บ้านรชนิศภานุพงศ์ การที่ไม่มีเขมิกาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ บรรยากาศภายในบ้านเริ่มเปลี่ยนไป อาหารที่เคยเลิศรสและพิถีพิถันในการปรุง การตกแต่งบ้านตามมุมต่างๆ ที่เคยเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ความหอมจากเกสรของมัน ค่อยๆ จางลงไป พร้อมกับการจากไปของผู้หญิงที่ชื่อเขมิกา
ชยันต์ที่นั่งอยู่บนระเบียงของบ้านทรงไทยหลังกว้างใหญ่ เขาเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย ในเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ต้นไม้ที่เอนไปตามลมยามเย็น บ่งบอกให้รู้ว่าความสว่างไสวของช่วงกลางวันกำลังจะสิ้นสุดลง ความมืดมนกำลังจะเข้ามาแทนที่ เหล่าวิหคกำลังโบยบินกลับรัง
บรรยากาศอันร่มรื่นของบ้าน ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่บนเนื้อที่สิบกว่าไร่ ของอาณาเขตเรือนไทย แต่เวลานี้มันช่างมืดครึ้มเสียเหลือเกิน ทุกอย่างรอบๆ บ้าน กำลังเศร้าหม่นเหมือนกับไว้อาลัยให้กับการจากไปของเขมิกา ไม่นานก็มีนกบินเข้ามายังรังนอน ที่อยู่บนต้นไม้ข้างๆ ระเบียงที่ชยันต์นั่งอยู่ ทำให้เขานึกถึงใบหน้างามของคนที่เคยเป็นภรรยา เธอคงไม่หวนกลับมายังรังนอนนี้อีกแล้ว ชยันต์ไม่สามารถทำใจยอมรับเขมิกาเป็นภรรยาได้ เนื่องจากเธอเป็นสาเหตุทำให้พี่ชายของเขาต้องมาตายจากไปโดยไม่ได้ร่ำลา
ชายหนุ่มนั่งอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอด เขาพอจะเดาได้คงเป็นมารดา ที่ห่างบ้านไปนานและคงมีใครส่งข่าวให้ท่านรู้เรื่องเขมิกาเป็นแน่ มารดาของเขาจึงด่วนมาเช่นนี้ เมื่อผู้เป็นมารดาได้เดินทางไปพักผ่อนที่ต่างประเทศและดูแลธุรกิจไปด้วย เกือบสามเดือนที่นางไม่อยู่เมืองไทย นั่นคือโอกาสและเวลาที่เขาเริ่มลงมือวางแผนทำร้ายเขมิกา ให้สาสมกับที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้ชรัญพี่ชายคนเดียวของเขาต้องมาตาย
เมื่อลงจากรถก็มีคนเดินมารายงานคุณหญิงขวัญเรียมเรื่องเขมิกาทันที คนที่รายงานไม่ใช่ใครที่ไหนคนนั้นก็คืออนงค์ แม่นมที่เลี้ยงดูชรัญและชยันต์มาตั้งแต่เล็ก พอคุณหญิงฟังจบนางก็ไม่รอช้ารีบขึ้นไปหาลูกชายอย่างเร่งรีบ เพราะไม่คิดว่าชยันต์จะกล้าทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้ลงได้
"มันเกิดอะไรขึ้นชยันต์ เขมิกาหายไปไหน เธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกแม่" ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากถามขึ้น เมื่อเห็นลูกชายเอาแต่เหม่อลอยออกไปอย่างไร้จุดหมายอย่างนั้น นี่หรือคนที่เป็นฝ่ายชนะ ไม่ใช่เลยเขากำลังแพ้ต่างหาก แพ้ให้กับความรักที่เขามีให้เขมิกา การที่เขาพยายามปฏิเสธหัวใจตัวเองนั้น มันยากยิ่งกว่าการบอกรักใครสักคนเสียอีก
"แม่มาถึงนานหรือยังครับ ทำไมไม่บอก ผมจะได้ไปรับ" เมื่อลูกชายตอบไม่ตรงคำถาม หญิงวัยกลางคนค่อยๆ นั่งลงข้างๆ ชายหนุ่ม ก่อนที่จะถอนหายใจเข้าลึกๆ อย่างเหนื่อยหน่าย กับสิ่งที่ลูกชายกำลังฝืนทำ จนส่งผลให้ตัวเองเจ็บไม้แพ้เขมิกา
"แกกำลังทำอะไรอยู่ชยันต์ เขมไม่มีญาติหรือว่าเพื่อนพ้องที่ไหน ป่านนี้จะไปตกระกำลำบากอยู่ที่ใดก็ไม่รู้ ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะต้องไปเผชิญกับชะตากรรมนอกบ้าน มันไม่สนุกหรอกนะ หยุดซะ! กับสิ่งที่แกกำลังทำอยู่ คนที่จะสูญเสียคือแกเองนะชยันต์"
"แม่ก็รู้เขมิกาคือคนที่ทำให้ชรัญต้องตาย! เธอสมควรได้รับผลกรรมที่ทำไว้ นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ผมปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายมานานแล้ว มันถึงเวลาที่เธอควรจะได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่ผมกับแม่เคยเจอมาก่อน" ชายหนุ่มยังคงหยิบยกเอาเหตุผล ที่มันขัดแย้งกับความรู้สึกขึ้นมาเป็นข้ออ้าง
"ทำไมแกถึงปักใจเชื่อว่าเขมิกาเป็นสาเหตุการตายของชรัญ ในเมื่อหลักฐานอะไรก็ไม่มี เพียงแค่รูปถ่ายของเธอตกอยู่ในห้อง มันไม่เพียงพอหรอกนะ หลักฐานแค่นั้นมันเป็นการปรักปรำเธอมากกว่า”
"แค่นั้นมันก็มากพอแล้ว เธอเป็นสาเหตุทำให้ชรัญต้องตายแน่นอนผมมั่นใจ"
"ชีวิตแกมันคงยึดติดอยู่แต่กับการแก้แค้นหรอกเหรอชยันต์ ถ้าวันหนึ่งความจริงปรากฏ เขมิกาไม่ได้เป็นสาเหตุในการตายของชรัญ แกอย่ามาเสียใจก็แล้วกัน" พอคุณหญิงขวัญเรียมพูดจบ ก็เดินออกไปทันที ซึ่งคุณหญิงรักลูกสะใภ้คนนี้มาก ประหนึ่งว่าเป็นลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง เพราะเขมิกาทำหน้าที่สะใภ้และภรรยาไม่เคยขาดตกบกพร่อง ฝีมือปลายจวักที่ใครได้มาชิมต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ถึงความเลิศรสของอาหารคาวหวานที่เขมิกาเป็นคนปรุง
ถึงแม้ว่าเขมิกาจะไม่ได้โตมากับครอบครัวตระกูลผู้ดีเก่าแก่ แต่มารดาของเธอก็อบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี ทำให้เธอโตขึ้นมา เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาทที่งดงาม บวกกับหน้าตาที่สวยได้รูป ดวงตากลมโตดังดวงจันทร์วันเพ็ญนั้นคนที่โชคดีที่สุดน่าจะเป็นชยันต์ ที่ได้เธอมาเป็นภรรยา แต่เขากลับมองเห็นเธอเป็นเพียง แค่ศัตรูที่พรากชีวิตของพี่ชายของเขาไปเท่านั้น
ชยันต์เปิดประตูเข้ามายังห้องนอน เวลานี้เขาควรดีใจที่ได้แก้แค้นเขมิกาสำเร็จ แต่ทำไมมันกลับมาทิ่มแทงหัวใจของเขาเอง ภาพที่เขมิกานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนตามมุมต่างๆ
ภายในห้องนี้ มันผุดได้ขึ้นมาในหัวของเข้าอีกครั้ง เขาพยายามสลัดมันออกไป แต่ก็กลับวนเวียนมาเหมือนเดิม เพราะไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องใช้ที่เป็นของเขมิกา ครีม แป้ง แปรงยาสีฟัน รองเท้า กระเป๋าทุกอย่างที่เป็นของเธอ มันยังคงวางอยู่ที่เดิมภาพที่เขมมิกานอนอยู่บนเตียง เธอมักจะนอนสะอึกสะอื้นจนตัวสั่นเทา ก่อนหลับทุกคืน ภาพเหล่านั้นมันยังคงตราตรึงตามมาหลอกหลอนเขาอยู่ร่ำไป
ตอนที่เขมิกามาบอกว่าเธอกำลังตั้งท้อง ลึกๆ แล้วเขารู้สึกดีใจ แต่กลับพูดออกไปในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับหัวใจ เขาสั่งให้เขมิกาไปเอาเด็กออก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขาจะพลั้งปากพูดอะไรแบบนั้นออกไป เพราะอารมณ์และความแค้นแท้ๆ ที่พลั้งปากสั่งให้เธอไปฆ่าลูกของตัวเอง
เมื่อนอนไม่หลับชยันต์จึงเดินเข้าไปยังห้องหนึ่ง ก่อนจะไขกุญแจเปิดประตูเข้าไป เขาใช้ห้องนี้เป็นห้องเก็บของบังหน้า แต่ข้างในมันคือห้องของชรัญ เวลามีเรื่องไม่สบายใจ เขามักจะเข้ามาขลุกอยู่แต่ในห้องนี้ เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าชรัญพี่ชายของเขายังอยู่ข้างๆ เสมอ
ใครเล่าจะรู้กับความระทมที่มี เมื่อชีวิตถูกกำหนดมาให้เป็นเช่นนี้ เด็กน้อยกลับมาจากโรงเรียน เธอพบเพียงห้องว่างเปล่า มาเรียมมองซ้ายแลขวาหามารดาผู้ให้กำเนิด จนลัลนาอดที่จะสงสารไม่ได้ เมื่อเด็กตัวแค่นี้ต้องมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ ลัลนาได้แต่หวังว่าอนาคตของมาเรียม โชคชะตาคงไม่เล่นตลกเหมือนกับที่มารดาของเธอพบเจอมา"มาเรียมคืนนี้อยู่กับแม่นานะ แม่เขมไปทำงานพรุ่งนี้เช้าก็กลับ""แม่เขมทำงานที่ไหนคะ ทำไมถึงทำตอนกลางคืน แม่เขมบอกว่าตอนกลางคืนมันอันตราย" คำถามของมาเรียมทำให้ลัลนาถึงกับสะอึก ทุกคนต่างพร่ำสอนให้มาเรียมเป็นเด็กดี ผ้าขาวผืนนี้ใครจะระบายสีอะไรลงไป จะสวยงามแค่ไหนมันคงอยู่ที่คนแต่งแต้ม อย่างน้อยมาเรียมก็โชคดีที่คนแต่งแต้มสีลงไปเป็นเขมิกา มารดาที่รักลูกปานดวงใจ คอยผลักดันส่งเสริมให้หนูน้อยมีอนาคตที่สดใจ แม้ว่าตัวเธอต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตามที"แม่เขมไปทำงาน ไปร้องเพลง มาเรียมไปอาบน้ำนะคะคนเก่ง จะได้มาทานข้าวเย็นด้วยกัน""ค่ะ แม่นา" มาเรียมเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แต่ลัลนากลับรู้สึกผิด เมื่อสิ่งที่พูดไปนั้นมันคือการโกหก ซึ่งมาเรียมเป็นเด็กฉลาด การปกปิดเรื่องนี้คงทำได้เพียงแค่ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
บนเส้นทางที่มืดมนคงไม่อับจนไร้สิ้นซึ่งทางเดิน วันนี้เขมิกาขอติดรถมาส่งลูกสาวด้วย ลัลนาก็ไม่ได้แย้งอะไร เพราะความเป็นจริงแล้วก็อยากให้เขมิกาได้ไปส่งลูกบ้าง อย่างน้อยมาเรียมก็จะรู้สึกอบอุ่นที่มีมารดามาส่งเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง เมื่อมาถึงโรงเรียน เขมิกาขอรอในรถไม่ต้องเอ่ยถึงเหตุผล เพื่อนอย่างลัลนาก็เข้าใจดี"เป็นเด็กดีนะคะเชื่อฟังคุณครูรู้ไหมลูก""ค่ะ สวัสดีค่ะ หนูไปแล้วนะคะคุณแม่" เด็กน้อยพูดพร้อมกับยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ก่อนจะเข้าไปสวมกอดผู้เป็นมารดา จากนั้นจึงลงจากรถไปพร้อมกับลัลนา ก่อนจะโบกมือลามารดาของเธอ ซึ่งเขมิกานั่งอยู่ในรถที่ติดฟิล์มกรองแสงหนาทึบ ทำให้คนที่มองเข้ามาไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นใคร แต่คนอยู่ด้านในสามารถมองออกไปเห็นคนด้านนอกอย่างชัดเจนรถคันหรูแล่นเข้ามาจอดเทียบกับคันที่เขมิกานั่งอยู่ ผู้ชายร่างกำยำที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี ค่อยๆ เปิดประตู พร้อมกับอุ้มเด็กหญิงหน้าตาน่ารักวัยเดียวกับมาเรียมลงมาจากรถ ก่อนจะมีผู้หญิงสาวสวยก้าวเท้าตามลงมา สามคนพ่อแม่ลูกเดินเข้าไปภายในโรงเรียน โดยมีสายตาของเขมิกาทอดมองไปยังสามคนจนลับตา ด้วยความรู้สึกชอกช้ำในอุราเมื่อเขมิกานั่งมองภาพตรงหน้า
เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป การเปิดภาคเรียนใหม่ก็มาถึง เด็กหญิงมาเรียมหน้าตาบ้องแบ๊ววัยน่ารัก เดินเข้ามาในโรงเรียน พร้อมกับมารดาที่ชื่อว่าลัลนา ทำให้ผู้ปกครองบางคนที่รู้ถึงอาชีพของเธอต่างมองมาอย่างเหยียดๆ แต่ลัลนาก็ไม่สนใจ"สวัสดีค่ะคุณครู" ลัลนาพูดพร้อมทั้งพนมมือไหว้ทักทายคุณครู ซึ่งคุณครูเองก็รีบรับไหว้พร้อมทั้งยิ้มกว้างให้กับทั้งสองอย่างเป็นกันเอง"สวัสดีค่ะคุณลัลนา หนูมาเรียม" มาเรียมยกมือขึ้นไหว้ครูไม่สวยเท่าไรนัก เพราะเด็กน้อยเริ่มจะรู้แล้วว่าที่นี่จะไม่มีมารดาของเธอ"ไหว้สวยๆ ค่ะหนูมาเรียม" ลัลนาเอ็ดมาเรียมเล็กน้อย ซึ่งเป็นการติเพื่อก่อ เมื่อลัลนสต้องการให้เด็กน้อยทำกิริยาให้งดงาม สมกับที่เป็นลูกหลานของบ้านรชนิศภานุพงศ์"ซาหวัดดีคะคุณครู" แม้จะพูดยังไม่ชัดสักเท่าไหร่นัก แต่เด็กหญิงมาเรียมก็พูดออกเสียงรอเรือได้ชัดเจน กว่าพยัญชนะตัวอื่น"สวัสดีค่ะ หนูมาเรียมไหว้สวยมากเลยนะคะ ไปค่ะคุณครูจะพาเอาของไปเก็บ แล้วไปเล่นกับเพื่อนๆ นะคะ""ฝากด้วยนะคะคุณครู""ไม่ต้องห่วงค่ะคุณลัลนา หน้าที่ของคุณครูคือการอบรมดูแลและเอาใจใส่เด็กทุกคนเป็นอย่างดีค่ะ"เมื่อลัลนาส่งมาเรียมเข้าห้องเรียนเสร็จแล้ว เธอก็
แม้ชยันต์รู้ดีว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา แต่ก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เมื่อเด็กไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ซึ่งเธอโชคร้ายที่มาเกิดในท้องของแชมเปญ เธอเป็นมารดาที่ไม่เคยแม้แต่จะอุ้มลูกด้วยซ้ำตั้งแต่คลอดออกมา แชมเปญได้ลูกสาวชื่อว่าชนัญ แปลว่าว่าคนที่แตกต่าง เพราะเธอแตกต่างจริงๆ เมื่อมีแชมเปญเป็นแม่และชยันต์เป็นพ่อด้วยเหตุผลที่เขาต้องจำยอม ไม่สามารถปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบนี้ไปได้ เวลาที่เขามองหน้าเด็กน้อยคนนี้ทีไร ทำให้นึกถึงผู้หญิงอีกคน ถ้าลูกของเขายังอยู่ป่านนี้เธอก็คงจะคลอดแล้ว เมื่อนึกถึงเขมิกาทีไร ชยันต์ก็มักเดินเข้าไปในห้องของชรัญเสมอ เพราะของทุกอย่างเขาเก็บมันเอาไว้ที่นี่เพื่อรอให้เขมิกากลับมาทั้งที่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันคงไม่มีวันจะเป็นไปได้ แต่เขาก็ยังหลอกตัวเองว่าสักวันเขมิกาจะกลับมาพร้อมกับลูกน้อย เมื่ออยู่ลำพังน้ำตาของลูกผู้ชายอกสามศอกได้ไหลหยดลงมาอีกครั้ง กรอบรูปงานแต่งที่มีเขาเป็นเจ้าบ่าวเขมิกาเป็นเจ้าสาวใบหน้าอันงดงามที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้ชยันต์นึกถึงวันที่เขาพรากทุกอย่างไปจากเธอ ตั้งแต่วันที่เขาเดินเข้ามาในชีวิตของเขมิกา รอยยิ้มนั่นก
บางครั้งความเจ็บปวดมันก็ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังทุกข์ เพราะการเจ็บปวดครั้งนี้มันมาพร้อมกับความสุข รถพยาบาลแล่นเข้ามาหน้าตึกทางเข้าห้องฉุกเฉิน โดยมีหญิงท้องแก่นอนปวดท้องอยู่ภายในรถ ก่อนที่เธอจะถูกพยาบาลและบุรุษพยาบาลพาขึ้นรถเข็นเข้าไปยังห้องคลอด ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวเขมิกากำลังนอนรอให้กำเนิดทารกน้อย ความเจ็บปวดและการบีบรัดบวกกับการหดตัวเป็นจังหวะของมดลูกนั้น มันมีความรุนแรงสม่ำเสมอและถี่มากขึ้นเรื่อยๆ เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มใบหน้าบวกกับความเจ็บปวดที่บ่งบอกถึงนาทีเป็นนาทีตาย ซึ่งมันเจ็บเกินคำบรรยายใดๆ หากเวลานี้มีบิดาของลูกยืนอยู่ข้างๆ คอยกุมมือให้กำลังใจและซับเหงื่อให้ มันคงจะรู้สึกดีหรืออาจจะบรรเทาความเจ็บปวดลงได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่เวลานี้เขมิกากำลังเผชิญกับความเจ็บปวดนี้เพียงลำพัง เมื่อความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวดีขึ้นเรื่อยๆ นิการู้สึกเจ็บมากที่สุดที่เคยเจ็บมาในชีวิตนี้ ความรู้สึกครั้งนี้ทำให้เธอนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นมารดา ในวันนั้
อดีตมันคือเรื่องราวของเมื่อวาน..แม้เพิ่งผ่านมาไม่นานจะขอจดจำแต่สิ่งดี บ้านรชนิศภานุพงศ์ คุณหญิงขวัญเรียมนั่งถอนหายใจอยู่ที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นสภาพของลูกชายที่เหลือเพียงคนเดียวตอนนี้ชยันต์ไม่ต่างอะไรกับศพที่เดินได้ หน้าตาที่เคยหล่อเหลาเวลานี้มันรุงรังไปด้วยหนวดเครา เนื้อตัวที่ซูบผอมเสื้อผ้าที่เคยเนี้ยบ คนรีดต้องใช้เวลาและพิถีพิถันเป็นอย่างดีเขาจึงจะสวมใส่แต่เวลานี้เขากลับสวมเพียงแค่เสื้อยืดกางเกงยีนที่ไม่ได้ถอดไปซักเป็นเวลาหลายวันแล้ว มันดูมอซอเสียจนผู้เป็นมารดาแทบทนไม่ได้ กลิ่นน้ำเมาส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลคละคลุ้งไปทั่วร่าง แทนน้ำหอมแบรนด์เนมที่เคยใช้ น้ำที่ไม่ได้ไหลชำระล้างผ่านร่างกายมาหลายวันนั้น ทำให้สภาพของเขาเวลานี้ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ใครเห็นคงไม่เชื่อแน่ว่าเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อไฟแรง ที่บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่เคยแย่งกันขายขนมจีบ "ชยันต์แกจะหยุดดื่มได้หรือยังแม่ขอเถอะนะ แม่เหลือแกแ