ชนกันต์เองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากช่วย แต่บางอย่างในแววตาเธอ... บอกเขาว่าเธอสมควรได้รับโอกาส
เธอรับนามบัตรไว้ทันที ดวงตาเปล่งประกายขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะยกมือไหว้ด้วยความซาบซึ้ง "ขอบคุณมากนะคะ"
"กลับบ้านคุณเอมเลยไหมครับ?" คนขับรถหันมาถามหลังจากอันดาลงจากรถ และตนก็ปิดประตูอัตโนมัติเสร็จเรียบร้อย
"อืม" ชนกันต์พยักหน้าเบา ๆ
รถเคลื่อนตัวออกไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนมองตามอยู่หน้าบ้านอย่างเต็มไปด้วยความหวังใหม่
“ใครมาส่งพี่เหรอ?” เสียงถามมาพร้อมร่างของดามัน น้องชายของเธอที่เดินออกมารับหน้าประตูด้วยสายตาสงสัย เขาไม่เคยเห็นรถหรูแบบนั้นจอดอยู่หน้าบ้านมาก่อน
“ผู้มีพระคุณน่ะ” อันดาตอบยิ้ม ๆ
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วเกี่ยวดองกันยังไงถึงได้เป็น ‘ผู้มีพระคุณ’ ล่ะพี่” น้องชายรัวถามด้วยความอยากรู้
“นี่นายเป็นน้องหรือเป็นพี่ฉันกันแน่เนี่ย จี้ถามเหมือนฉันเป็นน้องนายเลย” เธอหัวเราะนิด ๆ เลี่ยงจะตอบตรง ๆ เรื่องเหตุการณ์ที่โดนคนร้ายเล่นงาน เพราะไม่อยากให้เขา และย่าต้องเป็นห่วง
“ก็ผมห่วงพี่นี่นา… เป็นผู้ชายเหรอ?”
“อืม” เธอตอบสั้น ๆ
“แฟนเหรอ?”
“ไม่ใช่ เขาเป็นเพื่อน... ของเพื่อน... ของเพื่อนคุณพริม เจ้านายพี่อีกทีน่ะ เขาเห็นพี่ทำงานใช้ได้ ก็เลยชวนไปทำงานที่อื่นด้วยกัน” อันดาจำต้องโกหกเล็กน้อยเพื่อความสบายใจของคนในบ้าน
“แล้วพี่จะไปเหรอ? ทำงานร้านกาแฟของคุณพริมก็ดีอยู่แล้วนี่”
“พี่ตัดสินใจจะไป เพราะได้เงินดีกว่า” เธอตอบ ทั้งที่ในใจก็ลังเลอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ไม่มีตัวเลือกนี่นา…
น้องชายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นเบา ๆ “ผมว่าผมจะไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัยแล้วล่ะ จะออกมาช่วยพี่หาเงินดูแลย่าดีกว่า”
“ไม่ได้เด็ดขาด!” อันดารีบค้าน “พี่หาเงินส่งนายได้ ไม่ต้องห่วงนะ”
“แต่ผมเห็นพี่เหนื่อยทุกวัน ผมเป็นผู้ชายแท้ ๆ ยังช่วยอะไรไม่ได้เลย มันรู้สึกแย่…”
“ถ้านายอยากช่วยพี่จริง ๆ ก็ช่วยได้ เสาร์–อาทิตย์ก็ไปทำงานพาร์ตไทม์เอาสิ จะได้ไม่กระทบการเรียน”
ดามันพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะพูดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ดี พี่ต้องเสียสละลาออกจากมหาลัยเพื่อผม”
“แค่นายเติบโตมาเป็นเด็กที่น่ารัก เป็นคนดีแบบนี้ พี่ไม่เคยเสียดายเลยนะ กับสิ่งที่พี่ต้องแลกมา” เธอยิ้มบาง ๆ พลางยีผมเขาเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“ผมรักพี่จัง...” น้องชายเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนจะโผเข้ากอดเธอแน่น ทั้งรัก ทั้งสงสารคนเป็นพี่สาว
อันดายิ้มจาง ๆ พร้อมกอดตอบแน่นไม่แพ้กัน เธอเองก็รักน้องชายคนนี้... ไม่ต่างกันเลย
เช้าวันต่อมา
ดามันออกจากบ้านแต่เช้า เขามีสอบปลายภาค เทอมสุดท้ายของชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก
อันดานั่งอยู่ในห้องเงียบ ๆ มือถืออยู่ในมือ สายตาสลับมองระหว่างนามบัตรใบเล็กกับนาฬิกาบนจอ เสิร์ชหาข้อมูลบริษัท PNSP จนแน่ใจแล้วว่านี่คือบริษัทใหญ่ระดับประเทศ ผลิต และนำเข้าอะไหล่เครื่องจักร อะไหล่รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องอีกนับสิบบริษัทในเครือ เป็นกลุ่มทุนที่มั่นคง และทรงอิทธิพลมากอันดับต้น ๆ ของประเทศ
เวลาทำงานเริ่มเก้าโมงตรง ดังนั้นเธอจึงตั้งใจโทรติดต่อไปทันทีเมื่อเข็มนาฬิกาชี้เลขเก้า
เธอสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง แล้วกดเบอร์บนนามบัตร
"สวัสดีครับ" เสียงปลายสายทุ้มชัดดังขึ้น
"สวัสดีค่ะ... คุณนาวินใช่ไหมคะ?"
"ครับผม"
"ดิฉันชื่ออันดาค่ะ เมื่อวานคุณ... เอ่อ..." เธอชะงักเล็กน้อย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ถามชื่อชายหนุ่มใจดีคนนั้นมา
"คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?" น้ำเสียงปลายสายเริ่มระวังตัว เหมือนจะคิดว่าเธอเป็นพวกโทรขายประกัน หรือคอลเซ็นเตอร์
"คือ... เมื่อวานมีผู้ชายคนหนึ่งให้นามบัตรคุณกับฉันค่ะ เขาตัวสูง ผิวขาว หน้าตาหล่อมาก ใส่สูทดูดี บอกว่านี่เป็นเบอร์เลขาของเขาชื่อนาวิน ถ้าฉันสนใจงานให้ลองโทรมาหาคุณค่ะ" อันดารีบอธิบาย พยายามลำดับคำพูดให้ดูจริงใจ และน่าเชื่อถือที่สุด
"ทำงาน? ตำแหน่งอะไรเหรอครับ?" นาวินถามทันที เพราะไม่เคยได้รับแจ้งเรื่องนี้จากเจ้านายมาก่อน
"เอ่อ... ตำแหน่งอะไรก็ได้ค่ะ ดาไม่เลือกงาน ขอแค่ได้ทำงานก็พอแล้วค่ะ"
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบเสียงสุภาพ
"งั้นผมขอคุยกับคุณกันต์ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะติดต่อกลับไปคอนเฟิร์มอีกที"
"ได้เลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"
รถตู้หรูสีดำเงาวับค่อยๆ เคลื่อนมาจอดนิ่งบริเวณหน้าทางเข้างาน ซึ่งปูพรมแดงทอดยาวจากขอบถนนไปจนถึงบริเวณหน้าห้องจัดเลี้ยง นักข่าว และช่างภาพหลายคนต่างจับจองมุมถ่ายภาพ แข่งกันเก็บทุกวินาทีของค่ำคืนนี้อย่างตั้งใจชนกันต์ก้าวลงจากรถก่อน แล้วจึงโน้มตัวลงเล็กน้อย ยื่นมือไปหาอันดาที่อยู่ด้านในด้วยท่าทีสุภาพ อ่อนโยน ภาพของชายหนุ่มในชุดสูทดำเนี๊ยบ ที่กำลังพยุงหญิงสาวออกจากรถ ยิ่งทำให้เขาดูสมบูรณ์แบบราวเจ้าชายในสายตาผู้คนรอบข้างแต่สำหรับหลายคน นี่ไม่ใช่ภาพที่แปลกตา เพราะชนกันต์มักปรากฏตัวในงานลักษณะนี้ พร้อมกับหญิงสาวคนสวยเสมอ โดยเฉพาะบรรดาคู่ควงในวงการบันเทิงที่เปลี่ยนหน้ากันมาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีใครอยู่เคียงข้างเขานานเกินปี ยกเว้นเพียง “คุณเอมอมร” สาวนอกวงการเพียงคนเดียวที่เคยคบหากับเขายาวนานเกือบสองปี ซึ่งครั้งนั้นหลายคนต่างคาดหวังว่าเธออาจเป็น ‘ตัวจริง’ ... แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่คืนนี้... เขากลับมาพร้อมหญิงสาวนอกวงการอีกคน ที่ดูแตกต่างจากคนก่อนๆอันดาจับมือของเขาไว้ ก่อนจะก้าวลงจากรถอย่างระมัดระวัง แล้วเขาก็พาเธอคล้องแขน เดินเข้าสู่งานด้วยความมั่นใจเธอก้มมองมือตัวเองที่คล้องอยู่กับแขนขอ
นาวินถึงกับอ้าปากค้าง พลางกระซิบกับตัวเอง “สวย... เกินคาดมาก” เมื่อเห็นอันดาปกติอันดาก็จัดว่าเป็นคนหน้าตาดีอยู่แล้ว แต่เพราะมักไม่แต่งหน้าแต่งตัว เลยดูเรียบง่าย แต่พอได้รับการดูแลจากช่างฝีมือระดับสูงแบบนี้ เธอกลับดูราวกับเป็นคนละคนชนกันต์ยังคงจ้องเธอไม่วางตา เขารู้ดีว่าเธอเป็นคนสวย แต่ไม่เคยคิดเลยว่าพอได้รับการปรุงแต่งแล้ว จะกลายเป็นหญิงสาวที่งดงามได้ขนาดนี้...“เอ่อ... สวยจริงเหรอคะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยชินเลยค่ะ” อันดาถามเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจนัก ปกติแล้วเธอไม่เคยแต่งตัวเปิดเผยเรือนร่าง หรือแต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็มแบบนี้มาก่อนเลย“สวย” คำตอบสั้นๆ แต่หนักแน่นหลุดออกมาจากปากของชนกันต์ อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่คิดว่าจะพูดคำนั้นออกไปอันดาอมยิ้มอย่างเขินอายโดยไม่รู้ตัว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ เพียงแค่ได้ยินคำชมนั้นจากเขา ตอนแรกเธอนึกว่าเขาคงจะพูดแซวประมาณว่า ไปส่องกระจกดูก็รู้แล้วมั้ง ซะอีกนาวินที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ ถึงกับหลุดยิ้มเมื่อได้ยินเจ้านายพูดเช่นนั้น เขาจึงขอตัวออกไปข้างนอก ปล่อยให้เจ้านายของเขาได้อยู่ตามลำพังกับ ‘คู่ควง’ ที่ดูเหมือนจะเริ่มกลายเป
อันดานึกสงสารคุณพิเชษฐ์อยู่บ้าง แต่สิ่งที่เขาทำก็เกินให้อภัยจริง ๆ อย่างที่ชนกันต์บอก หากหยุดตอนนี้ ทุกอย่างอาจยังพอมีทางกลับตัวได้ แต่ถ้ายังไม่ยอมหยุด... ก็คงต้องปล่อยให้ผลกรรมจัดการเองทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถตู้หรู อันดาก็หันมายกนิ้วโป้งสองข้างให้ชนกันต์ พร้อมกับรอยยิ้มกว้างสดใส“สุดยอดเลยค่ะ!” เธอบอกอย่างตื่นเต้น เขาเก่งมากจริง ๆ และวันนี้เขาก็ทำให้เธอประทับใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดีชนกันต์เสมองไปทางหน้าต่าง เหมือนไม่สนใจ แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกไปจากทุกครั้งที่ผ่านมาปกติแล้ว ผู้หญิงที่เข้าหาเขามักจะเอ่ยคำชมหวานหู เช่น‘คุณกันต์เก่งจังเลยค่ะ’‘คุณกันต์ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง ฉันประทับใจคุณจริง ๆ’‘ถ้าเราได้คบกันจริง ๆ คงดีไม่น้อยเลยนะคะ ที่จะได้มีคนดีๆ แบบคุณคอยปกป้อง’แต่คำพูดพวกนั้น เขาฟังแล้วก็ลืม เพราะไม่รู้ว่าอันไหนจริง อันไหนเสแสร้งทว่า... คำชมจากอันดาไม่ได้มาในรูปคำพูดเลิศหรู หากแต่เป็นท่าทางตรงไปตรงมา ซึ่งทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวรู้สึกตัวอีกทีก็รีบหุบยิ้มลง แล้วหันมามองเธอด้วยท่าทีเฉยเมยเหมือนเดิม เพราะในความจริง เขากับเธอก็ไม่น่าจะมีอะไรเกินกว่านี้ ฐานะก็ต่างกัน นิสัยเธอก
“แล้วยังไงครับ โลกนี้เป็นของคนที่มีอำนาจ คนที่ให้ผลประโยชน์ได้มากก็เป็นผู้ชนะอยู่วันยังค่ำ ต่อให้เธอไม่เต็มใจ ผมก็จะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ แน่” พิเชษฐ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเย็น เขาลุกขึ้นยืน หมายจะเดินเข้าไปฉุดอันดาขึ้นจากเก้าอี้ โดยไม่สนว่าอยู่ต่อหน้าใคร เพราะมั่นใจในอำนาจของตนว่าไม่มีใครกล้าขัด…แต่เขาคิดผิดทันทีที่แขนของเขาเอื้อมไปใกล้หญิงสาว กลับถูกมือหนาของชนกันต์คว้าหยุดไว้ ก่อนจะบิดข้อมืออีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ล็อกตัวไว้แน่น แล้วผลักออกห่าง"ผมว่า ถึงเวลาต้องจบเรื่องนี้ได้แล้ว" ชนกันต์เอ่ยเสียงเย็น แล้วปล่อยหมัดซัดเข้ากลางใบหน้าพิเชษฐ์เต็มแรง ตามด้วยเท้ากระแทกซ้ำจนอีกฝ่ายล้มลง"ผมอุตส่าห์พยายามหลับหูหลับตา เฉยชากับนิสัยคนอย่างคุณ แต่คุณก็ยังกล้าทำเรื่องต่ำทรามแบบนี้ต่อหน้าผม!" เขาคำราม ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่เท้า และมือนั้นยังระดมกระหน่ำใส่พิเชษฐ์ไม่หยุด“คุณกันต์! พอเถอะครับ พอได้แล้ว!” นาวินรีบเข้ามาห้าม จนตัวเองโดนผลักกระเด็นเล็กน้อย ก่อนที่ชนกันต์จะยอมหยุดเขาสูดลมหายใจลึก ดึงชายเสื้อสูทที่หลุดลุ่ยกลับเข้าที่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ดวงตายังวาวโรจน์ด้วยไฟโทสะ
ชนกันต์เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศผิดปกติในโต๊ะอาหารนี้ เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมาคุยธุรกิจ หรือมาหาเรื่องและสิ่งที่คุณพิเชษฐ์พูดต่อมา... ก็เกินขอบเขตของความอดทนโดยสิ้นเชิง“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ผมจะพูดตรงๆ ... ผมถูกใจเลขาคนใหม่ของคุณมาก คุณก็คงผ่านมาก่อนแล้วไม่รู้กี่ครั้ง งั้นถือว่าแบ่งปันกันบ้างเถอะครับ ขอแค่คืนเดียว แลกกับลายเซ็นในสัญญา ผมว่าคุณคงไม่ขาดทุนหรอก จริงไหม?”มือของชนกันต์กำแน่น เส้นเลือดที่ขมับปูดเด่น...สายตาเขานิ่งเหมือนเดิม แต่ภายใต้ความนิ่งนั้นเต็มไปด้วยคลื่นความโกรธที่แทบจะปะทุการดูถูกผู้หญิงคนหนึ่งต่อหน้าเขาแบบไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ไม่เพียงแค่ล่วงเกินศักดิ์ศรีของเธอ... แต่มันคือการเหยียบย่ำความเป็นมนุษย์เขารู้ว่าคุณพิเชษฐ์เป็นคนอย่างไร ประวัติเสือผู้หญิงของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องลับในแวดวงธุรกิจ แต่ไม่คิดว่าจะกล้าล้ำเส้น... กล้าพูดอะไรแบบนี้กับเขา ต่อหน้าเขาอันดาต้องพยายามข่มอารมณ์โกรธเช่นกัน เธอจับจ้องไปยังทีท่าของชนกันต์ หวังว่าเขาจะลุกขึ้นช่วยเหลือเธอ ไม่ใช่เลือกที่จะเพิกเฉยเพียงเพราะผลประโยชน์ หากเขาทำเช่นนั้น เธอจะถือว่าบุญคุณที่เคยมีต่อกันสิ้นสุดลง และหลังจากนี้... ก
ห้องทำงานรองประธานบริษัท PNSP“เข้ามาทำไมไม่เคาะประตู! รู้จักคำว่า ‘มารยาท’ บ้างไหม? เรื่องพื้นฐาน... ไม่รู้เลยหรือไง” เสียงเย็นชา และเฉียบขาดของเจ้าของห้องดังขึ้นทันทีที่ประตูถูกเปิดโดยไม่ทันเคาะ อันดาถึงกับสะดุ้ง“ขอโทษค่ะ” เธอรีบตอบ แล้วหมุนตัวถอยหลังออกไป ปิดประตูอย่างเรียบร้อยชนกันต์เหลือบตามองประตูอย่างหงุดหงิดเล็กๆ ขัดจังหวะงาน แล้วยังเปิดประตูโครมเข้ามาอีก แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมา... เสียงเคาะเบาๆ ก็ดังขึ้นก็ยังดี... เธอยังรู้จักแก้ไข แต่ก็เหมือนจะกวนประสาทประตูเปิดออกอีกครั้ง ร่างระหงของอันดาโผล่พ้นเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดี“บอสคะ” เสียงหวานเจือความทะเล้นเล็กๆ เอ่ยขึ้น“ที่นี่ไม่มีใครเรียกผมว่าบอส” เขาพูดเรียบๆ“แหม... ยังไงซะฉันก็เป็น ‘คู่ควง’ ของคุณนะคะ ขอเรียกพิเศษกว่าคนอื่นหน่อยจะเป็นอะไรไป แถมเรียกแบบนี้เวลาออกงานก็เนียนขึ้นด้วย”“อยากเรียกอะไรก็เรียก” เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าจากเอกสาร“ค่ะ” เธอตอบรับ ยิ้มยังคงไม่หายจากใบหน้า“แล้วนี่เข้ามาทำไม มีเรื่องอะไร?”อันดาสูดหายใจเข้าเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ“บอสคะ... ขอเบิกเงินล่วงหน้าได้ไหมคะ?”คำถามนั้นทำให้บรรยากาศใ