Se connecterหลังจากงานแต่งของฟ้าครามผ่านไปแล้ว การใช้ชีวิตของดินแดนดำเนินไปอย่างราบเรียบเป็นปกติเหมือนเดิมทุกวัน ไปทำงานคนเดียว กลับมาบ้านกินข้าวคนเดียว นอนดูโทรทัศน์คนเดียว แต่เขาไม่เคยรู้สึกเหงาหรืออยากมีใครสักคนเข้ามาเติมเต็ม ชีวิตที่เรียบง่ายนั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกขาดอะไร ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่ามีความสงบและมีความสุขดีอยู่แล้ว
แต่วันนี้ชีวิตคงมีสีสันขึ้นมาก เพราะต้องมาร่วมงานแต่งงานของเพื่อนรุ่นน้องอย่างต้นกล้ากับนรินอดีตหมอประจำเรือนจำ
“หวัดดีพี่ดิน” ต้นกล้าที่เป็นเจ้าบ่าวของงานทักทายด้วยความดีใจ ที่เห็นดินแดนเดินเข้าไปในงานตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่มีแสงสว่างดี
“มาก่อนใครเลย” ต้นกล้าพูดต่ออย่างหยอกล้อ
“รีบมาเลยเนี่ย เผื่อมีอะไรให้ช่วย” ดินแดนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีอะไรให้ช่วยหรอกพี่ ผมใช้เงินแก้ปัญหาไปหมดแล้ว แค่พี่มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ก็ขอบคุณมากแล้ว ไปเถอะ เข้าบ้านกัน”
ต้นกล้าพูดขึ้นด้วยสีหน้ามีความสุขก่อนจะพาดินแดนเข้ามาในห้องรับรอง ซึ่งใช้เป็นห้องแต่งตัวของเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าว อีกห้องที่อยู่ข้างกันเป็นห้องแต่งตัวของเจ้าสาวกับเพื่อนเจ้าสาว
“นี่ชุดพี่ น่าจะใส่ได้พอดีนะ” กล้าเอาชุดเพื่อนเจ้าบ่าวที่เขาเช่าไว้จากร้านเดียวกันกับชุดของเขามาส่งให้
ดินแดนรับมาดูแล้วรู้สึกเขินนิดหน่อย ที่จะต้องสวมชุดที่ไม่เคยใส่ เขาเอาแขวนไว้ที่ราวใกล้ ๆ ไว้ แล้วค่อยใส่ตอนใกล้เวลางาน
“ตื่นตั้งแต่กี่โมงเนี่ย แล้วต้องแต่งหน้าแต่งตัวตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ” เขาถามขึ้นมาเพราะตอนนี้ยังไม่ตีห้า แต่เจ้าบ่าวอย่างต้นกล้ากำลังจะเริ่มแต่งตัวแล้ว
“ผมแทบไม่ได้นอนหรอกพี่ เมื่อคืนก็ตรวจดูความเรียบร้อยกันก่อน ที่ต้องดูเองเพราะอยากให้รินได้พักผ่อนเยอะ ๆ ผมห่วงทั้งรินและลูกในท้องน่ะครับ”
ต้นกล้าพูดพร้อมกับมีรอยยิ้มบนหน้า บ่งบอกถึงความสุขที่เขามีอยู่เต็มเปี่ยม เพราะรินกำลังตั้งครรภ์ เขาจึงอยากให้รินพักผ่อนเยอะ ๆ แล้วเขาก็มาดูที่หน้างานเอง เมื่อคืนทีมงานเข้ามาตกแต่งสถานที่จนดึกดื่น เขาก็อยู่ดูจนเสร็จเรียบร้อย
“เพลียไหม” ดินแดนถามกลับไปอย่างเป็นห่วง ดูจากสภาพของเพื่อนแล้วน่าจะยังไม่ได้นอน
“นิดหน่อยพี่” ต้นกล้าตอบกลับ แต่รอยยิ้มก็ยังมีอยู่ในใบหน้า
ไม่ว่าจะงานอะไรย่อมเหนื่อยกันอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เป็นความเหนื่อยที่มีความสุขจนล้น เพราะนั่นคืองานแต่งของตัวเอง
ทั้งสองคนนั่งคุยกันจนช่างแต่งหน้าเข้ามาแต่งหน้าให้เจ้าบ่าวหลังจากแต่งให้เจ้าสาวเสร็จแล้ว เพื่อนคนอื่น ๆ ก็มากันจนครบ แล้วเหมือนกัน
จากนั้นก็ออกไปเพื่อเริ่มพิธีสงฆ์ด้วยกัน
ส่วนดินแดนก็เข้าไปสวมชุดเพื่อนเจ้าบ่าว ที่ต้นกล้าจัดเตรียมไว้ให้เพื่อแต่งไปในธีมเดียวกัน เป็นชุดราชปะแตนโจงกระเบน เข้ากับรูปร่างสูงสมส่วน เมื่อใส่ออกมาแล้วทำให้เขาดูดีขึ้นเป็นพิเศษ ยิ่งพอได้เซ็ตผมแล้ว เขายิ่งดูหล่อเหลามากขึ้น จนเพื่อน ๆ พากันแซว
“หรือว่าไอ้ดินมันจะเป็นเจ้าบ่าวคนต่อไปวะเนี่ย ราศีจับน่าดู” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นหลังจากเดินวนรอบดินแดนหนึ่งรอบ
ดินแดนกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย ‘ไอ้พวกนี้นี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไงว่าไม่อยากมีแฟน’ เขาคิดในใจอย่างขี้เกียจเถียงให้มากความ ที่ผ่านมาก็บอกกันหลายรอบแล้วว่าไม่คิดเรื่องนี้
“แฟนสักคนยังไม่มี แล้วมีสิทธิ์เป็นเจ้าบ่าวได้ยังไงกัน พวกมึงนี่เพ้อเจ้อ” เขาพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเบื่อหน่ายอย่างไม่ปิดบัง
“มึงอย่ามาทำหน้าเอือมไอ้ดิน กูมั่นใจว่ามึงจะต้องมีเมียแน่นอน” เพื่อนคนเดิมพูดขึ้นอย่างมั่นใจ เขามองว่าอย่างไรดินแดนต้องมีเมีย ไม่แน่อาจจะแต่งงานเป็นคนต่อไป
“มึงเอาความมั่นใจมาจากไหน?”
ดินแดนย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงง เขาเองมั่นใจว่าตัวเองจะต้องครองโสดไปตลอด อย่างน้อยก็ในช่วงนี้ เพราะเขายังไม่กล้าที่จะรับใครเข้ามาในชีวิต จนมองภาพตัวเองสร้างครอบครัวหรือแต่งงานไม่ออก
“กูก็คิดแบบนั้น หน้าตามันดูสดใสกว่าปกติ เหมือนเลิกอมทุกข์กับเรื่องเก่า ๆ แล้ว แบบนี้เดี๋ยวก็คงมีแฟนใหม่และตามด้วยการแต่งงานแน่” เพื่อนอีกคนพูดสนับสนุนทันที
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างระอา เพื่อน ๆ ต่างพากันมั่นใจว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องมีแฟนและจะต้องแต่งงาน โดยที่ไม่รู้เลยว่าที่เขาเลิกอมทุกข์ได้นั้น เพราะเลิกคิดเรื่องความรักแล้วต่างหาก แถมตอนนี้เขาก็มีความสุขกับชีวิตแบบนี้มาก ไม่ใช่ว่าเลิกอมทุกข์แล้วจะต้องมีแฟนสักหน่อย
แต่เมื่อเพื่อน ๆ ต่างคิดแบบนั้นกันหมด แล้วเขาเพียงคนเดียวจะไปค้านได้ยังไง พูดไปก็เถียงสู้ไม่ได้ เพราะพวกนั้นมันรุม เผลอ ๆ พวกมันก็จะหาแฟนให้อีกต่างหาก ขนาดฟ้าครามที่ดูเหมือนจะเข้าใจถึงสาเหตุที่เขายังไม่อยากมีความรัก ยังคอยแต่จะส่งรูปสาว ๆ มาให้ทุกวัน แถมบรรยายสรรพคุณให้อย่างดีอีกด้วย
“พวกมึงนี่มโนเก่งจริง ๆ ไปกันได้แล้ว”
พูดจบดินแดนก็เดินหนีออกจากห้องแต่งตัว เขาเดินออกมาที่ด้านหน้าเรือนไทย ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานในวันนี้ ทั่วบริเวณมีต้นไม้ที่ให้ความร่มรื่น แสงแดดอ่อน ๆ ในยามเช้า ยิ่งส่งให้เรือนไทยดูสวยงามมากขึ้น พร้อมกับเอาโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปตามมุมต่าง ๆ ของเรือนไทย และสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
ตอนที่ 6 ราวกับต้องมนตร์ (2)ดินแดนเดินเล่นและถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ จนสะดุดสายตาเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในสวนท่ามกลางดอกไม้ ตอนนี้ชายหนุ่มราวกับต้องมนตร์ ภาพนั้นทำให้เขามองค้างเติ่ง สองขาพลันชะงักงันไม่เดินต่อ สายตายังตรึงไว้อยู่กับเธอคนนั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตาเพราะกลัวภาพนั้นจะหายไปใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต จมูกโด่งกำลังพอดี ริมฝีปากก็อวบอิ่ม เธอคลี่ยิ้มให้กับนกที่เกาะอยู่บนกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ และเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเจ้านกตัวนั้นไว้ เส้นผมยาวสลวยสะบัดทิ้งตัวไปทางด้านหลังแล้วเอี้ยวมองมาทางเขา ยิ่งได้เห็นหน้าเธอชัด ๆ ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเอาไว้จนละสายตาไม่ได้หนำซ้ำหัวใจที่เคยนิ่งเฉยมานาน กลับเต้นแรงจนไม่สามารถควบคุมอัตราการเต้นไว้ได้“ไอ้ดิน ไปรวมตัวกันได้แล้ว จะเริ่มแห่ขบวนขันหมากแล้ว” เสียงของเต้ที่ตะโกนมาเรียกมาแต่ไกล ดึงความสนใจของดินแดนไปจากหญิงสาวคนนั้น เขาหันไปหาเต้ที่กำลังเดินเข้ามาหา“เออ” เขาขานตอบไปสั้น ๆ แล้วหันกลับมาหาหญิงสาวที่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเขาเปลี่ยนแปลงไป ทว่าตอนนี้เธอกลับหายไปแล้วดินแดนกวาดสายตาชะเง้อหาไปรอบ ๆ บริเวณงาน เพราะอยากเห็นหน้าเ
ตอนที่ 5 ราวกับต้องมนตร์ (1)หลังจากงานแต่งของฟ้าครามผ่านไปแล้ว การใช้ชีวิตของดินแดนดำเนินไปอย่างราบเรียบเป็นปกติเหมือนเดิมทุกวัน ไปทำงานคนเดียว กลับมาบ้านกินข้าวคนเดียว นอนดูโทรทัศน์คนเดียว แต่เขาไม่เคยรู้สึกเหงาหรืออยากมีใครสักคนเข้ามาเติมเต็ม ชีวิตที่เรียบง่ายนั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกขาดอะไร ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่ามีความสงบและมีความสุขดีอยู่แล้วแต่วันนี้ชีวิตคงมีสีสันขึ้นมาก เพราะต้องมาร่วมงานแต่งงานของเพื่อนรุ่นน้องอย่างต้นกล้ากับนรินอดีตหมอประจำเรือนจำ“หวัดดีพี่ดิน” ต้นกล้าที่เป็นเจ้าบ่าวของงานทักทายด้วยความดีใจ ที่เห็นดินแดนเดินเข้าไปในงานตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่มีแสงสว่างดี“มาก่อนใครเลย” ต้นกล้าพูดต่ออย่างหยอกล้อ“รีบมาเลยเนี่ย เผื่อมีอะไรให้ช่วย” ดินแดนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“ไม่มีอะไรให้ช่วยหรอกพี่ ผมใช้เงินแก้ปัญหาไปหมดแล้ว แค่พี่มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ก็ขอบคุณมากแล้ว ไปเถอะ เข้าบ้านกัน”ต้นกล้าพูดขึ้นด้วยสีหน้ามีความสุขก่อนจะพาดินแดนเข้ามาในห้องรับรอง ซึ่งใช้เป็นห้องแต่งตัวของเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าว อีกห้องที่อยู่ข้างกันเป็นห้องแต่งตัวของเจ้าสาวกับเพื่อนเจ้าสาว“นี่ชุดพี่ น่าจะใส่ได
ตอนที่ 4 ข่าวน่ายินดีของเพื่อน (2)“มึงนี่เอาแต่กินจริง ๆ อย่างนี้สิถึงไม่มีแฟน” เพื่อนยังแซวต่อถึงสาเหตุที่อีกคนไม่มีแฟนสักทีดินแดนไหวไหล่เป็นคำตอบ แล้วคีบกินเป็ดย่างต่ออย่างเอร็ดอร่อย เขาจะสนใจบนเวที ก็เฉพาะตอนที่เพื่อนขึ้นไปขอบคุณแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเท่านั้น ชายหนุ่มมองเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่ช่วยกันจูงมือเดินขึ้นบนเวที ภาพน่ารักอบอุ่นเช่นนี้ ทำให้ดินแดนหลุดยิ้มออกมาฟ้าครามกล่าวขอบคุณแขกในงานที่มาร่วมแสดงความยินดีกับเขา และแล้วเจ้าสาวก็น้ำตารื้นมาในตอนที่เจ้าบ่าวพูดความในใจว่า ดีใจมากขนาดไหนที่ได้มีวันนี้ดินแดนมองแล้วเอาแต่ยิ้มตามไปด้วย ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ยิ้ม แต่คนที่นั่งอยู่ด้านล่างเวที ก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ คนที่มีความรักดี ๆ นี่ เปล่งประกายความสุขออกมาชัดเจน จนทำให้ผู้คนยิ้มตามได้ไม่ยากเลยหลังจากจบพิธีการแล้ว นักร้องและแดนเซอร์ก็กลับขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ส่วนดินแดนก็ก้มหน้าก้มตากินต่อด้วยเหมือนกัน จนกระทั่งใกล้ได้เวลาเลิกงาน แขกที่มาร่วมยินดีกำลังทยอยกลับ จนเหลือแค่ไม่กี่คน ส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวนั้นยังอยู่กันครบ เพียงแค่นั่งกันคนละฝั่งเท่านั้น“
ตอนที่ 3 ข่าวน่ายินดีของเพื่อน (1)“มีความสุขมาก ๆ นะครับ” ดินแดนเอ่ยพร้อมกับรดน้ำสังข์ลงที่มือของเจ้าบ่าว“ขอบใจนะ รีบ ๆ ตามมามีความสุขเหมือนกันนะโว้ย” ฟ้าครามตอบกลับด้วยรอยยิ้มดินแดนอมยิ้มแล้วส่ายหัว ก่อนจะอวยพรและรดน้ำสังข์ลงที่มือของเจ้าสาว ซึ่งเขาเป็นคนสุดท้ายที่รดน้ำสังข์และอวยพรทั้งคู่พิธีการของคู่บ่าวสาวเป็นอันเสร็จสิ้นลงไปอย่างราบรื่น สีหน้าของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานมีแต่ความชื่นมื่น เสียงเชียร์ให้หอมให้จูบดังไม่ขาดสาย ไม่ว่าเจ้าสาวจะเขินจนหน้าแดงขนาดไหน ก็ไม่วายที่จะส่งเสียงเชียร์กันอยู่ตลอดงานดินแดนและเพื่อน ๆ ที่มาทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว เดินเข้าไปร่วมถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาว แล้วเปลี่ยนให้ฝ่ายเพื่อนเจ้าสาวเข้ามาถ่ายบ้าง สายตาของดินแดนไม่ได้มองใครเลยสักคน ทั้งที่เพื่อนเจ้าสาวแต่ละคนทั้งสวยและดูดีด้วยกันทั้งนั้น มีบางคนส่งยิ้มทอดไมตรีมาให้ เขาก็แค่ยิ้มกลับไปตามมารยาทเท่านั้นชายหนุ่มเดินมาคว้าแก้วน้ำผลไม้ที่มีบริการอยู่มุมของห้อง กำลังจะยกดื่มดับกระหาย พวกเพื่อนก็พากันเดินเข้ามา ยังไม่ได้ไปร่วมโต๊ะกินเลี้ยงฉลองมงคลสมรสให้กับคู่บ่าวสาว พวกเขาก็มองหาเครื่องดื่มสีอำพันกันแล้ว
ตอนที่ 2 ไม่อยากเจ็บอีก (2)“ไม่ดีกว่าครับ ผมยังไม่อยากมีแฟน” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงจริงจัง หากคราวนี้ฟ้าครามยังไม่หยุดคิดที่จะให้เขามีแฟนก็คงไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว และก็ดันเป็นอย่างที่เขากังวลไว้เสียด้วย เมื่ออีกฝ่ายยังวกกลับมาเรื่องเดิม“ลองคุยดูก่อน ไปทักทายพูดคุยกันสักคำสองคำก็ยังดี เผื่อไปด้วยกันได้ไง” ฟ้าครามยังคะยั้นคะยออีกครั้ง คนมีความรักที่สุขสมหวัง มักจะมองเห็นแต่ภาพสวยงาม เขาถึงได้หวังดีอยากให้เพื่อนคนนี้มีความสุขแหมือนกันดินแดนมองอีกฝ่ายนิ่ง ๆ กำลังคิดว่าควรจะตัดสินใจเล่าเรื่องบางอย่างให้รุ่นพี่คนนี้ฟังดีไหม เผื่อจะเข้าใจว่าความรักที่เขาเคยเจอมานั้น ทำให้เขาเจ็บช้ำมากแค่ไหน มันมากจนไม่กล้าพาใครสักคนเข้ามาอยู่ในหัวใจอีกแล้วคนถูกมองเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ดูจากสีหน้าของดินแดน น่าจะต้องมีบางอย่างที่อัดอั้นและอยากที่จะระบายออกมา“มีอะไรอยากเล่าไหม” ฟ้าครามอดไม่ได้ที่จะถามออกไป“แฟนคนเก่าเขาไม่โอเคกับอาชีพนี้ของผม เพราะต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นเรื่อย ๆ ยิ่งจังหวัดไหนที่ไม่ค่อยมีความเจริญ เขายิ่งไม่โอเคที่จะไปอยู่ด้วย” น้ำเสียงของดินแดนมีความเศร้าเจืออยู่ แม้เรื่องจะผ่านมานานพอสมคว
ตอนที่ 1 ไม่อยากเจ็บอีก (1)“ไม่อยากแต่งงานบ้างเหรอ”เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้มือของ ‘ดินแดน’ พลันชะงักไป เขาปล่อยมือออกจากกระดุมเสื้อเชิ้ตสีครีมอ่อนก่อนจะหันไปมองเจ้าของคำถามโดยที่ไม่ได้ให้คำตอบอะไร นอกจากส่งยิ้มไปให้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“เลิกกับคนเก่าไปตั้งนานแล้ว ทำไมไม่คบใครบ้างวะ มึงควรจะ มูฟออนได้แล้วนะดิน” ชายคนเดิมยังส่งคำถามออกมา เมื่อไม่มีคำตอบและเพราะเขามัวแต่กำลังสวมเสื้อสูทเข้ากับลำตัว เลยทำให้ไม่เห็นสีหน้าเพื่อนรุ่นน้องที่เวลานี้ใบหน้าเจื่อนลงแล้วเจ้าของคำถามคือ ‘ฟ้าคราม’ เป็นเจ้าบ่าวในวันนี้“หาให้ไหม รับรองว่าสวยถูกใจแน่นอน”ฟ้าครามเงยหน้าขึ้นถามอีกครั้งหลังจากที่ติดกระดุมสูทเรียบร้อยแล้ว เลยอาสาจะหาแฟนให้สักคน เผื่อว่าเพื่อนรุ่นน้องจะได้มีความรักครั้งใหม่สักทีไม่รู้ว่าที่ยังโสดอยู่จนถึงทุกวันนี้ เพราะไม่มีเวลาหาด้วยหรือเปล่า จะว่าไปที่ทำงานของดินแดนก็ไม่สามารถเจอใครได้มากเท่าไรนัก“ไม่เอา” ดินแดนส่ายหน้าและรีบปฏิเสธอย่างไว ราวกับไม่ต้องใช้ความคิดให้เสียเวลาในเรื่องนี้ พอนึกถึงอดีตที่เคยมีแฟนสีหน้าก็เศร้าลงเล็กน้อยอย่างหักห้ามใจไม่ได้ แม้ว่ามันจะผ่า







