"ออ.....คือ.....คือ....ที่สำคัญเธอยังไม่มีแฟนคับนาย โสด...โสด..คับบบบนาย"ต้นพูดทะเล่นท่าทางยิ้มยียวนกวนตีนผู้เป็นนายเหมือนกับรู้ใจนายหนุ่มเขาไม่เคยเห็นเจ้านายสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย
ขุนเขายิ้มอย่างพอใจความรู้สึกหงุดหงิดที่อยู่ในใจเมื่อสักครู่คลายลงไปทันที
"แต่มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งครับนายคือว่าตอนนี้แม่ของเธอกำลังป่วยแต่ว่าเธอไม่รู้เพราะแม่เธอไม่ยอมบอกกลัวลูกสาวจะเสียใจ"
"ป่วย..ป่วยเป็นอะไรวะถึงไม่ยอมบอกลูกสาว"
"แม่ของเธอป่วยเป็นเนื้องอกในสมองคับ เธอไม่ยอมบอกลูกสาวเพราะกลัวลูกสาวจะเสียใจและต้องลำบากหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล "
ขุนเขาฟังในสิ่งที่ลูกน้องคนสนิทรายงานพร้อมกับมีความคิดเกิดขึ้นมากมายกับเรื่องราวของหญิงสาวที่เขาได้รับฟัง
ตื่นเช้าเพียงขวัญแต่งตัวเตรียมไปมหาลัยพอลงมาถึงชั้นล่างของบ้านกลิ่นหอมของอาหารก็ลอยมาเข้าจมูกของเธอ เมื่อมองไปเห็นแม่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว
"แม่ค่ะ วันนี้แม่ทำอะไรทานค่ะหอมเชียว"
"ลงมาแล้วเหรอลูกมาๆ แม่ทำกลับข้าวเสร็จพอดีเลยลูก มีแต่ของชอบของลูกทั้งนั้นเลยมาๆกินเสร็จแล้วจะได้ไปเรียนเดี่ยวสายลูก"
"ค่ะแม่ แม่น่ารักที่สุดเลยค่ะเอาไว้ขวัญจะตั้งใจเรียนรีบเรียนให้จบจะได้ทำงานเก็บเงินได้เยอะๆแม่จะได้สบายนะค่ะ"
เพียงขวัญสวมกอดผู้เป็นแม่พูดพร้อมร้อยยิ้มที่สดใส
ในขณะที่มาลีก็กอดลูกสาวไว้แน่นยิ้มทั้งน้ำตาเธอใช้มือลูบศรีษะของลูกสาว เธอนึกถึงคำพูดของคุณหมอ
"เนื้องอกของคุณมันเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆตอนนี้ผมว่าคุณควรจะต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้องอกออกก่อนที่มันจะโตและกดทับส่วนสำคัญและไม่สามารถผ่าตัดออกได้" เสียงพูดของคุณหมอที่พูดกับมาลียังดังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา วันนั้นมาลีรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง ทั้งมีอาการคลื่่นไส้อย่างหนัก รู้สึกไม่มีแรงเธอจึงไปที่โรงพยาบาลคุณหมอตรวจแล้วพบว่าเธอเป็นเนื้องอกในสมองต้องทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนแต่เธอปฏิเสธการรักษา มาลีลูบศรีษะของลูกสาวเบาๆ น้ำตาคลอเพราะเธอกลัวจะไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของลูกสาวอันเป็นที่รักของเธอ
"กินข้าวเถอะลูกเดี่ยวจะสาย" เสียงพูดอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความรักความห่วงใยจากคนเป็นแม่
"ค่ะแม่"
หลายวันต่อเพียงขวัญกลับมาจากมหาลัยเมื่อกลับมาถึงบ้านเธอรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติบ้านเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่แต่ถ้าแม่ไม่อยู่ทำไมแม่ถึงไม่ปิดประตูบ้านและบ้านก็ไม่ได้ล็อก
"แม่ค่ะ แม่ แม่ค่ะ แม่อยู่ไมค่ะ" เพียงขวัญเธอตะโกนเรียกหาแม่และเดินหารอบบ้านก็ไม่เจอจึงเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านเธอเคาะประตูห้องของแม่แต่ไม่มีเสียงตอบรับเธอจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องเมื่อเปิดประตูเข้าไปเพียงขวัญก็ต้องตกใจเพราะแม่นอนเป็นลมหมดสติอยู่พื้นห้องเธอรีบวิ่งไปกอดและเรียกผู้เป็นแม่ด้วยความตกใจ
"แม่ค่ะ..แม่...แม่ค่ะ...แม่เป็นอะไรค่ะแม่ แม่ แม่อย่าทำอย่านี้อย่าทำให้ขวัญตกใจซิค่ะ" เธอรีบโทรเรียกรถโรงพยาบาลทันที
หน้าห้องฉุกเฉินเพียงขวัญยืนร้องไห้รอฟังอาการของผู้เป็นแม่ด้วยความกระวนกระวายใจห่วงอาการของแม่กลัวแม่จะเป็นอะไรมาก นานพอสมควรคุณหมอก็ออกมาจากห้องตรวจ เมื่อเห็นคุณหมอเพียงขวัญก็รีบเข้าไปถามอาการของแม่ทันที
"คุณหมอค่ะแม่เป็นยังไงบ้างค่ะ ทำไมอยู่ดีๆแม่ถึงเป็นลมหมดสติแบบนั้นได้ค่ะคุณหมอ"
"คุณเป็นอะไรกับคนป่วยครับ"
"ฉ ฉันลูกสาวค่ะ"
"คุณแม่ของคุณเล่าอะไรให้คุณฟังบ้างไมว่าเธอป่วยอยู่"
"ค่ะ แม่ ป ป่วย เป็นอะไรค่ะหมอ จะเป็นไปได้ยังไงค่ะ ฉันไม่เคยเห็นแม่แสดงอาการอะไรที่บ่งบอกว่าแม่ไมสบายเลยค่ะคุณหมอ และแม่ก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฉันฟังเลยและอีกอย่างฉันอยู่กับแม่ตลอดแม่ก็ดูแข็งแรงดีนี้ค่ะหมอ"
"คือว่าแม่ของคุณป่วยเป็นเนื้องอกในสมองเธอมาตรวจและรักษาที่นี้ได้ 3 เดือนแล้วครับ ผมแนะนำให้คนป่วยเข้ารับการผ่าตัดแต่คนป่วยปฏิเสธไม่ยอมรับการรักษา และผมว่าจากอาการตอนนี้เนื้องอกกำลังโตขึ้นมากและกดทับเส้นประสาทของคนป่วยจนทำให้หมดสติไป"
เพียงขวัญฟังคุณหมอพูดทำให้เธอถึงกับเข่าทรุดน้ำตาไหลอาบแก้มงาม แม่ไม่เคยเล่าอะไรให้เธอฟังเลย แม่คงกลัวถ้าเธอรู้ เธอจะต้องบังคับให้แม่ยอมรับการรักษา ซึ่งแม่ก็คงกลัวว่าเธอจะลำบากต้องหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่แพงไหนจะค่าใช้จ่ายในการเรียนอีก แม่คงไม่อยากให้เธอลำบากจึงไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับเธอ ในขณะเดียวกันเธอก็โทษตัวเองที่ไม่ได้เรื่องเลยแม่ป่วยเธอซึ่งเป็นลูกยังไม่รู้และไม่สามารถช่วยอะไรแม่ได้เลย
"คุณหมอค่ะพอมีทางรักษาแม่ได้ไมค่ะ"
"เราต้องทำการผ่าตัดผู้ป่วยโดยเร็วไม่อย่างนั้นอาจจะสายเกินไป"
"แล้วถ้าแม่ผ่าตัดแม่จะหายกลับมาปกติเหมือนเดิมไมค่ะหมอ"
"อันนี้หมอก็ฟันธงไม่ได้ครับมันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนป่วยด้วยบางเคสเม่ื่อผ่าตัดแล้วหายขาดก็มีครับแต่ส่วนใหญ่ถ้าผ่าตัดแล้วอาการจะดีขึ้นครับ"
เพียงขวัญยืนมองผู้เป็นแม่ที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียงทั้งน้ำตาเธอนั่งลงจับมือผู้เป็นแม่
"หมอฉีดยาให้แล้วอีกไม่นานคนป่วยคงรู้สึกตัว เรื่องผ่าตัดเราต้องรีบถ้าคุณตกลงเมื่อร่างกายของคนป่วยพร้อมเราจะทำการรักษาทันที แต่คุณจะต้องเคลียเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนมันเป็นกดของโรงบาลครับ"
"ค่ะคุณหมอฉันจะรีบจัดการให้เรียบร้อย ขอบคุณมากนะค่ะ"
เพียงขวัญยืนมองผู้เป็นแม่ที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียงทั้งน้ำตาเธอนั่งลงจับมือผู้เป็นแม่
"แม่ค่ะ แม่อย่าทิ้งขวัญไปนะค่ะแม่ ขวัญจะหาเงินเพื่่อมารักษาแม่ให้หายค่ะ" เพียงขวัญซบหน้าลงกับมือของผู้เป็นแม่เธอจะต้องรีบหาเงินจำนวนนี้เพื่อที่จะมาจ่ายค่าผ่าตัดให้กับแม่ แต่ตอนนี้เธอไม่มีเงินมากพอที่่จะจ่ายค่ารักษาเพราะเงินที่เธอหามาได้จากการหารายได้พิเศษก็ได้ไม่มากพอ เธอใช้เงินส่วนหนึ่งไปกับค่าเรียนของเธอ ทำให้มีเงินเหลือไม่มาก เธอจะทำอย่างไรดี จะหาเงินมากมายขนาดนั้นจากไหน เพียงขวัญคิดหาวิธีแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ในขณะเดียวกันมาลีแม่ของเธอก็เริ่มรู้สึกตัว และลืมตา
เพียงขวัญยืนมองผู้เป็นแม่ที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียงทั้งน้ำตาเธอนั่งลงจับมือผู้เป็นแม่
"แม่ค่ะ แม่อย่าทิ้งขวัญไปนะค่ะแม่ ขวัญจะหาเงินเพื่่อมารักษาแม่ให้หายค่ะ" เพียงขวัญซบหน้าลงกับมือของผู้เป็นแม่เธอจะต้องรีบหาเงินจำนวนนี้เพื่อที่จะมาจ่ายค่าผ่าตัดให้กับแม่ แต่ตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่าจะหาเงินมากขนาดนีี้ได้จากที่ไหนพอที่่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพราะเงินที่เธอทำจากการหารายได้พิเศษก็ได้ไม่มากพอเธอใช้เงินส่วนหนึ่งไปกับค่าเรียนของเธอ ทำให้มีเงินเหลือไม่มาก เธอจะทำอย่างไรดี จะหาเงินมากมายขนาดนั้นจากไหน เพียงขวัญคิดหาวิธีแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ในขณะเดียวกันมาลีแม่ของเธอก็เริ่มรู้สึกตัว และลืมตา
หญิงสาวลุกเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนที่ถูกเตรียมไว้เพื่อเธอโดยเฉพาะชุดนอนสายเดี่ยวสีขาวพริ้วบางแทบจะปิดอะไรเธอไม่ได้เลยเธอเข้าใจในความคิดของผู้ใหญ่ที่เลือกชุดนี้ไว้ให้เธอ ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำและล็อคประตูทันทีหัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะเธอจะทำยังไงดี แต่เธอกับเขาแต่งงานกันแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่เขาจะ.....กับเธอ ใช่เขามีสิทธิ์ในตัวเธอ แค่คิดใบหน้านวลก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีหญิงสาวรีบสลัดความคิดนี้ออกไปก่อนและรีบจัดการอาบน้ำให้เสร็จและหยิบชุดนอนมาใส่แต่ชุดมันบางมากจนเธอต้องมองหาอะไรมาปิดมันเอาไว้เพราะคงไม่เป็นการดีแน่ถ้าเธอจะใส่ชุดนี้ออกไปให้เขาเห็นเขาคงจะคิดว่าเธออ่อยเขาแน่นอนและแล้วสายตาก็แลไปเห็นเสื้อคลุมแขวนอยู่เธอจึงหยิบมาสวมทับชุดนอนไว้ เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาเธอก็ต้องรู้สึกชาวูบไปทั้งตัวเมื่อเห็นสายตาคมที่จ่องมองมาที่เธอด้วยสายตาเจ้าเลห์เขายิ้มที่มุมปากทำเอาเธอร้อนวูบไปทั้งตัว เธอเดินอ้อมมายังอีกฝั่งของเตียงนอนจากนั้นก็ค่อยๆนั่งลงสายตาชำเลืองมองดูชายหนุ่มก่อนจะล้อมตัวลงนอนแล้วรีบดึงเอาผ้าห่มมาคลุมร่างกายของเธอเอาไว้จนมิดถึงคอขุนเขามองอาการของหญิงสาวแล้
ขุนเขามองหน้าเพียงขวัญสายตาที่เขามองมาเหมือนจะคาดโทษเธอไว้และสลับกับมองหน้าของ ณดล ชัดๆที่ตอนนี้จ่องเขาอยู่ สายตาคมจ่องตอบเช่นกัน ณดลมองหน้าเจ้าบ่าวเขม็งไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ณดลทำทีเหมือนกับว่าตนเหนือกว่าขุนเขาเพราะเขารู้จักเพียงขวัญมาก่อนที่เธอจะมาแต่งงาน"คุณมีอะไรสำคัญคุยกับภรรยาของผมอย่างนั้นหรือครับถึงต้องหลบมาคุยกันสองต่อสองในที่ลับตาคนแบบนี้"ขุนเขาพูดเสียงเข้มปนดุมองหน้าณดลและหันกลับมามองหน้าเพียงขวัญ"เออ..คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะนี่พี่ ณดลพี่เขาก็แค่มาแสดงความยินดีด้วยก็แค่นั้นเองค่ะ""ขอโทษด้วยนะครับพอดีเรื่องที่ผมคุยกับขวัญเรารู้กันแค่สองคนไม่สามารถให้คนอื่นรับรู้ด้วยได้" ฌดล พูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังเข้าใจไปได้หลายทาง ขุนเขาเดินไปหาหญิงสาวที่ตอนนี้ทำหน้าไม่ถูกที่ได้ยิน ณดล พูดออกไปอย่างนั้น ขุนเขาเมื่อเดินมาถึงหญิงสาวก็ใช้มือโอบไหล่ดึงหญิงสาวเข้ามาประชิดตัวก่อนจะโน้มหน้าคมมาเกือบจะชนแก้มพร้อมใบหน้ายกยิ้มและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเข้มจริงจังอย่างผู้เหนื่อกว่าว่าเขามีสิทธิ์ในตัวเธอ"แต่ผมกับภรรยาเราสองคนอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเราก็จะกลายเป็นคนๆเดียกันแล้วเราคงไม่มีเรื่องอะไรต้อง
"คุณ..นี่คุณปล่อยปล่อยฉันเดินเองได้" ขุนเขาไม่ฟังเสียงของเธอเขาใช้แรงดึงให้เธอเดินตามเขามายังร้านอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านเพชรเท่าไหร่นัก"นั่งลงแล้วไม่ต้องพูดอะไรฉันหิวแล้ว" ขุนเขาจับเธอนั่งเก้าอี้แล้วเขาก็เดินอ้อมมานั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอเขาสั่งอาหารโดยไม่สนใจอีกฝ่ายที่ตอนนี้กำลังทำหน้าหงิกหน้างอด้วยความไม่พอใจในความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย เมื่ออาหารยกมาเสิร์ฟ เขาสั่งอาหารมาเยอะแยะราวกับกินกันหลายคนเธอมองหน้าเขาที่ตั้งหน้าตั้งตาทานอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจเธอเลย"นี่คุณทำไหมสั่งมาเยอะแยะขนาดนี้กินกันแค่สองคนเองแล้วจะกินหมดไหมเนี่ย""ก็ผมหิวกินๆไปเถอะ ไม่หมดเดียวเขาก็เทให้หมามันกิน" ชายหนุ่มพูดโดยไม่สนใจเธอเขายังคงตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเอร็ดอร่อย"คุณนี่...ออ..ฉันลืมไปว่าคุณรวยแค่นี้ขนหน้าแข่งคุณคงไม่ล่วงหรอก....พวกคนรวยใช้เงินยังกับใบไม้"เธอพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันจนคนฟังต้องเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับอมยิ้มพอใจกับท่าทางของหญิงสาวทานข้าวเสร็จเขาชวนเธอไปดูหนังต่อแต่เธอไม่ยอมไปบอกอยากกลับบ้านเขาเลยต้องตามใจเพราะไม่อยากจะบังคับเธอเกินไปทั้งที่จริงแล้วเขาอยากทำความรู้จักและใกล้ชิดกับเธอให้มากก
บ้านอัครเดช"ขวัญ มาหาย่าซิลูก""ค่ะคุณย่า มีอะไรหรือเปล่าค่ะ""เดียววันนี้ประมาณสี่โมงเช้า คุณขุนเขาโทรศัพท์มาบอกว่าจะมารับหนูไปลองชุดแต่งงานเตรียมตัวไว้ด้วยนะ""ค่ะ..คุณย่าบอกเขาได้ไหมค่ะว่าขวัญจะไปเองแค่บอกสถานที่มาไม่ต้องให้เขามารับขวัญก็ได้ ""คุณขุนเขาบอกจะมารับเองให้หนูรออยู่ที่บ้าน ย่าว่าหนูทำตามที่เขาบอกเถอะลูก""ค่ะคุณย่า"ไม่นานรถสปอร์ตคันหรู สีดำ ก็มาจอดอยู่หน้าบ้าน ชายหนุ่มใบหน้าคมเข้ม หล่อเหลาราวเทพบุตรก็ก้าวลงจากรถการแต่งตัวในวันสบายๆที่ไม่เป็นทางการด้วยเสื้อเชิตราคาแพงสีฟ้าครามแขนยาวพับมาครึ่งแขนเผยให้เห็นกล้ามแขนที่แข็งแรงและสีผิวขาวอย่างคนรักสุขภาพนิ้วเรียวงามราวกับผู้หญิงบนข้อมือใส่นาฬิกายี้ห้อดังเสื้อทับในกางเกงพร้อมเข็มขัดหนังราคาแพง แค่การแต่งตัวธรรมดาสำหรับชายหนุ่มแต่ไม่ธรรมดาสำหรับใครหลายๆคน มันทำให้ชายหนุ่มยิ่งดูดี ดูเนียบไร้ที่ติเลยจริงๆ สาวใช้ที่เดินมาต้อนรับมองชายหนุ่มด้วยสายตาชื่นชมก่อนจะพาเข้าไปในบ้านเมื่อถึงห้องรับแขกคุณพิศมัยและคุณวิโรจน์ก็นั่งรออยู่แล้ว"สวัสดีครับ" ขุนเขายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยความเคารพแต่ท่างทางของเขายังคงดูน่าเกรงขาม"สวัสดีครับ
วิโรจน์เรียกเพียงขวัญมาพบที่ห้องทำงานและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เพียงขวัญฟังเพียงขวัญเมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดตอนแรกเธอคิดปฏิเสธแต่คิดดูดีๆแล้วเธอก็ไม่อยากเห็นธุรกิจของพ่อล้มละลายท่านเป็นผู้มีพระคุณทั้งส่งเสียเธอเรียนจนจบและยังช่วยเหลือดูแลรักษาแม่ของเธอเป็นอย่างดีเธอจึงยอมตกลงที่จะแต่งงานกับขุนเขาคนที่พ่อบอกว่าเขาจะช่วยเหลือธุรกิจของครอบครัวทุกอย่าง"แน่ใจหรือลูกว่าลูกจะยอมแต่งงานกับคุณขุนเขาจริงๆ ถ้าลูกไม่เต็มใจก็ปฏิเสธได้นะพ่อไม่บังคับ แล้วพ่อจะคิดหาวิธีอื่นแก้ไขก็ได้ลูก""ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อขวัญตัดสินใจแล้วค่ะ คุณพ่อบอกทางนั้นได้เลยว่าเรายินดีทำตามข้อตกลง ""ขอบใจมากนะลูก ลูกสาวของพ่อน่ารักพ่อเชื่อว่าคุณขุนเขาต้องรักเอ็นดูลูกสาวของพ่อแน่นอนและที่สำคัญพ่อคิดว่าเขาเป็นคนดี" วิโรจน์พูดพร้อมทั้งใช้มือข้างหนึ่งลูบหัวของเพียงขวัญเบาๆด้วยความรักความเอ็นดูเพียงขวัญมองหน้าของพ่อด้วยใบหน้าที่บ่งบอกให้รู้ว่าเธอเต็มใจยอมแต่งงานจริงๆหลังจากคุยกับพ่อเสร็จเพียงขวัญก็ขอกลับไปหาแม่ที่บ้านเพื่อเยี่ยมท่านซึ่งคุณวิโรจน์ก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอต้องการไปหาแม่ตอนไหนก็ได้ใจจริงแล้วเขาอยากจะรับทั้งมาลีมาอยู่ด้วยก
"กูว่าช่วงนี้มึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษหวะ" ไมเคิ้ลถามเพื่อนเพราะเขารู้สึกแปลกๆ"ก็ไม่มีอะไรกูก็เหมือนเดิม""ไม่จริงมัง..มีเรื่องอะไรรึเปล่าที่กูยังไม่รู้หรือตกข่าวบอกกูมาชะดีๆ"ขุนเขานึกถึงคำพูดของเขากับแม่เมื่อหลายวันก่อน"แม่กับพ่อก็อายุมากแล้วไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้อุ้มหลานเหมือนคนอื่นๆเขาไหม ถ้าลูกไม่ชอบหนูวิภา ลูกก็หาผู้หญิงที่ถูกใจซักคนมาแต่งงานด้วยแม่กับพ่อจะได้อุ้มหลานชะที ""ถ้าผมบอกคุณแม่ว่าตอนนี้ผมเจอผู้หญิงที่ถูกใจแล้วหละคุณแม่จะไปสู่ขอให้ผมได้ไหมครับ""จริงหรือลูกใครกันลูกสาวบ้านไหนบอกแม่มาซิลูก"คุณสุดามีสีหน้าตื่นเต้น"ลูกสาวคนโตของคุณวิโรจน์ อัครเดชกับภรรยาเก่าเธอชื่อเพียงขวัญครับ ผมอยากแต่งงานกับเธอถ้าไม่ใช่เธอผมก็ไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น" คำพูดที่มุ่งมั่นมั่นคงและแฝงไว้ด้วยต้องได้เท่านั้น"ลูกสาวคนโตของคุณวิโรจน์แม่เหมือนจะเคยเจอครั้งหนึ่งตอนที่เธอไปออกงานกับคุณวิโรจน์เธอก็สวยน่ารักดีนะ แต่ว่าลูกเคยเจอและคุยกันเหรอ""เปล่าครับผมก็แค่เคยเจอเธอและเคยคุยกันครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว..." ขุนเขาบอกกับผู้เป็นแม่"อ้าว...แล้วแบบนี้ลูกสองคนยังไม่รู้จักกันเลยแล้วจะให้แม่ไปขอแล้วถ้าเกิด