Se connecterนับจากมานีเดินทางมาพักที่ไร่ส้มเกือบหนึ่งสัปดาห์ ไม่มีวันไหนเลยเดือนฉายจะไม่ถูกหญิงวัยกลางคนรังแกด้วยสารพัดวิธี บ่อยครั้งรู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำชั่วร้ายของมานีแต่ไม่มีสิทธิ์ตอบโต้ ทำได้แค่ข่มความรู้สึกไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ
“กาแฟค่ะ”
วันนี้ก็เป็นอีกวัน เดือนฉายต้องคอยดูแลมานีตามคำสั่งของภูเมฆ แม้ไม่อยากทำมากแค่ไหนก็ต้องฝืนทน
“วางสิ! ต้องให้บอกทุกอย่างเลยเหรอ”
“ค่ะ”
ระหว่างเดือนฉายกำลังจะย่างกรายนำเอาเครื่องดื่มไปวางบนโต๊ะตัวเตี้ยตรงหน้ามานีในห้องนั่งเล่น จู่ ๆ อีกคนยื่นขาออกมา ส่งผลให้หญิงสาวสะดุดเกือบล้มลง ทว่าโชคดีจับถาดกาแฟไว้แน่นจึงไม่ตกหล่นกระทบพื้น
“ซุ่มซ่าม” ว่าแล้ว เบะปากใส่เดือนฉายอย่างสะใจ
หญิงสาวทำได้แค่ส่งยิ้มอ่อน ๆ วางของในมือลงอย่างใจเย็น พยายามระงับโทสะไม่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมออกไป
“โอ๊ย!! กาแฟอะไรของเธอเนี่ย ขมชะมัด” ทันทีมานีลิ้มลองรสชาติกาแฟได้เพียงนิดหน่อยถึงขั้นพ่นออกมา แล้วหันไปตำหนิเดือนฉาย
“กาแฟดำไงคะ แบบที่ป้านีต้องการ”
“นี่แกเถียงฉันเหรอ” หญิงวัยกลางคนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงไปประชันหน้ากับเดือนฉาย
“ฉายแค่อธิบายเฉย ๆ ยังไม่ได้เถียงเลย”
เพียะ! คนตัวเล็กพูดจบไม่ถึงนาที ฝ่ามือเหี่ยวฟาดเข้ากับพวงแก้มขาวใสอย่างจัง จนใบหน้าจิ้มลิ้มหันไปอีกด้าน
“จำไว้นะ แกมันก็แค่ผู้อยู่อาศัย อย่าสะเออะมาเทียบกับฉัน” ว่าแล้ว จี้ขมับหญิงสาวแรง ๆ ก่อนหยิบถ้วยกาแฟบนโต๊ะปาลงบนพื้นห้อง จนแตกกระจัดกระจาย
“จัดการด้วย” พูดจบเดินตัวปลิวไปจากห้อง ทิ้งหญิงสาวไว้เพียงคนเดียวด้วยความสะใจที่ได้แกล้ง
“เฮ้อ” พ้นร่างมานีเพียงไม่นาน คนตัวเล็กทรุดกายนั่งลงบนพื้นดั่งคนไร้เรี่ยวแรง พยายามข่มน้ำตาสุดขีดไม่ให้ไหลริน
“อย่าร้องนะเดือนฉาย เธอมันเข้มแข็งอยู่แล้ว” ทำได้แค่พูดปลอบตัวเองเบา ๆ ทั้งที่น้ำตาคลอ
“เป็นยังไงบ้างคะ คุณฉาย” ป้าบัวที่อยู่บริเวณนั้น ทันเห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่ เมื่อพ้นร่างมานีรีบรุดมาดูเดือนฉายด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ” ส่งยิ้มอ่อนให้แก่ป้าบัว อย่างน้อยทำให้รู้ว่าในบ้านหลังนี้ยังมีป้าบัวคอยห่วงใยตนเอง
“คุณมานีแกค่อนข้างอารมณ์ร้าย คุณฉายต้องระวังด้วย”
“ค่ะ” อันที่จริงก็พอทราบมาบ้าง เพราะตั้งแต่แต่งงานกับภูเมฆ มักจะโดนมานีรังแกทุกครั้งที่อีกฝ่ายมาพักไร่ส้ม แต่หนนี้รุนแรงกว่าปกติ หากเป็นที่ผ่านมาจะแค่โดนด่าหรือตำหนิเท่านั้น ไม่เคยถึงขั้นลงไม้ลงมือ ทำลายข้าวของแบบเมื่อสักครู่
“เดี๋ยวป้าช่วยเก็บ”
“ไม่ต้องค่ะ ป้านีเป็นคนสั่งให้ฉายเก็บ ฉายไม่อยากให้ป้าบัวต้องมาพลอยโดนตำหนิไปด้วย”
“แต่...”
“ไม่เป็นไรค่ะ ป้าบัวไปทำงานอย่างอื่นเถอะ”
“ถ้ามีอะไรเรียกป้าได้ตลอดเลยนะคะ”
“ค่ะ” พยักหน้ารับ ก้มหน้าเก็บแก้วบนพื้นต่อ
หลังจากหญิงสาวเก็บเศษแก้วพร้อมกำจัดคราบกาแฟบนพื้นเสร็จเรียบร้อย ก็เตรียมตัวจะเดินกลับห้องนอน แต่ไม่ทันได้ก้าวเท้าขึ้นบันไดบ้าน ทันใดนั้นเสียงสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่า มะลิ” เดือนฉายหันหลังมองตามเสียงเรียก
“คุณมานีสั่งให้มะลิมาบอกคุณฉาย เที่ยงนี้ให้คุณฉายเป็นคนทำอาหารให้ท่านทานค่ะ”
“เขาได้บอกไหมอยากกินอะไรเป็นพิเศษ” เธอมองมะลิหลานสาวป้าบัวอย่างลุ้น ๆ ในคำตอบ
“ไม่ค่ะ แค่บอกว่าอยากให้คุณฉายทำอาหารให้กิน”
“อืม ขอบใจนะมะลิ” ส่งยิ้มอ่อนให้แก่เด็กสาวตรงหน้า
“มีอะไรจะให้มะลิช่วยไหมคะ” เด็กสาวยังคงยืนนิ่งรอคำสั่งจากคนเป็นเจ้านาย
“ไม่มี มะลิไปช่วยงานป้าบัวเถอะ เรื่องอาหารฉันจัดการเอง”
“ค่ะ” เด็กสาวพยักหน้ารับและจากไปทันใด
“ทำอาหารเหรอ” เสียงหวานพึมพำด้วยความแปลกใจ รู้สึกตงิดใจกับคำสั่งมานี เนื่องจากอีกคนไม่เคยกินอาหารรสมือเธอสักครั้ง เลยไม่รู้ว่ามานีจะมาไม้ไหนอีกกันแน่ ถึงกระนั้นจำเป็นต้องทำอย่างไม่ขัดข้อง
เมื่อถึงเวลาเตรียมอาหาร ก็มุ่งหน้าไปในห้องครัวทันทีด้วยความกลัวว่าหากทำอาหารเสร็จช้า มานีจะตำหนิเอาได้
เมนูที่เลือกทำ คือแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย เธอเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างเพียงลำพัง โดยไม่ให้ใครเข้ามาวุ่นวายหรือช่วยเหลือ
หญิงสาวใช้เวลาไม่นานนัก อาหารทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยทันถึงมื้อเที่ยงพอดี จึงยกไปเสิร์ฟให้แก่มานีที่นั่งคอยอยู่ในห้องอาหาร
“มาแล้วค่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นขณะในมือถือถาดอาหาร
“ช้า”
“ขอโทษค่ะ”
“รีบวางลงสิ หิวจะแย่อยู่แล้ว”
“ค่ะ” เมื่อได้ยินคำสั่งดังกล่าว เดือนฉายรีบวางแกงเขียวหวานร้อน ๆ ลงบนโต๊ะตรงหน้ามานี ก่อนรู้สึกประหลาดใจกับสีหน้าอีกคน “มีอะไรหรือเปล่าคะ ป้านี”
“นี่แก!! จงใจจะฆ่าฉันใช่ไหม”
“คะ” ใบหน้าหวานมองมานีอย่างฉงนในคำพูดเมื่อสักครู่ เธอพยายามจะถามซ้ำอีกครั้งว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม แต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนมีของร้อนราดใส่มือตัวเอง
“โอ๊ย!!” รีบชักมือหนีทันใด “ป้านีทำแบบนี้ทำไมคะ”
“แกไม่รู้เหรอ ฉันแพ้กะทิ” มานีโวยวายใส่เดือนฉาย
“ฉายไม่รู้ค่ะ” ส่ายหัวไปมาเชื่องช้า “ฉายขอโทษ”
“นังโง่!!” สิ้นคำพูด มานีตบหน้างดงามของเดือนฉายเต็มแรง แล้วเดินสะบัดก้นออกไปจากห้องอาหารทันใด
“แพ้กะทิเหรอ” คนตัวเล็กถึงขั้นแข้งขาไร้เรี่ยวแรง ล้มลงกองกับพื้นห้อง ขณะเดียวกันน้ำตาคลอด้วยความรู้สึกเจ็บปวดโดนแกงร้อน ๆ ลวกมือ
“คุณฉายเป็นยังไงบ้าง”
ทุกคนในห้องอาหารต่างพากันตกใจกับการกระทำมานี ป้าบัวเป็นคนแรกเข้ามาหาหญิงสาวหลังมานีจากไป
“ป้านีแพ้กะทิเหรอคะ” เงยหน้ามองหญิงวัยกลางคนข้างกาย
“ป้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่เหมือนจะเคยเห็นคุณมานีกินอาหารที่มีส่วนผสมกะทิอยู่”
“งั้นเหรอคะ” คำพูดของป้าบัวทำให้เข้าใจได้ทันที มานีไม่ได้แพ้กะทิเพียงแค่หาเรื่องกลั่นแกล้งกันเท่านั้น พอคิดแบบนี้แล้วรู้สึกอยากร้องไห้เหลือเกิน เธอทำอะไรผิดนักหนาเหรอ ทำไมถึงต้องโดนอะไรแบบนี้อยู่เรื่อย
“มือเป็นยังไงบ้าง”
“เจ็บ”เสียงหวานสั่นเครือ
“นังมะลิ แกรีบหยิบทิชชูสิ ฉันจะรีบเช็ดคราบแกงบนมือคุณฉายออก” ป้าบัวหันไปกล่าวกับหลานสาว ซึ่งยืนมองเดือนฉายด้วยความเป็นห่วงกับสิ่งที่ต้องประสบ
“เอานี่ยาย” เด็กสาวทำตามคำสั่งผู้เป็นยายอย่างรีบร้อน ป้าบัวซับคราบแกงบนหลังมือเรียวจนหมดเกลี้ยง
“เดี๋ยวป้าไปหายามาให้นะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉายอยากพักแล้ว” พยุงกายลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากก่อนตรงไปห้องนอน จากนั้นทิ้งตัวลงบนเตียงขนาดคิงไซซ์
“พ่อแม่...ฉายทำอะไรผิดนักหนาเหรอ ทำไมทุกคนถึงเกลียดฉายมากขนาดนี้”
ร่างเล็กโอบกอดตนเองด้วยความรู้สึกเดียวดาย หยาดน้ำใสไหลรินตกลงบนหมอนใบใหญ่ กระทั่งผล็อยหลับในที่สุด
ณ ช่วงเวลาเย็น เดือนฉายหลับใหลไปหลายชั่วโมงกว่าจะตื่นก็เป็นช่วงเวลาเลิกงานของภูเมฆพอดี
“พี่เมฆกลับมาแล้วเหรอ” ขณะกำลังเบิกตาขึ้นบังเอิญได้ยินเสียงรถแล่นจอดหน้าบ้าน ไม่ต้องเดาพอรู้เป็นรถใคร จึงรีบลุกขึ้นและกระโดดจากเตียงเพื่อตรงไปหาเขาเนื่องจากมีเรื่องสำคัญจะคุย
“พี่เมฆ” เธอวิ่งมาหยุดตรงหน้าคนกำลังจะเดินเข้ามาในบ้าน
“มีอะไร” สายตาคมมองคนตัวเล็กตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “เพิ่งตื่นเหรอ”
“ค่ะ” พยักหน้าหงึก ๆ แล้วจัดแต่งทรงผมให้ดูดีขึ้นกว่าเดิม
“เธอมีอะไรจะพูดกับฉัน”
“ฉายคิดว่าป้านีป่วย พี่เมฆต้องพาไปรักษานะคะ ฉายทนไม่ไหวแล้ว”
“พูดอะไรของเธอ” เขาทำสีหน้างุนงงกับประโยคนั้น
“ก็ป้านีเอาแต่กลั่นแกล้งฉาย ทำอะไรไม่ถูกนิดหน่อยก็มาตบตีฉาย คนปกติที่ไหนเขาจะทำถึงขนาดนั้นคะ”
“นี่เธอ! หาว่าป้าฉันเป็นบ้าเหรอ” ด้วยความโมโหเดือนฉายต่อว่ามานีคนที่เขานับถือเยี่ยงมารดา เลยเอื้อมมือหนาบีบหัวไหล่กลมกลึงอย่างแรง “อย่าพูดจาพล่อย ๆ นะเดือนฉาย ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“ฉายพูดจริงนะคะ ป้านีเคยถูกทิ้งมาก่อน บางทีอาจส่งผลต่อจิตใจก็ได้ ฉายว่าพี่เมฆควรพาไปรักษาเถอะ”
“หยุดพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว!!” ตะคอกใส่หน้าคนตัวเล็ก
“มันไม่ได้เสียหายเลยนะคะ แค่ลองพาป้านีไปพบจิตแพทย์ก่อนก็ได้”
“รำคาญวะเดือนฉาย รู้ไหมวันนี้ฉันเหนื่อยแค่ไหน ไร่ก็เพิ่งโดนไฟไหม้กลับบ้านต้องมาฟังเธอพูดจาน่าหงุดหงิดอีก เคยรับรู้อะไรบ้างไหมนอกจากเรื่องของตัวเอง” เขาพลั้งมือผลักคนตัวเล็กเต็มแรง จนอีกคนล้มลงกระแทกพื้นอย่างจัง
“พี่เมฆ” เรียกเขาด้วยเสียงสั่น ๆ ตอนนี้เจ็บกายไม่เท่าไรแต่เจ็บใจเหลือเกิน ผู้ชายตรงหน้าไม่เคยเชื่อคำพูดกันสักครั้ง“ลุกขึ้นแล้วไสหัวไปซะ อย่ามาทำตัวสำออยตรงนี้”“ฉายว่าคนที่ต้องพบจิตแพทย์ คือพี่เมฆต่างหากไม่ใช่ป้านีหรอก”เพียะ! ไม่ใช่ฝีมือของภูเมฆแต่เป็นฝีมือของมานีซึ่งบังเอิญมาได้ยินประโยคนั้นเข้าพอดี หญิงวัยกลางคนคร่อมร่างเดือนฉาย แล้วตบหน้าหญิงสาวแบบไม่ยั้ง“ป้านีครับ ใจเย็นก่อนเถอะ” ชายหนุ่มคว้าตัวผู้เป็นป้าแต่ช้าไปแล้วเพราะเดือนฉายถูกตบหน้าไปหลายที จนสภาพสะบักสะบอม“ปล่อยป้านะเมฆ ป้าจะตบสั่งสอนนังนั้น” มานีดิ้นพล่านไปมาหวังให้หลุด“พอเถอะครับ ผมขอร้อง”“เมฆ”“นะครับป้านี” เขามองมานีด้วยแววตาเว้าวอน“ก็ได้ ป้าจะยอมเพราะเห็นแก่เมฆหรอกนะ”“รีบไปสิ” ชายหนุ่มหันไปกล่าวกับคนบนพื้นได้ยินดังนั้นเดือนฉายรีบพยุงกายลุกขึ้นวิ่งออกจากบ้านไป ทำภูเมฆตกใจไม่น้อย คาดไม่ถึงจะวิ่งไปข้างนอกแทนที่จะกลับห้องนอน“เดือนฉาย” เขาตั้งท่าจะตามเธอไป แต่ไม่วายถูกมานีรั้งไว้“อย่าไปนะเมฆ ปล่อยมันไปเถอะ”“แต่...”“ไม่ฟังคำพูดของป้าแล้วใช่ไหม ป้าคงทำอะไรไม่ได้แล้วใช่ไหม งั้นก็อย่าสนใจคนแก่คนนี้เลย” มานีสะบัดมือ
นับจากมานีเดินทางมาพักที่ไร่ส้มเกือบหนึ่งสัปดาห์ ไม่มีวันไหนเลยเดือนฉายจะไม่ถูกหญิงวัยกลางคนรังแกด้วยสารพัดวิธี บ่อยครั้งรู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำชั่วร้ายของมานีแต่ไม่มีสิทธิ์ตอบโต้ ทำได้แค่ข่มความรู้สึกไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ“กาแฟค่ะ”วันนี้ก็เป็นอีกวัน เดือนฉายต้องคอยดูแลมานีตามคำสั่งของภูเมฆ แม้ไม่อยากทำมากแค่ไหนก็ต้องฝืนทน“วางสิ! ต้องให้บอกทุกอย่างเลยเหรอ”“ค่ะ”ระหว่างเดือนฉายกำลังจะย่างกรายนำเอาเครื่องดื่มไปวางบนโต๊ะตัวเตี้ยตรงหน้ามานีในห้องนั่งเล่น จู่ ๆ อีกคนยื่นขาออกมา ส่งผลให้หญิงสาวสะดุดเกือบล้มลง ทว่าโชคดีจับถาดกาแฟไว้แน่นจึงไม่ตกหล่นกระทบพื้น“ซุ่มซ่าม” ว่าแล้ว เบะปากใส่เดือนฉายอย่างสะใจหญิงสาวทำได้แค่ส่งยิ้มอ่อน ๆ วางของในมือลงอย่างใจเย็น พยายามระงับโทสะไม่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมออกไป“โอ๊ย!! กาแฟอะไรของเธอเนี่ย ขมชะมัด” ทันทีมานีลิ้มลองรสชาติกาแฟได้เพียงนิดหน่อยถึงขั้นพ่นออกมา แล้วหันไปตำหนิเดือนฉาย“กาแฟดำไงคะ แบบที่ป้านีต้องการ”“นี่แกเถียงฉันเหรอ” หญิงวัยกลางคนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงไปประชันหน้ากับเดือนฉาย“ฉายแค่อธิบายเฉย ๆ ยังไม่ได้เถียงเลย”เพียะ! คนตัวเล็กพูดจบไม่ถึงน
ภูเมฆกระโดดลงจากเตียงเพื่อวิ่งตามหลังคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว ก่อนคว้าเธอเข้าสู่วงแขนได้ทัน กระชับกอดเธอแน่นเพื่อรั้งไม่ให้หนีไปไหน“ปล่อยนะพี่เมฆ ฉายจะไปอาบน้ำ” พยายามขัดขืนสุดฤทธิ์ ขณะนี้อยากเอาตัวเองออกห่างเขามากที่สุด เนื่องจากบทสนทนาระหว่างกันก่อนหน้ายังคงตอกย้ำความรู้สึกได้ดี เจ็บปวดรวดร้าวไปหมดทั้งใจ ไม่ต่างถูกเข็มนับหมื่นเล่มทิ่มแทง “ที่เธอพูดเมื่อกี้หมายความว่าไง”“ก็อย่างที่พูดนั่นแหละค่ะ”“เดือนฉาย!!” บีบท่อนแขนเล็กแน่น จ้องเขม็งคนในอ้อมกอดด้วยแววตาเกลียดชังปนขยะแขยงในถ้อยคำนั้น “ทำไมล่ะคะ ฉายจะให้เด็กที่พ่อไม่ต้องการเกิดมาทำไม”“ฉันไม่คิดเลยเธอจะจิตใจโหดเหี้ยมขนาดนี้ เลวที่สุด!!” ตะคอกใส่หน้าหวานเสียงดังสนั่น จนเธอสะดุ้งเฮือกหนึ่ง“ใช่ ฉายมันเลว เพราะฉายไม่เคยเป็นที่ต้องการของใครเลย” ประโยคท้ายเริ่มเบาลงเรื่อย ๆ ตามด้วยเสียงสะอึก“ไม่ต้องมาแกล้งบีบน้ำตาหรอกนะ ฉันเคยบอกแล้วไงน้ำตาของเธอไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวสักนิดเดียว”“ทำไมฉายต้องรักคนอย่างพี่เมฆด้วยนะ ฉายเกลียดตัวเองเหลือเกิน” ยกหลังมือเล็กขึ้นซับน้ำตาบริเวณพวงแก้มนวลเธอไม่เข้าใจตัวเองสักนิด ทำไมถึงยังรักผู้ชายคนนี้ คนท
“ลุกขึ้นไปจากตัวฉายเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ฉายหนัก” คนตัวเล็กพยายามออกแรงผลักคนเหนือร่างไปพ้น แต่แรงอันน้อยนิดไม่ทำให้เขาขยับตัวแม้แต่น้อย“เมื่อกี้ฉันทำให้เธอมีความสุขแล้ว เธอต้องตอบแทนกันบ้างสิ” เขาเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่เธอต่อต้านไม่เลิก ก่อนถอดอาภรณ์ออกจากกายแกร่งจนหมดแล้วทาบกายลงบนร่างเล็กอีกครั้ง“ฉายไม่ได้ขอ พี่เมฆ...อุ๊บ” เสียงหวานกลืนหายลงในลำคอ เมื่อถูกริมฝีปากหยักได้รูปจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว คนตัวเล็กดิ้นพล่านไปมาใต้กายแกร่งหวังให้หลุดพ้นจากการกระทำดิบเถื่อนความปรารถนาของเขาไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น พ่อเลี้ยงหนุ่มเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ลำคอขาวเนียน กลิ่นกายเฉพาะจากตัวเธอทำเอาหลงใหลยิ่งนัก ก่อนกดจูบอย่างหนักหน่วง ไม่วายทิ้งรอยแดงสีกุหลาบมากมาย“อื้อ พี่เมฆ”“หลังจากนี้ฉันจะไม่หยุดแล้วนะ” ฝ่ามือใหญ่ประคองแก้มนุ่มนิ่ม สบตาคู่งามของเธอพลางทาบริมฝีปากหยักบนหน้าผากมนภูเมฆคุกเข่าตรงหน้าคนตัวเล็ก จับขาเรียวชันขึ้นเป็นรูปตัวเอ็มพร้อมแยกออกกว้าง ๆ นำท่อนเอ็นขนาดใหญ่ถูไถร่องสวาทเปียกชื้น สอดเข้าข้างในโพรงอ่อนนุ่มจนสุดลำ“อ๊ะ พี่เมฆ” ร่างเล็กสะดุ้งตัวโหยงอย่างตกใจ เดือนฉายกำผ้าปูเตียงแน่น
เดือนฉายเหลือบมองคนตัวโตเดินกลับไปทำงานต่อ ซึ่งทิ้งเธอไว้กลางห้องบนพื้นแบบไม่สนใจไยดี หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเชื่องช้า พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลพรากไปมากกว่านี้ จากนั้นพยุงกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับหมุนตัวเดินออกจากห้องทันใด ไม่แม้เหลียวมองคนข้างหลัง “แค่นี้ยังน้อยไปสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ” สายตาคมกริบมองประตูห้องที่พ้นร่างเล็กไม่นาน ก่อนเหยียดยิ้มอย่างพึงพอใจ“ใจร้ายที่สุดเลย” เอ่ยขึ้นหลังจากเดินออกมา มือเล็กยกขึ้นเช็ดคราบน้ำตาบริเวณพวงแก้มขาวเนียน แล้วตัดสินใจก้าวเดินไปเบื้องหน้าเพื่อตรงกลับบ้านหลายวันต่อมา นับจากเธอกับเขามีปากเสียงกันในครั้งนั้น ทั้งคู่แทบไม่ได้คุยกันเลย ทุกครั้งบังเอิญเจอหน้ากัน เดือนฉายจะทำเมินมองไม่เห็นเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ใส่ใจนักกับการกระทำของเธอในเมื่ออยากพยศดีนักเขาก็ไม่อยากแยแส แต่ความปรารถนาที่มีต่อเธอ ทำให้ยอมลดศักดิ์ศรีไปหาหญิงสาวช่วงกลางดึก“หลับยังนะ” เสียงทุ้มพึมพำพลางเอื้อมมือจับลูกบิดประตูและผลักเข้าข้างใน ก่อนพบว่าภายในห้องมีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟสาดส่องใบหน้างดงามของคนตัวเล็กที่หลับปุ๋ยไปแล้วภูเมฆเดินย่องไปหาคนบนเตียง จากนั้นล้มตัวน
หลังจากมาถึงไร่ส้ม เดือนฉายก็ได้รับงานที่มอบหมายจากภูเมฆ ซึ่งเขาไม่สนใจเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับคำสั่งของตัวเอง นอกจากอยากสั่งสอนคนปากดีเช่นเธอ เดือนฉายเองไม่มีสิทธิ์โต้แย้งยอมทำตามอย่างว่าง่ายงานที่เขาให้เธอทำคือเก็บเกี่ยวผลส้มท่ามกลางแสงแดดจ้า หญิงสาวทำอย่างตั้งใจไม่ปริปากบ่นสักคำ“ฉาย”“อ้าวพี่หมอก” เสียงเรียกของคนมาใหม่เรียกความสนใจจากคนตัวเล็กหันมอง เธอส่งยิ้มให้แก่สายหมอกหรือผู้จัดการไร่ ที่มีศักดิ์เป็นเพื่อนสนิทภูเมฆ“โดนไอ้เมฆใช้งานอีกแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดขึ้นเหมือนล่วงรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเดือนฉาย“...” หญิงสาวไม่ได้ตอบโต้ ทำได้แค่มองเขาแวบหนึ่งก่อนเก็บผลส้มต่อ“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้นะครับ”“ค่ะ” เงยหน้ามองเขาอีกครั้ง จังหวะเดียวกันนัยน์ตาคู่งามเหลือบเห็นใครคนหนึ่งกำลังก้าวเดินมาทางนี้ด้วยใบหน้าบึ้งตึง“ทำหน้าแบบนี้ แสดงว่าไอ้เมฆกำลังมาทางนี้ใช่ไหม”“มาทำอะไรตรงนี้” ไม่ทันที่คนตัวเล็กจะเอ่ยปากตอบคำถามผู้จัดการไร่ เสียงทุ้มของใครอีกคนแทรกขึ้น ก่อนตบบ่าบึกบึนของสายหมอกเบา ๆ ทว่าสายตาดันจับจ้องมองเดือนฉายอย่างคาดโทษ“กูแค่แวะมาคุยกับน้องฉาย”“มึงไม่มีงานทำเหรอ” ปากก







