LOGINเช้านี้เป็นเช้าวันอาทิตย์ รังสิมันต์ตื่นมาแต่เช้าด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เพราะปกติศศิประภาจะตื่นก่อนและคลอเคลียและจูบเขาตรงนั้นตรงนี้จนเขาไม่เป็นอันนอนต่อ หากทว่าเช้านี้ภรรยาของเขายังคงนอนหลับตา ทว่าเปลือกตามีอาการกระตุกเล็กน้อย เขาจึงก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากของเธอเบาๆ พร้อมกับกระซิบถามอย่างอ่อนโยน
“ศศิครับ”
“ขา...” ศศิประภาขานรับเบาๆ หากยังคงอ่อนหวานในความรู้สึกของคนฟัง
“ตื่นเถอะครับเช้าแล้ว”
“ศศิปวดหัวค่ะคุณตะวัน อยากลุกเหลือเกิน แต่ลุกไม่ไหว”
“ปวดมากไหม ผมตามหมอมาดูสักหน่อยดีไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ รบกวนคุณหมอเปล่าๆ ขอศศินอนพักสักครู่นะคะ ได้นอนเดี๋ยวคงดีขึ้น”
“ครับตามใจ งั้นเดี๋ยวผมนอนเป็นเพื่อนนะ”
“คุณตะวันน่ารักกับศศิเสมอ แต่คุณตะวันขาศศิอยากกินโจ๊กร้อนๆ ศศิรบกวนคุณไปบอกคนทำให้ศศิหน่อยสิคะ เสร็จแล้วก็ให้ยัยจันทร์ยกขึ้นมานะคะ ศศิคิดว่าถ้าได้นอนกับได้กินอะไรร้อนๆ อาการของศศิคงจะดีขึ้น อีกอย่างศศิมีเรื่องอยากจะคุยกับน้องด้วยน่ะค่ะ รบกวนคุณตะวันด้วยนะคะ” ศศิประภาอ้อนสามีพร้อมกับซุกตัวเข้าไปกอดเขาไว้
“ได้สิครับ แต่ศศิแน่ใจนะว่าไม่อยากให้ผมอยู่เป็นเพื่อน” รังสิมันต์ถามย้ำอีกครั้ง เพราะเป็นห่วงทั้งแม่ทั้งลูกของเขาที่อยู่ในท้องของเธอ
“แน่ใจค่ะ ศศิอยากคุยกับยัยจันทร์ตามประสาพี่น้อง ถ้าคุณอยู่ด้วยยัยจันทร์คงอึดอัด”
“โอเคครับ งั้นผมจะรีบอาบน้ำเสร็จแล้วลงไปบอกจันทร์ให้”
“ขอบคุณค่ะ ศศิรักคุณนะคะ”
“ครับผม”
คล้อยหลังรังสิมันต์ ศศิประภาที่บอกว่าปวดหัวก็ดีดตัวขึ้น ขยับไปยังถุงยาที่วางอยู่ใกล้กับโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วหยิบยาชนิดเม็ดขึ้นมากรอกใส่ปาก มันไม่ใช่ยาบำรุงครรภ์หรือยาแก้แพ้ท้องอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่มันเป็นยาที่ส่งผลตรงข้ามอย่างรุนแรง ยาตัวนี้เธอสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ตด้วยราคาแพงลิบลิ่ว เพราะเป็นยาเถื่อนที่ไม่มีขายในร้ายขายยาทั่วไป เป็นยาที่ใช้สำหรับผู้ที่มีอายุครรภ์ได้ประมาณสามถึงสี่เดือน และทางผู้ขายรับรองผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่กระนั้นศศิประภาก็ยังเลือกที่จะกินยาเพิ่มอีกเท่าตัว เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการของตัวเองในการกำจัดมารชีวิตสองคนออกไปพร้อมๆ กัน
มารตัวแรกก็คือนังเด็กกาฝากที่รังสิมันต์ให้ความเอ็นดูนักหนา ส่วนตัวที่สองก็มารที่อยู่ในท้อง!
เธอบอกกับรังสิมันต์ว่าท้องได้เกือบสองเดือน แต่ความจริงอายุครรภ์ของเธอได้สามเดือนกว่าแล้วต่างหาก โชคดีที่เป็นท้องแรก ท้องจึงไม่โตพอที่รังสิมันต์จะสังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ เธอไม่อยากให้เด็กคนนี้เกิดมาเป็นปัญหา ศศิประภารู้ดีว่าเด็กคนนี้เป็นลูกใคร เพราะก่อนหน้านี้ที่เธอยังทำงานเป็นเซลขายรถอยู่ เธอไม่ได้ขายแค่รถ แต่ยังขายตัวให้กับพวกเศรษฐีกระเป๋าหนัก ซึ่งเธอมีทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าชั่วคราว ความผิดพลาดครั้งนี้มันเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน ก่อนที่แม่ของเธอกับพ่อของจันทริกาจะเสียชีวิต คืนนั้นเธอมีอะไรกับลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของปางไม้แห่งหนึ่ง เขายื่นข้อเสนอบางอย่างแลกกับการได้ทิปมาในจำนวนเงินเกือบแสนบาท ซึ่งศศิประภาก็ยินยอม และเธอก็ประมาทเพราะช่วงนั้นอยู่ในช่วงใกล้ประจำเดือนมา เธอจึงไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉิน เหมือนอย่างเช่นทุกครั้งที่เกิดความผิดพลาด
แน่นอนแม้จะรู้จักกับรังสิมันต์แล้วเธอก็ยังทำอาชีพเสริมนั้นอยู่ เธอไม่ยอมเสียโอกาสที่จะรับทั้งเงินและทำตัวให้รังสิมันต์หลงรักให้ได้ เธอคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องจับรังสิมันต์ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งให้อยู่หมัด แต่โชคกลับเข้าข้างและเป็นใจ ในที่สุดเธอก็สมหวัง โดยมีเหตุการณ์ที่แม่ของเธอกับพ่อของจันทริกาเสียชีวิตมาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ซึ่งได้ผลเกินคาดเพราะรังสิมันต์เทคะแนนความสงสารและเอ่ยปากขอแต่งงาน โดยที่เธอไม่ต้องลงทุนลงแรงให้เหนื่อยสักเท่าไหร่
เธอตกใจและเป็นกังวลไม่น้อย ตอนที่หมอในคลินิกบอกว่าเธอท้องได้สามเดือนกว่าแล้ว ทั้งที่เพิ่งแต่งงานกับรังสิมันต์ได้แค่สองเดือน ซึ่งอีกไม่ถึงหกเดือนเธอก็ต้องคลอดเด็กคนนี้ออกมา และคนฉลาดอย่างรังสิมันต์มีหรือจะไม่สงสัย เพราะเขารู้ดีว่าเธอไม่ซิง แม้เขาจะบอกว่าไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องพรหมจารีของผู้หญิง แต่เขาต้องซีเรียสแน่ๆ ถ้ารู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกเขา!
เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ ร่างกายของศศิประภา ก็เริ่มมีปฏิกิริยาบางอย่างตอบสนองต่อยาที่กินเข้าไป พร้อมๆ กับที่ประตูหน้าห้องถูกเคาะ
“พี่ศศิ จันทร์เอาโจ๊กมาให้”
“เข้ามาสิ” ศศิประภาเอ่ยปากอนุญาตพร้อมกับเหยียดยิ้มหยันๆ เมื่อจันทริกาประคองถาดที่มีโจ๊กอุ่นๆ เข้ามาในห้อง ท่ามกลางสายตาของศศิประภาที่มองน้องสาวต่างสายเลือดอย่างไม่กะพริบตา...เธอเกลียดจันทริกามาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ยังยอมให้อยู่ร่วมบ้าน เพราะแม่ของเธอให้จันทริกาทำงานบ้านทุกอย่างไม่ต่างกับคนใช้ หากแต่อะไรบางอย่างก็ทำให้เธอนึกกลัว
บทที่ 112ร่างสูงเดินตามบันไดลงไปชั้นล่าง หลังออกจากห้องลูกชาย พยายามครุ่นคิดว่ายามดึกแบบนี้เมียเขาจะไปอยู่ที่ไหน ตอนแรกคิดว่าเธอออกไปเดินเล่น เลยไปตามหาดูที่สวนหย่อม แต่ก็ไร้เงาจันทริกาอย่างสิ้นเชิง คนตามหาเมียจึงทั้งร้อนใจและอดหัวเสียด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ กระทั่งฉุกคิดขึ้นได้ถึงห้องนอนชั้นล่างที่เขายังไม่ได้ไปดู ร่างสูงจึงก้าวตรงไปยังห้องนั้นอย่างไม่ลังเล แล้วก็ต้องแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นแสงสว่างเล็ดลอดออกมาจากข้างในเธอลงมาทำอะไรที่นี่นะมือใหญ่ผลักประตูเข้าไปเพื่อหาคำตอบให้ตัวเองในทันที ทำเอาคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งเล็กน้อย มือที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ชะงักไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เช่นกัน เมื่อความลับที่ตัวเองพยายามจะปกปิด ถูกจับได้เสียแล้ว“อยู่นี่นี่เอง พี่ตามหาซะทั่ว” เสียงทุ้มรำพึงขึ้นแบบกึ่งโล่งอกกึ่งคาดโทษ เพราะหลายวันมานี้เธอทำให้เป็นห่วงและแอบหนีเขามากลางดึกอยู่บ่อยๆ“จันทร์นึกว่าพี่ตะวันหลับไปแล้วซะอีกค่ะ” จันทริกาพูดออกไปตามที่ตัวเองจำได้ เพราะก่อนออกจากห้องมา รังสิมันต์มีอาการง่วงงุนจนเกือบจะหลับไปแล้ว“ตอนแรกก็หลับไปแล้ว แต่ก็ต้องตื่นมาเพราะเมียหาย ไม่ใช่คืนแรก
บทที่ 111เมื่อภรรยาเอาแต่ยืนหน้าแดง รังสิมันต์จึงยื่นแขนมาเกี่ยวเอวเล็ก รั้งร่างบางให้นั่งลงบนตัก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้ม“ตกลงนะ”“ก็ได้ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยรับปากอายๆ ทำให้คนที่ได้ดั่งใจประกบปากจูบเธออย่างดูดดื่มทันที และจันทริกาก็อดไม่ได้ที่จะจูบตอบเขาด้วยความดูดดื่มอ่อนหวานเช่นกันรังสิมันต์ครางออกมาในลำคออย่างพอใจ มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามลอนสะโพกผาย ต่ำลงไปยังชายกระโปรงแล้วรุกคืบเข้าไปข้างใน สัมผัสกับความเนียนละมุนของขาอ่อน เช่นเดียวกับปากและจมูกโด่ง ที่ตอนนี้ผละออกจากการประกบจูบ แต่กลับเริ่มซุกไซ้ไปตามพวงแก้ม ใบหู เลื่อนต่ำไปถึงซอกคอ แล้วระดมจูบไซ้ปลุกเร้า อย่างรู้ดีว่าทำอย่างไรจันทริกาจึงจะยอมตามใจ“พอแล้วค่ะพี่ตะวัน ไหนว่าคืนนี้ไงคะ” เสียงหวานเอ่ยประท้วงออกมาหอบๆ พยายามจะผลักใบหน้าสามีออกห่างแต่เขาไม่ยอม“ขอมัดจำก่อนไงจ๊ะ”“ไม่เอาค่ะ จันทร์ต้องลงไปหาอาทิตย์นะคะ”“ฟองคำเลี้ยงให้อยู่ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้อยู่กับพี่ก่อนเถอะนะ”“จันทร์คิดถึงลูกนี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมง”“แล้วไม่คิดถึงผัวบ้างเหรอคนดี พี่กับจันทร์ก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมงเหมือนกันนะ”“คิดถึงค่ะ คิดถึงทั้งลูก
บทที่ 110‘น้องอาทิตย์’ ลูกชายวัยหกเดือนนั่งรถมากับพ่อบนเบาะหลัง ในตอนบ่ายช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยมีอุ้ยคำเป็นคนขับ รถคันหรูแล่นมาหยุดที่ลานจอดรถของคณะซึ่งแม่น้องอาทิตย์เรียนอยู่ แม้วันนี้จะเป็นวันหยุด แต่ทว่าลานจอดรถกลับแน่นขนัดไปด้วยพาหนะของนักศึกษาภาคพิเศษในระดับปริญญาตรี โท และเอก ที่ต่างต้องมาเรียนในวันเสาร์อาทิตย์ ร่างบางออกมาจากตึกช้ากว่าเวลาเดิมเกือบสิบห้านาที ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มก่อนหน้านี้บึ้งตึงลงโดยพลัน ไม่ใช่เพราะต้องรอเมียนาน แต่เป็นเพราะมีหนุ่มหล่อหน้าตาดีเดินเคียงคู่ออกมาด้วยต่างหากเห็นเช่นนั้นลมเพชรหึงก็กำเริบทันที ร่างสูงเอียงตัวไปอุ้มลูกน้อยขึ้นมาบนวงแขน ก่อนจะผลักประตูรถลงไป แล้วก้าวยาวๆ ตรงไปหาภรรยาสาวอย่างไม่ลังเลทันที“ทำไมวันนี้มาช้าจังครับที่รัก พี่กับลูกมารอตั้งนาน” ไม่แค่ถามแต่รังสิมันต์ยังส่งน้องอาทิตย์ให้ผู้เป็นภรรยาอุ้ม พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ไปยังไอ้หน้าหล่อคนนั้น เป็นเชิงบอกว่านี่เมียเขาและเธอก็มีลูกแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าทำตัวสนิทสนมกับเมียเขาเกินเหตุ“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีจันทร์มีงานกลุ่มที่ต้องแบ่งกันทำกับเพื่อ
บทที่ 109หลังจากงานแต่งงานระหว่างรังสิมันต์กับจันทริกาผ่านไป เสียงเปียโนแสนไพเราะก็มักจะดังขึ้นบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับคืนนี้ก็เช่นกัน คฤหาสน์หลังใหญ่ในยามค่ำคืน ยังคงสวยงามและสว่างไสวด้วยไฟหลากหลายดวง เสียงเปียโนที่ถูกบรรเลงด้วยนิ้วเรียวๆ สวยๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของราตรีกาล สมาชิกในครอบครัวที่กำลังนอนอยู่ต่างอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเสียงเปียโนที่กำลังถูกบรรเลงอยู่ตอนนี้นั้น เป็นท่วงทำนองอันแว่วหวานแสนไพเราะ สะท้อนอารมณ์ของคนเล่นเป็นอย่างดี ว่ากำลังมีความสุขมากแค่ไหน ความสุขนั้นส่งผ่านเสียงเพลง ขับกล่อมคนฟังให้ผล็อยหลับไปอย่างแสนสุขเช่นเดียวกับคนเล่น“อุ๊ย...พี่ตะวัน”เสียงหวานอุทานขึ้น เมื่อเพลงแสนหวานนั้นจบลง พร้อมๆ กับที่เอวเล็กถูกแขนแข็งแรงสอดเข้ามากอด พวงแก้มและซอกคอก็โดนจูบโดนไซ้จากจมูกโด่งคมของคนที่ไม่เคยยอมห่างเธอไปไหน“รางวัลสำหรับเพลงเพราะๆ”“ใครอยากได้รางวัลแบบนี้กันคะ”“ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ”“ใครๆ ที่ว่านี่หมายถึงสาวๆ ของพี่ตะวันเหรอคะ” จันทริกาเอียงหน้ามาถาม สีหน้าและแววตาสะท้อนความสุขออกมา จนตอนนี้ใครต่อใครต่างก็บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉามากที่สุด“ถ
บทที่ 108งานแต่งงานเล็กๆ ถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ต่อมา ตอนเช้าเป็นงานแต่งแบบไทยตามประเพณี รังสิมันต์เชิญเฉพาะญาติผู้ใหญ่ฝั่งตัวเองมาเป็นสักขีพยาน และเป็นการบอกกล่าวให้รับรู้ว่าจันทริกาคือภรรยาของเขา ส่วนญาติทางฝั่งจันทริกาไม่มีใคร นอกจากตาธงกับยานนวลที่เธอถือว่าเป็นตากับยายของเธอ ส่วนงานกลางคืนเป็นงานเลี้ยงแบบอบอุ่น ที่มีเฉพาะเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แน่นอนว่าหนุ่มๆ ทั้งสี่คนซึ่งได้แก่ ปรัญช์ ปราณต์ ศาสตรา และกวินภพ มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้กันทั่วหน้า โดยแต่ละคนต่างควงคู่ภรรยามาทั้งนั้น ยกเว้นกวินภพซึ่งยังโสดแต่ก็ยังมีคนมาด้วย คือเอมมาลินนั่นเอง เอมมาลินถูกเชิญมางานเลี้ยงคืนนี้ด้วย เพราะถึงแม้จันทริกาจะรู้จักกับเอมมาลินได้ไม่นาน แต่เอมมาลินก็เป็นผู้มีพระคุณและยังเป็นคนที่เธอรักและนับถือเหมือนพี่สาวอีกคนหนึ่ง งานนี้อดีตคนเคยรักจึงจำต้องเดินทางมาเชียงใหม่ด้วยกันตามลำพังบรรยากาศของงานเลี้ยงเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองจริงๆ พี่สาวที่รักทั้งสองอย่างภัคธีมาและธรินดาต่างแสดงความยินดีกับน้องสาว ที่แม้ต้องเผชิญกับความร้ายกาจของรังสิมันต์ เพราะความเข้าใจผิดมามากมาย แต่ในที่สุดเธอก็เ
บทที่ 107“คนร้ายกาจ” จันทริกาต่อว่าคนเจ้าแผนการเบาๆ ไม่ใช่เพราะโกรธเคือง แค่รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยชนะเขาเลย แต่แท้จริงแล้วเขาต่างหากล่ะที่พ่ายแพ้ต่อเธอ พ่ายแพ้แบบยอมสยบแทบเท้า ยอมแบบราบคาบหมดทุกอย่าง“ที่ต้องร้ายก็เพราะรักมาก อยากชดเชยความผิดของตัวเอง แบบนี้จันทร์ยังจะใจแข็งกับพี่ได้ลงคออีกเหรอ” เขาใช้ทั้งลูกล่อลูกชน เพื่อให้เธอยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ขณะที่รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆ และเข้าใกล้ที่ว่าการอำเภอเข้าไปทุกที“จันทร์ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ไหมคะ”“ครับไม่มีแล้ว เพราะทางนี้คือทางที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนและลูก หลังจดทะเบียนกันแล้ว พี่ก็จะจัดงานแต่งงานด้วย โอเคไหม”“ไม่จัดไม่ได้เหรอคะ จันทร์ไม่ชอบพิธีรีตรองอะไรแบบนั้นหรอก อีกอย่างจันทร์เคยอยู่ในฐานะน้องเมียมาก่อน จันทร์กลัวพี่ตะวันจะเสื่อมเสียค่ะ” คราวนี้จันทริกาพูดด้วยเหตุผล เพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของเขาจริงๆ ไหนจะญาติๆ และคนรอบข้างอีก เธอเชื่อว่าต้องมีคนติฉินนินทาแน่ สำหรับเธอนั้นเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงมากมาย แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ เขาเป็นนักธุรกิจ มีชื่อเสียง มีสังคม เรื่องนี้มันอาจทำให้เขามัวหมอง“จันทร์ไม่ได้มีความเก