Share

บทที่ 12

last update Last Updated: 2025-06-06 07:36:31

บทที่ 12

เช้านี้เป็นเช้าวันอาทิตย์ รังสิมันต์ตื่นมาแต่เช้าด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เพราะปกติศศิประภาจะตื่นก่อนและคลอเคลียและจูบเขาตรงนั้นตรงนี้จนเขาไม่เป็นอันนอนต่อ หากทว่าเช้านี้ภรรยาของเขายังคงนอนหลับตา ทว่าเปลือกตามีอาการกระตุกเล็กน้อย เขาจึงก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากของเธอเบาๆ พร้อมกับกระซิบถามอย่างอ่อนโยน

                “ศศิครับ”

                “ขา...” ศศิประภาขานรับเบาๆ หากยังคงอ่อนหวานในความรู้สึกของคนฟัง

                “ตื่นเถอะครับเช้าแล้ว”

                “ศศิปวดหัวค่ะคุณตะวัน อยากลุกเหลือเกิน แต่ลุกไม่ไหว”

                “ปวดมากไหม ผมตามหมอมาดูสักหน่อยดีไหม”

                “ไม่เป็นไรค่ะ รบกวนคุณหมอเปล่าๆ ขอศศินอนพักสักครู่นะคะ ได้นอนเดี๋ยวคงดีขึ้น”

“ครับตามใจ งั้นเดี๋ยวผมนอนเป็นเพื่อนนะ”

“คุณตะวันน่ารักกับศศิเสมอ แต่คุณตะวันขาศศิอยากกินโจ๊กร้อนๆ ศศิรบกวนคุณไปบอกคนทำให้ศศิหน่อยสิคะ เสร็จแล้วก็ให้ยัยจันทร์ยกขึ้นมานะคะ ศศิคิดว่าถ้าได้นอนกับได้กินอะไรร้อนๆ อาการของศศิคงจะดีขึ้น อีกอย่างศศิมีเรื่องอยากจะคุยกับน้องด้วยน่ะค่ะ รบกวนคุณตะวันด้วยนะคะ” ศศิประภาอ้อนสามีพร้อมกับซุกตัวเข้าไปกอดเขาไว้

                “ได้สิครับ แต่ศศิแน่ใจนะว่าไม่อยากให้ผมอยู่เป็นเพื่อน” รังสิมันต์ถามย้ำอีกครั้ง เพราะเป็นห่วงทั้งแม่ทั้งลูกของเขาที่อยู่ในท้องของเธอ

                “แน่ใจค่ะ ศศิอยากคุยกับยัยจันทร์ตามประสาพี่น้อง ถ้าคุณอยู่ด้วยยัยจันทร์คงอึดอัด”

                “โอเคครับ งั้นผมจะรีบอาบน้ำเสร็จแล้วลงไปบอกจันทร์ให้”

                “ขอบคุณค่ะ ศศิรักคุณนะคะ”

                “ครับผม”

                คล้อยหลังรังสิมันต์ ศศิประภาที่บอกว่าปวดหัวก็ดีดตัวขึ้น ขยับไปยังถุงยาที่วางอยู่ใกล้กับโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วหยิบยาชนิดเม็ดขึ้นมากรอกใส่ปาก มันไม่ใช่ยาบำรุงครรภ์หรือยาแก้แพ้ท้องอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่มันเป็นยาที่ส่งผลตรงข้ามอย่างรุนแรง ยาตัวนี้เธอสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ตด้วยราคาแพงลิบลิ่ว เพราะเป็นยาเถื่อนที่ไม่มีขายในร้ายขายยาทั่วไป เป็นยาที่ใช้สำหรับผู้ที่มีอายุครรภ์ได้ประมาณสามถึงสี่เดือน และทางผู้ขายรับรองผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่กระนั้นศศิประภาก็ยังเลือกที่จะกินยาเพิ่มอีกเท่าตัว เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการของตัวเองในการกำจัดมารชีวิตสองคนออกไปพร้อมๆ กัน

                มารตัวแรกก็คือนังเด็กกาฝากที่รังสิมันต์ให้ความเอ็นดูนักหนา ส่วนตัวที่สองก็มารที่อยู่ในท้อง!

เธอบอกกับรังสิมันต์ว่าท้องได้เกือบสองเดือน แต่ความจริงอายุครรภ์ของเธอได้สามเดือนกว่าแล้วต่างหาก โชคดีที่เป็นท้องแรก ท้องจึงไม่โตพอที่รังสิมันต์จะสังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ เธอไม่อยากให้เด็กคนนี้เกิดมาเป็นปัญหา ศศิประภารู้ดีว่าเด็กคนนี้เป็นลูกใคร เพราะก่อนหน้านี้ที่เธอยังทำงานเป็นเซลขายรถอยู่ เธอไม่ได้ขายแค่รถ แต่ยังขายตัวให้กับพวกเศรษฐีกระเป๋าหนัก ซึ่งเธอมีทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าชั่วคราว ความผิดพลาดครั้งนี้มันเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน ก่อนที่แม่ของเธอกับพ่อของจันทริกาจะเสียชีวิต คืนนั้นเธอมีอะไรกับลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของปางไม้แห่งหนึ่ง เขายื่นข้อเสนอบางอย่างแลกกับการได้ทิปมาในจำนวนเงินเกือบแสนบาท ซึ่งศศิประภาก็ยินยอม และเธอก็ประมาทเพราะช่วงนั้นอยู่ในช่วงใกล้ประจำเดือนมา เธอจึงไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉิน เหมือนอย่างเช่นทุกครั้งที่เกิดความผิดพลาด

                แน่นอนแม้จะรู้จักกับรังสิมันต์แล้วเธอก็ยังทำอาชีพเสริมนั้นอยู่ เธอไม่ยอมเสียโอกาสที่จะรับทั้งเงินและทำตัวให้รังสิมันต์หลงรักให้ได้ เธอคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องจับรังสิมันต์ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งให้อยู่หมัด แต่โชคกลับเข้าข้างและเป็นใจ ในที่สุดเธอก็สมหวัง โดยมีเหตุการณ์ที่แม่ของเธอกับพ่อของจันทริกาเสียชีวิตมาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ซึ่งได้ผลเกินคาดเพราะรังสิมันต์เทคะแนนความสงสารและเอ่ยปากขอแต่งงาน โดยที่เธอไม่ต้องลงทุนลงแรงให้เหนื่อยสักเท่าไหร่

                เธอตกใจและเป็นกังวลไม่น้อย ตอนที่หมอในคลินิกบอกว่าเธอท้องได้สามเดือนกว่าแล้ว ทั้งที่เพิ่งแต่งงานกับรังสิมันต์ได้แค่สองเดือน ซึ่งอีกไม่ถึงหกเดือนเธอก็ต้องคลอดเด็กคนนี้ออกมา และคนฉลาดอย่างรังสิมันต์มีหรือจะไม่สงสัย เพราะเขารู้ดีว่าเธอไม่ซิง แม้เขาจะบอกว่าไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องพรหมจารีของผู้หญิง แต่เขาต้องซีเรียสแน่ๆ ถ้ารู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกเขา!

                เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ ร่างกายของศศิประภา ก็เริ่มมีปฏิกิริยาบางอย่างตอบสนองต่อยาที่กินเข้าไป พร้อมๆ กับที่ประตูหน้าห้องถูกเคาะ

                “พี่ศศิ จันทร์เอาโจ๊กมาให้”

                “เข้ามาสิ” ศศิประภาเอ่ยปากอนุญาตพร้อมกับเหยียดยิ้มหยันๆ  เมื่อจันทริกาประคองถาดที่มีโจ๊กอุ่นๆ เข้ามาในห้อง ท่ามกลางสายตาของศศิประภาที่มองน้องสาวต่างสายเลือดอย่างไม่กะพริบตา...เธอเกลียดจันทริกามาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ยังยอมให้อยู่ร่วมบ้าน เพราะแม่ของเธอให้จันทริกาทำงานบ้านทุกอย่างไม่ต่างกับคนใช้ หากแต่อะไรบางอย่างก็ทำให้เธอนึกกลัว

               

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 50

    บทที่ 50“แต่คุณปรัชญ์ขอร้องนะคะ จันทร์ไม่อยากผิดคำพูดกับ...”จันทริกายังพูดไม่ทันจบ นิ้วแกร่งเรียวยาวก็แตะลงบนเรียวปากนุ่ม เพื่อห้ามไม่ให้เธอพูดต่อ“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเห็นคนอื่นสำคัญกว่าฉัน”พูดจบนิ้วที่แตะอยู่บนเรียวปากนุ่มก็เลื่อนออก แต่เรียวปากหยักร้อนกลับเคลื่อนเข้ามาแทนที่ ร่างบางเกร็งขึ้นเพราะกลัวว่ารังสิมันต์จะทำรุนแรงเช่นเดิมอีก หากแต่จูบครั้งนี้เป็นจูบที่แสนอ่อนโยน จูบที่คล้ายจะไถ่โทษ จูบที่เว้าวอน จนอาการเกร็งนั้นมลายหายไป และยืนนิ่งให้เขาจูบอยู่เนิ่นนาน“เมี้ยว...”เสียงร้องของเมสซี่ที่ดังขึ้น ทำให้อารมณ์ที่กำลังอ่อนไหวของทั้งคู่สะดุดลง จันทริกาได้สติจึงรีบผละออกห่างจากการโอบกอดของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วย่อตัวลงไปอุ้มเมสซี่ขึ้นมาแนบอก คล้ายกับจะใช้มันเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เขาเข้าถึงตัวได้อีกรังสิมันต์ออกจะเขม่นแมวตัวโปรดเป็นครั้งแรก แต่ไหนแต่ไรมันรู้งาน และไม่เคยทำตัวเป็นก้างขวางคอ แต่ทำไมวันนี้มันถึงมาขัดจังหวะก็ไม่รู้“ฉันเพิ่งบอกเธอไปหยกๆ ว่าไม่ให้เห็นใครสำคัญกว่าฉัน”“แต่นี่เมสซี่แมวของคุณนะคะ คุณให้อาหารมันหรือยังคะ” จันทริกาถามอย่างพอจะเข้าใจอากัปกิริยาของเมสซี่ดีว่าที

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 49

    บทที่ 49ร่างสูงเดินดุ่มไปหาคนทั้งคู่อย่างไม่รีรอ สีหน้าบอกชัดว่าไม่สบอารมณ์และไม่พอใจเป็นอย่างมาก ปรัชญ์จึงพยักหน้าให้จันทริกาหลบไปก่อน ส่วนเขาเป็นฝ่ายอยู่รับหน้ารังสิมันต์ “แกมาทำอะไรที่บ้านฉัน” รังสิมันต์ถามเสียงห้วนกระด้างอย่างไม่คิดจะเก็บอารมณ์“มาหาจันทร์”“มาหาทำไม?”“มาจีบมั้ง” ปรัชญ์ตอบกวนๆ ยิ่งเห็นรังสิมันต์ทำหน้าถมึงทึงเช่นนั้นก็ยิ่งพอใจที่ได้ยั่วให้เพื่อนโกรธได้ แต่ดูแค่ตาเดียวก็รู้ว่าที่รังสิมันต์ทำหน้าแบบนั้นก็เพราะกำลังหึงหรือไม่ก็หวงก้าง“มันใช่เวลาไหม” รังสิมันต์ย้อนถามด้วยน้ำเสียงโทนเดิม“ทีแกยังเคยคิดจีบเมียฉัน ทำไมฉันจะจีบเมียแกบ้างไม่ได้” ปรัชญ์ยักไหล่และตอบกวนๆ เช่นเดิม ทั้งๆ ที่ในใจแอบหัวเราะคนออกอาการอยู่เงียบๆ “ฉันบอกแล้วไงว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่เมียฉัน” แม้จะออกอาการว่าหึงหวงปานใด แต่ปากก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง ซึ่งนั่นกลับยิ่งเข้าทางปรัชญ์“ไม่ใช่ก็ยิ่งดีใหญ่ ฉันจะได้ทำอะไรสะดวกๆ”“แกกำลังจะแต่งงานกับน้องเล็กนะเว้ย เลวให้มันน้อยๆ หน่อยได้ไหมไอ้เวร”“หวงก้างว่างั้น”“แกแม่งกวนตีนไม่เลิกว่ะ แล้วแต่แกเถอะไอ้เลวอยากทำอะไรก็ทำ” เมื่อถูกจี้แบบถูกจุดซ้ำแล้วซ้ำอีก รังสิ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 48

    บทที่ 48วันนี้เป็นวันหยุดของรังสิมันต์ซึ่งเพิ่งจะกลับมาจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ อุ้ยคำจึงลากลับบ้านไปหาครอบครัว ส่วนหนานอินซึ่งเป็นรปภ.เฝ้าป้อมหน้าบ้านก็ขอลาหยุดเช่นกัน จึงกลายเป็นว่าวันนี้จันทริกาต้องอยู่บ้านหลังใหญ่นั้นกับเจ้าของบ้านตามลำพังรังสิมันต์อยู่กับเมสซี่ในห้องนั่งเล่น ส่วนจันทริกาตากผ้าอยู่หลังบ้าน มือเล็กที่กำลังจับผ้าขึ้นแขวนบนราวตากชะงักครู่หนึ่งพลางเงี่ยฟัง เมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน ปกติแล้วหน้าที่เปิดประตูรั้วจะเป็นของหนานอินซึ่งเป็นรปภ.เฝ้าหน้าป้อม แต่วันนี้หนานอินลางาน จันทริกาจึงต้องละมือจากการตากผ้า แล้วเร่งฝีเท้าไปยังประตูหน้าบ้านอย่างรู้ดีว่าเป็นหน้าที่ตัวเอง“มาหาใครคะ” เสียงหวานถามคนที่มากดกริ่งอย่างสุภาพ ก่อนที่ดวงตาสวยปนเศร้าจะเบิกกว้างและเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายด้วยความดีใจ เมื่อเห็นหน้าคนที่มากดกริ่งในระยะใกล้“พี่เล็ก...”เจ้าของชื่อที่เธอเรียกคือรุ่นพี่ที่เธอเคยสนิทสนมมากในตอนเรียนมัธยม เพราะเคยอยู่ชมรมดนตรีด้วยกันนั่นเอง “จันทร์...” “ดีใจจังค่ะที่ได้เจอพี่เล็ก พี่เล็กสวยขึ้นจนจันทร์เกือบจะจำไม่ได้เลยค่ะ”

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 47

    บทที่ 47สำหรับคนที่จมอยู่ในห้วงของความทุกข์ใจ วันเวลามักผ่านไปช้าเสมอ คนในบ้านที่รังสิมันต์ส่งไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าของเขา ยังไม่มีใครได้กลับมา ดังนั้นจันทริกาจึงต้องทำงานบ้านทุกอย่างแทบจะคนเดียวเช่นเดิม และยังมีสิ่งที่ต้องทำมากกว่าหน้าที่ของคนรับใช้ทั่วไป นั่นคือเธอต้องคอยรองรับไฟปรารถนาของรังสิมันต์ ไม่ว่าเขาต้องการยามใด เธอก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธได้สักครั้ง จันทริการู้ดีว่าเขาทำไปเพื่อระบายความแค้นเท่านั้น หากแต่ตอนนี้เธอกลับเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มจะผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้เธอทุกข์ใจไม่น้อย หากจะมีสิ่งที่ทำให้เธออยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างมีความสุข ก็คงจะเป็นความน่ารักของเมสซี่กับความเอ็นดูจากลุงหนานอินซึ่งเป็นรปภ.กับอุ้ยคำเท่านั้น ส่วนเจ้าของบ้าน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังคงใจร้ายและเย็นชาใส่เธอดังเดิม แม้บางครั้งเขาเหมือนจะอ่อนโยน แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะเขาลืมตัว ครั้นพอเขาคิดได้ว่าเกลียดชังเธอแค่ไหน จันทริกาก็มักจะได้รับผลจากความเคียดแค้นชิงชังของเขาดังเดิมเช้านี้จันทริกาไม่ได้ทำอาหาร รังสิมันต์บอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 46

    บทที่ 46“คำว่าเกมหัวใจ มันไว้สำหรับคนที่มีใจให้กัน”“แกไม่ได้คิดอะไรกับจันทร์ว่างั้น” จากที่ถูกไล่ต้อนตอนนี้ปรัชญ์เปลี่ยนเป็นฝ่ายไล่ต้อนรังสิมันต์บ้าง“คิด...คิดว่าเด็กคนนั้นทำให้เมียฉันตาย”“แน่ใจว่าคิดแค่นั้น แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหน”“กลับเชียงใหม่สิวะ จะอยู่ทำไมล่ะ ก็ผู้หญิงที่ฉันตั้งใจจะมาจีบกลายเป็นเมียแกไปแล้วนี่ หรือแกจะให้ฉันแย่งเมียเพื่อนก็ได้นะฉันไม่ถือ”“ก่อนจะถามฉัน ถามตัวเองก่อนว่าคิดจะแย่งเมียฉันจริงๆ หรือแค่อยากให้เมียตัวเองหึง”คำพูดที่เหมือนกับมานั่งอยู่ในใจเช่นนั้น ทำให้รังสิมันต์ต้องทำหน้าตึงกลบเกลื่อน แม้สิ่งที่ปรัชญ์พูดมาจะไม่ตรงกับความจริงนักแต่ก็เฉียดสุดๆ เขาไม่ได้อยากให้จันทริกาหึง แค่อยากให้เธอเจ็บจริงหรือที่ว่าต้องการแค่นั้น?รังสิมันต์ถามตัวเอง...แล้วทำไมตอนที่เด็กคนนั้นทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเขา เขาถึงได้หงุดหงิดนัก“ต้องให้ย้ำกี่ครั้งว่าเมียฉันตายแล้ว แกความจำเสื่อมหรือไงไอ้เชี่ยปรัชญ์” คนถูกต้อนคืนทำเสียงฉุนๆ ใส่“ฉันไม่ได้หมายถึงคนที่ตายแล้วเว้ย แต่หมายถึงคนที่แกอยู่ด้วยตอนนี้”“จันทริกาไม่ใช่เมียฉัน”“แล้วเป็นอะไร แค่อดีตน้องเมียที่ตอนนี้ถูกลดฐานะล

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 45

    บทที่ 45“เธอนอนหรือยัง” ถามทั้งๆ ที่รู้ว่าดึกดื่นขนาดนี้ จันทริกาต้องนอนแล้ว เพราะปกติถ้าคืนไหนที่เขาไม่ได้ให้เธอขึ้นไปหา หรือเป็นฝ่ายลงมาหาเธอ เด็กคนนั้นจะหลับเร็วเป็นพิเศษ“นอนแล้วค่ะ คุณโทร.มามีอะไรหรือเปล่าคะ”“ฉันแค่โทร.มาถามว่าเมสซี่เป็นยังไงบ้าง” ปากพูดไปตามที่สมองเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า หากแต่เสียงในใจเสียงหนึ่งกลับตะโกนก้องขึ้นมาว่า เพราะอยากได้ยินเสียงนุ่มๆ เรียบๆ ของเธอต่างหาก“เมสซี่อยู่กับจันทร์ค่ะ ตอนนี้หลับไปแล้ว”“ก็ดี ฉันแค่เป็นห่วงมัน”“ไม่ต้องห่วงนะคะจันทร์จะดูแลเมสซี่อย่างดี และสมบัติทุกชิ้นของคุณในบ้านหลังนี้ยังอยู่ครบค่ะ” จันทริกาพูดกับคนโทร.มาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเป็นการบอกกล่าวตามปกติ ทว่าหัวใจกลับปวดแปลบ เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่า คุณตะวันเป็นห่วงแค่เมสซี่เท่านั้น ไม่ได้ห่วงเธอแม้แต่นิด หากจะห่วงก็คงห่วงว่าเธอจะพาใครมาขโมยของในบ้านอย่างที่เขาพูดไว้ก่อนไปมากกว่า เพราะเธอเป็นผู้ร้ายในสายตาเขามาตลอดตั้งแต่ศศิประภาตายไป จันทริกาจึงต้องบอกเขาไปเช่นนั้น หากแต่คนฟังกลับรู้สึกว่าเธอกำลังประชด“สมบัติของฉันที่เธอว่าอยู่ครบทุกชิ้น รวมถึงเธอด้วยหรือเปล่า”จันทริกาห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status