หน้าหลัก / รักโบราณ / ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย / โรงพยาบาลทำไมถึงไม่เปิดไฟ

แชร์

ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย
ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย
ผู้แต่ง: l3oonm@

โรงพยาบาลทำไมถึงไม่เปิดไฟ

ผู้เขียน: l3oonm@
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-17 01:25:25

จือลู่เป็นบล็อกเกอร์สาวชื่อดังที่มีคนติดตามเธอมากมายในโซเซียล เพราะเทคนิคการแต่งหน้าที่เป็นเอกลักษณ์และคนที่แต่งหน้าไม่เป็นสามารถแต่งตามได้อย่างง่าย อีกอย่างเครื่องสำอางที่นางใช้ก็หาซื้อได้ง่ายราคาจับต้องได้

เธอมีเพื่อนสนิทชื่อเสี่ยวหลัน นางเป็นคนที่แนะนำให้เสี่ยวหลันได้รู้จักกับคนรัก และตอนนี้เสี่ยวหลันก็กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์แล้ว เธอจึงให้จือลู่มาแต่งหน้าวันพรีเวดดิ้งให้

"ฮัลโหล" จือลู่งัวเงียตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์

"ลู่ลู่ เธอถึงไหนแล้ว อย่าบอกนะว่าเพิ่งตื่น" เสียงตวาดอย่างโมโหดังทะลุออกมาจากโทรศัพท์ จือลู่ที่หรี่ตามองเวลาที่โทรศัพท์ก็ลุกพรวดขึ้นจากที่นอน

"หลันหลัน ฉันถึงทันเวลาแน่เธอไม่ต้องห่วง" วันนี้เธอมีนัดแต่งหน้าให้เพื่อนสนิทที่ต้องไปถ่ายพรีเวดดิ้ง แล้วเธอยังต้องรีบกลับมาแต่งหน้าให้ลูกค้าในตอนเย็นอีกด้วย

จือลู่แทบจะโยนโทรศัพท์ในมือทิ้งแล้ววิ่งอย่างเร็วเพื่อไปอาบน้ำ ก่อนจะรีบร้อนออกจากบ้าน ยังดีที่เครื่องมือแต่งหน้าทั้งหมดเพียงยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นรถก็ออกเดินทางได้เลย

กว่าจือลู่จะแต่งหน้าให้เพื่อนสนิทเสร็จเธอยังต้องอยู่ช่วยเปลี่ยนชุด และแต่งหน้าเพิ่มให้ว่าที่เจ้าสาวอีกสองรอบถึงจะกลับไปงานในตอนเย็นได้ จะทิ้งเพื่อนกลางคั่นก็ไม่ได้ เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทของเธอและเป็นเธอที่แนะนำให้ทั้งสองคนรักกัน

เวลาที่กระชั้นชิดทำให้ลู่จือขับรถด้วยความเร็วเพราะกลัวจะไปงานในตอนเย็นไม่ทัน เจ้าของงานช่วงเย็นโทรมาหาเธอ

"โอ๊ยใครโทรมาตอนนี้เนี่ย" จือลู่คว้านหาโทรศัพท์ที่อยู่อีกเบาะหนึ่ง 

เมื่อสายตาของเธอหลุดโฟกัสจากถนนไป ทำให้จือลู่ไม่อาจควบคุมรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วได้ รถของเธอจึงตกลงไปชนกับต้นไม้ข้างทางอย่างแรง

ความเจ็บปวดไปทั่วร่างกายทำให้จือลู่รู้ว่าเธอจึงมีชีวิตอยู่ แต่เสียงพูดคุยรอบด้านที่เธอได้ยิน แยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของผู้ใด เธอจึงคิดว่าเป็นรถที่ตามหลังมาแล้วหยุดช่วยเธอ จากนั้นจือลู่ก็หมดสติไป

เมื่อเธอฟื้นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ภายให้ห้องเล็กๆที่มืดสนิท จือลู่ไม่อาจขยับตัวลุกขึ้นได้ เธอใช้มือคลำไปรอบข้างเพื่อหาโทรศัพท์จะนำมาเปิดแฟลชโทรศัพท์

"โรงพยาบาลทำไมถึงไม่เปิดไฟ" จือลู่บ่นพึมพำ แต่เสียงที่ออกมาแม้จะเบามากก็ทำให้เธอชะงัก

ไม่ มันไม่ใช่เสียงเธอ มันเป็นเสียงของเด็กน้อยคนหนึ่ง จือลู่รวบรวมกำลังที่มีเพียงน้อยนิด คลำไปตามใบหน้าและตัว แสงของดวงจันทร์ที่ส่องมาตามช่องไม้ก็ทำให้นางที่เพิ่งปรับสายตาได้รู้ว่า ห้องที่เธออยู่มิใช่โรงพยาบาลอย่างที่เธอเข้าใจ

เมื่อยกมือขึ้นเพื่อให้แสงจากข้างนอกส่องมาโดน มือข้างเธอเป็นมือเล็กที่ดูเหมือนจะยังโตไม่เต็มที่ แขนที่เล็กลีบเหมือนเด็กขาดสารอาหาร ผมยาวที่แห้งกระด้างเหมือนขนไม้กวาด

จือลู่นอนนิ่งคิดอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอไปแต่งหน้าแล้วรีบขับรถไปงานที่สองต่อ แต่ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน แล้วทำไมถึงได้รูปร่างน่าเกลียดเช่นนี้

ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมหลั่งไหลเข้ามา เธอจึงได้รู้ว่าเธออยู่ในร่างของ จางจือลู่ หญิงสาววัยสิบสี่ปี ที่กำลังจะถูกท่านลุงกับท่านป้าสะใภ้จับให้แต่งงานกับชายวัยกลางคนที่เป็นพ่อหม้าย

จางจือลู่ บิดามารดาของนางเสียชีวิตทั้งคู่ ต้องอาศัยอยู่กับน้องชายวัยสิบสองหนาวเพียงลำพัง แต่ท่านลุงท่านป้าสะใภ้ที่เพิ่งจะรับพวกนางมาอยู่ด้วยหลังจากบิดามารดาเสียชีวิตก็คิดจะขายนางออกไปเพื่อลดค่าใช้จ่าย และยังจะนำเงินที่ขายนางมาแต่งลูกสะใภ้ให้บุตรชายของตน

"นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ" จือลู่พึมพำออกมา 

ความจริงนางอยากจะตะโกนออกมา แต่ร่างกายของร่างช่างน่าสงสารนัก คอที่แห้งผากจากการขาดน้ำทำให้เธอไม่อาจจะเปร่งเสียงดังออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือหรือตะโกนความอัดอั้นตันใจออกมาได้

เธอตื่นออกมาไม่นานก็ต้องหมดสติไม่อีกครั้ง เสียงด่าของสตรีดังขึ้นอยู่ด้านนอก จือลู่พยายามลืมตาขึ้นเพื่อมองหาต้นเสียง เธอจึงได้รู้ว่าภายในห้องที่เธอนอนอยู่เป็นห้องเก็บฝืน และตอนนี้เธอนอนอยู่บนพื้นโดยไม่มีสิ่งใดรองหรือผ้าห่มคลุมตัวนาง

"นังเด็กสารเลว ตายแล้วหรือยัง "เสียงสตรีด่าทออย่างหยาบคายอยู่ภายนอกห้อง ทั้งยังทุบประตูที่แสนบอบบางจนแทบจะพังลงมา

จือลู่จึงแกล้งหลับตาลง เธออยากจะรู้ว่าสตรีนางนั้นจะทำสิ่งใดกับเธอ เมื่อสตรีคนนั้นพังประตูเข้ามาได้ จือลู่เผยอตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูว่าเป็นใคร นางคือ กงซื่อ ป้าสะใภ้ใหญ่ของนางเดิม

เมื่อนางกงซื่อเดินเข้ามายังเห็นว่าจือลู่ยังนอนอยู่จึงหยิบไม้ที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาเขี่ยนาง หากเพียงแค่เขี่ยจือลู่จะไม่คิดอันใด แต่นางดันตีลงมาที่ขาของจือลู่ด้วย จือลู่ต้องกัดฟันไว้แน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา 

"มันตายแล้วหรือยัง ข้าจะได้ห่อเสื่อไปทิ้งที่บนเขา มิเช่นนั้นหากใครมารู้เจ้ากับข้าต้องถูกทางการจับตัวไปแน่" เสียงบุรุษดังขึ้นด้านหลังของกงซื่อ จือลู่คิดว่าคงเป็นท่านลุงใหญ่ของเจ้าของร่างเดิมแน่

"จะตายได้อย่างไร พ่อหม้ายจงจะมารับตัวนางพรุ่งนี้แล้ว" เสียงแหลมของกงซื่อดังขึ้น

"เหอะ แล้วเจ้าจะตีนางจนมีสภาพเช่นนี้เพื่ออันใด"

"แล้วมิใช่นังเด็กบ้านี่หรือ หากนางยอมแต่งออกไปดีดี ข้าจะตีนางเพื่ออันใด" กงซื่อหันไปตวาดจางต้าอู๋

แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะกันจนเป็นที่น่าลำคาญของจือลู่ด้านนอกก็มีเสียงของชาวบ้านดังขึ้นอยู่ที่หน้าประตูเรือนตระกูลจาง จางหนิงเฉิงก็วิ่งเข้ามาด้านในเพื่อดูพี่สาวของเขา

จางหนิงเฉิงที่ต้องออกไปเก็บหญ้าให้หมูที่ชายเขาก็แอบหนีไปหาผู้นำหมู่บ้านเพื่อให้มาช่วยพี่สาวของตนที่เหมือนใกล้จะสิ้นชีวิตแล้ว เนื้อตัวของเขาก็มีร่องรอยการโดนทุบตีเช่นเดียวกัน เพียงแต่เขาไม่ได้เจ็บหนักเท่ากับจือลู่

ชาวบ้านที่ติดตามหัวหน้าหมู่บ้านมาที่เรือนตระกูลจาง ต่างก็ต้องเบือนหน้าหนี เมื่อเห็นร่างของเด็กสาวที่อยู่ภายในห้องเก็บฝืน หากมองไปใครก็ต้องนึกว่านางนั้นเสียชีวิตเสียแล้ว

"ไปตามท่านหมอหวงมาเร็วเข้า" ผู้นำหมู่บ้านสั่งให้ชาวบ้านไปตามหมอเท้าเปล่าในหมู่บ้านมาดูอาการของจือลู่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ตอนจบ

    ภายในคุกที่ว่าการเมืองเป่ยหาน ต้าอู๋และนางกงซื่อมิรู้ว่าพวกตนถูกจับมาได้อย่างไร ชินอ๋องที่ยืนมองทั้งคู่อยู่ภายนอก ก็เดินปรากฏตัวเขาไปด้านในต้าอู๋และกงซื่อเมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนคนใหม่คือชินอ๋องสามีที่แท้จริงของจ้าวเหยียนก็รีบคุกเข่าโขกศีรษะอย่างร้อนตัวชินอ๋องพูดเรื่องที่ทั้งคู่ทุบตีจือลู่และหนิงเฉิงทั้งยังจะยกจือลู่ให้พ่อหม้ายจง ต้าอู๋กับนางกงซื่อเงยหน้ามองชินอ๋องอย่างแปลกใจ แม้นางกงซื่อจะเคยคิดเช่นที่ชินอ๋องพูด แต่นางก็ไม่ได้ทำและไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนชินอ๋องมิรอฟังคำแก้ตัวของต้าอู๋และนางกงซื่อ เขาสั่งให้ทหารโบยทั้งคู่คนละสามสิบไม้ก่อนจะเนรเทศไปใช้แรงงานที่เหมืองทางตอนใต้ของแคว้นขบวนเดินทางของชินอ๋องเสียเวลาอยู่ที่เมืองเป่ยหานเพียงห้าวันเท่านั้น นอกจากที่เขาจัดการเรื่องของต้าอู๋และนางกงซื่อแล้ว ยังให้จือลู่จัดการเรื่องร้านค้าของนาง และเติมสินค้าอย่างเต็มที่หลังจากออกเดินทางจากเมืองเป่ยหานมาได้ห้าวันก็ถึงเมืองเป่ยโจว จือลู่นางต้องไปอยู่ที่จวนของเว่ยหยาง แต่เพราะต้องปรับปรุงจวนเสียใหม่นางกับเว่ยหยางจึงอาศัยอยู่ในตำหนักเสียก่อนผ่านมาได้ครึ่งปีเรื่องมงคลของตำหนักอ๋องก็มีมาเยือน เ

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   กลับเป่ยโจว

    วันต่อมา จือลู่ถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง จ้าวเหยียนก็มาที่เรือนของนางเพื่อช่วยนางแต่งตัว วันงานจือลู่มิได้แต่งหน้าเอง แต่คนที่แต่งให้ก็เป็นมือหนึ่งในร้านอ้ายเสิ่นของนาง นับว่าฝีมือที่แต่งออกมาใกล้เคียงกับของจือลู่ยิ่งนักจ้าวเหยียนเป็นคนหวีผลให้จือลู่และสวมผ้าคลุมหน้าให้นาง จ้าวเหยียนหันไปปาดน้ำตา เพราะเป็นงานมงคลไม่อาจหลั่งน้ำตาออกมาได้"ลู่เออร์ ไม่ว่าเจ้าจะออกเรือนไปแล้ว อย่างไรก็เป็นลูกของข้าอยู่เสมอ" จือลู่เงยหน้ามองจ้าวเหยียนที่ดวงตาแดงก่ำจากการกลั้นน้ำตาไว้"ท่านแม่ ท่านก็คือมารดาของข้าเช่นกันเจ้าค่ะ" คำพูดของนางหากคนนอกฟังอาจจะดูแปลกๆ แต่สองคนแม่ลูกล้วนเข้าใจกันอย่างดี จือลู่กอดเอวของจ้าวเหยียนแน่น ก่อนจะปล่อยให้นางได้ออกไปจัดการเรื่องด้านหน้าตำหนักเสียงฆ้องดังมาแต่ไกล ขบวนเจ้าบ่าวที่มารับเจ้าสาวยาวเหยียดจะมองไม่เห็นท้ายขบวน สินเดิมของเจ้าสาวที่กองไว้เพื่อนำออกจากตำหนักก็มากมายเสียทำให้คนอิจฉาตาร้อนเว่ยหยางพาจือลู่คำนับชินอ๋องกับจ้าวเหยียนก่อนจะพานางออกไปจากตำหนัก หนิงเฉิงแบกพี่สาวไปส่งที่เกี้ยวแปดคนหามหลังงาม จ้าวเหยียนยืนมองส่งจือลู่ด้วยดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตา ชินอ๋องจึ

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ข้าควรจะจัดการเจ้านานแล้ว

    ชินอ๋องเมื่อเห็นจ้าวเหยียนปลอดภัยแล้ว นางเพียงหลับไปเพราะอ่อนเพลียจึงได้ออกมาดูบุตรทั้งสาม ก็เห็นว่าจือลู่และหนิงเฉิงเฝ้าน้องของพวกเขาอยู่"ท่านพ่อ ดูน้องของข้า เหตุใดถึงได้น่าเกลียดเช่นนี้ขอรับ" หนิงเฉิงใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าน้องสาวคนเล็กเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ส่วนน้องชายทั้งสองล้วนแล้วแต่น่าเกลียดในสายตาของเขา"ตอนเจ้าเกิดเจ้าก็น่าเกลียดเช่นนี้" จือลู่หยอกเย้าน้องชายของตน นางก็กำลังเขี่ยแก้มของเด็กแฝดทั้งสามชินอ๋องมองลูกทั้งสามที่นอนหลับอยู่อย่างรักใคร่ ก่อนที่เขาจะอุ้มบุตรสาวคนเล็กขึ้นมา "ฉีซิงเยียน""ซิงเยียน น้องต้องงดงามกว่าพี่หญิงแน่นอนขอรับ" หนิงเฉิงพูดขึ้น จือลู่หันไปมองสองพ่อลูกที่เห่อน้องสาวคนเล็กของบ้านอย่างเอือมๆแฝดคนโตชื่อ หนิงเทียน คนรองชื่อหนิงหวง ทั้งคู่มีคำว่าหนิงเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา"ท่านพี่ ลูกเล่าเจ้าคะ" กว่าจ้าวเหยียนจะตื่นก็เข้าสู่อีกวันแล้ว นางลืมตาก็ถามหาบุตรทั้งสามที่นางเพิ่งคลอด เพราะก่อนที่จะหมดสติไปนางรู้เพียงว่าเด็กทั้งสามล้วนแล้วแต่แข็งแรงดีชินอ๋องให้แม่นมพาบุตรทั้งสามเข้ามาให้จ้าวเหยียนได้ดู และบอกนางถึงชื่อที่เขาตั้งให้บุตรทั้งสาม"เจ้าพักผ่อนเสียให้

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   คลอดบุตร

    เว่ยหยางรีบกลับจวนพร้อมนำข่าวไปแจ้งให้บิดามารดาส่งแม่สื่อไปที่ตำหนักอ๋องข่าวเรื่องที่ตระกูลเว่ยส่งแม่สื่อล่วงรู้ไปถึงองค์ชายรอง ก่อนที่เขาจะออกจากวังไปจัดการกับเว่ยหยางก็โดนฮ่องเต้เรียกตัวเข้าพบ"เจ้ารอง เจ้ามั่นใจมากเพียงใดที่จะจัดการกับแม่ทัพเว่ย" ฮ่องเต้ยกชาขึ้นดื่มอย่างใจเย็น เหมือนเรื่องที่พระองค์ถามบุตรเป็นเพียงเรื่องดินฟ้าอากาศ"เสด็จพ่อ ท่านพระราชทานสมรสให้ลูกได้" เขาเอ่ยขึ้นอย่างเอาแต่ใจ"เจ้ากล้ามีเรื่องกับชินอ๋องใช่หรือไม่" ฮ่องเต้จ้องบุตรชายอย่างดุดัน"ลูก ลูก เสด็จพ่อเป็นถึงฮ่องเต้ ชินอ๋องจะมีอำนาจมากกว่าท่านได้อย่างไร""โง่เขลานัก" ฮ่องเต้ขว้างถ้วยน้ำชาลงพื้นอย่างมีโทสะ"หากน้องห้าต้องการบัลลังก์ เจ้าคิดหรือว่าเจิ้นจะได้นั่งเช่นทุกวันนี้" เพราะน้องชายของเขามิคิดจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ และช่วยเหลือเขาจนได้นั่งบัลลังก์เช่นทุกวันนี้ เรื่องทุกเรื่องชินอ๋องไม่เคยยื่นมือเข้ามายุ่ง หากพระองค์เข้าไปจัดการเรื่องในตำหนักคงได้เกิดปัญหาแน่"หากเจ้ายังคิดว่าตนเองต่อกรได้ เจิ้นก็ไม่ห้าม ไม่ว่าเกิดอันใดขึ้นเจิ้นมิอาจช่วยเหลือเจ้าได้""เสด็จพ่อ" องค์ชายรองตกใจ เพราะไม่ว่าสิ่งใดเสด็จพ่อเสด็จแ

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ข้าสาบานด้วยชีวิต

    ฮองเฮาที่ต้องการผูกสัมพันธ์กับชินอ๋องจึงอยากได้จือลู่มาเป็นพระชายาให้กับองค์ชายรอง เพราะฮ่องเต้ย่อมถามความคิดเห็นของชินอ๋องเรื่องแต่งตั้งองค์รัชทายาทหากองค์ชายรองได้แต่งจือลู่ ชินอ๋องย่อมต้องเข้าข้างบุตรเขยของตนเพื่อให้บุตรสาวได้ขึ้นเป็นฮองเฮาในอนาคต เมื่อเห็นว่าชินอ๋องจะขอตัวกลับแล้ว ฮองเฮาจึงพูดเรื่องหมั้นหมายขึ้นมาอีกครั้ง"กระหม่อมยังมิคิดให้ลู่เออร์ออกเรือนพ่ะย่ะค่ะ" ชินอ๋องตัดบทด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ก่อนจะพาจ้าวเหยียนและบุตรทั้งสองกลับตำหนัก"ท่านพี่ข้าคิดว่าฮองเฮาคงไม่ยอมหยุดเรื่องของลู่เออร์" จ้าวเหยียนเอ่ยด้วยความกังวล"มีข้าอยู่นางจะทำอันใดได้" ชินอ๋องกอดปลอบจ้าวเหยียน เขามองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถม้าอย่างใช่ความคิดเว่ยหยางที่รู้เรื่องฮองเฮาต้องการทาบทามจือลู่ให้องค์ชายรองก็ร้อนใจจนมาที่ตำหนักอ๋องแต่เช้า"เปิ่นหวางไม่ได้เรียกเจ้ามิใช่หรือท่านแม่ทัพเว่ย" เขาปรายตามองบุรุษหน้าหนาที่ร้อนใจมาที่ตำหนักแต่เช้า"กระหม่อมมีเรื่องอยากทูลพระองค์พ่ะย่ะค่ะ" ชินอ๋องเดินนำเว่ยหยางไปที่ห้องตำรา เพราะเขารู้ดีว่าเว่ยหยางมาด้วยเรื่องอันใด"ว่ามา" ชินอ๋องนั่งลงแล้วเอ่ยถามโดยไม่ได้หันไปมองเว่ย

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   จัดการตระกูลเซี่ย

    วิญญาณดวงใหม่เข้ามาแทนที่ ชินอ๋องจ้องมองภาพตรงหน้าอยากแปลกใจ เมื่อจือลู่ที่มาจากอีกภพลืมตาขึ้น สิ่งที่นางพึมพำออกมาชินอ๋องรู้ได้ทันทีว่านี่คือจือลู่ที่มาอีกภพหนึ่ง"ท่านพี่ ท่านพี่" เสียงเรียกของจ้าวเหยียนปลุกให้ชินอ๋องตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายของเขา"เหยียนเหยียน" ชินอ๋องลูบไปที่ใบหน้าของนาง ก่อนจะดึงนางเข้ามาสวมกอดแล้วร้องไห้เงียบๆ"ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ ฝันเรื่องอันใดถึงได้เป็นเช่นนี้" จ้าวเหยียนมองชินอ๋องอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขาทั้งร้องไห้ทั้งตะโกนจึงทำให้นางตื่นขึ้นมาชินอ๋องเล่าเรื่องความฝันของเขาให้จ้าวเหยียนฟัง พอถึงตอนที่ต้องเสียน้องและจือลู่เสียงของเขาสั่นขึ้นด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าจะเป็นเรื่องจริง"ท่านพี่หากข้าบอกว่าเรื่องทั้งหมดที่ท่านฝันคือเรื่องจริงท่านจะเชื่อหรือไม่" จ้าวเหยียนจับใบหน้าของชินอ๋องแล้วจ้องมองเขาอย่างจริงจังนางเล่าเรื่องที่นางเสียชีวิตลง และได้ไปอยู่ที่ภพใหม่ แม้ชินอ๋องจะรู้แล้ว แต่เรื่องที่นางรู้ว่าเรื่องทั้งหมดของพวกเขาเป็นเพียงแค่นิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้นแต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางจบชีวิตลงเป็นเช่นที่เขาเห็นความรันทดของบุตรทั้งสองเป็นเรื่องจริง ที่ครั้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status