ห้องประชุมเล็กของบริษัท PNSP
“สวัสดีค่ะ” อันดากล่าวทักทายเบาๆ ขณะก้าวเข้ามาในห้อง
ประมาณสิบโมงเช้า เธอได้รับการติดต่อกลับจากคุณนาวิน นัดสัมภาษณ์งานในเวลา 15.00 น. ของวันนี้ ที่บริษัท PNSP ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้เข้าสัมภาษณ์งานในบริษัทใหญ่แบบนี้ อันดาทั้งตื่นเต้น และประหม่า เพราะเธอไม่ได้จบปริญญาตรี มีเพียงวุฒิมัธยมปลายติดตัว ตอนนั้นเรียนมหาวิทยาลัยได้แค่สองปีก็ต้องดรอปกลางคัน เพราะพ่อเสียชีวิตกะทันหัน เธอจึงออกมาทำงานหาเงินเลี้ยงน้องชาย และรักษาย่า งานที่เคยทำมาส่วนใหญ่เป็นงานบริการ ล่าสุดก็เป็นพนักงานร้านกาแฟของคุณพริม
“เดินทางมาไกลไหมครับ” นาวินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
“ไม่มากค่ะ นั่งรถเมล์ต่อเดียว ประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึง”
“ก็ถือว่าไกลอยู่นะครับ”
อันดายิ้มบางๆ สำหรับเธอแล้ว แค่นี้ไม่นับว่าไกลเลย
“ต่อไป ผมจะเป็นคนไปรับส่งคุณเอง ถ้าผมไม่ว่าง จะให้คนขับรถของคุณกันต์ไปส่ง”
“เอ๊ะ?” อันดาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เป็นพนักงาน ต้องมีคนคอยขับรถไปรับไปส่งด้วยเหรอ
“อ้อ... ผมยังไม่ได้บอกลักษณะงานเลยนี่ครับ” นาวินยิ้ม ก่อนจะอธิบาย “งานของคุณง่ายมากครับ แค่รับบทเป็นคู่ควงของคุณกันต์ ออกงานสังคมด้วยกัน คอยกันผู้หญิงที่คุณชงโค แม่เลี้ยงของคุณกันต์ส่งมาให้ ถ้าเจอเธอไม่ต้องให้ความเคารพ เธอเป็นพวกสองหน้า”
อันดานั่งนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ สมองพยายามประมวลผลให้เข้าใจสิ่งที่ได้ยิน นี่มันงานอะไรกันแน่... รับบทเป็น “คู่ควง”? มันดูเหมือนงานในละครมากกว่าโลกจริง!
หรือว่า... งานนี้คือการขายตัว? เธอเนี่ยนะ จะไปถูกใจมหาเศรษฐี?
“คุณยินดีจะทำไหมครับ?” นาวินถามอย่างสุภาพ แต่แววตาสงสัย เขาเคยเสนอแบบนี้ให้เฉพาะดารา นางแบบระดับท็อป ซึ่งทุกคนล้วนตาลุกวาว แต่กับเธอ คนธรรมดา ไม่มีแม้แต่โปรไฟล์โดดเด่น กลับดูนิ่งเสียจนเขาอ่านไม่ออกว่าจะตอบรับหรือไม่
“เงินเดือนดีครับ คุณเรียกเท่าไหร่ก็ได้”
“คุณกันต์ถึงกับต้องจ้างคนมาเป็นคู่ควงเลยเหรอคะ?” อันดาถามตรงๆ
“จะว่าแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ความจริงคือผู้หญิงที่ชงโคจ้างมา ล้วนหวังผลประโยชน์ หลอกเอาทั้งเงินทั้งข้อมูลโปรเจกต์ของคุณกันต์ เราจำเป็นต้องหาคนมาหลอก”
อันดาพยักหน้าเข้าใจ... ปัญหาของคนมีเงินจริงๆ เธอเองไม่มีวันเข้าถึงโลกแบบนั้น
“ตกลงค่ะ แต่เรื่องเงินเดือน… ขอหมื่นสอง ห้ามต่อค่ะ”
“หืม?” นาวินขมวดคิ้ว
“ฉันรู้ว่ามันอาจจะสูงไปสำหรับแค่งานเดินข้างๆ เจ้านาย แต่ฉันต้องใช้เงินเลี้ยงครอบครัว... ขออย่าต่อรองเลยนะคะ”
นาวินหัวเราะเบาๆ
“ผม... ไม่ได้จะต่อครับ แค่ตกใจนิดหน่อย คุณเรียกน้อยเกินไปต่างหาก”
“น้อย? หมื่นสองสำหรับงานง่ายๆ แบบนี้ ยังจะน้อยอีกเหรอคะ? หรือว่า... ฉันต้องขายตัวด้วย?”
“คุณอันดาพูดตรงไปนะครับ” เขาหัวเราะเก้อๆ “ไม่มีในสัญญาแน่นอน แต่ถ้าคุณต้องรับมือกับคุณชงโค หรือคนรอบตัวคุณกันต์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ เงินควรมากกว่านั้นด้วยซ้ำ”
“ฉันจะพยายามเต็มที่ค่ะ” เธอตอบหนักแน่น แม้แรงจูงใจคือเงิน แต่ลึกๆ ก็อยากตอบแทนผู้มีพระคุณ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
นาวินยิ้มกว้าง แล้วยื่นเอกสารสัญญาให้เธอเซ็น
“เงินเดือนคือสองหมื่นบาทต่อเดือน ออกงานจะมีเบี้ยเลี้ยงวันละพัน เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวถ้าคุณอยากได้อะไรก็ใช้บัตรเครดิตที่คุณกันต์ที่เขาจะให้คุณได้เลย วงเงินหนึ่งแสนบาทต่อเดือน รูดได้ตามสบายเพื่อให้สมฐานะในบทบาทของคุณ”
อันดาอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
...นี่มันสวัสดิการระดับเทพเลยหรือเปล่า?
“สองหมื่น บัตรเครดิต เบี้ยเลี้ยง... มันดีเกินไปไหมคะ?”
“ก็... เป็นผู้หญิงของคุณกันต์ มันต้องดีขนาดนี้แหละครับ” นาวินยิ้มกว้าง ความจริงคือคนอื่นได้มากกว่านี้อีก
แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นได้
“อ้อ... ถ้าคุณมีแฟน หรือไปรับงานนอกโดยไม่แจ้ง สัญญาจะถือว่ายกเลิกทันที คุณกันต์ไม่อยากมีข่าวมือที่สามครับ”
อันดายิ้มกว้าง พยักหน้าอย่างมั่นใจ อยากจะบอกเหลือเกินว่า... เธอโสดสนิท ชนิดที่เกิดมายังไม่เคยมีแฟนเลยด้วยซ้ำ
“งั้น... เริ่มงานตั้งแต่วินาทีนี้เลยนะครับ”
“ค่ะ แล้วต้องเริ่มทำอะไรบ้างคะ?”
“ตามผมไปนั่งสวยๆ ดูผมทำงานก็พอ อยากได้อะไรก็บอกผมได้เลย” นาวินลุกขึ้น ผายมือเชิญออกจากห้องประชุม
ไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็เพิ่มโต๊ะทำงานชุดเล็กไว้นั่งข้างๆ เขา เป็นโต๊ะของอันดา
เธอมองเขาทำงานอยู่พักหนึ่ง ก็รู้สึกอึดอัดที่จะนั่งมองอยู่เฉยๆ แบบนี้
“ให้ดาช่วยนะคะ แค่จัดเอกสารแยกหมวดหมู่เอง”
“ไม่เป็นไรครับ งานผมเอง ผมจัดการได้”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี นาวินกดรับสาย
“ครับ ได้ครับๆ” พูดจบก็วางสายพร้อมถอนหายใจยาว
“ให้ดาช่วยเถอะค่ะ คุณยุ่งขนาดนี้ ดานั่งเฉยๆ ก็รู้สึกเบื่อ”
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า
“งั้นก็ได้ครับ จัดเอกสารแยกหมวดหมู่ ถ้ามีใครเอาเอกสารมาให้คุณกันต์เซ็น ให้คุณเช็กข้อมูลก่อน ถ้ามีข้อสงสัยก็ถามผม แต่ถ้าไม่เห็นอะไรผิดปกติ ก็เอาไปให้คุณกันต์เซ็นได้เลย เดี๋ยวผมต้องไปรับคุณเอม เพราะรถเธอเสีย”
“ค่ะ” เธอรับคำ แม้ไม่รู้ว่าคุณเอมคือใคร... แต่เดาว่าน่าจะเป็นเจ้านายอีกคนของที่นี่
รถตู้หรูสีดำเงาวับค่อยๆ เคลื่อนมาจอดนิ่งบริเวณหน้าทางเข้างาน ซึ่งปูพรมแดงทอดยาวจากขอบถนนไปจนถึงบริเวณหน้าห้องจัดเลี้ยง นักข่าว และช่างภาพหลายคนต่างจับจองมุมถ่ายภาพ แข่งกันเก็บทุกวินาทีของค่ำคืนนี้อย่างตั้งใจชนกันต์ก้าวลงจากรถก่อน แล้วจึงโน้มตัวลงเล็กน้อย ยื่นมือไปหาอันดาที่อยู่ด้านในด้วยท่าทีสุภาพ อ่อนโยน ภาพของชายหนุ่มในชุดสูทดำเนี๊ยบ ที่กำลังพยุงหญิงสาวออกจากรถ ยิ่งทำให้เขาดูสมบูรณ์แบบราวเจ้าชายในสายตาผู้คนรอบข้างแต่สำหรับหลายคน นี่ไม่ใช่ภาพที่แปลกตา เพราะชนกันต์มักปรากฏตัวในงานลักษณะนี้ พร้อมกับหญิงสาวคนสวยเสมอ โดยเฉพาะบรรดาคู่ควงในวงการบันเทิงที่เปลี่ยนหน้ากันมาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีใครอยู่เคียงข้างเขานานเกินปี ยกเว้นเพียง “คุณเอมอมร” สาวนอกวงการเพียงคนเดียวที่เคยคบหากับเขายาวนานเกือบสองปี ซึ่งครั้งนั้นหลายคนต่างคาดหวังว่าเธออาจเป็น ‘ตัวจริง’ ... แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่คืนนี้... เขากลับมาพร้อมหญิงสาวนอกวงการอีกคน ที่ดูแตกต่างจากคนก่อนๆอันดาจับมือของเขาไว้ ก่อนจะก้าวลงจากรถอย่างระมัดระวัง แล้วเขาก็พาเธอคล้องแขน เดินเข้าสู่งานด้วยความมั่นใจเธอก้มมองมือตัวเองที่คล้องอยู่กับแขนขอ
นาวินถึงกับอ้าปากค้าง พลางกระซิบกับตัวเอง “สวย... เกินคาดมาก” เมื่อเห็นอันดาปกติอันดาก็จัดว่าเป็นคนหน้าตาดีอยู่แล้ว แต่เพราะมักไม่แต่งหน้าแต่งตัว เลยดูเรียบง่าย แต่พอได้รับการดูแลจากช่างฝีมือระดับสูงแบบนี้ เธอกลับดูราวกับเป็นคนละคนชนกันต์ยังคงจ้องเธอไม่วางตา เขารู้ดีว่าเธอเป็นคนสวย แต่ไม่เคยคิดเลยว่าพอได้รับการปรุงแต่งแล้ว จะกลายเป็นหญิงสาวที่งดงามได้ขนาดนี้...“เอ่อ... สวยจริงเหรอคะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยชินเลยค่ะ” อันดาถามเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจนัก ปกติแล้วเธอไม่เคยแต่งตัวเปิดเผยเรือนร่าง หรือแต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็มแบบนี้มาก่อนเลย“สวย” คำตอบสั้นๆ แต่หนักแน่นหลุดออกมาจากปากของชนกันต์ อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่คิดว่าจะพูดคำนั้นออกไปอันดาอมยิ้มอย่างเขินอายโดยไม่รู้ตัว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ เพียงแค่ได้ยินคำชมนั้นจากเขา ตอนแรกเธอนึกว่าเขาคงจะพูดแซวประมาณว่า ไปส่องกระจกดูก็รู้แล้วมั้ง ซะอีกนาวินที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ ถึงกับหลุดยิ้มเมื่อได้ยินเจ้านายพูดเช่นนั้น เขาจึงขอตัวออกไปข้างนอก ปล่อยให้เจ้านายของเขาได้อยู่ตามลำพังกับ ‘คู่ควง’ ที่ดูเหมือนจะเริ่มกลายเป
อันดานึกสงสารคุณพิเชษฐ์อยู่บ้าง แต่สิ่งที่เขาทำก็เกินให้อภัยจริง ๆ อย่างที่ชนกันต์บอก หากหยุดตอนนี้ ทุกอย่างอาจยังพอมีทางกลับตัวได้ แต่ถ้ายังไม่ยอมหยุด... ก็คงต้องปล่อยให้ผลกรรมจัดการเองทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถตู้หรู อันดาก็หันมายกนิ้วโป้งสองข้างให้ชนกันต์ พร้อมกับรอยยิ้มกว้างสดใส“สุดยอดเลยค่ะ!” เธอบอกอย่างตื่นเต้น เขาเก่งมากจริง ๆ และวันนี้เขาก็ทำให้เธอประทับใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดีชนกันต์เสมองไปทางหน้าต่าง เหมือนไม่สนใจ แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกไปจากทุกครั้งที่ผ่านมาปกติแล้ว ผู้หญิงที่เข้าหาเขามักจะเอ่ยคำชมหวานหู เช่น‘คุณกันต์เก่งจังเลยค่ะ’‘คุณกันต์ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง ฉันประทับใจคุณจริง ๆ’‘ถ้าเราได้คบกันจริง ๆ คงดีไม่น้อยเลยนะคะ ที่จะได้มีคนดีๆ แบบคุณคอยปกป้อง’แต่คำพูดพวกนั้น เขาฟังแล้วก็ลืม เพราะไม่รู้ว่าอันไหนจริง อันไหนเสแสร้งทว่า... คำชมจากอันดาไม่ได้มาในรูปคำพูดเลิศหรู หากแต่เป็นท่าทางตรงไปตรงมา ซึ่งทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวรู้สึกตัวอีกทีก็รีบหุบยิ้มลง แล้วหันมามองเธอด้วยท่าทีเฉยเมยเหมือนเดิม เพราะในความจริง เขากับเธอก็ไม่น่าจะมีอะไรเกินกว่านี้ ฐานะก็ต่างกัน นิสัยเธอก
“แล้วยังไงครับ โลกนี้เป็นของคนที่มีอำนาจ คนที่ให้ผลประโยชน์ได้มากก็เป็นผู้ชนะอยู่วันยังค่ำ ต่อให้เธอไม่เต็มใจ ผมก็จะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ แน่” พิเชษฐ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเย็น เขาลุกขึ้นยืน หมายจะเดินเข้าไปฉุดอันดาขึ้นจากเก้าอี้ โดยไม่สนว่าอยู่ต่อหน้าใคร เพราะมั่นใจในอำนาจของตนว่าไม่มีใครกล้าขัด…แต่เขาคิดผิดทันทีที่แขนของเขาเอื้อมไปใกล้หญิงสาว กลับถูกมือหนาของชนกันต์คว้าหยุดไว้ ก่อนจะบิดข้อมืออีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ล็อกตัวไว้แน่น แล้วผลักออกห่าง"ผมว่า ถึงเวลาต้องจบเรื่องนี้ได้แล้ว" ชนกันต์เอ่ยเสียงเย็น แล้วปล่อยหมัดซัดเข้ากลางใบหน้าพิเชษฐ์เต็มแรง ตามด้วยเท้ากระแทกซ้ำจนอีกฝ่ายล้มลง"ผมอุตส่าห์พยายามหลับหูหลับตา เฉยชากับนิสัยคนอย่างคุณ แต่คุณก็ยังกล้าทำเรื่องต่ำทรามแบบนี้ต่อหน้าผม!" เขาคำราม ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่เท้า และมือนั้นยังระดมกระหน่ำใส่พิเชษฐ์ไม่หยุด“คุณกันต์! พอเถอะครับ พอได้แล้ว!” นาวินรีบเข้ามาห้าม จนตัวเองโดนผลักกระเด็นเล็กน้อย ก่อนที่ชนกันต์จะยอมหยุดเขาสูดลมหายใจลึก ดึงชายเสื้อสูทที่หลุดลุ่ยกลับเข้าที่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ดวงตายังวาวโรจน์ด้วยไฟโทสะ
ชนกันต์เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศผิดปกติในโต๊ะอาหารนี้ เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมาคุยธุรกิจ หรือมาหาเรื่องและสิ่งที่คุณพิเชษฐ์พูดต่อมา... ก็เกินขอบเขตของความอดทนโดยสิ้นเชิง“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ผมจะพูดตรงๆ ... ผมถูกใจเลขาคนใหม่ของคุณมาก คุณก็คงผ่านมาก่อนแล้วไม่รู้กี่ครั้ง งั้นถือว่าแบ่งปันกันบ้างเถอะครับ ขอแค่คืนเดียว แลกกับลายเซ็นในสัญญา ผมว่าคุณคงไม่ขาดทุนหรอก จริงไหม?”มือของชนกันต์กำแน่น เส้นเลือดที่ขมับปูดเด่น...สายตาเขานิ่งเหมือนเดิม แต่ภายใต้ความนิ่งนั้นเต็มไปด้วยคลื่นความโกรธที่แทบจะปะทุการดูถูกผู้หญิงคนหนึ่งต่อหน้าเขาแบบไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ไม่เพียงแค่ล่วงเกินศักดิ์ศรีของเธอ... แต่มันคือการเหยียบย่ำความเป็นมนุษย์เขารู้ว่าคุณพิเชษฐ์เป็นคนอย่างไร ประวัติเสือผู้หญิงของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องลับในแวดวงธุรกิจ แต่ไม่คิดว่าจะกล้าล้ำเส้น... กล้าพูดอะไรแบบนี้กับเขา ต่อหน้าเขาอันดาต้องพยายามข่มอารมณ์โกรธเช่นกัน เธอจับจ้องไปยังทีท่าของชนกันต์ หวังว่าเขาจะลุกขึ้นช่วยเหลือเธอ ไม่ใช่เลือกที่จะเพิกเฉยเพียงเพราะผลประโยชน์ หากเขาทำเช่นนั้น เธอจะถือว่าบุญคุณที่เคยมีต่อกันสิ้นสุดลง และหลังจากนี้... ก
ห้องทำงานรองประธานบริษัท PNSP“เข้ามาทำไมไม่เคาะประตู! รู้จักคำว่า ‘มารยาท’ บ้างไหม? เรื่องพื้นฐาน... ไม่รู้เลยหรือไง” เสียงเย็นชา และเฉียบขาดของเจ้าของห้องดังขึ้นทันทีที่ประตูถูกเปิดโดยไม่ทันเคาะ อันดาถึงกับสะดุ้ง“ขอโทษค่ะ” เธอรีบตอบ แล้วหมุนตัวถอยหลังออกไป ปิดประตูอย่างเรียบร้อยชนกันต์เหลือบตามองประตูอย่างหงุดหงิดเล็กๆ ขัดจังหวะงาน แล้วยังเปิดประตูโครมเข้ามาอีก แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมา... เสียงเคาะเบาๆ ก็ดังขึ้นก็ยังดี... เธอยังรู้จักแก้ไข แต่ก็เหมือนจะกวนประสาทประตูเปิดออกอีกครั้ง ร่างระหงของอันดาโผล่พ้นเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดี“บอสคะ” เสียงหวานเจือความทะเล้นเล็กๆ เอ่ยขึ้น“ที่นี่ไม่มีใครเรียกผมว่าบอส” เขาพูดเรียบๆ“แหม... ยังไงซะฉันก็เป็น ‘คู่ควง’ ของคุณนะคะ ขอเรียกพิเศษกว่าคนอื่นหน่อยจะเป็นอะไรไป แถมเรียกแบบนี้เวลาออกงานก็เนียนขึ้นด้วย”“อยากเรียกอะไรก็เรียก” เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าจากเอกสาร“ค่ะ” เธอตอบรับ ยิ้มยังคงไม่หายจากใบหน้า“แล้วนี่เข้ามาทำไม มีเรื่องอะไร?”อันดาสูดหายใจเข้าเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ“บอสคะ... ขอเบิกเงินล่วงหน้าได้ไหมคะ?”คำถามนั้นทำให้บรรยากาศใ