอาไว้ทำอะไร ฮะ?!” เสียงกราดเกรี้ยวตะโกนลั่น ณิชชาตกใจจนสติแทบจะลอยออกจากร่าง เอกสารที่ถูกโยนโครมลงบนโต๊ะของชลาสินธุ์ ถูกปรินต์ ออกมาจากอีเมล์ มือบางหยิบมันขึ้นมาดู ตรงหัวข้ออีเมล์ฉบับนั้นเขียนว่า Urgent! เวลาส่งคือสามนาทีหลังจากที่เธอเดินลงไปจากโต๊ะทำงาน
เนื้อหาในอีเมล์นั้นว่าด้วยเรื่องการเชิญเข้าประชุมของสมาคมธุรกิจก่อสร้างภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ ซึ่งเพิ่งจะมีการประชุมประจำปีไปเมื่อสามเดือนก่อน แต่ครั้งนี้เป็นการประชุมที่เร่งด่วนที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ขอให้ผู้บริหารบริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมร่วมเข้าประชุมด้วย
อีเมล์ฉบับนี้ส่งมาให้กับชลาสินธุ์ และแนบสำเนามาที่หญิงสาวด้วย โดยหน้าที่แล้ว ณิชชาจะต้องเป็นคนรายงานให้ชลาสินธุ์ทราบ โดยไม่ต้องให้เขาเสียเวลาเข้าไปอ่านอีเมล์ที่อาจจะไม่สำคัญด้วยตัวเอง
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ...คือ...”
“คืออะไร มัวแต่เอ่อ มัวแต่คืออะไรอยู่ นี่ถ้าเขาไม่คิดว่าจะต้องยกหูชวนฉันด้วยตัวเองเพื่อเป็นมารยาท เธอจะจัดการเรื่องที่พัก เรื่องตั๋วเครื่องบินให้ฉันทันไหม” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาโกรธเลขาตัวเองด้วยเรื่องงาน เรื่องงานเท่านั้น และณิชชารู้ตัวว่า ตัวเองทำผิดจริง
“ฉันขอโทษ เดี๋ยวจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด” เธอตอบ พยายามให้เสียงไม่สั่นด้วยความตกใจ
“ออกไป!!!” ชลาสินธุ์ตะโกนไล่เสียงดัง เขาโกรธณิชชาที่หายไปตอนที่รู้เรื่องอีเมล์นี้ แต่ที่โกรธมากกว่านั้นก็คือ เขาไม่อยากไปงานนี้เลย เขาอยากอยู่ที่นี่เพื่อคอยจับตาดูธารากานต์ เขาให้เวลาเธอสามเดือนก็จริง แต่ก็เห็นๆ กันอยู่ว่า น้องสาวของเขาคนนั้นไม่ได้คิดจะกลับมาตามคำพูดเลยสักนิด เขาจึงอยากจับตาดูไว้ ครบสามเดือนเมื่อไรจะไปตามตัวกลับบ้านทันที แต่ไอ้ประชุมบ้าๆ นี่กลับมาขัดจังหวะ ผิดที่ผิดเวลาจริงๆ
ไม่นานเสียงเคาะประตูที่ห้องก็ดังขึ้น
“คุณสินธุ์คะ ดิฉันจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินกับที่พักเรียบร้อยแล้วนะคะ และช่วงเวลานั้นมีประชุมโรงแรมกับคุณธาร ดิฉันปรึกษาคุณธารแล้ว เลื่อนมาเป็นวันมะรืนนะคะ ส่วนสรุปงานโปรเจกต์สร้างถนนสอง
โปรเจกต์ยังไม่ด่วนมาก ดิฉันขอเลื่อนออกไปก่อนค่ะ”ณิชชารายงานชัดถ้อยชัดคำ มีแนบเอกสารตั๋วเครื่องบินและจองห้องพักมาให้ด้วย นี่คือสิ่งที่ชายหนุ่มไม่อาจจะปฏิเสธได้ เลขาของเขาเก่งจริง และคล่องมาก สามารถจัดการงานทุกอย่างได้โดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปากทุกขั้นตอน กล้าคิด กล้าตัดสินใจ
ชายหนุ่มมองคนตรงหน้านิ่ง จนอีกฝ่ายเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรเลยกำลังจะหันหลังกลับ
“ขอบใจนะ”
“ค่ะ”
“แต่มันคงไม่ลบความผิดของเธอได้หมดหรอก”
“คะ?”
“เธอละเลยหน้าที่”
“แต่ฉัน...”
“เธอมีความผิด”
“แต่...” หญิงสาวไม่รู้จะพูดอะไร เธอทำผิดจริงๆ แต่นั่นมันเวลาพักไม่ใช่เหรอ?
“ต้องใช้อีกตำแหน่งมาช่วยลดความผิดละมั้ง”
หญิงสาวตาโตเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เท้าทั้งสองข้างถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวเมื่อชลาสินธุ์ลุกออกจากโต๊ะทำงานของตนแล้วเดินตรงมายังจุดที่ณิชชายืนอยู่ก่อนจะคว้าร่างนั้นไว้ไม่ให้หนีไปแล้ว
“คุณจะทำอะไร” ดวงตามองเข้าเบิกโต ทั้งกลัว ทั้งโกรธ
แต่คนตัวสูง ร่างกายแกร่งกว่าไม่ได้สนใจเลยสักนิด เขาแตะปลายคางแล้วยกใบหน้าเรียวขึ้นก่อนจะบดริมฝีปากลงไปอย่างรุนแรง แขนข้างที่เลหือก็ตวัดรัดรอบเอวร่างบางจนแน่น
ณิชชาพยายามสะบัดหน้าหนีรอยจูบโจนจ้วงนั้น
“อย่านะ ฉันไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของคุณ!”
“อ๋อเหรอ หรือว่าต้องเป็นหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์คนนั้น เธอถึงจะยอม”
“พฤกษ์ไม่เกี่ยว” ดวงตากลมโตฉายแววโกรธเกรี้ยว เขาไม่มีสิทธิ์มายุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเธอ
“ถ้าไม่เกี่ยวก็ทำหน้าที่ของเธอไปสิ” เขากระซิบข้างหู ประกายตาหรี่ลง
“อย่ามายัดเยียดหน้าที่อื่นให้ฉัน ฉันไม่ทำงานอื่นนอกจากเลขา” หญิงสาวพูดพร้อมกับพยายามผลักตัวเองออกจากลำแขนแกร่งที่ตอนนี้รัดเอวบางๆ ของเธอไว้จนเจ็บไปหมด
“ฉันบอกไปแล้วนะว่า เธอมีอีกหน้าที่ แล้วก็ห้ามปฏิเสธ”
“ไม่ ฉันปฏิเสธ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน” หญิงสาวตะโกนเสียงดังลั่น เงยหน้าขึ้นมองเขาส่งสายตาโกรธเกรี้ยว แต่เขากลับยิ้มเยาะออกมา
“หึ ห้องนี้ไม่เก็บเสียงนะ ถ้าเธอไม่รู้...เธอตะโกนได้เลยเต็มที่ ถ้าไม่กลัวว่าผู้ช่วยของเธอจะได้ยิน”
“นี่...คุณ?”
เขามองใบหน้าหวานนั่นอย่างหลงใหล ใช่...หลงใหล เขาหลงใหลคนที่มีใบหน้าคล้าย ๆ แบบนี้...ธารากานต์ แล้วเริ่มไล้ริมฝีปากหนาที่มีริ้วเคราชิมความหวานที่ลำคอสวย ขณะที่ฝ่ามือหนากำลังเกาะเกี่ยวไล่ไปตามแผ่นหลังเนียน ก่อนวกกลับมาที่ด้านหน้าใกล้เต้าอวบ
“ไม่! หยุดนะ!!”
ชายหนุ่มจูบปากที่ส่งเสียงน่ารำคาญนั้นออกมาอย่างเอาแต่ใจ มือไม้ก็ครอบครองเต้ากลมสวยนั้นไว้ได้อย่างเต็มไม้เต็มมือ ไม่นานบราตัวสวยก็หลุดออกจากที่ของมัน แล้วนิ้วหัวแม่มือก็สัมผัสติ่งไตที่ตอนนี้มันเริ่มสู้มือเขา
“อ๊ะ...อื้อ...ปล่อย”
หญิงสาวรู้สึกตัว และรู้ด้วยว่าตัวเองกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับเขาแล้ว หญิงสาวกลัวใจตัวเอง เธอต้องออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
“เฉยๆ น่า เธอออกจากห้องนี้ในสภาพนี้ไม่ได้หรอก” เขาว่าขณะเปิดปากสวยนิด ๆ พอให้หญิงสาวได้หายใจ “เธอหนีไม่ได้ แล้วฉันก็ไม่ยอมให้เธอหนีด้วย”
“คนเลว”
“หึ ด่าไปเถอะ ยังไงเธอก็เคลิ้มไปกับฉันแล้วอยู่ดี”
ณิชชาเกลียดความรู้สึกของตนเองตอนนี้เหลือเกิน ทำไมต้องเคลิบเคลิ้มไปกับรสรักที่ไม่ใช่ของจริง เมื่อครู่นี้เธอเผลอคิดไปว่า คนตรงหน้าคือพี่อัค
“เคลิ้มบ้าเคลิ้มบออะไร หยุดบ้าได้แล้ว” หญิงสาวว่า ก่อนจะออกแรงผลักคนตัวใหญ่จนสุดกำลัง มันจะได้ผลอยู่แล้วเชียว แต่ชลาสินธุ์กลับคว้าร่างเธอเอากลับไปได้ จากนั้นก็ประกบจูบรุนแรง มันรุนแรงจนไม่อาจจะขัดขืนได้
หญิงสาวน้ำตาอาบแก้มเมื่อเห็นชัดแล้วว่าจะต้องตกเป็นของเขาอีกหน ตอนนี้กระโปรงของเธอล่วงหล่นลงไปแล้ว
“อ๊ะ...” เสียงโอดครวญดังขึ้นเมื่อมือหนานวดตรงจุดนูนโหนกของเธอ มันอวบอูมพอดิบพอดีมือเขา “อึก...อ๊ะ...”
ชลาสินธุ์ดันร่างหญิงสาวให้ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงาน จากนั้นก็ผลักให้เอนหลังลงมาทั้งที่มือที่กำลังเล่นกับจุดหฤหรรษ์ไม่ได้หยุดเลย
“อื๊อ...” หญิงสาวเกาะบ่าเขาแน่นเมื่อชายหนุ่มก้มหน้าลงมาละเลงลิ้นที่สะดือสวยแล้วเลื่อนขึ้นมาครอบครองยอดอกสีชมพูน่ารักนั้นเอาไว้
พออีกฝ่ายเคลิ้ม เผลอไผล ชายหนุ่มก็กระแทกตัวตนของตัวเองเข้าไปในร่างที่ปลุกเร้าเอาไว้แล้ว
“อื๊อ”
แต่มันไม่พอ
มันไม่พอจนทำให้เกิดความเจ็บปวด แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดในลำคอนั้นเบาเกินกว่าจะหยุดยั้งชายหนุ่มเอาไว้ได้ “อ๊ะ...ฉันเจ็บ”
คนถืออภิสิทธิ์เหนือร่างนี้ไม่ได้สนใจ กลับยังคงขยับตัวเข้าออกอย่างรุนแรง
กานต์...กานต์ของพี่...กลับมา...กลับมาหาพี่
“โอ๊ะ! อื๊อ...”
กานต์ ได้โปรด กลับมาหาพี่นะ
“อื๊อ...อ๊ะ...ฉัน...”
กานต์
“หยุดนะ อ๊ะ...”
ได้โปรด
“ฉันไม่ อ๊ะ...ไม่ไหว...”
กานต์!!!
สายน้ำขุ่นข้นมากมายกระจายอยู่ในร่างของหญิงสาวที่ใบหน้าคล้ายธารากานต์อย่างมาก
แต่ไม่ใช่...อย่างไรซะก็ไม่ใช่
ชายหนุ่มคิดได้ดังนั้นก็ถอนตัวออกมาแล้วเดินออกไปทางระเบียงห้องทันที
ลมแรงพัดมาพร้อมอากาศร้อนผ่าวตีหน้าของชลาสินธุ์จนชา เขาอัดบุหรี่มวนที่สองเข้าปอดหนัก ๆ มองไปตรงหน้าอย่างไร้จุดหมาย
ครั้งนี้เขาเป็นคนเลวอย่างที่ณิชชาบอกจริงๆ เลวเพราะแท้จริงแล้วเขาทำกับเธอมากเกินไป เขารู้ตัวดี เขาทำตัวไม่ต่างจากเศษสวะคนหนึ่ง ใช้เธอเป็นที่ระบายอารมณ์จริง ๆ
ความผิดของณิชชามีอย่างเดียวคือ ใบหน้า ท่าทางเหมือนกับธารากานต์มาก มากเกินไป ซึ่งนั่นไม่ถือเป็นความผิดเลยสักนิด
ที่จริงแล้ว นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้คนอื่นเป็นที่ระบายอารมณ์แทนธารากานต์ ตอนที่ธารากานต์มีแฟนเป็นไอ้เลวที่ไหนสักคน เขาก็ใช้ผู้หญิงหลายคนเป็นที่ระบาย คนพวกนั้นได้รับค่าจ้างเพิ่มมากขึ้นเพราะต้องบอบช้ำกันหนักมาก
แต่...แต่ณิชชาปฏิเสธที่จะทำหน้าที่นี้ เธอมีท่าทีปฏิเสธเงินจำนวนมากที่เขาจะมอบให้อย่างเห็นได้ชัด
แล้วป่านนี้ คนที่ทรุดลงไปกองกับพื้นทันทีที่เขาปล่อยจะเป็นอย่างไรบ้าง
คิดได้แบบนั้น ชายหนุ่มก็ทิ้งก้นบุหรี่แล้วกลับเข้าห้องทำงาน
ณิชชาใส่เสื้อผ้าแล้วแต่ยังไม่เรียบร้อยนัก ตาบวมแดงนั่นยังคงมีน้ำตาเกาะอยู่ สายตาที่มองมายังเจ้าของห้องมีแต่แววโกรธเกลียด ไม่ได้ส่งเสียงพูดอะไรกับเขา ได้แต่แต่งตัวไปเงียบๆ พอเสร็จก็ทำท่าจะออกไป
“เดี๋ยว!”
“...” เธอชะงักไปนิด แต่ก็เตรียมก้าวเท้าต่อ จนอีกฝ่ายต้องเร่งเท้ามาหาแล้วกระชากแขนไว้
“คุณ!”
“ไปสภาพนี้ คนข้างนอกได้ตกใจกันหมดพอดี อยากให้เขารู้กันนักหรือไงว่า...”
“ว่าโดนข่มขืน?” เธอพูดต่อประโยคให้ เสียงขื่น
“ฉัน...”
“ปล่อยได้แล้ว” เสียงสะอื้นเอ่ยบอกนิ่ง ๆ และพยายามผลักดันตัวเองให้หลุดออกมาจากอ้อมแขนของร่างใหญ่
ชายหนุ่มกอดเธอไว้ในอ้อมกอดจนมิดตัว
“อย่าเพิ่งออกไป เธอยังเดินไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ หน้าตาก็แดงไปหมด นั่งในนี้ก่อน” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณมันเลว เป็นคนเลว” ณิชชาสะอื้น อยากจะด่าให้แรงกว่านี้ก็นึกไม่ออกว่าควรด่าว่าอะไรดี
“หึ บอกให้เงียบ” ชลาสินธุ์กระซิบเสียงดุ พลางกระชับอ้อมกอดของตัวเองแน่นขึ้นอีกนิด แล้วประคองให้ณิชชาเดินไปนั่งที่โต๊ะรับแขกในห้องทำงานของตัวเอง
“นั่งตรงนี้ไปก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะไปส่งที่บ้าน”
ณิชชาช่วยงานชลาสินธุ์ได้บ้างเมื่ออยู่ตรงนั้น แต่ครั้งนี้เธอคิดถึงเรื่องการลาออกชัดเจนยิ่งขึ้น เธออยู่อย่างไร้ค่าและไร้เกียรติที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว ส่วนเรื่องการแก้แค้น ไว้ค่อยคิดทีหลัง หญิงสาวมั่นใจว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถมากพอที่จะไปจากที่นี่ได้
หญิงสาวนั่งคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อย ๆ ไม่นานความอ่อนล้าที่เกิดขึ้นทั้งกับร่างกายและจิตใจก็ทำให้ตาทั้งสองข้างของเขาค่อย ๆ ปิดลง
ดวงตาสีขรึม เผลอมองคนที่นั่งหลับพริ้ม เขากวาดตามองร่างบางนี้ให้ทั่ว สิ่งหนึ่งที่สามารถแยกณิชชาออกจากธารากานต์ได้ก็คือ ผู้หญิงตรงหน้านี้ร่างผอมบางมาก บางซะยิ่งกว่าคนที่เขารักไปเยอะมาก ไม่แปลกเลยที่ณิชชาเอาแต่สลบไสลตอนที่ต้องมารับความรุนแรงจากเขา จะะว่าไป ณิชชาก็เป็นคนตัวเล็กที่สุด ที่เขาเคยมีความสัมพันธ์ด้วยนั่นแหละ
หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง มือบางยกขึ้นมานวดขมับตัวเอง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเริ่มรู้ตัวว่า เธอไม่ได้อยู่คนเดียว
“กลับบ้านได้แล้ว”
หญิงสาวมองซ้ายมองขวาแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เธอเซเล็กน้อย แต่เมื่อชลาสินธุ์ทำท่าจะช่วยพยุงเธอก็เบี่ยงตัวหลบ
“คุณกลับก่อนเลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันกลับกับเพื่อนได้” เธอตอบขณะที่ยังไม่ส่างจากอาการง่วงงุน
“ณิช กลับบ้าน กับฉัน” เขาค่อย ๆ พูดทีละคำ ด้วยน้ำเสียงเข้ม
ณิชชาเงยหน้าขึ้นมองคนพูด ดวงตามีแววดื้อรั้น
“ฉัน...”
“ลองดี?”
“เอ่อ...”
“งั้นก็ได้” เขาพูดพร้อมสาวเท้าเข้าหา
“ได้ค่ะ ได้ กลับกับคุณก็ได้ค่ะ”
สองคนเดินคู่กันมาตั้งแต่ในลิฟต์จนถึงหน้าบริษัทซึ่งเป็นที่จอดรถเฉพาะของท่านประธาน เมื่อมาถึงชายหนุ่มก็ดันร่างหญิงสาวขึ้นรถ โดยมีหญิงสาวทำท่าดื้อรั้น เหมือนไม่ยอมรับคำสั่งนั้นอยู่ตลอด มองจากที่ไกล ๆ เหมือนคู่รักที่กำลังแง่งอนกันอยู่
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว