#การเริ่มต้นบางครั้งมันก็เป็นจุดจบได้เหมือนกัน#
หญิงสาวสวยร่างสูงเพรียวโปร่ง ผิวขาวจมูกโด่งดวงตากลมโตดั่งดวงจันทราที่สว่างไสวยามค่ำคืนเดือนเพ็ญ แต่ภายใต้ดวงตาคู่สวยนั้น มันเริ่มแดงและบวมเป่งอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้างามของเธอนั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา บ่งบอกให้รู้ว่าเธอเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เขมิกาเดินเข้ามาช้าๆ ในสถานที่ ซึ่งผู้หญิงหลายคนอยากหนีห่างไปให้พ้นๆ ผู้ชายมาเยือนที่นี่ พวกเขาเหล่านั้นหวังเพียงแค่เชยชมร่างสตรีเท่านั้น ไม่มีใครเห็นค่าหรือเมตตาพวกเธอเลยสักนิด พวกเขาใช้เงินเพื่อแลกกับตัณหาราคะ ซึ่งมันก็ไม่ผิดหากชายพวกนั้นไม่มีภรรยาหรือว่าลูกเมียรออยู่ที่บ้าน
หญิงสาวตัดสินใจโทรหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่มีเพื่อนัดเจอ เมื่อเข้ามาถึงด้านในก็มีคนมารับและพาเธอไปยังห้องของหญิงที่ถูกนัดเอาไว้ เมื่อเปิดประตูเข้าไปเพียงแค่สบตาและพบหน้า ทั้งสองก็วิ่งเข้าสวมกอดกันทันที พร้อมทั้งเสียงสะอื้นดังระงมไปทั่วทั้งห้อง
"มันเกิดอะไรขึ้นกับแกเขมิกา แกหยุดร้องก่อน! ยังไงแกก็ยังมีฉันฉันคนนี้ไม่มีวันทิ้งแก" ลัลนาพูดปลอบพร้อมทั้งโอบกอดเพื่อนรักเอาไว้แน่น
"ลัลนาเขมไม่ไหวแล้ว คนที่เขมแต่งงานด้วยไม่ใช่ชรัญ! เขาหลอกเขมมาโดยตลอด ทำไมเขมถึงโง่อย่างนี้ แค่นี้ก็ดูไม่ออกว่าเขาไม่ใช่ชรัญ!" เขมิกาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือก่อนจะร้องไห้โฮออกมาไม่หยุด
“ฮึก! ฮือ ฮื้อ! เขมโง่เอง” เธอร้องไห้จนตัวโยนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ภายใต้อ้อมกอดของเพื่อนสาวคนสนิท ความขมขื่นที่ได้รับ เธอต้องแต่งงานกับชายอื่นมาเป็นแรมปี แต่นั่นมันไม่เท่าเหตุผลที่เขาแต่งงานกับเธอ เมื่อชรัญฆ่าตัวตายโดยทิ้งปมเอาไว้ รูปของเขมิกาเกลื่อนเต็มห้อง ทำให้ชยันต์แฝดผู้น้องของเขาคิดว่าสาเหตุการฆ่าตัวตายของพี่ชายคือเขมมิกา ซึ่งเธอนั้นไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
เขมิกาเล่าเรื่องราวทั้งหมด ให้กับลัลนาฟังทั้งน้ำตา แต่แล้วอยู่ๆ ร่างขาวสูงโปร่งก็ได้ทรุดลงไปกองกับพื้น โดยมีลัลนารับไว้ทัน ก่อนที่ก้นของเธอจะกระแทกกับพื้นกระเบื้องแข็ง
"เฮ้ย! เขม! เขมิกาแกเป็นอะไรไปเนี่ย ใครอยู่ข้างนอกบ้างเข้ามาช่วยกันเร็ว!" เด็กๆ ของลัลนาเข้ามาช่วยยกเขมิกาไปนอนบนเตียง เธออ่อนล้าหมดแรงจากการเดินทางทั้งวัน ร่างที่นอนอยู่บนเตียงอย่างน่าสมเพชนั้น ใครจะรู้ว่าเธอต้องแบกรับชะตากรรมกับสิ่งที่เธอไม่ได้เป็นผู้กระทำเลยแม้แต่น้อย
ผู้ชายที่ทำตัวราวกับเทพบุตรมาเป็นแรมปี ก่อนจะกลายร่างเป็นอสุรกาย เมื่อเขารู้ว่าร่างกายและหัวใจของเธอ ยกให้ผู้ชายอย่างเขาเพียงคนเดียวไปจนสิ้น ชายหนุ่มไม่รอช้าเขาทำทุกอย่าง เพื่อให้เธอเจ็บปวดลึกสุดใจ เท่าที่จะทำได้
ลัลนาเอาผ้าเย็นมาซับหน้า ให้กับเพื่อนรักของเธออย่างเบามือ ซึ่งเธอพอจะเดาเหตุการณ์ได้ เขมิกากำลังผ่านอะไรมา เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่ประถมและโตมาด้วยกัน เขมิกาค่อนข้างมีฐานะถือว่าร่ำรวยเลยก็ว่าได้ แต่เธอก็ไม่เคยรังเกียจลัลนาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นค่าเทอม ค่าที่พักค่าอาหาร เขมิกามักออกให้ลัลนาก่อนเสมอ โดยที่ไม่เคยทวงถามหรือขอให้ทำอะไรตอบแทนเลยแม้แต่น้อย
จวบจนกระทั่งวันที่ครอบครัวของเขมิกาล้มละลาย พ่อกับแม่ของเธอได้ฆ่าตัวตายไปทั้งคู่ ทำให้เขมิกาต้องเผชิญกับโลกกว้างเพียงลำพังอย่างอดสูน่าหดหู่ใจ แต่เธอก็เข้มแข็งผ่านมันมาได้
จนวันที่เธอได้เป็นผู้หญิงที่อยู่บนข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ ในวันที่เธอแต่งงานกับลูกชายของตระกูลรชนิภานุพงศ์ผู้ดีเก่าแก่และร่ำรวยติดอันดับของประเทศใครๆ ต่างก็อิจฉาเขมิกา อย่างน้อยในความโชคร้าย เธอก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง ที่ได้ผู้ชายแบบชรัญที่คบหาดูใจกันมานานเป็นคู่ชีวิต แต่ใครจะรู้ภายใต้คราบของชรัญนั้น เป็นชยันต์แฝดผู้น้อง คนที่หยิบยื่นความเจ็บปวดมาให้กับเธอ
เขมิกาค่อยๆ ลืมตาขึ้น น้ำตาของเธอไหลรินออกมาอีกครั้ง ความจริงมันไหลจนไม่มีจะให้ไหลแล้วด้วยซ้ำ เธอค่อยๆ ขยับแล้วหลับลงอย่างช้าๆ ก่อนจะหายใจเข้าออกลึกๆ
"ลัลนา เขมไม่คิดเลยว่า เขาจะเป็นคนเลวได้ถึงเพียงนี้ เขาพาผู้หญิงเข้าบ้าน ในแต่ละวันไม่ซ้ำหน้า แต่นั่นมันก็ไม่เท่ากับสิ่งที่เขาสั่งให้เขมไปทำ เขาให้เขมไปทำแท้ง เขาสั่งให้เขมฆ่าลูกตัวเอง! ฮือ! ฮื้อ! ต้องเลวแค่ไหน ถึงจะทำเรื่องแบบนี้ได้ ทำไมจิตใจเขาถึงได้เลวทรามต่ำช้าผิดมนุษย์มนา เขาไม่ใช่คน! แต่เขาคืออสุรกายลัลนา! เขาก็อสุรกาย”
เขมิกาพูดพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟายออกมา ทำให้ลัลนานั่งขยับเข้าใกล้แล้วก้มลงโอบกอดเพื่อนรักเอาไว้ ทำไมชีวิตของเขมิกาถึงได้เผชิญกับเรื่องเลวร้ายเพียงนี้ ทำไมคนดีๆ ถึงต้องเจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัดครั้งแล้วครั้งเล่า
"ตอนนี้เข็มท้องได้กี่เดือนแล้วไม่เป็นไรนะ" ลัลนาเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
"เขมท้องได้สามเดือนแล้ว"
"เขมพักอยู่ที่นี่กับนาก่อน แล้วค่อยขยับขยาย หรือว่าเขมจะรอคลอดก่อน แล้วเราค่อยมาคิดหาทางออกกันอีกทีก็ได้"
"ขอบคุณมากนะนา ชีวิตเขมไม่เหลือใครแล้ว เขมทำกรรมอะไรไว้ ทำไมต้องมารับกรรมที่เขมไม่ได้เป็นคนก่อด้วย ลูกที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ต้องพลอยโดนชะตากรรมเล่นงานไปด้วยอีกคน โลกใบนี้ช่างไร้ความยุติธรรม” เขมิกาพูดพร้อมกับก้มลงไปเอามือลูบเบาๆ ที่หน้าท้องของตัวเอง น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ใครจะรู้ว่าชีวิตของเธอจะอาภัพเช่นนี้
"หยุดร้องได้แล้ว หิวข้าวไหม เดี๋ยวนาจะให้เด็กไปซื้อมาให้ ยังไงก็ต้องกิน ลูกในท้องจะได้แข็งแรงอย่าคิดมาก เขมจะเป็นแม่คนแล้วนะต้องทำเพื่อลูกรู้หรือเปล่า" เขมิกาเพียงแค่พยักหน้าให้กับลัลนา ยังไงเธอก็ต้องเข้มแข็งเพื่อลูก
เมื่อเพื่อนรักเดินออกจากห้องไป เขมิกาก้มหน้าลงกับเข่าที่ตั้งชันขึ้น เมื่อเธอคิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่มีร่วมกับเขา มันยากมากสำหรับเธอกับการจะลืมใครสักคน ที่เข้ามาเติมเต็มในช่วงชีวิตที่เคว้งคว้างไม่มีใคร แต่เมื่อนึกถึงอีกด้านของเขาทีไร การที่เขากระทำระยำกับเธอ มันไม่ต่างอะไรเลยกับการที่เขาเอามีดมากรีดที่ขั้วหัวใจ มันปวดหนึบ เมื่อภาพที่เขาพาหญิงอื่นมาคลอเคลียกอดจูบลูบคลำบนเตียงที่เธอเคยนอน ที่ชอกช้ำสุดใจ เมื่อเขาพาหญิงอื่นมา
ถ้าเธอไม่ยอมออกไป เขาก็จะแสดงหนังสดให้เธอดูทุกครั้ง มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน เธอ แทบทนมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ไหว เขมิกาเกือบทำอะไรบ้าๆ ลงไป เธอเกือบฆ่าตัวตาย เพียงเพราะหัวใจโดนเขาเหยียบย่ำ และกระทืบซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องขอบคุณลูกน้อยในครรภ์ ที่ทำให้เธอคิดได้ เด็กไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ลูกไม่สมควรตาย เพราะอารมณ์ชั่ววูบของผู้เป็นมารดา
ในเวลานี้ลูกคือสิ่งเดียวและความหวังเดียวที่ทำให้เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อ เธอไม่อาจรู้ได้ว่าวันข้างหน้าจะต้องเผชิญกับอะไร ที่มันหนักหนาสาหัสมากไปกว่าวันนี้ไหม แต่เธอก็ยังคิดว่าวันพรุ่งนี้ย่อมดีกว่าเมื่อวานยังไงเธอก็ต้องอยู่ต่อให้ได้ ตราบาปบริสุทธิ์ในครรภ์นี้จะต้องเติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์และแข็งแกร่ง เมื่อโลกใบนี้มันโหดร้ายกับคนอ่อนแอ ลูกของเธอต้องมีภูมิคุ้มกันรู้เท่าทันคน
ใครเล่าจะรู้กับความระทมที่มี เมื่อชีวิตถูกกำหนดมาให้เป็นเช่นนี้ เด็กน้อยกลับมาจากโรงเรียน เธอพบเพียงห้องว่างเปล่า มาเรียมมองซ้ายแลขวาหามารดาผู้ให้กำเนิด จนลัลนาอดที่จะสงสารไม่ได้ เมื่อเด็กตัวแค่นี้ต้องมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ ลัลนาได้แต่หวังว่าอนาคตของมาเรียม โชคชะตาคงไม่เล่นตลกเหมือนกับที่มารดาของเธอพบเจอมา"มาเรียมคืนนี้อยู่กับแม่นานะ แม่เขมไปทำงานพรุ่งนี้เช้าก็กลับ""แม่เขมทำงานที่ไหนคะ ทำไมถึงทำตอนกลางคืน แม่เขมบอกว่าตอนกลางคืนมันอันตราย" คำถามของมาเรียมทำให้ลัลนาถึงกับสะอึก ทุกคนต่างพร่ำสอนให้มาเรียมเป็นเด็กดี ผ้าขาวผืนนี้ใครจะระบายสีอะไรลงไป จะสวยงามแค่ไหนมันคงอยู่ที่คนแต่งแต้ม อย่างน้อยมาเรียมก็โชคดีที่คนแต่งแต้มสีลงไปเป็นเขมิกา มารดาที่รักลูกปานดวงใจ คอยผลักดันส่งเสริมให้หนูน้อยมีอนาคตที่สดใจ แม้ว่าตัวเธอต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตามที"แม่เขมไปทำงาน ไปร้องเพลง มาเรียมไปอาบน้ำนะคะคนเก่ง จะได้มาทานข้าวเย็นด้วยกัน""ค่ะ แม่นา" มาเรียมเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แต่ลัลนากลับรู้สึกผิด เมื่อสิ่งที่พูดไปนั้นมันคือการโกหก ซึ่งมาเรียมเป็นเด็กฉลาด การปกปิดเรื่องนี้คงทำได้เพียงแค่ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
บนเส้นทางที่มืดมนคงไม่อับจนไร้สิ้นซึ่งทางเดิน วันนี้เขมิกาขอติดรถมาส่งลูกสาวด้วย ลัลนาก็ไม่ได้แย้งอะไร เพราะความเป็นจริงแล้วก็อยากให้เขมิกาได้ไปส่งลูกบ้าง อย่างน้อยมาเรียมก็จะรู้สึกอบอุ่นที่มีมารดามาส่งเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง เมื่อมาถึงโรงเรียน เขมิกาขอรอในรถไม่ต้องเอ่ยถึงเหตุผล เพื่อนอย่างลัลนาก็เข้าใจดี"เป็นเด็กดีนะคะเชื่อฟังคุณครูรู้ไหมลูก""ค่ะ สวัสดีค่ะ หนูไปแล้วนะคะคุณแม่" เด็กน้อยพูดพร้อมกับยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ก่อนจะเข้าไปสวมกอดผู้เป็นมารดา จากนั้นจึงลงจากรถไปพร้อมกับลัลนา ก่อนจะโบกมือลามารดาของเธอ ซึ่งเขมิกานั่งอยู่ในรถที่ติดฟิล์มกรองแสงหนาทึบ ทำให้คนที่มองเข้ามาไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นใคร แต่คนอยู่ด้านในสามารถมองออกไปเห็นคนด้านนอกอย่างชัดเจนรถคันหรูแล่นเข้ามาจอดเทียบกับคันที่เขมิกานั่งอยู่ ผู้ชายร่างกำยำที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี ค่อยๆ เปิดประตู พร้อมกับอุ้มเด็กหญิงหน้าตาน่ารักวัยเดียวกับมาเรียมลงมาจากรถ ก่อนจะมีผู้หญิงสาวสวยก้าวเท้าตามลงมา สามคนพ่อแม่ลูกเดินเข้าไปภายในโรงเรียน โดยมีสายตาของเขมิกาทอดมองไปยังสามคนจนลับตา ด้วยความรู้สึกชอกช้ำในอุราเมื่อเขมิกานั่งมองภาพตรงหน้า
เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป การเปิดภาคเรียนใหม่ก็มาถึง เด็กหญิงมาเรียมหน้าตาบ้องแบ๊ววัยน่ารัก เดินเข้ามาในโรงเรียน พร้อมกับมารดาที่ชื่อว่าลัลนา ทำให้ผู้ปกครองบางคนที่รู้ถึงอาชีพของเธอต่างมองมาอย่างเหยียดๆ แต่ลัลนาก็ไม่สนใจ"สวัสดีค่ะคุณครู" ลัลนาพูดพร้อมทั้งพนมมือไหว้ทักทายคุณครู ซึ่งคุณครูเองก็รีบรับไหว้พร้อมทั้งยิ้มกว้างให้กับทั้งสองอย่างเป็นกันเอง"สวัสดีค่ะคุณลัลนา หนูมาเรียม" มาเรียมยกมือขึ้นไหว้ครูไม่สวยเท่าไรนัก เพราะเด็กน้อยเริ่มจะรู้แล้วว่าที่นี่จะไม่มีมารดาของเธอ"ไหว้สวยๆ ค่ะหนูมาเรียม" ลัลนาเอ็ดมาเรียมเล็กน้อย ซึ่งเป็นการติเพื่อก่อ เมื่อลัลนสต้องการให้เด็กน้อยทำกิริยาให้งดงาม สมกับที่เป็นลูกหลานของบ้านรชนิศภานุพงศ์"ซาหวัดดีคะคุณครู" แม้จะพูดยังไม่ชัดสักเท่าไหร่นัก แต่เด็กหญิงมาเรียมก็พูดออกเสียงรอเรือได้ชัดเจน กว่าพยัญชนะตัวอื่น"สวัสดีค่ะ หนูมาเรียมไหว้สวยมากเลยนะคะ ไปค่ะคุณครูจะพาเอาของไปเก็บ แล้วไปเล่นกับเพื่อนๆ นะคะ""ฝากด้วยนะคะคุณครู""ไม่ต้องห่วงค่ะคุณลัลนา หน้าที่ของคุณครูคือการอบรมดูแลและเอาใจใส่เด็กทุกคนเป็นอย่างดีค่ะ"เมื่อลัลนาส่งมาเรียมเข้าห้องเรียนเสร็จแล้ว เธอก็
แม้ชยันต์รู้ดีว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา แต่ก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เมื่อเด็กไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ซึ่งเธอโชคร้ายที่มาเกิดในท้องของแชมเปญ เธอเป็นมารดาที่ไม่เคยแม้แต่จะอุ้มลูกด้วยซ้ำตั้งแต่คลอดออกมา แชมเปญได้ลูกสาวชื่อว่าชนัญ แปลว่าว่าคนที่แตกต่าง เพราะเธอแตกต่างจริงๆ เมื่อมีแชมเปญเป็นแม่และชยันต์เป็นพ่อด้วยเหตุผลที่เขาต้องจำยอม ไม่สามารถปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบนี้ไปได้ เวลาที่เขามองหน้าเด็กน้อยคนนี้ทีไร ทำให้นึกถึงผู้หญิงอีกคน ถ้าลูกของเขายังอยู่ป่านนี้เธอก็คงจะคลอดแล้ว เมื่อนึกถึงเขมิกาทีไร ชยันต์ก็มักเดินเข้าไปในห้องของชรัญเสมอ เพราะของทุกอย่างเขาเก็บมันเอาไว้ที่นี่เพื่อรอให้เขมิกากลับมาทั้งที่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันคงไม่มีวันจะเป็นไปได้ แต่เขาก็ยังหลอกตัวเองว่าสักวันเขมิกาจะกลับมาพร้อมกับลูกน้อย เมื่ออยู่ลำพังน้ำตาของลูกผู้ชายอกสามศอกได้ไหลหยดลงมาอีกครั้ง กรอบรูปงานแต่งที่มีเขาเป็นเจ้าบ่าวเขมิกาเป็นเจ้าสาวใบหน้าอันงดงามที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้ชยันต์นึกถึงวันที่เขาพรากทุกอย่างไปจากเธอ ตั้งแต่วันที่เขาเดินเข้ามาในชีวิตของเขมิกา รอยยิ้มนั่นก
บางครั้งความเจ็บปวดมันก็ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังทุกข์ เพราะการเจ็บปวดครั้งนี้มันมาพร้อมกับความสุข รถพยาบาลแล่นเข้ามาหน้าตึกทางเข้าห้องฉุกเฉิน โดยมีหญิงท้องแก่นอนปวดท้องอยู่ภายในรถ ก่อนที่เธอจะถูกพยาบาลและบุรุษพยาบาลพาขึ้นรถเข็นเข้าไปยังห้องคลอด ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวเขมิกากำลังนอนรอให้กำเนิดทารกน้อย ความเจ็บปวดและการบีบรัดบวกกับการหดตัวเป็นจังหวะของมดลูกนั้น มันมีความรุนแรงสม่ำเสมอและถี่มากขึ้นเรื่อยๆ เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มใบหน้าบวกกับความเจ็บปวดที่บ่งบอกถึงนาทีเป็นนาทีตาย ซึ่งมันเจ็บเกินคำบรรยายใดๆ หากเวลานี้มีบิดาของลูกยืนอยู่ข้างๆ คอยกุมมือให้กำลังใจและซับเหงื่อให้ มันคงจะรู้สึกดีหรืออาจจะบรรเทาความเจ็บปวดลงได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่เวลานี้เขมิกากำลังเผชิญกับความเจ็บปวดนี้เพียงลำพัง เมื่อความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวดีขึ้นเรื่อยๆ นิการู้สึกเจ็บมากที่สุดที่เคยเจ็บมาในชีวิตนี้ ความรู้สึกครั้งนี้ทำให้เธอนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นมารดา ในวันนั้
อดีตมันคือเรื่องราวของเมื่อวาน..แม้เพิ่งผ่านมาไม่นานจะขอจดจำแต่สิ่งดี บ้านรชนิศภานุพงศ์ คุณหญิงขวัญเรียมนั่งถอนหายใจอยู่ที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นสภาพของลูกชายที่เหลือเพียงคนเดียวตอนนี้ชยันต์ไม่ต่างอะไรกับศพที่เดินได้ หน้าตาที่เคยหล่อเหลาเวลานี้มันรุงรังไปด้วยหนวดเครา เนื้อตัวที่ซูบผอมเสื้อผ้าที่เคยเนี้ยบ คนรีดต้องใช้เวลาและพิถีพิถันเป็นอย่างดีเขาจึงจะสวมใส่แต่เวลานี้เขากลับสวมเพียงแค่เสื้อยืดกางเกงยีนที่ไม่ได้ถอดไปซักเป็นเวลาหลายวันแล้ว มันดูมอซอเสียจนผู้เป็นมารดาแทบทนไม่ได้ กลิ่นน้ำเมาส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลคละคลุ้งไปทั่วร่าง แทนน้ำหอมแบรนด์เนมที่เคยใช้ น้ำที่ไม่ได้ไหลชำระล้างผ่านร่างกายมาหลายวันนั้น ทำให้สภาพของเขาเวลานี้ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ใครเห็นคงไม่เชื่อแน่ว่าเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อไฟแรง ที่บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่เคยแย่งกันขายขนมจีบ "ชยันต์แกจะหยุดดื่มได้หรือยังแม่ขอเถอะนะ แม่เหลือแกแ