เมื่อหมอหวงเดินมาเห็นร่างของจือลู่ที่นอนอยู่ก็ส่ายหัวอย่างสงสาร และปรายตามองไปที่สองคนผัวเมียอย่างกล่าวโทษ เมื่อจับชีพจรของจือลู่หมอหวงก็เอ่ยขึ้น
"นางยังไม่ตาย แต่หากยังไม่รักษาก็คงไม่รอดแล้ว" หมอหวงพูดขึ้น
หนิงเฉิงมองพี่สาวอย่างเป็นห่วง เพราะว่าพี่สาวของตนคลอดก่อนกำหนดถึงสองเดือน มารดาจึงมักไม่ให้นางทำงานหนัก เพราะกลัวว่านางจะล้มป่วย
สายตาของชาวบ้านที่มองไปสองผัวเมียอย่างตำหนิ เพราะจางต้าอู๋เป็นท่านลุงแท้ๆของทั้งคู่ ก่อนหน้าที่เขาจะรับหลานทั้งสองมาดูแลก็เพราะต้องการที่นาและข้าวของที่บิดามารดาจือลู่ทิ้งไว้ เขายังรับปากหัวหน้าหมู่บ้านว่าจะดูแลทั้งคู่อย่างดี แต่เพียงไม่กี่เดือนทั้งคู่ก็มีสภาพเช่นนี้แล้ว
จือลู่จะแกล้งหลับต่อก็ไม่ได้แล้ว เพราะหมอหวงกำลังช่วยให้นางฟื้นอยู่ เมื่อนางทำเป็นเพิ่งกำลังฟื้นและมองไปรอบห้องอย่างหวาดกลัว หนิงเฉิงรีบเข้ามาประคองพี่สาวอย่างเบามือ
ไม่รู้ว่าเขาหาน้ำมาจากไหน แต่จือลู่ก็รู้สึกขอบคุณเมื่อหนิงเฉิงส่งถ้วยบิ่นๆที่มีน้ำอยู่ด้านในให้นางดื่ม เมื่อชาวบ้านเห็นว่าจือลู่ฟื้นแล้วต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะจือลู่คนเดิมเป็นเด็กสาวที่น่ารัก อ่อนหวาน มักจะช่วยงานเล็กๆน้อยๆกับชาวบ้านอยู่เสมอ
"พี่หญิงท่านเป็นเช่นใดบ้างขอรับ" หนิงเฉิงกล่าวด้วยเสียงที่สั่นอย่างควบคุมไม่อยู่กับจือลู่
"เจ็บ ปวดไปทั้งตัว" นางพูดด้วยเสียงอันเบาจนหนิงเฉิงต้องก้มลงมาเพื่อให้ได้ยินเสียงของนาง
"ท่านหมอหวง ได้โปรดช่วยพี่สาวของข้าด้วยเถิดขอรับ"
"รักษานาง ต้าอู๋ เจ้าต้องจ่ายค่ารักษาให้ท่านหมอหวง" ผู้นำหมู่บ้านเอ่ยขึ้น
"ไม่ได้ ข้าไม่มีเงิน" นางกงซื่อพูดขัดด้วยเสียงดัง ก่อนจะหันไปถลึงตาดุสามีไม่ให้เสียเงินรักษานาง
"เงินที่บิดามารดาลู่เออร์ทิ้งไว้ก็มีมิน้อย เจ้าบอกเก็บไว้ให้หลานทั้งสองจะมิมีได้อย่างไร" ผู้นำหมู่บ้านตวาดขึ้นด้วยความโมโห
สองสามีภรรยาที่เห็นผู้นำหมู่บ้านเอาจริงก็หดคอลงอย่างหวาดกลัว ต้าอู๋จึงให้นางกงซื่อเดินไปหยิบเงินออกมาเพื่อรักษาจือลู่
"ประเดี๋ยวตามข้าไปเอายา" หมอหวงพูดกับหนิงเฉิง แต่ก่อนที่หนิงเฉิงจะลุกเดินตามหมอหวงไป จือลู่ก็ดึงเสื้อน้องชายไว้ และบอกให้เขาพยุงนางลุกขึ้น
"ท่านปู่ผู้นำหมู่บ้าน ข้ากับน้องชายขอกลับไปอยู่ที่เรือนของบิดามารดาตามเดิมเจ้าค่ะ" นางรวบรวมกำลังทั้งหมดลุกขึ้นยืนโดยมีหนิงเฉิงประคองอยู่แล้วพูดขึ้น
"ใช่ขอรับท่านปู่ชุย หากพวกข้าสองพี่น้องยังอยู่กับท่านลุง ชีวิตน้อยๆของพวกข้าคงรักษาไว้ไม่ได้"
"เช่นนั้นพวกเจ้าก็กลับไปอยู่ที่เรือนเดิม" ผู้นำหมู่บ้านพูดอย่างไม่ต้องถามความเห็นของต้าอู๋
"จะได้อย่างไร นางกำลังจะแต่งให้พ่อหม้ายจง" นางกงซื่อเอ่ยแย้งขึ้นมา
"เหอะ ดีนักถึงกับกล้าขายหลานสาวตนเองด้วยหรือต้าอู๋ หากพวกเจ้าไม่ยอมให้สองพี่น้องกลับเรือนเดิม พวกเจ้าก็เตรียมตัวได้เลย ข้าจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทางการ" เพราะกฎหมายของราชวงศ์ฉีปัจจุบัน ไม่ยินยอมให้เกิดการขายบุตรหลานอย่างไม่เป็นธรรม เมื่อทั้งคู่ได้ยินว่าผู้นำหมู่บ้านจะแจ้งทางการก็ไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก
"ข้าขอข้าวของจากเรือนท่านพ่อของข้า รวมทั้งเงินที่ฝากไว้คืนด้วยขอรับ" จือลู่มองไปทางหนิงเฉิงอย่างภูมิใจ นางอยากจะยกนิ้วโป่งขึ้นให้เขา แต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะเรี่ยวแรงของนางใกล้จะหมดแล้ว
สมบัติที่ติดตัวท่านแม่มาจากเมืองหลวงสองพี่น้องไม่หวังว่าจะได้คืน เพราะพวกเขาคิดว่าท่านลุงกับท่านป้าสะใภ้คงนำไปขายหมดแล้ว
นางกงซื่อที่ไม่ยินยอมแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะต้าอู๋ที่หวาดกลัวทางการจำต้องยอมคืนเครื่องเรือนและเงินทั้งหมดให้หลานทั้งสอง
ชาวบ้านที่เคยได้รับความช่วยเหลือจากบิดามารดาของจือลู่ก็ช่วยกันขนของและพาสองพี่น้องกลับเรือนเดิม ถึงจะเป็นเรือนที่อยู่ท้ายหมู่บ้านแต่เพราะสองพี่น้องเพิ่งย้ายไปไม่นาน ทั้งคู่ยังกลับมาทำความสะอาดอยู่เสมอ จึงไม่ต้องทำสิ่งใดเพิ่มเพียงนำของเข้าไปเก็บทีก็สามารถเข้าพักได้เลย
เมื่อทุกอย่างเข้าที่ สองพี่น้องกล่าวขอบคุณผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านที่มาช่วยอย่างซาบซึ้งใจ ท่านป้าชุยภรรยาท่านผู้นำหมู่บ้านอาสาอยู่เป็นเพื่อนจือลู่ตอนที่หนิงเฉิงไปรับยาที่บ้านท่านหมอหวง
จือลู่ที่หมดเรี่ยวแรงนางล้มตัวนอนก็หลับไปทันที หนิงเฉิงกลับมาถึงก็รีบต้มยาให้พี่สาว ชาวบ้านที่มีน้ำใจยังแบ่งแป้ง ปลายข้าวและผักป่ามาให้ทั้งคู่ได้กินประทังชีวิตไปก่อนในวันนี้
หนิงเฉิงนำยา และข้าวต้มมาให้พี่สาว และเรียกนางที่ยังหลับอยู่ให้ตื่นขึ้น "พี่หญิงลุกขึ้นกินข้าว กินยาเสียก่อนขอรับ" หนิงเฉิงช่วยประคองนางขึ้น
"เฉิงเออร์เจ้ากินแล้วหรือยัง" นางถามน้องชายเพราะเห็นข้าวต้มเพียงแค่ถ้วยเดียว จือลู่เห็นแววตาของน้องชายก็รู้ว่าเขายังไม่ได้กิน นางจึงวางช้อนลง
"หากเจ้าไม่กินพร้อมข้า ข้าก็ไม่กิน" หนิงเฉิงจึงต้องลุกขึ้นไปตักข้าวมากินพร้อมพี่สาว
จือลู่ที่นอนคิดทั้งคืนว่าจะหาเงินได้อย่างไรก็คิดจนนอนหลับไป เพราะนางไม่รู้จะทำยังไงให้ได้เงิน หากจะขึ้นเขาหาของป่าก็คงต้องรักษาตัวให้หายเสียก่อน
จือลู่รักษาตัวอยู่เกือบสิบวัน ถึงจะลุกขึ้นมาเดินอย่างปกติได้ ในช่วงแรกนางก็ลุกขึ้นมาช่วยทำงานบ้านได้แล้ว เพียงแต่ยังคงเจ็บตัวอยู่จึงไม่อาจช่วยหนิงเฉิงได้มากนัก เงินที่ได้มาจากต้าอู๋ก็มีเพียงห้าตำลึงเท่านั้น ถึงจะพอให้ทั้งคู่กินใช้ไปได้หลายเดือน แต่ก็ไม่อาจจะนอนอยู่เฉยๆได้แล้ว
นางคิดจะขึ้นเขาหาของป่าจึงได้ลุกขึ้นเตรียมตัวแต่ฟ้ายังไม่สว่าง จือลู่เดินสะดุดกล่องอะไรไม่รู้ที่อยู่ข้างเตียงจนนางเกือบล้มลง
"โอ๊ย" เสียงร้องของนางทำให้หนิงเฉิงที่เพิ่งตื่นก็รีบร้อนมาที่ห้องของนางอย่างรวดเร็ว
"พี่หญิงท่านเป็นอันใด" หนิงเฉิงจุดเทียนแล้วรีบเข้ามาภายในห้อง
ภายในคุกที่ว่าการเมืองเป่ยหาน ต้าอู๋และนางกงซื่อมิรู้ว่าพวกตนถูกจับมาได้อย่างไร ชินอ๋องที่ยืนมองทั้งคู่อยู่ภายนอก ก็เดินปรากฏตัวเขาไปด้านในต้าอู๋และกงซื่อเมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนคนใหม่คือชินอ๋องสามีที่แท้จริงของจ้าวเหยียนก็รีบคุกเข่าโขกศีรษะอย่างร้อนตัวชินอ๋องพูดเรื่องที่ทั้งคู่ทุบตีจือลู่และหนิงเฉิงทั้งยังจะยกจือลู่ให้พ่อหม้ายจง ต้าอู๋กับนางกงซื่อเงยหน้ามองชินอ๋องอย่างแปลกใจ แม้นางกงซื่อจะเคยคิดเช่นที่ชินอ๋องพูด แต่นางก็ไม่ได้ทำและไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนชินอ๋องมิรอฟังคำแก้ตัวของต้าอู๋และนางกงซื่อ เขาสั่งให้ทหารโบยทั้งคู่คนละสามสิบไม้ก่อนจะเนรเทศไปใช้แรงงานที่เหมืองทางตอนใต้ของแคว้นขบวนเดินทางของชินอ๋องเสียเวลาอยู่ที่เมืองเป่ยหานเพียงห้าวันเท่านั้น นอกจากที่เขาจัดการเรื่องของต้าอู๋และนางกงซื่อแล้ว ยังให้จือลู่จัดการเรื่องร้านค้าของนาง และเติมสินค้าอย่างเต็มที่หลังจากออกเดินทางจากเมืองเป่ยหานมาได้ห้าวันก็ถึงเมืองเป่ยโจว จือลู่นางต้องไปอยู่ที่จวนของเว่ยหยาง แต่เพราะต้องปรับปรุงจวนเสียใหม่นางกับเว่ยหยางจึงอาศัยอยู่ในตำหนักเสียก่อนผ่านมาได้ครึ่งปีเรื่องมงคลของตำหนักอ๋องก็มีมาเยือน เ
วันต่อมา จือลู่ถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง จ้าวเหยียนก็มาที่เรือนของนางเพื่อช่วยนางแต่งตัว วันงานจือลู่มิได้แต่งหน้าเอง แต่คนที่แต่งให้ก็เป็นมือหนึ่งในร้านอ้ายเสิ่นของนาง นับว่าฝีมือที่แต่งออกมาใกล้เคียงกับของจือลู่ยิ่งนักจ้าวเหยียนเป็นคนหวีผลให้จือลู่และสวมผ้าคลุมหน้าให้นาง จ้าวเหยียนหันไปปาดน้ำตา เพราะเป็นงานมงคลไม่อาจหลั่งน้ำตาออกมาได้"ลู่เออร์ ไม่ว่าเจ้าจะออกเรือนไปแล้ว อย่างไรก็เป็นลูกของข้าอยู่เสมอ" จือลู่เงยหน้ามองจ้าวเหยียนที่ดวงตาแดงก่ำจากการกลั้นน้ำตาไว้"ท่านแม่ ท่านก็คือมารดาของข้าเช่นกันเจ้าค่ะ" คำพูดของนางหากคนนอกฟังอาจจะดูแปลกๆ แต่สองคนแม่ลูกล้วนเข้าใจกันอย่างดี จือลู่กอดเอวของจ้าวเหยียนแน่น ก่อนจะปล่อยให้นางได้ออกไปจัดการเรื่องด้านหน้าตำหนักเสียงฆ้องดังมาแต่ไกล ขบวนเจ้าบ่าวที่มารับเจ้าสาวยาวเหยียดจะมองไม่เห็นท้ายขบวน สินเดิมของเจ้าสาวที่กองไว้เพื่อนำออกจากตำหนักก็มากมายเสียทำให้คนอิจฉาตาร้อนเว่ยหยางพาจือลู่คำนับชินอ๋องกับจ้าวเหยียนก่อนจะพานางออกไปจากตำหนัก หนิงเฉิงแบกพี่สาวไปส่งที่เกี้ยวแปดคนหามหลังงาม จ้าวเหยียนยืนมองส่งจือลู่ด้วยดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตา ชินอ๋องจึ
ชินอ๋องเมื่อเห็นจ้าวเหยียนปลอดภัยแล้ว นางเพียงหลับไปเพราะอ่อนเพลียจึงได้ออกมาดูบุตรทั้งสาม ก็เห็นว่าจือลู่และหนิงเฉิงเฝ้าน้องของพวกเขาอยู่"ท่านพ่อ ดูน้องของข้า เหตุใดถึงได้น่าเกลียดเช่นนี้ขอรับ" หนิงเฉิงใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าน้องสาวคนเล็กเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ส่วนน้องชายทั้งสองล้วนแล้วแต่น่าเกลียดในสายตาของเขา"ตอนเจ้าเกิดเจ้าก็น่าเกลียดเช่นนี้" จือลู่หยอกเย้าน้องชายของตน นางก็กำลังเขี่ยแก้มของเด็กแฝดทั้งสามชินอ๋องมองลูกทั้งสามที่นอนหลับอยู่อย่างรักใคร่ ก่อนที่เขาจะอุ้มบุตรสาวคนเล็กขึ้นมา "ฉีซิงเยียน""ซิงเยียน น้องต้องงดงามกว่าพี่หญิงแน่นอนขอรับ" หนิงเฉิงพูดขึ้น จือลู่หันไปมองสองพ่อลูกที่เห่อน้องสาวคนเล็กของบ้านอย่างเอือมๆแฝดคนโตชื่อ หนิงเทียน คนรองชื่อหนิงหวง ทั้งคู่มีคำว่าหนิงเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา"ท่านพี่ ลูกเล่าเจ้าคะ" กว่าจ้าวเหยียนจะตื่นก็เข้าสู่อีกวันแล้ว นางลืมตาก็ถามหาบุตรทั้งสามที่นางเพิ่งคลอด เพราะก่อนที่จะหมดสติไปนางรู้เพียงว่าเด็กทั้งสามล้วนแล้วแต่แข็งแรงดีชินอ๋องให้แม่นมพาบุตรทั้งสามเข้ามาให้จ้าวเหยียนได้ดู และบอกนางถึงชื่อที่เขาตั้งให้บุตรทั้งสาม"เจ้าพักผ่อนเสียให้
เว่ยหยางรีบกลับจวนพร้อมนำข่าวไปแจ้งให้บิดามารดาส่งแม่สื่อไปที่ตำหนักอ๋องข่าวเรื่องที่ตระกูลเว่ยส่งแม่สื่อล่วงรู้ไปถึงองค์ชายรอง ก่อนที่เขาจะออกจากวังไปจัดการกับเว่ยหยางก็โดนฮ่องเต้เรียกตัวเข้าพบ"เจ้ารอง เจ้ามั่นใจมากเพียงใดที่จะจัดการกับแม่ทัพเว่ย" ฮ่องเต้ยกชาขึ้นดื่มอย่างใจเย็น เหมือนเรื่องที่พระองค์ถามบุตรเป็นเพียงเรื่องดินฟ้าอากาศ"เสด็จพ่อ ท่านพระราชทานสมรสให้ลูกได้" เขาเอ่ยขึ้นอย่างเอาแต่ใจ"เจ้ากล้ามีเรื่องกับชินอ๋องใช่หรือไม่" ฮ่องเต้จ้องบุตรชายอย่างดุดัน"ลูก ลูก เสด็จพ่อเป็นถึงฮ่องเต้ ชินอ๋องจะมีอำนาจมากกว่าท่านได้อย่างไร""โง่เขลานัก" ฮ่องเต้ขว้างถ้วยน้ำชาลงพื้นอย่างมีโทสะ"หากน้องห้าต้องการบัลลังก์ เจ้าคิดหรือว่าเจิ้นจะได้นั่งเช่นทุกวันนี้" เพราะน้องชายของเขามิคิดจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ และช่วยเหลือเขาจนได้นั่งบัลลังก์เช่นทุกวันนี้ เรื่องทุกเรื่องชินอ๋องไม่เคยยื่นมือเข้ามายุ่ง หากพระองค์เข้าไปจัดการเรื่องในตำหนักคงได้เกิดปัญหาแน่"หากเจ้ายังคิดว่าตนเองต่อกรได้ เจิ้นก็ไม่ห้าม ไม่ว่าเกิดอันใดขึ้นเจิ้นมิอาจช่วยเหลือเจ้าได้""เสด็จพ่อ" องค์ชายรองตกใจ เพราะไม่ว่าสิ่งใดเสด็จพ่อเสด็จแ
ฮองเฮาที่ต้องการผูกสัมพันธ์กับชินอ๋องจึงอยากได้จือลู่มาเป็นพระชายาให้กับองค์ชายรอง เพราะฮ่องเต้ย่อมถามความคิดเห็นของชินอ๋องเรื่องแต่งตั้งองค์รัชทายาทหากองค์ชายรองได้แต่งจือลู่ ชินอ๋องย่อมต้องเข้าข้างบุตรเขยของตนเพื่อให้บุตรสาวได้ขึ้นเป็นฮองเฮาในอนาคต เมื่อเห็นว่าชินอ๋องจะขอตัวกลับแล้ว ฮองเฮาจึงพูดเรื่องหมั้นหมายขึ้นมาอีกครั้ง"กระหม่อมยังมิคิดให้ลู่เออร์ออกเรือนพ่ะย่ะค่ะ" ชินอ๋องตัดบทด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ก่อนจะพาจ้าวเหยียนและบุตรทั้งสองกลับตำหนัก"ท่านพี่ข้าคิดว่าฮองเฮาคงไม่ยอมหยุดเรื่องของลู่เออร์" จ้าวเหยียนเอ่ยด้วยความกังวล"มีข้าอยู่นางจะทำอันใดได้" ชินอ๋องกอดปลอบจ้าวเหยียน เขามองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถม้าอย่างใช่ความคิดเว่ยหยางที่รู้เรื่องฮองเฮาต้องการทาบทามจือลู่ให้องค์ชายรองก็ร้อนใจจนมาที่ตำหนักอ๋องแต่เช้า"เปิ่นหวางไม่ได้เรียกเจ้ามิใช่หรือท่านแม่ทัพเว่ย" เขาปรายตามองบุรุษหน้าหนาที่ร้อนใจมาที่ตำหนักแต่เช้า"กระหม่อมมีเรื่องอยากทูลพระองค์พ่ะย่ะค่ะ" ชินอ๋องเดินนำเว่ยหยางไปที่ห้องตำรา เพราะเขารู้ดีว่าเว่ยหยางมาด้วยเรื่องอันใด"ว่ามา" ชินอ๋องนั่งลงแล้วเอ่ยถามโดยไม่ได้หันไปมองเว่ย
วิญญาณดวงใหม่เข้ามาแทนที่ ชินอ๋องจ้องมองภาพตรงหน้าอยากแปลกใจ เมื่อจือลู่ที่มาจากอีกภพลืมตาขึ้น สิ่งที่นางพึมพำออกมาชินอ๋องรู้ได้ทันทีว่านี่คือจือลู่ที่มาอีกภพหนึ่ง"ท่านพี่ ท่านพี่" เสียงเรียกของจ้าวเหยียนปลุกให้ชินอ๋องตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายของเขา"เหยียนเหยียน" ชินอ๋องลูบไปที่ใบหน้าของนาง ก่อนจะดึงนางเข้ามาสวมกอดแล้วร้องไห้เงียบๆ"ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ ฝันเรื่องอันใดถึงได้เป็นเช่นนี้" จ้าวเหยียนมองชินอ๋องอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขาทั้งร้องไห้ทั้งตะโกนจึงทำให้นางตื่นขึ้นมาชินอ๋องเล่าเรื่องความฝันของเขาให้จ้าวเหยียนฟัง พอถึงตอนที่ต้องเสียน้องและจือลู่เสียงของเขาสั่นขึ้นด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าจะเป็นเรื่องจริง"ท่านพี่หากข้าบอกว่าเรื่องทั้งหมดที่ท่านฝันคือเรื่องจริงท่านจะเชื่อหรือไม่" จ้าวเหยียนจับใบหน้าของชินอ๋องแล้วจ้องมองเขาอย่างจริงจังนางเล่าเรื่องที่นางเสียชีวิตลง และได้ไปอยู่ที่ภพใหม่ แม้ชินอ๋องจะรู้แล้ว แต่เรื่องที่นางรู้ว่าเรื่องทั้งหมดของพวกเขาเป็นเพียงแค่นิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้นแต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางจบชีวิตลงเป็นเช่นที่เขาเห็นความรันทดของบุตรทั้งสองเป็นเรื่องจริง ที่ครั้