Share

บทที่ 29

last update Dernière mise à jour: 2025-06-09 10:52:07

บทที่ 29

“ว่างมากหรือไงถึงได้มานั่งเล่นเปียโนอยู่แบบนี้”

                “ขอโทษค่ะ” จันทริกาพูดเสียงเบาหวิว แล้วก้มหน้างุดลงอย่างไม่กล้าสบตาดุๆ ของคนถาม

                “ขอโทษแล้วก็ไปสิ จะยืนบื้ออยู่ทำไม ไม่เห็นหรือไงว่าฉันมีแขก”

                “ค่ะ”

                จันทริกาพูดแค่นั้นก็รีบผละไปในครัว เพื่อหาน้ำมาเสิร์ฟให้กับแขกของรังสิมันต์ โดยมีสายตาสองคู่มองตามด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน คนหนึ่งมองนิ่งขรึม อีกคนมองอย่างพินิศระคนสงสัย และปรัชญ์ก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนานนัก เขาหันมาทางคนที่จะให้คำตอบแก่เขาได้ทันที

                “อย่าบอกนะว่านี่คือเด็กรับใช้ในบ้านแก”

                “ถ้าใช่แล้วแกจะทำไม”

                “เฮ้ย...พูดเป็นเล่น เด็กคนนั้นหน้าตาผิวพรรณดีแถมยังดูเด็กอยู่มาก ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่คนรับใช้” ปรัชญ์พูดไปตามที่ตัวเองเห็น

                “ความจริงก็ไม่ใช่หรอก เด็กคนนั้นเป็น...อดีตน้องเมียของฉัน” ซึ่งปัจจุบันเป็นเมียเก็บ เมียลับๆ เมียทาส หรืออะไรก็ตามแต่ที่เขาไม่เคยคิดจะยกย่องมาเทียบเทียมศศิประภา

“อ้าว...ขอโทษนะเว้ยฉันไม่รู้ เสียใจด้วยอีกครั้งเรื่องเมียกับลูกแก”

“ช่างมันเถอะ ตอนนี้มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว”

                “เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกนะตะวัน แกถือซะว่าเมียแกทำบุญมาแค่นี้”

                “ใช่...ศศิทำบุญมาแค่นี้จริงๆ ถึงได้มีน้องสาวนิสัยเลวร้ายขนาดนั้น”

                “แกหมายความว่ายังไง?”

                “เด็กคนนั้นเป็นสาเหตุทำให้ศศิตาย แต่แกไม่ต้องห่วงหรอก ถึงเด็กคนนั้นจะรอดพ้นจากมือกฎหมาย แต่ไม่รอดจากกฎแห่งกรรมและการลงโทษจากฉันหรอก”

                “ก็ไหนพี่ปราณต์บอกฉันว่า ศศิประภาตายเพราะ...”

                “พี่ปราณต์ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางหรอก” รังสิมันต์ตัดบทก่อนที่ปรัชญ์จะถามจบ

                “แกก็เลยลงโทษน้องเขาด้วยการให้เป็นเด็กรับใช้ในบ้านอย่างนั้นเหรอ หรือว่ามีอะไรมากกว่านั้น ยังไงก็อย่ารุนแรงนักนะเว้ยตะวัน บาปกรรมจะติดตัวแกเปล่าๆ”

                “นี่ฉันหูฝาดไปหรือเปล่าที่คนอย่างแกเกิดจะกลัวบาปกรรมขึ้นมา” คราวนี้เป็นรังสิมันต์ที่มองหน้าปรัชญ์อย่างไม่อยากเชื่อหู

                “ไม่ฝาดหรอก ฉันนี่คนดีตัวพ่อเลย”

                “ถ้าแกดี โลกนี้คงไม่มีคนชั่วแล้วว่ะ”

                “โอเคครับ ผมยอมแพ้แล้วครับคุณรังสิมันต์ ไปหาเหล้ามากระแทกปากหน่อย”

ปรัชญ์ออกคำสั่งกับเจ้าของบ้าน ก่อนจะทิ้งกายลงที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ส่วนรังสิมันต์เดินไปหาเหล้าซึ่งเก็บไว้ที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มอีกห้อง

ปรัชญ์ซึ่งถูกทิ้งให้นั่งอยู่คนเดียว ตอนนี้กวาดสายตามองสำรวจรอบๆ บ้านที่ตัวเองคุ้นเคยเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก และก็พบว่ามีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไปมากพอสมควร ไม่แปลกนักหรอกถ้าอะไรๆ จะเปลี่ยนไป เพราะเขาไปอยู่ต่างประเทศมาตั้งหลายปี การเปลี่ยนแปลงของทุกสิ่งทุกอย่างย่อมจะเกิดขึ้นเป็นธรรมดา

“น้ำค่ะ”

เสียงใสๆ ที่ดังขึ้นดึงสายตาของปรัชญ์ให้หันมาทางเจ้าของเสียงซึ่งเป็นเด็กสาวอายุไม่น่าเกินยี่สิบ เธอรูปร่างโปร่งบาง ค่อนไปทางผอม หน้าตาดูซูบๆ แววตาหม่นเศร้าเช่นเดียวกับเสียงเปียโนที่เธอบรรเลงเมื่อครู่นี้ไม่มีผิด มองแวบแรกเหมือนจะเป็นเด็กสาวธรรมดา แต่เมื่อพิศมองดูดีๆ ปรัชญ์ก็เห็นว่าเด็กคนนี้มีอะไรบางอย่างที่น่าค้นหามากเลยทีเดียว ขนาดเขาเห็นแวบแรกยังรู้สึกได้ แล้วไอ้ตะวันที่เห็นทุกวันๆ มันจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอ แล้วจริงหรือว่าเด็กคนนี้เป็นแค่เด็กรับใช้ในบ้านของรังสิมันต์

“ขอบคุณครับ” ปรัชญ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพพร้อมทั้งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ผิดกับบุคลิกที่คนอื่นๆ เห็นว่าห่ามและดิบจนเจนตา

“คุณอยากได้อะไรอีกไหมคะ” จันทริกาถามเสียงเรียบๆ แต่ยังคงรักษากิริยาอันสุภาพนอบน้อมกับแขกของรังสิมันต์ไว้เป็นอย่างดี

“ไม่อยากได้อะไร แต่มีเรื่องอยากถามหน่อย”

“เรื่องอะไรคะ”

“น้องชื่ออะไรแล้วมาอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไง” ปรัชญ์ถามในเรื่องที่ตัวเองสงสัยทันที

“หนูชื่อจันทริกาค่ะ คุณจะเรียกว่าจันทร์เฉยๆ ก็ได้นะคะ จันทร์เป็นน้องสาวของพี่ศศิน่ะค่ะก็เลยได้มาอยู่ที่บ้านหลังนี้”

“ศศินี่เป็นภรรยาของตะวันใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ”

ปรัชญ์หันไปมองรูปแต่งงานของรังสิมันต์กับศศิประภาซึ่งวางอยู่บนตู้โชว์ ก่อนจะหันกลับมาพิศมองเด็กสาวตรงหน้าอีกรอบ

“เป็นพี่น้องกันจริงๆ เหรอ ทำไมหน้าไม่เหมือนกันเลย” เขาวิจารณ์ออกไปตรงๆ ตามที่ตัวเองเห็นและคิด

“ไม่ใช่หรอกค่ะ จันทร์เป็นลูกติดพ่อ พี่ศศิเป็นลูกติดแม่ พ่อกับแม่ของเราแต่งงานกัน จันทร์กับพี่ศศิก็เลยมีสถานะเป็นพี่น้องกันน่ะค่ะ” จันทริกาอธิบายโดยไม่คิดจะปิดบังใดๆ เพราะไม่ว่าเธอจะเคยเป็นใครหรืออะไรมาก่อนมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในตอนนี้ได้

“อย่างนี้นี่เอง แล้วเมื่อกี้จันทร์ใช่ไหมที่เป็นคนเล่นเปียโน”

“ค่ะ”

“ไปเรียนมาจากไหน”

“จันทร์เริ่มเรียนตอนอยู่โรงเรียนค่ะ จันทร์อยู่ชมรมดนตรี”

“เรียนมัธยมที่ไหนเหรอ” ปรัชญ์ซักต่ออย่างสนใจ

“ที่โรงเรียน…”

จันทริกาบอกชื่อโรงเรียนของตัวเอง และชื่อโรงเรียนดังกล่าวก็สะดุดหูปรัชญ์พอสมควร เพราะน้องสาวบุญธรรมของเขาก็เคยเรียนที่นั่นมาก่อน แถมยังอยู่ชมรมดนตรีอีกต่างหาก

“อยู่โรงเรียน และอยู่ชมรมเดียวกับธรินดา” ...ดูเอาเถอะขนาดว่าเขาออกจะรำคาญลูกสาวบุญธรรมของแม่ที่ชื่อธรินดา แต่ก็ยังอุตส่าห์รู้ว่าเธอเรียนที่ไหนและอยู่ชมรมอะไร

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 44

    บทที่ 44ผู้หญิงดีพร้อมที่เขาหมายถึงก็คือธรินดา น้องสาวบุญธรรมของปรัชญ์นั่นเอง เขารู้ดีว่าปรัชญ์รู้สึกลึกซึ้งกับธรินดามากกว่าน้องสาวนอกไส้ แต่มันก็ทำปากแข็งไม่เคยยอมรับความจริงกับเขาออกมาตรงๆ จนเขานึกอยากแกล้ง ถึงขนาดต้องลงทุนว่าจะไปหาธรินดาที่กรุงเทพฯ ซึ่งมันได้ผลเพราะไอ้บ้านั่นร้อนรนจนเปลี่ยนใจไปกับเขาเพื่อกันท่า ทั้งๆ ที่ตอนแรกปฏิเสธเสียงแข็งว่าจะไม่ไป ส่วนอีกเหตุผลที่เป็นเหตุผลส่วนตัวแบบไม่ได้บอกใคร ก็คืออยากทำให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้รู้ว่า แม้เขาจะร่วมรักกับเธอบ่อยแค่ไหนและบางครั้งอาจจะเผลออ่อนโยนไปบ้าง แต่เธอก็ไม่เคยมีความหมายมากไปกว่าเมียบำเรอ ที่เขาไม่เคยคิดจะยกย่องเชิดชู เขายังมองหาผู้หญิงอื่นมาอยู่เคียงข้างในฐานะภรรยาตัวจริงแทนที่ศศิประภา ซึ่งจันทริกาไม่มีวันจะได้เป็น ไม่มีวัน!“ค่ะ”‘ค่ะ’ สั้นๆ เหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากเช่นเดิม จากนั้นก็ทำหน้านิ่งจนอ่านความรู้สึกไม่ออก ยิ่งทำให้คนที่กำลังจะไปหงุดหงิดมากกว่าเดิม ทั้งๆ ที่เขาบอกว่าจะไปหาผู้หญิงที่ดีพร้อมมากกว่า เพราะอยากเห็นสีหน้าและแววตาที่เจ็บปวดของเธอ แต่จันทริกากลับนิ่งเฉย นิ่งจนกลายเป็นเขาที่ออกอาการเ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 43

    บทที่ 43 อากาศในยามอรุณรุ่งยังคงมีหมอกลงหนาทึบ ทำให้บรรยากาศทั่วอาณาบริเวณหนาวเย็นเหมือนเช่นทุกเช้า โดยเฉพาะในช่วงเวลาตีสี่กว่าๆ แบบนี้ หากเช้านี้จันทริกากลับรู้สึกว่าความหนาวเย็นนั้นไม่ได้กระทบผิวกายของเธอมากเท่าไหร่ เพราะมีความอบอุ่นบางอย่างที่คอยโอบล้อม ทำให้ร่างบางเผลอซุกเข้าหาความอบอุ่นนั้นอย่างลืมตัว ครั้นพอลืมตาตื่นก็รีบถอยห่างแบบเป็นอัตโนมัติเช่นกัน ทว่าแค่แรงดิ้นเบาๆ นั้นก็ทำให้คนที่นอนอยู่ข้างๆ ตวัดแขนคว้าเอาร่างบางเข้าไปนอนกอดอีกครั้ง จันทริกาแก้มแดงซ่านท่ามกลางความมืดเพราะรู้สึกได้ว่า ร่างกายของรังสิมันต์ยังคงเปลือยเปล่า “จะขยับไปไหน” เขาพึมพำทั้งที่ยังไม่ลืมตา แขนแกร่งกอดร่างบางมาแนบชิดแน่นกว่าเดิม “จันทร์ต้องลุกแล้วค่ะ คุณปล่อยจันทร์เถอะนะคะ” “ไม่ปล่อย จะรีบตื่นไปไหนแต่เช้า” “ตื่นไปเตรียมอาหารให้คุณ และเตรียมตัวไปทำงานไงคะ” “วันนี้เธอไม่ต้องไปทำงาน ส่วนอาหารเช้าฉันก็ไม่กิน เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอมีหน้าที่นอนนิ่งๆ ให้ฉันกอดก็พอ ห้องเธอหนาวจะตายไม่รู้หรือไง” “ไหนคุณ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 42

    บทที่ 42สี่โมงเย็นของวันนั้น รังสิมันต์ออกจากห้องทำงานแล้วลงมาหาจันทริกาที่ห้องล็อกเกอร์ สั่งให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับบ้านพร้อมเขา ทั้งๆ ที่เวลาเลิกงานของพนักงานกะเช้าคือหกโมงเย็น“เธอยังกินยาคุมอยู่หรือเปล่า” รังสิมันต์ถามขณะนั่งรับประทานมื้อเย็นอยู่ที่โต๊ะในห้องอาหารของคฤหาสน์หลังใหญ่“กินค่ะ” คำตอบนั้นเป็นคำตอบที่สั้นๆ น้ำเสียงราบเรียบ แต่หัวใจหม่นหมองมากเหลือเกิน เพราะรังสิมันต์ดูเหมือนจะกังวลและย้ำเรื่องนี้กับเธออยู่บ่อยครั้ง เขาคงกลัวว่าจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นและเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจะอุบัติในท้องของผู้หญิงที่เขามองว่าเลวร้ายอย่างเธอ“งั้นก็ดี คืนนี้เธอขึ้นไปนอนกับฉัน”ช่างเป็นคำสั่งที่พูดออกมาได้อย่างเฉยเมยเย็นชาราวกับสั่งไปเธอทำงานทั่วไป แต่คนไม่มีทางเลือกอย่างเธอจะต่อต้านหรือปฏิเสธอะไรได้ ในเมื่อความต้องการของเขาคือสิ่งที่เธอต้องทำตามหลังจากเก็บโต๊ะเสร็จ จันทริกาก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า บอกให้เมสซี่นอนรออยู่ที่ห้อง เพราะรู้ดีว่าเมื่อรังสิมันต์บรรลุความต้องการของเขาแล้ว เธอก็จะต้องกลับลงมานอนที่ห้องเล็กๆ ห้องนี้ดังเดิมแม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ความกระดากอายยา

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 41

    บทที่ 41รถที่สมรรถสูงสมราคาแล่นฉิวเข้ามาในที่จอดประจำโดยใช้เวลาไม่นานนัก รังสิมันต์ก้าวลงจากรถแล้วสั่งให้จันทริกาเดินไปหาหัวหน้าแม่บ้านที่ห้องล็อกเกอร์ ส่วนตัวเองตรงขึ้นไปยังห้องทำงานเพราะเมื่อวานนี้ทราบแล้วว่าห้องล็อกเกอร์อยู่ตรงไหน จันทริกาจึงไปหาหัวหน้าแม่บ้านที่นั่นโดยไม่ต้องมีใครพาไป หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จเธอได้รับมอบหมายให้ทำความสะอาดห้องน้ำที่ชั้นสามและชั้นสี่เช่นเดิม หญิงสาวพยายามมองหาคนในบ้านที่รังสิมันต์ให้มาทำงานที่นี่ ทว่าก็ไม่ได้พบใคร เพราะทุกคนอยู่ในแผนกอาหารสดกันหมด เธอจึงได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองโดยไม่มีโอกาสได้พูดคุยทักทายกับใครเลย ร่างเล็กบางที่กำลังหิ้วถังน้ำและไม้ถูพื้นเข้าไปห้องน้ำ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของรังสิมันต์อยู่แทบจะทุกย่างก้าว เพียงแต่วันนี้เขายืนมองอยู่ไกลๆ ไม่ได้เข้ามาคุมแจอยู่ข้างในเหมือนเมื่อวาน หลังจากที่เข้าไปทำความสะอาดห้องน้ำชั้นสามเสร็จ จันทริกาถืออุปกรณ์ทั้งหมดออกมาด้านนอก เตรียมจะไปทำความสะอาดที่ห้องน้ำชั้นสี่ต่อ แต่เธอต้องหันหลังกลับไปมอง เมื่อมีใครบางคนเรียกชื่อเธออย่างคุ้นเคย

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 40

    บทที่ 40เวลาเกือบสี่ทุ่ม กว่าที่รังสิมันต์กับปรัชญ์จะแยกย้ายกันกลับบ้าน แม้ปากบอกว่าจะไปดื่มเหล้าด้วยกัน แต่ต่างคนต่างก็ไม่ได้ดื่มหนักอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นคุยกันสัพเพเหระซะมากกว่า หรือถ้าให้พูดตรงๆ เรื่องดื่มเหล้ามันก็เป็นแค่ข้ออ้างสำหรับการออกไปเที่ยวเตร่ตามประสาผู้ชายโสดเท่านั้นออดี้สีเหลืองแล่นมาจอดที่หน้าบ้านอย่างคล่องตัว คนขับจัดการดับเครื่องดึงกุญแจออกแล้วเดินตรงเข้าไปในบ้านเลย โดยไม่ได้สนใจจะขับรถราคาแรงนั้นไปจอดในโรงรถแต่อย่างใด ด้านนอกไฟยังคงสว่างไสว ทว่าภายในบ้านไฟกลับถูกปิดเกือบทุกดวง ยกเว้นตรงบริเวณทางขึ้นบันไดชั้นสองเท่านั้นที่เปิดอยู่ร่างสูงก้าวขาไปยังบันไดเพื่อขึ้นห้อง ทว่าอยู่ๆ ก็เปลี่ยนใจกะทันหัน หันหลังกลับแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนชั้นล่างแทนเขาหยิบกุญแจสำรองที่แอบเก็บไว้ติดตัวตลอดเวลาออกมา กำลังจะไขเข้าไปอย่างถือวิสาสะ แต่ก็ชะงักมือเอาไว้เมื่อได้ยินเสียงหวานแว่วดังออกมานอกห้องเบาๆ“นอนลงๆ เป็นเด็กว่าง่าย นอนได้แล้วเมสซี่ วันนี้จันทร์ง่วงมาก แล้วก็ไม่มีอะไรจะคุยให้เมสซี่ฟังด้วย ฝันดีนะ”แม้เสียงนั้นจะเล็ดลอดออกนอกห้องมาแค่แผ่วเบา แต่ด้วยบรรยากาศที่เงียบเชียบของบ้าน ร

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 39

    บทที่ 39สินชัยเดินนำไปทางห้องล็อกเกอร์ของแม่บ้าน บอกหัวหน้าแม่บ้านให้หาชุดให้จันทริกาเปลี่ยน จากนั้นหญิงสาวก็ถืออุปกรณ์ทำความสะอาดเดินตามหัวหน้าแม่บ้านไปยังห้องน้ำที่อยู่ชั้นสาม “เดี๋ยวทำที่นี่เสร็จ ขึ้นไปทำที่ชั้นสี่ต่อเลยนะ” หัวหน้าแม่บ้านออกคำสั่งกับจันทริกาอีกคน “ค่ะ” “งั้นก็ลงมือได้เลย เดี๋ยวป้าจะไปตรวจความเรียบร้อยที่ชั้นอื่นก่อน เสร็จแล้วจะขึ้นมาตรวจดูที่ชั้นสามอีกรอบ” หัวหน้าแม่บ้านบอกเสร็จก็ออกไปจากห้องน้ำชั้นนั้น เพื่อไปตรวจความเรียบร้อยของชั้นอื่นๆ ตามหน้าที่ตัวเอง ประตูห้องน้ำที่ถูกแขวนป้ายด้านนอกว่ากำลังทำควาสะอาดถูกผลักเข้ามาอีกรอบ ทำให้จันทริกาซึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาขัดล้างทำความสะอาดห้องน้ำอยู่หันขวับไปมอง แล้วก็เห็นว่าคนที่เข้ามานั้นก็คือรังสิมันต์นั่นเอง “คุณตะวัน…” “ฉันแค่เข้ามาดูเธอว่าทำความสะอาดได้เรียบร้อยดีหรือเปล่า” ได้ยินคำตอบแบบนั้นจันทริกาก็หันไปตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาดต่อ โดยไม่ได้พูดจาใดๆ กับเขาอีก เสร็จจากห้องนั้นก็ต่อห้องนี้ จนกระทั่งครบทุกห้

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status