"ออ.....คือ.....คือ....ที่สำคัญเธอยังไม่มีแฟนคับนาย โสด...โสด..คับบบบนาย"ต้นพูดทะเล่นท่าทางยิ้มยียวนกวนตีนผู้เป็นนายเหมือนกับรู้ใจนายหนุ่มเขาไม่เคยเห็นเจ้านายสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย
ขุนเขายิ้มอย่างพอใจความรู้สึกหงุดหงิดที่อยู่ในใจเมื่อสักครู่คลายลงไปทันที
"แต่มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งครับนายคือว่าตอนนี้แม่ของเธอกำลังป่วยแต่ว่าเธอไม่รู้เพราะแม่เธอไม่ยอมบอกกลัวลูกสาวจะเสียใจ"
"ป่วย..ป่วยเป็นอะไรวะถึงไม่ยอมบอกลูกสาว"
"แม่ของเธอป่วยเป็นเนื้องอกในสมองคับ เธอไม่ยอมบอกลูกสาวเพราะกลัวลูกสาวจะเสียใจและต้องลำบากหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล "
ขุนเขาฟังในสิ่งที่ลูกน้องคนสนิทรายงานพร้อมกับมีความคิดเกิดขึ้นมากมายกับเรื่องราวของหญิงสาวที่เขาได้รับฟัง
ตื่นเช้าเพียงขวัญแต่งตัวเตรียมไปมหาลัยพอลงมาถึงชั้นล่างของบ้านกลิ่นหอมของอาหารก็ลอยมาเข้าจมูกของเธอ เมื่อมองไปเห็นแม่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว
"แม่ค่ะ วันนี้แม่ทำอะไรทานค่ะหอมเชียว"
"ลงมาแล้วเหรอลูกมาๆ แม่ทำกลับข้าวเสร็จพอดีเลยลูก มีแต่ของชอบของลูกทั้งนั้นเลยมาๆกินเสร็จแล้วจะได้ไปเรียนเดี่ยวสายลูก"
"ค่ะแม่ แม่น่ารักที่สุดเลยค่ะเอาไว้ขวัญจะตั้งใจเรียนรีบเรียนให้จบจะได้ทำงานเก็บเงินได้เยอะๆแม่จะได้สบายนะค่ะ"
เพียงขวัญสวมกอดผู้เป็นแม่พูดพร้อมร้อยยิ้มที่สดใส
ในขณะที่มาลีก็กอดลูกสาวไว้แน่นยิ้มทั้งน้ำตาเธอใช้มือลูบศรีษะของลูกสาว เธอนึกถึงคำพูดของคุณหมอ
"เนื้องอกของคุณมันเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆตอนนี้ผมว่าคุณควรจะต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้องอกออกก่อนที่มันจะโตและกดทับส่วนสำคัญและไม่สามารถผ่าตัดออกได้" เสียงพูดของคุณหมอที่พูดกับมาลียังดังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา วันนั้นมาลีรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง ทั้งมีอาการคลื่่นไส้อย่างหนัก รู้สึกไม่มีแรงเธอจึงไปที่โรงพยาบาลคุณหมอตรวจแล้วพบว่าเธอเป็นเนื้องอกในสมองต้องทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนแต่เธอปฏิเสธการรักษา มาลีลูบศรีษะของลูกสาวเบาๆ น้ำตาคลอเพราะเธอกลัวจะไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของลูกสาวอันเป็นที่รักของเธอ
"กินข้าวเถอะลูกเดี่ยวจะสาย" เสียงพูดอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความรักความห่วงใยจากคนเป็นแม่
"ค่ะแม่"
หลายวันต่อเพียงขวัญกลับมาจากมหาลัยเมื่อกลับมาถึงบ้านเธอรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติบ้านเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่แต่ถ้าแม่ไม่อยู่ทำไมแม่ถึงไม่ปิดประตูบ้านและบ้านก็ไม่ได้ล็อก
"แม่ค่ะ แม่ แม่ค่ะ แม่อยู่ไมค่ะ" เพียงขวัญเธอตะโกนเรียกหาแม่และเดินหารอบบ้านก็ไม่เจอจึงเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านเธอเคาะประตูห้องของแม่แต่ไม่มีเสียงตอบรับเธอจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องเมื่อเปิดประตูเข้าไปเพียงขวัญก็ต้องตกใจเพราะแม่นอนเป็นลมหมดสติอยู่พื้นห้องเธอรีบวิ่งไปกอดและเรียกผู้เป็นแม่ด้วยความตกใจ
"แม่ค่ะ..แม่...แม่ค่ะ...แม่เป็นอะไรค่ะแม่ แม่ แม่อย่าทำอย่านี้อย่าทำให้ขวัญตกใจซิค่ะ" เธอรีบโทรเรียกรถโรงพยาบาลทันที
หน้าห้องฉุกเฉินเพียงขวัญยืนร้องไห้รอฟังอาการของผู้เป็นแม่ด้วยความกระวนกระวายใจห่วงอาการของแม่กลัวแม่จะเป็นอะไรมาก นานพอสมควรคุณหมอก็ออกมาจากห้องตรวจ เมื่อเห็นคุณหมอเพียงขวัญก็รีบเข้าไปถามอาการของแม่ทันที
"คุณหมอค่ะแม่เป็นยังไงบ้างค่ะ ทำไมอยู่ดีๆแม่ถึงเป็นลมหมดสติแบบนั้นได้ค่ะคุณหมอ"
"คุณเป็นอะไรกับคนป่วยครับ"
"ฉ ฉันลูกสาวค่ะ"
"คุณแม่ของคุณเล่าอะไรให้คุณฟังบ้างไมว่าเธอป่วยอยู่"
"ค่ะ แม่ ป ป่วย เป็นอะไรค่ะหมอ จะเป็นไปได้ยังไงค่ะ ฉันไม่เคยเห็นแม่แสดงอาการอะไรที่บ่งบอกว่าแม่ไมสบายเลยค่ะคุณหมอ และแม่ก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฉันฟังเลยและอีกอย่างฉันอยู่กับแม่ตลอดแม่ก็ดูแข็งแรงดีนี้ค่ะหมอ"
"คือว่าแม่ของคุณป่วยเป็นเนื้องอกในสมองเธอมาตรวจและรักษาที่นี้ได้ 3 เดือนแล้วครับ ผมแนะนำให้คนป่วยเข้ารับการผ่าตัดแต่คนป่วยปฏิเสธไม่ยอมรับการรักษา และผมว่าจากอาการตอนนี้เนื้องอกกำลังโตขึ้นมากและกดทับเส้นประสาทของคนป่วยจนทำให้หมดสติไป"
เพียงขวัญฟังคุณหมอพูดทำให้เธอถึงกับเข่าทรุดน้ำตาไหลอาบแก้มงาม แม่ไม่เคยเล่าอะไรให้เธอฟังเลย แม่คงกลัวถ้าเธอรู้ เธอจะต้องบังคับให้แม่ยอมรับการรักษา ซึ่งแม่ก็คงกลัวว่าเธอจะลำบากต้องหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่แพงไหนจะค่าใช้จ่ายในการเรียนอีก แม่คงไม่อยากให้เธอลำบากจึงไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับเธอ ในขณะเดียวกันเธอก็โทษตัวเองที่ไม่ได้เรื่องเลยแม่ป่วยเธอซึ่งเป็นลูกยังไม่รู้และไม่สามารถช่วยอะไรแม่ได้เลย
"คุณหมอค่ะพอมีทางรักษาแม่ได้ไมค่ะ"
"เราต้องทำการผ่าตัดผู้ป่วยโดยเร็วไม่อย่างนั้นอาจจะสายเกินไป"
"แล้วถ้าแม่ผ่าตัดแม่จะหายกลับมาปกติเหมือนเดิมไมค่ะหมอ"
"อันนี้หมอก็ฟันธงไม่ได้ครับมันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนป่วยด้วยบางเคสเม่ื่อผ่าตัดแล้วหายขาดก็มีครับแต่ส่วนใหญ่ถ้าผ่าตัดแล้วอาการจะดีขึ้นครับ"
เพียงขวัญยืนมองผู้เป็นแม่ที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียงทั้งน้ำตาเธอนั่งลงจับมือผู้เป็นแม่
"หมอฉีดยาให้แล้วอีกไม่นานคนป่วยคงรู้สึกตัว เรื่องผ่าตัดเราต้องรีบถ้าคุณตกลงเมื่อร่างกายของคนป่วยพร้อมเราจะทำการรักษาทันที แต่คุณจะต้องเคลียเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนมันเป็นกดของโรงบาลครับ"
"ค่ะคุณหมอฉันจะรีบจัดการให้เรียบร้อย ขอบคุณมากนะค่ะ"
เพียงขวัญยืนมองผู้เป็นแม่ที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียงทั้งน้ำตาเธอนั่งลงจับมือผู้เป็นแม่
"แม่ค่ะ แม่อย่าทิ้งขวัญไปนะค่ะแม่ ขวัญจะหาเงินเพื่่อมารักษาแม่ให้หายค่ะ" เพียงขวัญซบหน้าลงกับมือของผู้เป็นแม่เธอจะต้องรีบหาเงินจำนวนนี้เพื่อที่จะมาจ่ายค่าผ่าตัดให้กับแม่ แต่ตอนนี้เธอไม่มีเงินมากพอที่่จะจ่ายค่ารักษาเพราะเงินที่เธอหามาได้จากการหารายได้พิเศษก็ได้ไม่มากพอ เธอใช้เงินส่วนหนึ่งไปกับค่าเรียนของเธอ ทำให้มีเงินเหลือไม่มาก เธอจะทำอย่างไรดี จะหาเงินมากมายขนาดนั้นจากไหน เพียงขวัญคิดหาวิธีแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ในขณะเดียวกันมาลีแม่ของเธอก็เริ่มรู้สึกตัว และลืมตา
เพียงขวัญยืนมองผู้เป็นแม่ที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียงทั้งน้ำตาเธอนั่งลงจับมือผู้เป็นแม่
"แม่ค่ะ แม่อย่าทิ้งขวัญไปนะค่ะแม่ ขวัญจะหาเงินเพื่่อมารักษาแม่ให้หายค่ะ" เพียงขวัญซบหน้าลงกับมือของผู้เป็นแม่เธอจะต้องรีบหาเงินจำนวนนี้เพื่อที่จะมาจ่ายค่าผ่าตัดให้กับแม่ แต่ตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่าจะหาเงินมากขนาดนีี้ได้จากที่ไหนพอที่่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพราะเงินที่เธอทำจากการหารายได้พิเศษก็ได้ไม่มากพอเธอใช้เงินส่วนหนึ่งไปกับค่าเรียนของเธอ ทำให้มีเงินเหลือไม่มาก เธอจะทำอย่างไรดี จะหาเงินมากมายขนาดนั้นจากไหน เพียงขวัญคิดหาวิธีแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ในขณะเดียวกันมาลีแม่ของเธอก็เริ่มรู้สึกตัว และลืมตา
เพียงขวัญเปิดประตูห้องเข้ามาก็เจอแม่ที่นั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกำลังใช้ความคิดบางอย่าง ขนาดเธอเดินเข้ามาในห้องแม่ยังไม่รู้สึกตัว ผู้หญิงที่เข้ามาหาแม่และกลับออกไปเธอมาหาแม่ทำไม แม่ไม่มีเพื่อนหรือมีญาติที่ไหนเท่าที่เธอจำความได้แม่ไม่เคยเล่าให้เธอฟังเลย เพียงขวัญเดินมาหยุดที่เตียงของผู้เป็นแม่เธอมองดูแม่ด้วยความสงสารเธอเอื้อมมือมาจับที่มือของแม่มาลีสะดุ้งรู้สึกตัวตื่นจากความคิดที่มากมายเกิดขึ้นในหัวของเธอ หันมามองหน้าลูกสาวอันเป็นที่รัก"มาถึงตั้งแต่เมื่อไรลูก""ขวัญพึ่งเข้ามาค่ะ แม่ค่ะวันนี้เป็นไงบ้างค่ะ" "แม่ไม่เป็นไรแล้วลูก"มาลีพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนเหนื่อย"ใครมาเยี่ยมแม่เหรอค่ะ ขวัญไม่เคยเห็นหน้าเลยผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่่เดินออกไป""มานั่งลงก่อนลูกแม่มีเรื่องสำคัญจะบอกขวัญลูก"มาลีเธอไม้รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีเธอไม่เคยพูดกับเพียงขวัญเรื่องพ่อให้ลูกรู้เลยว่าพ่อของเธอเป็นใครเพราะมาลีไม่อยากพูดถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมาอีก ในอดีตมาลีเป็นพนักงานช่างตัดเสื้อในห้องเสื้อหรูแห่งหนึ่งซึ่งลูกค้าที่มาสั่งตัดส่วนใหญ่ก็เป็นคนมีเงินมีฐานะ มาลีได้พบกับคุณวิโรจน์พ่อของเพียงขวัญในวันที
"แม่ แม่ค่ะ แม่ฟื้นแล้ว" เพียงขวัญพูดทั้งน้ำตา"แม่ไม่สบายทำไมแม่ไม่ยอมบอกขวัญค่ะ""แม่ไม่เป็นไรหลอกลูกแม่แค่เป็นลมเอง""แม่อย่าโกหกขวัญเลยค่ะคุณหมอบอกขวัญหมดแล้ว แม่ค่ะแม่ต้องรักษานะค่ะแม่จะได้อยู่กับขวัญนานๆ"มาลีมองหน้าลูกสาวด้วยสายตาที่ตื้นตันเธอไม่อยากให้ลูกลำบากเพราะเธอ"แต่ค่ารักษามันแพงนะลูกเราไม่มีเงิน จะเอาเงินมาจากไหนตั้งมายมาย ขวัญไม่ต้องห่วงแม่นะลูกแม่ไม่เป็นไรหลอก""แม่ไม่ต้องห่วงนะค่ะงานพิเศษที่ขวัญทำอยู่เจ้านายขวัญใจดีมากค่ะแม่ขวัญสามารถเบิงเงินมาใช้ก่อนได้เดียวหัวหน้าจะหักเงินในส่วนที่ขวัญจะได้เองแม่ไม่ต้องห่วงนะค่ะ เดียวพรุ่งนี้ขวัญจะเข้าไปคุยกับหัวหน้า แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษานะค่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของขวัญเอง แม่ต้องพักผ่อนให้เยอะๆนะค่ะ" เพียงขวัญพูดเสียงใสพร้อมกับรอยยิ้มเพื่อทำให้แม่รู้สึกสบายใจและไม่ต้องกังวนเพียงขวัญกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้าเพื่อที่จะมานอนเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลระหว่างที่เธอกำลังนั่งคิดอะไรอยู่เธอก็มองไปเห็นถุงกระดาษมันเป็นถุงใส่เสื้อของลูกค้าที่แม่ตัดเสร็จแล้วมีชื่อติดที่ถุง "เจ้มะนาว" มีความคิดบางอย่างเกิดขึ้นบนหัวของหญิงสาวเธอหยิงถุงกระดาษแล
"ออ.....คือ.....คือ....ที่สำคัญเธอยังไม่มีแฟนคับนาย โสด...โสด..คับบบบนาย"ต้นพูดทะเล่นท่าทางยิ้มยียวนกวนตีนผู้เป็นนายเหมือนกับรู้ใจนายหนุ่มเขาไม่เคยเห็นเจ้านายสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยขุนเขายิ้มอย่างพอใจความรู้สึกหงุดหงิดที่อยู่ในใจเมื่อสักครู่คลายลงไปทันที"แต่มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งครับนายคือว่าตอนนี้แม่ของเธอกำลังป่วยแต่ว่าเธอไม่รู้เพราะแม่เธอไม่ยอมบอกกลัวลูกสาวจะเสียใจ""ป่วย..ป่วยเป็นอะไรวะถึงไม่ยอมบอกลูกสาว""แม่ของเธอป่วยเป็นเนื้องอกในสมองคับ เธอไม่ยอมบอกลูกสาวเพราะกลัวลูกสาวจะเสียใจและต้องลำบากหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล "ขุนเขาฟังในสิ่งที่ลูกน้องคนสนิทรายงานพร้อมกับมีความคิดเกิดขึ้นมากมายกับเรื่องราวของหญิงสาวที่เขาได้รับฟังตื่นเช้าเพียงขวัญแต่งตัวเตรียมไปมหาลัยพอลงมาถึงชั้นล่างของบ้านกลิ่นหอมของอาหารก็ลอยมาเข้าจมูกของเธอ เมื่อมองไปเห็นแม่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว "แม่ค่ะ วันนี้แม่ทำอะไรทานค่ะหอมเชียว""ลงมาแล้วเหรอลูกมาๆ แม่ทำกลับข้าวเสร็จพอดีเลยลูก มีแต่ของชอบของลูกทั้งนั้นเลยมาๆกินเสร็จแล้วจะได้ไปเรียนเดี่ยวสายลูก""ค่ะแม่ แม่น่ารักที่สุดเลยค่ะเอาไว้ขวัญจะตั้งใจเรียนรีบเ
“มึงรีบกลับมานะโว้ย...มึงอย่าเสือกหนีกับก่อนอีกหล่ะ”ขุนเขาไม่ตอบแต่เขาเปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องไปทั้งที่จริงแล้วห้องนำ้ชั้นบนสำหรับห้องวีไอพีก็มีแต่ชายหนุ่มกลับลงมาชั้นล่างแทนระหว่างที่เพียงขวัญเดินมาเข้าห้องน้ำเสียงเพลงค่อนข้างดัง ผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งดื่มทั้งเต้นนัวเนียกันอย่างเมามันเธอมองดูคนเหล่านั้นแต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นักเธอเดินฝ่ากลุ่มคนเหล่านั้นเลี่ยงเดินตรงไปเข้าห้องน้ำระหว่างทางเดินไปห้องน้ำหมับ...หมับ มือใหญ่คว้ากำเข้าที่ข้อมือเล็กขาวของหญิงสาวดึงอย่างแรงจนคนตัวเล็กต้องเซหันกลับมามอง“ว่าไงจ๊ะน้องสาวคนสวยไปต่อกับพี่ไหมจ๊ะ”ชายหนุ่มหน้าตาเจ้าชู้จับที่แขนของเพียงขวัญสายตาที่มองมายังเธอทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดี“ปล่อยค่ะ ฉันไม่รู้จักคุณ ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ”เพียงขวัญพยายามดึงมือออกจากผู้ชายตรงหน้าแต่ยิ่งเธอพยายามดึงมือออกชายตรงหน้ายิ่งจับแขนเธอไว้แน่นกว่าเดิม“อย่าทำเป็นเล่นตัวเลยน่าน้องสาวจะเอาเท่าไหร่เดียวพี่จ่ายไม่อั้นแค่ทำให้พี่มีความสุขก็พอ”“ปล่อยนะฉันบอกให้ปล่อยไอ้บ้า... ฉันไม่รู้จักแก”เธอพยายามดิ้นสุดแรงในขณะที่ไอ้ผู้ชายคนนั้นกำลังจะดึงเธอเข้าไปกอดผลัวะ... เสียงกำป
หลังจากขุนเขากล่าวเปิดงานเสร็จทุกคนก็ไปพร้อมกันที่อควาเรี่ยมเพื่อรอชมการแสดงโซว์ในวันนี้โดยเฉพราะเด็กๆที่ต่างมาเฝ้ารอเจอนางเงือก และในวินาที่ต่อมาก็ได้ยินเสียงเด็กๆและทุกคนในงานต่างส่งเสียงดังกึกก้องทั่ว อควาเรียมเขามองเห็นเงือก2ตัวกำลังดำผุดดำว่ายโชว์ลีลาพริ้วไหวใต้น้ำ เพียงขวัญเธอโชว์ลีลาเป็นเงือกสาวได้สมจริงมากจากการปรบมือและส่งเสียงชื่นชมของคนดูในอควาเรี่ยม เมื่อโชว์ลีลาการว่ายน้ำของเงือกได้ซักพักทั้ง ณดลและเพียงขวัญก็พากันว่ายน้ำตรงมายังตู้กระจกที่มีคนดูเพื่อที่จะทักทายและใกล้ชิดกับคนดู เพียงขวัญในชุดนางเงือกเธอดูสวยงดงามเหมือนกับนางเงือกที่ออกมาจากเทพนิยายเลยส่วนณดลก็หล่อและดูดีในชุดเงือกเช่นกัน และระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังทักทายผู้ชมและถ่ายรูปกับคนดูอยู่นั่นเอง ขุนเขาซึ่งกับลังจะเดินหันกลับก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาของเขาได้เห็นหน้าเงือกสาวที่ตอนนี้กำลังโบกมือทักทายคนดูอยู่ เหมือนมีเวทมนต์บางอย่างเขาจ้องมองมาที่เงือกสาวตาไม่กระพริบและขาสองข้างของเขาก็ก้าวเดินตรงไปยังตู้กระจกเขาจ้องมองอยู่อย่างนั้นไม่ละสายตาไปไหนเธอนั้นเองในที่สุดเขาก็เจอเธอแล้วผู้หญิงคนนั้นคนที่ใส่เสื้อยืดกางเกง
ห้างสรรพสินค้าขุนเขาห้างสรรพสินค้าชื่อดังของตะกูลลิ้มวัฒนกูลทุกคนกำลังวุ่นในการเตรียมงานเปิดตัวอควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยตูด ตูด.... เสียงสายเรียกเข้า“คุณลินดาเข้ามาหาผมหน่อย” ขุุนเขาเรียกเลขาสาวเข้ามาพบในห้องทำงาน“ค่ะท่านประธาน”เสียงลูกบิดประตูเปิดออกลินดาเดินเข้าไปหาท่านประธานหนุ่มหล่อ ขุนเขาที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานหรูได้เงยหน้ามองเลขาสาวตรงหน้า“เตรียมงานไปถึงไหนแล้วครับตอนนี้ ผมหวังว่าทุกอย่างคงเรียบร้อยดีนะ ”“ค่ะท่านประธานทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ และเรื่องการแสดงโชว์ทางเราได้ติดต่อไปเรียบร้อยแล้วค่ะซึ่งเป็นทีมแสดงโชว์ที่เป็นเบอร์หนึ่งของเมืองไทยเลยค่ะรับรองว่างานนี้ผู้เข้าชมต้องตื่นตาตื่นใจกับการแสดงโชว์ครั้งนี้แน่นอนค่ะ”“ดี แล้วเรื่องการเข้าชมละวันเปิดงานผมอยากให้ทางเราให้เข้าชมฟรีนะไม่ต้องเก็บเงิน อ๋อและถ้าการแสดงโชว์ครั้งนี้ยอดเยี่ยมอย่างที่คุณว่าจริงคุณก็จัดการติดต่อให้พวกเขามาทำการแสดงโชว์ที่อควาเรียมของเราประจำได้เลยนะ”“ค่ะท่านประธาน”“คุณออกไปเตรียมงานเถอะแล้วอย่าให้มีอะไรผิดพลาดหละ” ลินดารับคำสั่งจากเจ้านายหนุ่มเสร็จก็เดินออกจากห้องไปคลืน..คลืน...ขุนเขามองเสียงโ