บทที่ 49 ลักพาตัว
“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”
“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”
“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก
“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”
“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”
“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”
“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”
“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”
“นะ”
“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”
“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”
“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายที
ชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย
“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”
“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับชลาสินธุ์จะยืนอยู่อย่างมั่นคง ไม่ใช่แค่ฉาบฉวย ชั่วครั้งชั่วคราว
“หึ มันต้องแบบนี้สิ” ชลาสินธุ์ร้องออกมาเมื่อเห็นรอยยิ้มของหญิงสาว จากนั้นก็กระเถิบตัวไปอีกฝั่งจนด้านข้างเหลือที่ว่างบนเตียงได้พอที่คนขนาดเท่าณิชชาจะนอนได้สบาย ๆ แต่แค่เพียงนอนลงบนหมอนเท่านั้น มือปลาหมึกยักษ์ก็คว้าร่างเล็ก ๆ นั่นเข้าไปกอดแน่นซะแล้ว
“อื๊อ...ไหนคุณบอกว่า ไม่ทำอะไรไง” ณิชชาทักท้วง
“ไม่ทำอะไรหรอก แต่อยากกอดเฉย ๆ กลัวเธอหายไปน่ะ” เสียงท้ายประโยคฟังดูอ้างว้าง
“ฉันไม่หายไปไหนหรอก มาหาคุณก็ต้องอยู่กับคุณสิ” ร่างเล็กบอกก่อนจะพลิกร่างตัวเองหันไปหาคนป่วยขี้กลัว “ให้ฉันกอดคุณนะ ฉันก็ไม่อยากให้คุณหายไปไหนแล้ว”
ชลาสินธุ์ยิ้มรับก่อนจะเป็นฝ่ายจับมือของณิชชาขึ้นมาโอบร่างเขาไว้เสียเอง
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องการหมอ หรือยาใด ๆ อีกแล้ว เพราะเมื่อโอสถขนานเอกที่ชื่อ ณิชชา มาอยู่ตรงหน้า อาการของเขาก็เหมือนไม่เคยเจ็บปวดมาก่อน
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้ามาในห้อง ปลุกคนป่วยให้ตื่น มือหนาค่อย ๆ โอบกอดร่างที่อยู่ข้าง ๆ แต่กลับว่างเปล่า ไม่มีใครนอนอยู่ข้าง ๆ เขา เสียงเปิดประตูดังขึ้น ทำให้ชลาสินธุ์ยิ้มได้ คงไปไหนมาล่ะสิ
“เป็นไงบ้างครับวันนี้” เสียงทักนั้นทำให้ชลาสินธุ์ขมวดคิ้วมุ่น คุณหมอเข้ามาพร้อมกับพยาบาลคุ้นหน้าถือชาร์ตคนป่วยของเขา ก่อนจะถามอะไรสองสามข้อ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“คือเห็นคนที่มาเยี่ยมผมเมื่อวานไหมครับ ช่วยดูให้หน่อยสิว่า อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า?”
“อ๋อ ไม่อยู่หรอกค่ะ ลงไปข้างล่าง” พยาบาลเป็นคนตอบเพราะ เธอเพิ่งเจอกับณิชชาเมื่อเช้านี้เอง “เห็นว่าจะลงไปซื้อกาแฟน่ะค่ะ เดี๋ยวก็คงขึ้นมาแล้วล่ะ” พยาบาลคนสวยตอบ ทำให้ชลาสินธุ์คลายกังวลลงไปได้ คุณหมอเห็นแบบนั้น จึงลองตรวจและถามข้อซักถามใหม่หมด ก็พบว่า อาการของชลาสินธุ์ดีขึ้นมาก
คนเยี่ยม มีผลต่ออาการของคนไข้จริงๆ หมอยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องไป
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วแต่ไม่มีทีท่าว่าณิชชาจะกลับมา เมื่อตอนยี่สิบนาทีแรกชลาสินธุ์ปลอบใจตัวเองว่า ร่างเล็กคงอยากจะนั่งดื่มกาแฟชิล ๆ อยู่ข้างล่าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ความกังวลก็เข้ามาแทนที่อีกหน หรือว่าเมื่อวานนี้ยังคุยกันไม่เข้าใจมากพอ หรือว่าแค่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน
ชลาสินธุ์คว้าเอาโทรศัพท์ตัวเองมากดหาร่างบางทันที แต่โทรเท่าไร ก็ไม่มีใครรับสาย
...เธอหายไปไหนนะณิช...
ดวงตากลมกะพริบปริบ ๆ เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงจ้า ที่ส่องมาที่ใบหน้าพอดี ณิชชาจำได้ว่า ครั้งสุดท้ายที่มีสติคือ เธอกำลังถือแก้วกาแฟเดินจากร้านฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาล รอไฟแดงเพื่อข้ามถนน แต่
เอวบางกลับถูกบางอย่างรั้งเอาไว้ เมื่อหันไปดูก็พบว่า ชายร่างใหญ่ในชุดกางเกงยีนส์และเสื้อยืดสีดำ เข้ามายืนประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ มือข้างหนึ่งของชายคนนั้นเกี่ยวเอวของณิชชาเอาไว้แน่น หญิงสาวไม่มีโอกาสต่อสู้ เพราะรถตู้ติดฟิล์มทึบคันหนึ่งขับมาจอดเทียบตรงริมฟุตบาทที่ยืนอยู่ แล้วตัวของเธอก็ถูกเหวี่ยงขึ้นไปในรถทันที สายตาปะทะกับใครคนหนึ่งซึ่งนั่งในรถอยู่ก่อนแล้ว“คุณสรา!”
“ใช่ ฉันเอง” สุ้มเสียงต่ำจัด ฟังดูอันตราย “ไม่ต้องตกใจหรอก แค่อยากจะคุยอะไรด้วยนิดหน่อย” หญิงสาวว่า
“แล้วนี่จะไปไหน คุยกันที่นี่ก็ได้” ณิชชาชะงักเพราะทันทีที่เธอพูด ท่อนแขนของผู้ชายร่างยักษ์คนเดิมก็ตวัดเกี่ยวให้แน่นขึ้นอีกจนเจ็บ แต่
สีหน้าของมันกลับทำเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หรือมีคนอื่นอยู่ที่นั่น คนขับรถก็เช่นกัน“ฉันไม่ชอบบรรยากาศที่นี่น่ะ”
“แล้วนี่จะพาฉันไปไหน” ณิชชาถาม แต่หญิงสาวไม่มีโอกาสรู้คำตอบ มือที่แข็งเป็นเหล็กนั้นบีบล็อกที่เอวเธอแน่น ก่อนที่มืออีกข้างจะถือผ้าเล็ก ๆ ผืนหนึ่งมาปิดที่ปากและจมูก ความตกใจทำให้ณิชชาเผลอสูดลมหายใจลึก และกว่าจะนึกได้ว่าควรกลั้นลมหายใจก็สายเกินไปเสียแล้ว
...คุณสินธุ์ ช่วยด้วย...สติของณิชชาหายไปพร้อมกับความคิดนั้น
ณิชชาพบว่าตัวเองถูกจัดให้นั่งบนเก้าอี้เอนจนเกือบเป็นท่านอนเหมือนกำลังทำฟัน กลิ่นฉุนของน้ำมันเบนซินทำให้เวียนหัว ในห้องที่มืดสนิทนั้น มีไฟดวงหนึ่งสว่างจ้าอยู่ที่เหนือหัว ส่องลงมาที่ดวงตาของเธอพอดีทำให้ความสามารถในการมองเห็นแทบจะเท่ากับศูนย์
ต้องพยายามหันหน้าไปทางอื่น เพื่อสำรวจความเป็นไปของห้องว่าง ๆ ที่ตัวเองกำลังนั่งอยู่ อยากจะเดินไปสำรวจ อยากจะไปบิดลูกบิดประตูที่เห็นอยู่ไกล ๆ แต่เรื่องจริงก็คือ เธอถูกจับมัดติดเก้าอี้ตัวนั้นไว้ นอกจากศีรษะที่หันไปมาได้ก็ไม่มีอะไรในร่างกายที่สามารถขยับได้อีกเลย
เสียงเปิดประตูเรียกให้ณิชชาสนใจหันไปมอง เงาเลือนลางตรง หน้าค่อยชัดขึ้นในความมืดสลัว สัญชาตญาณแรกบอกณิชชารีบหนี แต่เชือกสี่เส้นใหญ่ที่มัดมือมัดเท้าไว้มันไม่อำนวยเอาซะเลย
“ไม่ต้องกลัว นี่ฉันเอง”
“คุณสรา”
“ใช่ และนี่คือที่ที่ฉันอยากจะคุยกับแกไงล่ะ แม่เลขาตัวดี” เสียงของภัสสราออกจะติดโกรธ หญิงสาวพยายามที่จะทำให้เหมือนเป็นเสียงที่ราบเรียบที่สุด แต่ไม่อาจจะปิดบังแววตาขุ่นขวางนั้นได้เลย
“คุณทำแบบนี้ทำไม?”
“แบบนี้ แบบไหนล่ะ แบบที่ทำกับเธอตอนนี้ หรือแบบที่ทำกับ
คุณสินธุ์ เจ้านายสุดที่รักของแก”ณิชชาไม่เสียเวลาสงสัยว่าภัสสรารู้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ ชลาสินธุ์ได้อย่างไร สิ่งสำคัญที่ต้องทำตอนนี้คือ ตั้งสติและเอาตัวรอดออกจากที่นี่ให้ได้
“ไม่มีใครปล่อยให้คุณรอดเป็นครั้งที่สองหรอก” ณิชชาหงุดหงิดที่ภัสสราได้รับอนุญาตให้ประกันตัวจากคดีเก่า
“ฉันก็รอดได้ทุกครั้งนั่นแหละ” เธอเลิกคิ้วท้าทาย “แล้วรู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงต้องเอาแกมาไว้ที่นี่” หญิงสาวถามขึ้น ก่อนที่ณิชชาจะเห็นว่าในมือของเธอมีมีดซ่อนปลายอันเล็ก ๆ อยู่ และกำลังจะเอามันออกมาใช้กับร่างกายของเธอ
ปลายมีดแหลมถูกขีดเบา ๆ ไปทั่วร่างของณิชชา หน้าท้องของเธอแข็งเกร็งเมื่อมีดทำท่าจะถูกเสียบลงไปที่เนื้อนิ่ม ๆ นั้น
“ฉันไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไร คุณก็จะไม่สมหวัง”
“หึ อย่าโง่ไปหน่อยเลย ฉันไม่พลาดซ้ำสองหรอก ที่ฉันเอาแกมาที่นี่ก็เพื่อให้เจ้านายโง่ ๆ ของแกมาตามหาไงล่ะ” ภัสสราแกว่งมีดเล็ก ๆ ในมือเล่น สายตาฉ่ำน้ำเพราะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองหวังต้องเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน “จากนั้น ฉันจะทำอะไรรู้มั้ย” ภัสสราถาม เว้นวรรคเหมือนจะรอให้ ณิชชาตอบ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองตั้งใจจะเป็นคนเฉลยอยู่แล้ว
“ฉันจะเผาที่นี่ ให้ที่นี่เป็นเรือนรักเรือนตายของแกกับไอ้คุณสินธุ์”
ณิชชารู้ถึงสาเหตุของกลิ่นน้ำมันที่อบอวลเต็มห้องนั้นทันที
“หึ คุณทำไม่สำเร็จหรอก ตอนที่คุณคิดจะใช้สวรรยารีสอร์ตมาทำบ่อนใหญ่โต คุณก็วางแผนมาอย่างดีไม่ใช่เหรอ แล้วคุณก็ถูกจับ ตอนที่คุณขับรถชนคุณสินธุ์ คุณก็คงไม่ได้หวังให้เขาแค่บาดเจ็บ แต่เขาแทบไม่ได้เป็นอะไรเลย คนอย่างคุณ มันไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่าง คุณภัสสรา”
ใบหน้าของภัสสรากระตุก ความเยือกเย็นที่เคลือบเอาไว้และความสนุกที่ได้เล่นกับร่างที่ต่อสู้เธอไม่ได้มันหายไปอย่างรวดเร็ว
“ปากดีนัก!” ภัสสราแผดเสียงร้อง ก่อนจะรวบรวมแรงของตัวเองทั้งหมดไว้ในมือทั้งสองที่ประกบกำแน่นกลายเป็นกำปั้น แล้วทุบรัวลงมาที่ร่างของณิชชาอย่างบ้าคลั่ง
หญิงสาวทั้งจุกและยังรู้สึกเจ็บกับปลายมีดที่ยื่นออกมานอกกำปั้นแล้วกระทบกับผิวของเธอด้วย
เมื่อสาแก่ใจแล้ว ภัสสราก็ลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าและผมของตัวเองให้เข้าที่ราวกับเมื่อครู่ไม่ได้แสดงกิริยาอย่างคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ออกมา
“ไม่ต้องรอนานหรอก ไม่ทันหมดคืนนี้ เจ้านายของแกได้มาลาโลกที่นี่แน่นอน”
ภัสสราจากไปแล้ว ทิ้งให้เธออยู่ท่ามกลางความมืด กับไฟเพียง
ดวงเดียวอีกครั้ง ณิชชาพยายามดึงรั้งเจ้าเชือกทั้งสี่เส้นที่มัดเธอเอาไว้ แต่เมื่อรู้สึกว่า ตัวเองจะทำอะไรไม่ได้จริง ๆ หญิงสาวก็ตัดสินใจหลับตาเพื่อหลบแสงจ้าที่ส่องลงมานั้น...กลัวเหลือเกินว่า ชลาสินธุ์จะตามเธอจนเจอ...
“ณิช ตื่นสิ ณิช ตื่นได้แล้ว” เสียงที่ได้ยินอยู่ไกล ๆ ในความฝัน กลับอยู่ใกล้มากขึ้นเมื่อตอนที่ณิชชาลืมตาขึ้น
“คุณสินธุ์!” เขามาอยู่ที่นี่แล้ว ณิชชาน้ำตาไหลด้วยความกลัว
ชลาสินธุ์จูบที่หน้าผากหญิงสาวเร็ว ๆ ก่อนที่จะใช้ความพยายามแก้เชือกทั้งหมดที่พันธนาการร่างเล็กที่เป็นดั่งดวงใจเขาเข้าไว้
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ไม่เป็นไรใช่ไหม” คำพูดของเขาฟังดูทั้งห่วงหาและเหนื่อยหอบ
“คุณไม่ควรมาที่นี่” ณิชชาพูด คิดถึงคำพูดของภัสสรายิ่งทำให้เป็นห่วงชลาสินธุ์ลำคอแห้งผากด้วยความตื่นกลัว
“ฉันมาตามหาเธอ”
“คุณสราพาตัวฉันมา เพื่อให้คุณมาตาม แล้วเขาก็จะ...จะ...”
ณิชชาไม่อาจจะเปล่งเสียงคำที่น่ากลัวบางคำออกมาได้“ไม่ว่าอะไรจะรออยู่ตรงนี้ ฉันก็ต้องหาเธอให้เจออยู่ดี” ชลาสินธุ์บอกก่อนจะโอบรอบร่างนั้นให้ลุกขึ้นยืน
“แล้วคุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง” ณิชชาถาม คิดว่าภัสสราและลูกน้องจะต้องอยู่บริเวณนี้อย่างแน่นอน แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ ร่างของเธอก็ทรุดฮวบลงเพราะความอ่อนล้าหลังจากถูกรัดมือและเท้าเป็นเวลานานเกินไป
“ใจเย็น ๆ นะ” ชลาสินธุ์บอก ก่อนจะสอดมือทั้งสองข้างเข้าบริเวณแผ่นหลังและช่วงขาเพื่ออุ้มร่างบางเข้าไว้
“คุณบาดเจ็บที่ขานะ ให้เวลาฉันหน่อย ฉันเดินเองได้”
“เราไม่มีเวลาขนาดนั้น และฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” เขาพูดแล้วพาร่างแสนรักตรงไปยังประตูซึ่งเป็นเพียงทางเข้าและทางออกทางเดียวของที่นี่
ณิชชาใช้มือตัวเองบิดลูกบิดประตูแต่ยังไม่ทันที่จะเอื้อมถึง ประตูก็ถูกเปิดผลัวะขึ้นซะก่อน ณิชชาตกใจแต่ก็ยังพอมีสติมองไปยังด้านหลังของภัสสราก่อนจะพบว่า ห้องโล่ง ๆ ที่อยู่นี้ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่มากมาย คงจะเป็นในป่าที่ไหนสักแห่ง และเชื่อว่าภัสสราตั้งใจอยู่แล้วว่าจะเผาที่นี่ทิ้งเพราะคงจะไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดใดอยู่ใกล้บริเวณนี้เลย
“ฉันรู้ว่ายังไงคุณก็ต้องมา คุณสินธุ์”
“ก็น่าจะบอกดี ๆ ผมพร้อมที่จะพูดคุยกับคุณอยู่แล้ว ไม่น่าจะต้องให้คนอื่นเดือดร้อน”
“ทำแบบนั้นก็ไม่สนุกน่ะสิ แล้วยิ่งคนอื่นที่คุณว่า เป็นเลขาคนนี้ของคุณด้วยแล้ว ฉันยิ่งสนุกใหญ่”
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว