ห้องทำงานรองประธานบริษัท PNSP
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง ก่อนที่นาวินจะก้าวเข้ามาพร้อมเอกสารในมือ
ชนกันต์เงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังเซ็น มองเลขาคนสนิทที่เดินเข้ามาพร้อมท่าทีจริงจัง
"มีผู้หญิงชื่ออันดาโทรมาหาผมเมื่อเช้าครับ บอกว่าคุณให้เบอร์ผมไว้ แล้วเธอก็โทรมาขอสมัครงาน แต่... ตอนนี้ทุกแผนกของเราก็เต็มหมดแล้วครับ ถ้าจะมีก็แค่พวก QC หรือช่างวิศวกรรม"
ชนกันต์นิ่งไปเล็กน้อย ชื่อและใบหน้าของเธอผุดขึ้นมาในความคิดทันที
"เอ่อ... แต่เหมือนจะมีตำแหน่งหนึ่งที่ยังว่างอยู่นะครับ" นาวินพูดขึ้นพลางเลิกคิ้ว ยิ้มมุมปาก
"ตำแหน่งอะไร?"
"คู่ควงคนใหม่ของคุณยังไงล่ะครับ" เขาพูดติดตลก แต่ก็ไม่ใช่เล่นเสียทีเดียว
"นายนี่นะ..." ชนกันต์ถอนหายใจ แต่แววตาเริ่มมีแววขบขัน
"ก็คุณเองไม่ใช่เหรอครับที่บ่นอยากให้คุณเอมอยู่บ้านดูแลลูก แล้วถ้าอยากปิดบังคุณท่าน กับแม่เลี้ยงของคุณ ไม่ให้สงสัยมากนัก ก็ต้องหาคนมาเล่นละครให้สมบทบาทสิครับ"
"แต่ผู้หญิงคนนั้นน่ะ... หน้าตาน่ารักก็จริง แต่ก็ดูธรรมดา ที่สำคัญนิสัยเธอน่ะ... ห่ามเกินไป ไม่มีกลิ่นอายกุลสตรีเลยสักนิด" เขาพูดพลางนึกถึงตอนที่เธอตวัดเท้าใส่คนร้าย และตอนสั่งน้ำมูกบนรถ
"นั่นแหละครับที่เรียกว่าดี!" นาวินยิ้มกว้างขึ้นอีก
"ดีตรงไหน?"
"ผู้หญิงแบบนั้นแหละครับ ที่น่าจะป่วนแม่เลี้ยงคุณได้ถึงใจ ดูจากบุคลิกแล้วคงไม่ยอมให้ใครกดขี่ง่าย ๆ หรอกครับ"
"เธอจะกล้าจริงเหรอ? วันนั้นฉันยังเห็นว่าเธอไม่ค่อยสู้คนเท่าไหร่..." เขาพูดพลางนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ร้านกาแฟ "...แต่เอ๊ะ ตอนเตะโจรนั่นก็แรงใช้ได้อยู่เหมือนกันแฮะ..."
ชนกันต์เงียบไป รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว
"ผมไม่เคยเห็นคุณต้องมานั่งคิดทบทวนเกี่ยวกับนิสัยของผู้หญิงคนไหนนานขนาดนี้เลยนะครับ" นาวินพูดพลางมองเจ้านายด้วยแววตาสังเกต
"เธอมีบางอย่างที่... พิเศษ"
"งั้นตกลงตามนี้นะครับ ผมจะจัดการให้เธอเข้าทำงานในตำแหน่ง... เลขาฯ เพิ่มอีกคน แล้วให้คุณสองคนแกล้งเป็นแฟนกัน"
ชายหนุ่มพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตกลง
สิ้นเสียงอนุมัติของเจ้านาย นาวินก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม อาจเพราะในใจลึก ๆ เขากำลังหวังบางสิ่งบางอย่าง... ที่อาจเปลี่ยนชีวิตเจ้านายของเขาไปตลอดกาล
เมื่อก้าวเข้ามาภายในบ้าน เพียงมองรอบตัวก็พอเดาได้ไม่ยากว่า ยังไม่ถึงวันที่แม่บ้านจะมาทำความสะอาดตามกำหนด ข้าวของวางกระจัดกระจายเล็กน้อย ถุงช็อปปิ้งกองระเกะระกะอยู่บนโต๊ะกลางห้อง เหมือนเจ้าของบ้านเพิ่งกลับมา แล้วก็วางของแบบไม่ใส่ใจนัก"คุณไม่มีแม่บ้านเหรอ?" อันดาเอ่ยถาม พลางกวาดสายตาไปรอบห้อง เธออดสงสัยไม่ได้ ผู้ชายที่ดูเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ขับรถหรู ประมูลรูปภาพราคาหลักล้านได้แบบไม่สะเทือนเงินในบัญชี แต่กลับปล่อยให้บ้านรกรุงรังแบบนี้?"มี แค่ยังไม่ถึงรอบที่เขาจะเข้ามาทำความสะอาด" ชนกันต์ตอบตามตรง เขาไม่ได้คิดว่าบ้านของเขาจะดูแย่ขนาดนั้น มันแค่... ไม่เรียบร้อยเท่าที่ควรเท่านั้นเอง"ผิดกับภาพลักษณ์จังเลยนะ รองประธานหนุ่มสุดหล่อ บ้านหรู แต่งตัวเนี๊ยบแทบทุกกระเบียดนิ้ว แต่ข้างในบ้าน... ลิบลับเลยค่ะ""ผมไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวาย เลยไม่จ้างแม่บ้านประจำ"อันดาพยักหน้าเข้าใจ แล้วหันไปกวาดตามองบริเวณครัวอีกครั้ง"ก็คงจะไม่มีแม่ครัว อย่าบอกนะว่าคุณชวนฉันมากินข้าว จะลงมือทำอาหารให้ฉันเองเลย?""ผมทำอาหารไม่เป็น""อ้าว... แล้วใครจะทำให้ล่ะ? หรือจะให้ฉันทำ?""เดี๋ยวผมสั่งจากโรงแรมใกล้ๆ ให้ส่งมา"ค
เมื่อก้าวเข้ามาภายในบ้าน เพียงมองรอบตัวก็พอเดาได้ไม่ยากว่า ยังไม่ถึงวันที่แม่บ้านจะมาทำความสะอาดตามกำหนด ข้าวของวางกระจัดกระจายเล็กน้อย ถุงช็อปปิ้งกองระเกะระกะอยู่บนโต๊ะกลางห้อง เหมือนเจ้าของบ้านเพิ่งกลับมา แล้วก็วางของแบบไม่ใส่ใจนัก"คุณไม่มีแม่บ้านเหรอ?" อันดาเอ่ยถาม พลางกวาดสายตาไปรอบห้อง เธออดสงสัยไม่ได้ ผู้ชายที่ดูเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ขับรถหรู ประมูลรูปภาพราคาหลักล้านได้แบบไม่สะเทือนเงินในบัญชี แต่กลับปล่อยให้บ้านรกรุงรังแบบนี้?"มี แค่ยังไม่ถึงรอบที่เขาจะเข้ามาทำความสะอาด" ชนกันต์ตอบตามตรง เขาไม่ได้คิดว่าบ้านของเขาจะดูแย่ขนาดนั้น มันแค่... ไม่เรียบร้อยเท่าที่ควรเท่านั้นเอง"ผิดกับภาพลักษณ์จังเลยนะ รองประธานหนุ่มสุดหล่อ บ้านหรู แต่งตัวเนี๊ยบแทบทุกกระเบียดนิ้ว แต่ข้างในบ้าน... ลิบลับเลยค่ะ""ผมไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวาย เลยไม่จ้างแม่บ้านประจำ"อันดาพยักหน้าเข้าใจ แล้วหันไปกวาดตามองบริเวณครัวอีกครั้ง"ก็คงจะไม่มีแม่ครัว อย่าบอกนะว่าคุณชวนฉันมากินข้าว จะลงมือทำอาหารให้ฉันเองเลย?""ผมทำอาหารไม่เป็น""อ้าว... แล้วใครจะทำให้ล่ะ? หรือจะให้ฉันทำ?""เดี๋ยวผมสั่งจากโรงแรมใกล้ๆ ให้ส่งมา"
“หนึ่งแสน” เป็นชนครที่เริ่มต้นการประมูลทันที เขาชนะมาเกือบทุกชิ้นแล้ว จะมาแพ้เอาชิ้นสุดท้ายไม่ได้เด็ดขาด“หนึ่งล้าน” ชนกันต์ประกาศพลางชูป้ายประมูลขึ้น แล้วเอนหลังเล็กน้อย พลางไขว่ห้างอย่างไม่ยี่หระ“หนึ่งล้านเลยเหรอพี่?” น้องชายหันมาทำตาโตอย่างตกใจ ราคาแค่เริ่มต้นยังแรงขนาดนี้เลยเหรอ?“จะสู้ก็สู้ ไม่สู้ก็ยอมแพ้ไปเลย อย่าลืมนะ ว่านายประมูลไปเกือบสิบล้านแล้ว ถ้าแม่นายรู้เข้า คงไม่ปลื้มนักหรอก” เขาว่าพลางยกนิ้วลูบลำคอตัวเองเป็นเชิงเตือน“ได้!” ชนครตอบกลับอย่างขัดใจ ก่อนจะยกป้ายขึ้นประกาศเสียงดัง“สองล้าน!”“ห้าล้าน” เสียงชนกันต์นิ่งเรียบ แต่หนักแน่น พร้อมกับยกป้ายประมูลขึ้นอีกครั้งทันใดนั้น เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทั่วทั้งห้องอีกระลอก ทุกคนในงานเริ่มถอนหายใจหนัก บรรยากาศที่ควรจะน่าตื่นเต้นกลับกลายเป็นความเบื่อหน่ายอย่างเงียบงัน...ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า ของทุกชิ้นวันนี้จะตกเป็นของคนในตระกูลนี้ ไม่พี่ก็ต้องน้อง แล้วแบบนี้... จะจัดงานประมูลขึ้นมาทำไมกันนะ?“คุณนครค่ะ คุณนายฝากมาบอกว่า... ให้คุณนครหยุดประมูลได้แล้วค่ะ ถ้ายังไม่หยุด กลับบ้านไปมีเรื่องแน่นอน”เลขาของคุณชงโคเดินมากระซิบข้างหูนายน้อยตา
“หนึ่งหมื่น”“สองหมื่น”“สามหมื่น”“สี่หมื่น”ชนกันต์หันไปมองน้องชาย ที่ไม่ว่าจะยื่นราคาเท่าไร ชนครก็มักจะเสนอเกทับขึ้นมาเสมอ ทั้งห้องเงียบงันลง ผู้เข้าร่วมงานต่างหันมาจับตาดูสองพี่น้องที่กำลังประมูลแข่งกันอย่างเคร่งเครียด“หนึ่งแสน” ชนกันต์ประกาศ พร้อมหันไปสบตาน้องชายเต็มๆ เขารู้ดีว่านิสัยของอีกฝ่ายไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆและก็เป็นไปตามคาด“ห้าแสน!” ชนครยิ้มเยาะ คิดว่าพี่ชายไม่กล้าสู้ราคาขนาดนี้แน่ๆ“โอเค... ยอม” ชนกันต์เอ่ยอย่างง่ายดาย ก่อนจะกระตุกยิ้มบางอันดาที่นั่งข้างๆ ขมวดคิ้วทันที นึกบ่นด่าเขาในใจ …ไม่คิดจะพยายามอีกสักนิดเพื่อเธอบ้างหรือไง?“ของชิ้นต่อไป เป็นภาพวาดโดยช้างจริงๆ ค่ะ เป็นภาพวิวของช้างแม่มาลัย ณ มูลนิธิช้างปันศรีสุข ราคาประมูลเริ่มต้นเพียงห้าร้อยบาทเท่านั้นค่ะ!”“ห้าหมื่น!” เสียงประกาศราคาทำให้ผู้คนในงานฮือฮากันทั่ว บางคนถึงกับหันกลับไปมองดูว่าใครคือผู้เสนอราคาสูงลิบตั้งแต่เริ่มชนครขมวดคิ้วทันที นี่พี่ชายกลัวจะโดนแย่ง หรือกลัวน้องชายอย่างตนจะชนะอีกกันแน่ ถึงได้เสนอราคาเริ่มสูงลิ่วขนาดนี้?...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เขาก็จะไม่ยอมแพ้แน่!“หกหมื่น!” ชนครยกป้ายประมูลเพิ่ม“
“นายมานั่งทำอะไรตรงนี้ งานของแม่นายนี่นา ปกติก็ต้องไปเสนอหน้าอยู่ข้างหน้าไม่ใช่เหรอ?” ชนกันต์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันปนแดกดันชชายหนุ่มไม่ได้สนใจคำประชดายหนุ่มไม่ได้สนใจคำประชด“ไม่คิดว่าพี่จะมาด้วยซ้ำ” เขาพูดพลางยิ้มกว้าง ไม่สนใจน้ำเสียงแขวะจากพี่ชายเลยแม้แต่น้อยชนคร พณาศรพัฒน์ หรือนคร น้องชายต่างมารดาของชนกันต์ ดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายซ้ายของบริษัท PNSP หากจะเรียกว่าเป็นคู่แข่งชิงตำแหน่งประธานกับรองประธานฝ่ายขวาอย่างชนกันต์ก็คงไม่ผิดนัก ทั้งสองคนมีบุคลิกต่างกันสุดขั้วพี่ชายเงียบขรึม เด็ดขาด สุขุม มีเหตุมีผล แต่กลับเย็นชา โดยเฉพาะกับคนในครอบครัวส่วนน้องชายมีนิสัยขี้เล่น เจ้าชู้ เอาแต่ใจเพราะถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก อยากได้อะไรก็ต้องได้ถึงอย่างนั้น ทั้งสองก็ล้วนเป็นคนทำงานเก่งชนกันต์เหนือกว่าในเรื่องประสบการณ์ และความเก๋าเกม จึงได้ชื่อว่าเป็นรองประธานมือขวา หากไม่เกิดความผิดพลาดใดก่อน เขาย่อมได้เป็นประธานในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย“ฉันจะมา หรือไม่มา มันเกี่ยวอะไรกับนาย” ชนกันต์พูดจบก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างอันดา พร้อมยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลที่บรรจุขนมปังส่งให้เธอ“กินรองท้องก่อน”อันด
รถตู้หรูสีดำเงาวับค่อยๆ เคลื่อนมาจอดนิ่งบริเวณหน้าทางเข้างาน ซึ่งปูพรมแดงทอดยาวจากขอบถนนไปจนถึงบริเวณหน้าห้องจัดเลี้ยง นักข่าว และช่างภาพหลายคนต่างจับจองมุมถ่ายภาพ แข่งกันเก็บทุกวินาทีของค่ำคืนนี้อย่างตั้งใจชนกันต์ก้าวลงจากรถก่อน แล้วจึงโน้มตัวลงเล็กน้อย ยื่นมือไปหาอันดาที่อยู่ด้านในด้วยท่าทีสุภาพ อ่อนโยน ภาพของชายหนุ่มในชุดสูทดำเนี๊ยบ ที่กำลังพยุงหญิงสาวออกจากรถ ยิ่งทำให้เขาดูสมบูรณ์แบบราวเจ้าชายในสายตาผู้คนรอบข้างแต่สำหรับหลายคน นี่ไม่ใช่ภาพที่แปลกตา เพราะชนกันต์มักปรากฏตัวในงานลักษณะนี้ พร้อมกับหญิงสาวคนสวยเสมอ โดยเฉพาะบรรดาคู่ควงในวงการบันเทิงที่เปลี่ยนหน้ากันมาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีใครอยู่เคียงข้างเขานานเกินปี ยกเว้นเพียง “คุณเอมอมร” สาวนอกวงการเพียงคนเดียวที่เคยคบหากับเขายาวนานเกือบสองปี ซึ่งครั้งนั้นหลายคนต่างคาดหวังว่าเธออาจเป็น ‘ตัวจริง’ ... แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่คืนนี้... เขากลับมาพร้อมหญิงสาวนอกวงการอีกคน ที่ดูแตกต่างจากคนก่อนๆอันดาจับมือของเขาไว้ ก่อนจะก้าวลงจากรถอย่างระมัดระวัง แล้วเขาก็พาเธอคล้องแขน เดินเข้าสู่งานด้วยความมั่นใจเธอก้มมองมือตัวเองที่คล้องอยู่กับแขนขอ