Share

บทที่ 7

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-06 07:34:45

บทที่ 7

เมื่อไปถึงก็เห็นว่าศศิประภากำลังยืนร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ยังไม่ทันที่จันทริกาจะได้เอ่ยถามถึงอาการของคนทั้งสอง ประตูห้องก็ถูกผลักออกมา

                “น้องสองคนเป็นญาติคนไข้ใช่มั้ยคะ”

                เสียงนั้นเป็นเสียงของพยาบาลห้องฉุกเฉินที่เปิดประตูออกมา ศศิประภาและจันทริกาต่างก็พยักหน้า ก่อนที่พยาบาลคนนั้นจะพูดออกมาอีกหนึ่งประโยค ซึ่งถ้อยคำนั้นไม่ต่างอะไรกับคำพิพากษาซึ่งร้ายแรงมากที่สุดในชีวิตของทั้งจันทริกาและศศิประภา

                “เข้าไปลาพ่อกับแม่เถอะค่ะ”

                ทันทีที่สิ้นคำพูดดังกล่าว ทั้งสองต่างก็ย่ำเท้าเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างไม่รีรอ สิริมาและเมธานอนอยู่คนละเตียง ลมหายใจของทั้งคู่ต่างรวยรินผาดแผ่ว ศศิประภาตรงไปหาแม่ตัวเองที่อยู่อีกเตียงหนึ่ง ส่วนจันทริกาตรงไปหาพ่อ และคว้ามือแข็งแรงซึ่งบัดนี้เกือบจะเย็นเฉียบขึ้นมาแนบแก้มที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตา

                “พ่อจ๋า...จันทร์มาแล้ว...”

                “จันทร์...พ่อขอโทษ...ที่ดูแลหนูได้ไม่ดี...พ่อเป็นพ่อที่แย่เหลือเกิน” เมธาพยายามเปล่งเสียงคุยกับลูกสาวตามสิ่งที่เก็บกดไว้ในใจตลอดมา ถึงแม้ว่าตอนนี้แม้แต่แรงจะหายใจยังแทบไม่หลงเหลือ แต่ด้วยรู้ดีว่านี่คงเป็นวาระสุดท้ายของชีวิตที่จะมีโอกาสได้พูดกับลูก คนเป็นพ่อจึงอยากให้ลูกอภัยก่อนที่ตัวเองจะลาลับ

“ไม่เป็นไรค่ะพ่อ...จันทร์ไม่โกรธพ่อเลย...จันทร์เชื่อว่าพ่อคงมีเหตุผล”

“หยิบของ…ในกระเป๋าเสื้อพ่อ...”

                เสียงของพ่อดังเท่าเสียงกระซิบ แต่จันทริกาได้ยินและรีบทำตามที่พ่อบอกทันที มือเล็กหยิบเอาของบางอย่างในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตแขนสั้นของพ่อ มันคือซองกำมะหยี่สีแดง ภายในมีแหวนทองคำเกลี้ยงวงเล็กๆ น้ำหนักน่าจะราวๆ หนึ่งสลึง จันทริกาเอาแหวนวงนั้นให้พ่อด้วยมือที่สั่นเทา น้ำตาอาบลงสองแก้มต่อเนื่องอย่างไม่อาจอดกลั้น

                “ได้แล้วค่ะพ่อ”

                เมธาไม่รับแต่ส่ายหน้าไปมา พยายามจะยิ้มให้ลูกสาว แต่รอยยิ้มนั้นมันก็เป็นไปได้เพียงเบาบาง เพราะถูกความเจ็บปวดห้อมล้อมทุกอณูความรู้สึก และเขาก็รู้ตัวเองว่าวาระสุดท้ายของชีวิตใกล้จะมาถึงเต็มที

“ของขวัญ...วันเกิด...ของจันทร์…พ่อ...รัก...จันทร์...”

                คำพูดที่ขาดเป็นห้วงๆ และแสนแผ่วเบานั้น กลับสร้างความเจ็บปวดอย่างรุนแรงให้กับหัวใจของคนเป็นลูก น้ำตาที่หลั่งเป็นสายก่อนหน้านี้ หลั่งออกมาอย่างท่วมท้น ขณะซบหน้าลงไปกับมือของพ่อ

                “จันทร์ก็รักพ่อค่ะ รักมากที่สุดในโลก”

“พ่อ...ขอ...โทษ...”

“จันทร์ไม่โกรธพ่อเลย จันทร์รักพ่อ รักมากที่สุด พ่อจ๋าอยู่กับจันทร์ได้ไหม อย่าทิ้งจันทร์ไปอีกคนเลยนะคะ”

                คำคำนั้นช่างเป็นคำอ้อนวอนที่ฟังดูน่าสงสารเหลือเกิน หากแต่คล้ายดั่งว่ามันจะไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง เมื่อร่างที่นอนอยู่เกร็งกระตุกติดๆ กัน ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะสิ้นสุดลง

                “พ่อ…พ่อจ๋า...ฮือๆๆๆ แล้วจันทร์จะอยู่กับใคร...จันทร์จะอยู่กับใคร...”

                จันทริกาซบหน้าลงร้องไห้กับอกของพ่อ เสื้อที่เปื้อนเลือดนั้นตอนนี้เปื้อนไปด้วยหยดน้ำตาของลูกสาว ร่างบางสะอึกสะอื้นจนตัวโยน เมื่อคนสุดท้ายที่เธอรักมากที่สุดในโลกนี้ได้จากลาไป ไปโดยไม่ฟังคำอ้อนวอนใดๆ ของเธอเลย

                นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่จันทริการ้องไห้อยู่แบบนั้น กระทั่งมีสองมือของพยาบาลมาแตะลงบนหัวไหล่ เธอจึงได้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

                “ไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้พ่อนะ เดี๋ยวพี่จะพาพ่อไปรอที่ห้องสุดท้าย”

                จันทริกามองหน้าพ่อเป็นครั้งสุดท้ายผ่านม่านน้ำตา ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมืออันสั่นเทาที่เกิดจากความสูญเสียไปปิดตาให้พ่อ เพื่อให้ท่านได้จากไปอย่างหมดห่วง ทั้งที่ไม่รู้เลยว่านับจากนี้ตัวเองจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง

                ร่างบางออกมายืนหน้าห้อง มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง เท้าเล็กๆ กำลังจะก้าวออกไปหาจักรยานที่จอดอยู่โรงจอดรถเพื่อขี่กลับบ้าน เอาเสื้อผ้าชุดสุดท้ายมาเปลี่ยนให้พ่อ แต่หัวไหล่บางกลับถูกกระชากจนตัวหมุน พร้อมกับแรงฝ่ามือของศศิประภาเหวี่ยงกระทบลงบนใบหน้าที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตา

                เพียะ!

                “พี่ศศิ!” จันทริกายกมือขึ้นมากุมหน้าตัวเอง แม้มันจะไม่เจ็บเท่าหัวใจที่ปวดหนึบอยู่ตอนนี้ แต่เธอก็ตกใจไม่น้อยที่ถูกศศิประภาทำร้ายเช่นนั้น

                “พ่อแกทำให้แม่ฉันตาย! ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะฆ่าแก! นังจันทร์! ไอ้พวกตัวซวย!”

                ศศิประภาอาละวาดอย่างคนคลุ้มคลั่ง พลางทุบตีหยิกข่วนแพะรับบาปอย่างจันทริกาไม่ยั้ง บุรุษพยาบาลที่อยู่แถวนั้นเห็นเหตุการณ์จึงรีบเข้ามาห้ามปราม

                “ที่นี่โรงพยาบาลครับน้อง อย่าตีกัน”

                “จำไว้นะนังจันทร์ ฉันจะไม่ปล่อยให้แกเป็นสุขแน่ พ่อแกฆ่าแม่ฉัน พ่อแกทำให้แม่ฉันตาย ทำไมไม่ตายไปคนเดียว พาแม่ฉันไปตายด้วยทำไม ไอ้คนเลว ฉันเกลียดพ่อแก เกลียดแก เกลียดๆๆๆ”

                ศศิประภายังชี้หน้าด่าจันทริกาด้วยความโกรธแค้นที่เกิดจากการสูญเสียและไม่รู้จะลงกับใคร เธอจึงถูกบุรุษพยาบาลจับตัวแยกไปเพื่อสงบสติอารมณ์ จันทริกาเลยรีบสาวเท้าไปยังจักรยานคู่ใจด้วยสายตาที่ฝ้าฟางไปด้วยน้ำใสๆ ซึ่งไหลกลบตาอย่างต่อเนื่อง หากความรู้สึกเคว้งคว้างหดหู่ในตอนที่ลมหายใจสุดท้ายของพ่อขาดห้วงลงมันยังไม่ชัดเจนพอ เมื่อสักครู่นี้ศศิประภาก็ได้ตอกย้ำมันลงมาบนร่างกายและหัวใจของเธอเรียบร้อยแล้วว่า นับจากนี้เธอจะไม่มีพ่ออีกต่อไป

               

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 112

    บทที่ 112ร่างสูงเดินตามบันไดลงไปชั้นล่าง หลังออกจากห้องลูกชาย พยายามครุ่นคิดว่ายามดึกแบบนี้เมียเขาจะไปอยู่ที่ไหน ตอนแรกคิดว่าเธอออกไปเดินเล่น เลยไปตามหาดูที่สวนหย่อม แต่ก็ไร้เงาจันทริกาอย่างสิ้นเชิง คนตามหาเมียจึงทั้งร้อนใจและอดหัวเสียด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ กระทั่งฉุกคิดขึ้นได้ถึงห้องนอนชั้นล่างที่เขายังไม่ได้ไปดู ร่างสูงจึงก้าวตรงไปยังห้องนั้นอย่างไม่ลังเล แล้วก็ต้องแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นแสงสว่างเล็ดลอดออกมาจากข้างในเธอลงมาทำอะไรที่นี่นะมือใหญ่ผลักประตูเข้าไปเพื่อหาคำตอบให้ตัวเองในทันที ทำเอาคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งเล็กน้อย มือที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ชะงักไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เช่นกัน เมื่อความลับที่ตัวเองพยายามจะปกปิด ถูกจับได้เสียแล้ว“อยู่นี่นี่เอง พี่ตามหาซะทั่ว” เสียงทุ้มรำพึงขึ้นแบบกึ่งโล่งอกกึ่งคาดโทษ เพราะหลายวันมานี้เธอทำให้เป็นห่วงและแอบหนีเขามากลางดึกอยู่บ่อยๆ“จันทร์นึกว่าพี่ตะวันหลับไปแล้วซะอีกค่ะ” จันทริกาพูดออกไปตามที่ตัวเองจำได้ เพราะก่อนออกจากห้องมา รังสิมันต์มีอาการง่วงงุนจนเกือบจะหลับไปแล้ว“ตอนแรกก็หลับไปแล้ว แต่ก็ต้องตื่นมาเพราะเมียหาย ไม่ใช่คืนแรก

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 111

    บทที่ 111เมื่อภรรยาเอาแต่ยืนหน้าแดง รังสิมันต์จึงยื่นแขนมาเกี่ยวเอวเล็ก รั้งร่างบางให้นั่งลงบนตัก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้ม“ตกลงนะ”“ก็ได้ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยรับปากอายๆ ทำให้คนที่ได้ดั่งใจประกบปากจูบเธออย่างดูดดื่มทันที และจันทริกาก็อดไม่ได้ที่จะจูบตอบเขาด้วยความดูดดื่มอ่อนหวานเช่นกันรังสิมันต์ครางออกมาในลำคออย่างพอใจ มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามลอนสะโพกผาย ต่ำลงไปยังชายกระโปรงแล้วรุกคืบเข้าไปข้างใน สัมผัสกับความเนียนละมุนของขาอ่อน เช่นเดียวกับปากและจมูกโด่ง ที่ตอนนี้ผละออกจากการประกบจูบ แต่กลับเริ่มซุกไซ้ไปตามพวงแก้ม ใบหู เลื่อนต่ำไปถึงซอกคอ แล้วระดมจูบไซ้ปลุกเร้า อย่างรู้ดีว่าทำอย่างไรจันทริกาจึงจะยอมตามใจ“พอแล้วค่ะพี่ตะวัน ไหนว่าคืนนี้ไงคะ” เสียงหวานเอ่ยประท้วงออกมาหอบๆ พยายามจะผลักใบหน้าสามีออกห่างแต่เขาไม่ยอม“ขอมัดจำก่อนไงจ๊ะ”“ไม่เอาค่ะ จันทร์ต้องลงไปหาอาทิตย์นะคะ”“ฟองคำเลี้ยงให้อยู่ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้อยู่กับพี่ก่อนเถอะนะ”“จันทร์คิดถึงลูกนี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมง”“แล้วไม่คิดถึงผัวบ้างเหรอคนดี พี่กับจันทร์ก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมงเหมือนกันนะ”“คิดถึงค่ะ คิดถึงทั้งลูก

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 110

    บทที่ 110‘น้องอาทิตย์’ ลูกชายวัยหกเดือนนั่งรถมากับพ่อบนเบาะหลัง ในตอนบ่ายช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยมีอุ้ยคำเป็นคนขับ รถคันหรูแล่นมาหยุดที่ลานจอดรถของคณะซึ่งแม่น้องอาทิตย์เรียนอยู่ แม้วันนี้จะเป็นวันหยุด แต่ทว่าลานจอดรถกลับแน่นขนัดไปด้วยพาหนะของนักศึกษาภาคพิเศษในระดับปริญญาตรี โท และเอก ที่ต่างต้องมาเรียนในวันเสาร์อาทิตย์ ร่างบางออกมาจากตึกช้ากว่าเวลาเดิมเกือบสิบห้านาที ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มก่อนหน้านี้บึ้งตึงลงโดยพลัน ไม่ใช่เพราะต้องรอเมียนาน แต่เป็นเพราะมีหนุ่มหล่อหน้าตาดีเดินเคียงคู่ออกมาด้วยต่างหากเห็นเช่นนั้นลมเพชรหึงก็กำเริบทันที ร่างสูงเอียงตัวไปอุ้มลูกน้อยขึ้นมาบนวงแขน ก่อนจะผลักประตูรถลงไป แล้วก้าวยาวๆ ตรงไปหาภรรยาสาวอย่างไม่ลังเลทันที“ทำไมวันนี้มาช้าจังครับที่รัก พี่กับลูกมารอตั้งนาน” ไม่แค่ถามแต่รังสิมันต์ยังส่งน้องอาทิตย์ให้ผู้เป็นภรรยาอุ้ม พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ไปยังไอ้หน้าหล่อคนนั้น เป็นเชิงบอกว่านี่เมียเขาและเธอก็มีลูกแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าทำตัวสนิทสนมกับเมียเขาเกินเหตุ“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีจันทร์มีงานกลุ่มที่ต้องแบ่งกันทำกับเพื่อ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 109

    บทที่ 109หลังจากงานแต่งงานระหว่างรังสิมันต์กับจันทริกาผ่านไป เสียงเปียโนแสนไพเราะก็มักจะดังขึ้นบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับคืนนี้ก็เช่นกัน คฤหาสน์หลังใหญ่ในยามค่ำคืน ยังคงสวยงามและสว่างไสวด้วยไฟหลากหลายดวง เสียงเปียโนที่ถูกบรรเลงด้วยนิ้วเรียวๆ สวยๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของราตรีกาล สมาชิกในครอบครัวที่กำลังนอนอยู่ต่างอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเสียงเปียโนที่กำลังถูกบรรเลงอยู่ตอนนี้นั้น เป็นท่วงทำนองอันแว่วหวานแสนไพเราะ สะท้อนอารมณ์ของคนเล่นเป็นอย่างดี ว่ากำลังมีความสุขมากแค่ไหน ความสุขนั้นส่งผ่านเสียงเพลง ขับกล่อมคนฟังให้ผล็อยหลับไปอย่างแสนสุขเช่นเดียวกับคนเล่น“อุ๊ย...พี่ตะวัน”เสียงหวานอุทานขึ้น เมื่อเพลงแสนหวานนั้นจบลง พร้อมๆ กับที่เอวเล็กถูกแขนแข็งแรงสอดเข้ามากอด พวงแก้มและซอกคอก็โดนจูบโดนไซ้จากจมูกโด่งคมของคนที่ไม่เคยยอมห่างเธอไปไหน“รางวัลสำหรับเพลงเพราะๆ”“ใครอยากได้รางวัลแบบนี้กันคะ”“ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ”“ใครๆ ที่ว่านี่หมายถึงสาวๆ ของพี่ตะวันเหรอคะ” จันทริกาเอียงหน้ามาถาม สีหน้าและแววตาสะท้อนความสุขออกมา จนตอนนี้ใครต่อใครต่างก็บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉามากที่สุด“ถ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 108

    บทที่ 108งานแต่งงานเล็กๆ ถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ต่อมา ตอนเช้าเป็นงานแต่งแบบไทยตามประเพณี รังสิมันต์เชิญเฉพาะญาติผู้ใหญ่ฝั่งตัวเองมาเป็นสักขีพยาน และเป็นการบอกกล่าวให้รับรู้ว่าจันทริกาคือภรรยาของเขา ส่วนญาติทางฝั่งจันทริกาไม่มีใคร นอกจากตาธงกับยานนวลที่เธอถือว่าเป็นตากับยายของเธอ ส่วนงานกลางคืนเป็นงานเลี้ยงแบบอบอุ่น ที่มีเฉพาะเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แน่นอนว่าหนุ่มๆ ทั้งสี่คนซึ่งได้แก่ ปรัญช์ ปราณต์ ศาสตรา และกวินภพ มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้กันทั่วหน้า โดยแต่ละคนต่างควงคู่ภรรยามาทั้งนั้น ยกเว้นกวินภพซึ่งยังโสดแต่ก็ยังมีคนมาด้วย คือเอมมาลินนั่นเอง เอมมาลินถูกเชิญมางานเลี้ยงคืนนี้ด้วย เพราะถึงแม้จันทริกาจะรู้จักกับเอมมาลินได้ไม่นาน แต่เอมมาลินก็เป็นผู้มีพระคุณและยังเป็นคนที่เธอรักและนับถือเหมือนพี่สาวอีกคนหนึ่ง งานนี้อดีตคนเคยรักจึงจำต้องเดินทางมาเชียงใหม่ด้วยกันตามลำพังบรรยากาศของงานเลี้ยงเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองจริงๆ พี่สาวที่รักทั้งสองอย่างภัคธีมาและธรินดาต่างแสดงความยินดีกับน้องสาว ที่แม้ต้องเผชิญกับความร้ายกาจของรังสิมันต์ เพราะความเข้าใจผิดมามากมาย แต่ในที่สุดเธอก็เ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 107

    บทที่ 107“คนร้ายกาจ” จันทริกาต่อว่าคนเจ้าแผนการเบาๆ ไม่ใช่เพราะโกรธเคือง แค่รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยชนะเขาเลย แต่แท้จริงแล้วเขาต่างหากล่ะที่พ่ายแพ้ต่อเธอ พ่ายแพ้แบบยอมสยบแทบเท้า ยอมแบบราบคาบหมดทุกอย่าง“ที่ต้องร้ายก็เพราะรักมาก อยากชดเชยความผิดของตัวเอง แบบนี้จันทร์ยังจะใจแข็งกับพี่ได้ลงคออีกเหรอ” เขาใช้ทั้งลูกล่อลูกชน เพื่อให้เธอยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ขณะที่รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆ และเข้าใกล้ที่ว่าการอำเภอเข้าไปทุกที“จันทร์ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ไหมคะ”“ครับไม่มีแล้ว เพราะทางนี้คือทางที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนและลูก หลังจดทะเบียนกันแล้ว พี่ก็จะจัดงานแต่งงานด้วย โอเคไหม”“ไม่จัดไม่ได้เหรอคะ จันทร์ไม่ชอบพิธีรีตรองอะไรแบบนั้นหรอก อีกอย่างจันทร์เคยอยู่ในฐานะน้องเมียมาก่อน จันทร์กลัวพี่ตะวันจะเสื่อมเสียค่ะ” คราวนี้จันทริกาพูดด้วยเหตุผล เพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของเขาจริงๆ ไหนจะญาติๆ และคนรอบข้างอีก เธอเชื่อว่าต้องมีคนติฉินนินทาแน่ สำหรับเธอนั้นเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงมากมาย แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ เขาเป็นนักธุรกิจ มีชื่อเสียง มีสังคม เรื่องนี้มันอาจทำให้เขามัวหมอง“จันทร์ไม่ได้มีความเก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status