Masukน้ำตาอุ่นๆ ที่เปื้อนลงบนเสื้อเชิ้ตสีขาวราคาแพงของเขาซึมลึกเข้าไปถึงหัวใจของคนที่ดูเหมือนจะเข้มแข็ง หากแต่ตอนนี้หัวใจเขากลับเจ็บปวดแปลกๆ ร่างเล็กที่เขากอดอยู่ตอนนี้ ช่างดูบอบบางเหมือนแก้วที่พร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ เขานึกถึงวันแรกที่เจอเธอและยังจำรอยยิ้มที่ทำให้โลกของเขาดูสว่างไสวขึ้นนั้นได้ดี
แต่...เธอยังเด็กเหลือเกิน เขาจำต้องเลือกหนทางที่จะได้ปกป้องเธอ เขารู้ใจตัวเองดีว่าชอบศศิประภามากพอสมควรเพราะประทับใจที่เธอเคยช่วยเมสซี่เอาไว้ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความชอบที่ยังไม่ถึงขั้นรัก หากแต่กับเด็กผู้หญิงเจ้าของนัยน์ตาแสนโศกคนนี้ เขากลับรู้สึกลึกซึ้งด้วยอย่างประหลาด ทว่าเขาต้องตัดสินใจขอศศิประภาแต่งงาน ก็เพราะศศิประภามีความพร้อมที่จะเป็นภรรยาของเขา ในขณะที่จันทริกานั้นยังเรียนไม่จบมัธยมปลายด้วยซ้ำ ดังนั้นความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของเขานับจากนี้ไป คงต้องถูกเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจให้มิดชิดที่สุด สายตาที่มองเธอก็จะต้องมองอย่างพี่ชายที่เอ็นดูน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น เขายอมแลกทุกอย่าง แค่ขอให้เธอผู้นี้มีอนาคตที่สดใสและสามารถอยู่ในโลกอันโหดร้ายได้อย่างมีความสุขก็พอแล้ว
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะดูแลเราเอง จะดูแลให้ดีที่สุด”
นั่นคือคำมั่นสัญญาที่รังสิมันต์เอ่ยกับจันทริกาและเอ่ยกับตัวเอง แม้เธอจะไม่ตอบรับ และเพียงยืนเงียบๆ แต่คนพูดรู้ดีว่าเขาจะไม่มีวันลืมเลือนคำพูดในวันนี้อย่างแน่นอน และเขาจะดูแลจนกว่าพระจันทร์แสนเศร้าดวงนี้จะส่องสว่างสวยงามและสามารถสาดแสงนำทางให้ใครต่อใครในยามค่ำคืนได้
งานแต่งงานระหว่างรังสิมันต์และศศิประภามีขึ้นหลังจากงานศพของเมธากับสิริมาผ่านไปยังไม่ถึงเดือนดีด้วยซ้ำ ทางรังสิมันต์เองไม่ได้มีปัญหาอะไร พ่อแม่ของเขาเองเสียไปตั้งแต่เขายังเด็ก คนที่เลี้ยงเขามาคือคุณย่า ซึ่งท่านได้จากโลกนี้ไปเมื่อห้าปีก่อน ดังนั้นการตัดสินใจทุกอย่างในชีวิตตอนนี้จึงเป็นสิทธิ์ขาดของเขาแต่เพียงผู้เดียว และญาติคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาก้าวก่าย
ศศิประภาลาออกจากการเป็นเซลขายรถ เพราะตอนนี้เธอเองอยู่ในฐานะที่ไม่ต่างอะไรกับซินเดอเรลล่าซึ่งได้ครอบครองทั้งเจ้าชายรูปงามอย่างรังสิมันต์กับคฤหาสน์หลังใหญ่หลังนี้ และเธอคงจะมีความสุขมากกว่านี้ หากว่าจันทริกาจะไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย
“ทำไมคุณตะวันต้องให้ยัยจันทร์มาอยู่ที่บ้านด้วยล่ะคะ แค่ศศิคนเดียวก็เป็นภาระของคุณมากพอแล้ว ให้จันทร์อยู่ที่บ้านก็ได้ บ้านจะได้มีคนคอยดูแลด้วยไงคะ” ศศิประภาฉลาดพอที่จะเอาความเกรงใจมาเป็นข้ออ้าง ในการที่จะกีดกันไม่ให้จันทริกาเข้ามาอยู่ร่วมชายคาด้วย
“ไม่ได้หรอกศศิ จันทร์เป็นผู้หญิงอยู่บ้านคนเดียวมันอันตราย ย้ายมาอยู่ด้วยกันซะที่นี่ละดีแล้ว หรือว่าคุณไม่เป็นห่วงน้อง”
“เอ่อ...ก็ต้องห่วงสิคะ ศศิรักยัยจันทร์เหมือนน้องสาวแท้ๆ คุณก็รู้ว่าเรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง แต่ศศิเกรงใจคุณ นี่คะ”
“ไม่ต้องเกรงใจครับ และก็ห้ามคิดว่าศศิกับจันทร์มาเป็นภาระของผม บอกแล้วไงว่าผมจะดูแลทั้งสองคนให้ดีที่สุด ส่วนบ้านหลังนั้นศศิจะขายหรือให้เช่าก็ตามใจนะครับ” รังสิมันต์บอกอย่างใจกว้างและหนักแน่น ทำให้ศศิประภาได้แต่เก็บความไม่พอใจนั้นเอาไว้คนดียว
และเพราะคำประกาศิตของเจ้าของบ้านนั่นเอง ทำให้จันทริกาได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านใหญ่โตหลังนี้ ทว่าเธอก็ยังคงเป็นพระจันทร์ที่ไร้แสง เพราะถูกกดไม่ให้เฉิดฉายเทียบเทียมรัศมีภรรยาเจ้าของบ้าน
“คุณตะวันให้ยัยจันทร์อยู่ห้องชั้นล่างก็ได้นะคะ” ศศิประภารีบบอกในทันทีที่จันทริกาย้ายเข้ามาในบ้านหลังจากงานแต่งงานของเธอกับรังสิมันต์ผ่านไปไม่นาน
“ทำไมล่ะ ผมบอกให้แม่บ้านจัดห้องไว้ที่ชั้นสองให้จันทร์แล้วนะ”
“คือศศิกลัวยัยจันทร์จะไม่ชินน่ะค่ะ เพราะปกติยัยจันทร์ก็นอนชั้นล่าง”
“แต่ว่า...” รังสิมันต์จะแย้งภรรยาสาว หากทว่าจันทริกาแทรกพูดขึ้นก่อนเพื่อตัดปัญหา
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ตะวัน จันทร์อยู่ชั้นล่างก็ดีแล้ว” เสียงหวานเอ่ยเรียบๆ
“แน่ใจนะว่าจะไม่อึดอัด ห้องมันค่อนข้างเล็ก”
“จันทร์อยู่ได้ค่ะ” จันทริกายืนยันทำให้รังสิมันต์จำต้องพยักหน้า ก่อนจะบอกให้คนรับใช้พาเธอไปยังห้องชั้นล่างซึ่งมีอยู่เพียงห้องเดียวและเป็นห้องที่เล็กที่สุดในบ้าน
แม้เวลาจะล่วงเลยไปจนเกือบสี่ทุ่มแล้ว ตอนนี้ร่างบางนอนอยู่บนเตียงขนาดห้าฟุต ซึ่งกว้างกว่าเตียงเก่าเกือบเท่าตัวแถมที่นอนก็นุ่มกว่ามาก หากทว่าจันทริกากลับยังนอนไม่หลับ อาจเป็นเพราะแปลกที่ หรืออาจเป็นเพราะยังพะวงกับอนาคตของตัวเอง แม้ว่ารังสิมันต์รับปากแล้วว่าจะส่งเธอจนกระทั่งเรียนจบ แต่เธอก็รู้ว่าศศิประภาไม่พอใจต่อความเอ็นดูที่รังสิมันต์มีให้เธอสักเท่าไหร่ เธอเองก็ไม่อยากมีปัญหากับศศิประภา เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนอารมณ์แรงและเจ้าคิดเจ้าแค้นแค่ไหน ดังนั้นจันทริกาจึงคิดว่าจะอยู่บ้านหลังนี้อย่างเงียบๆ และเจียมเนื้อเจียมตัวไปสักพัก ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ เธอจะย้ายไปอยู่หอพักเพื่อให้ศศิประภาสบายใจ
“เมี้ยว! เมี้ยว!”
เสียงร้องของแมวซึ่งค่อนข้างคุ้นหูดังขึ้นที่หน้าห้องนอนเล็กๆ นั้น ทำให้จันทริกาลืมความว้าวุ่นของตัวเอง แล้วก้าวไปเปิดประตูดูอย่างเป็นอัตโนมัติ
เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นว่า เจ้าของเสียงคือแมวที่ตัวเองเคยช่วยเอาไว้ ร่างบางก็รีบย่อตัวลง ช้อนอุ้มเอาร่างเล็กๆ ของสัตว์สี่เท้าซึ่งมีขนนุ่มและขี้อ้อนสุดๆ นั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
“ไง...เจอกันอีกแล้ว จำจันทร์ได้หรือเปล่า ดึกแล้วทำไมยังไม่นอนล่ะหือ” เสียงหวานเอ่ยถามแม้ว่าเมสซี่จะคุยกับเธอไม่ได้ แต่จันทริกาเชื่อว่าตัวเองสามารถสื่อสารกับมันด้วยภาษากายและภาษาพูดได้
บทที่ 112ร่างสูงเดินตามบันไดลงไปชั้นล่าง หลังออกจากห้องลูกชาย พยายามครุ่นคิดว่ายามดึกแบบนี้เมียเขาจะไปอยู่ที่ไหน ตอนแรกคิดว่าเธอออกไปเดินเล่น เลยไปตามหาดูที่สวนหย่อม แต่ก็ไร้เงาจันทริกาอย่างสิ้นเชิง คนตามหาเมียจึงทั้งร้อนใจและอดหัวเสียด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ กระทั่งฉุกคิดขึ้นได้ถึงห้องนอนชั้นล่างที่เขายังไม่ได้ไปดู ร่างสูงจึงก้าวตรงไปยังห้องนั้นอย่างไม่ลังเล แล้วก็ต้องแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นแสงสว่างเล็ดลอดออกมาจากข้างในเธอลงมาทำอะไรที่นี่นะมือใหญ่ผลักประตูเข้าไปเพื่อหาคำตอบให้ตัวเองในทันที ทำเอาคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งเล็กน้อย มือที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ชะงักไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เช่นกัน เมื่อความลับที่ตัวเองพยายามจะปกปิด ถูกจับได้เสียแล้ว“อยู่นี่นี่เอง พี่ตามหาซะทั่ว” เสียงทุ้มรำพึงขึ้นแบบกึ่งโล่งอกกึ่งคาดโทษ เพราะหลายวันมานี้เธอทำให้เป็นห่วงและแอบหนีเขามากลางดึกอยู่บ่อยๆ“จันทร์นึกว่าพี่ตะวันหลับไปแล้วซะอีกค่ะ” จันทริกาพูดออกไปตามที่ตัวเองจำได้ เพราะก่อนออกจากห้องมา รังสิมันต์มีอาการง่วงงุนจนเกือบจะหลับไปแล้ว“ตอนแรกก็หลับไปแล้ว แต่ก็ต้องตื่นมาเพราะเมียหาย ไม่ใช่คืนแรก
บทที่ 111เมื่อภรรยาเอาแต่ยืนหน้าแดง รังสิมันต์จึงยื่นแขนมาเกี่ยวเอวเล็ก รั้งร่างบางให้นั่งลงบนตัก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้ม“ตกลงนะ”“ก็ได้ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยรับปากอายๆ ทำให้คนที่ได้ดั่งใจประกบปากจูบเธออย่างดูดดื่มทันที และจันทริกาก็อดไม่ได้ที่จะจูบตอบเขาด้วยความดูดดื่มอ่อนหวานเช่นกันรังสิมันต์ครางออกมาในลำคออย่างพอใจ มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามลอนสะโพกผาย ต่ำลงไปยังชายกระโปรงแล้วรุกคืบเข้าไปข้างใน สัมผัสกับความเนียนละมุนของขาอ่อน เช่นเดียวกับปากและจมูกโด่ง ที่ตอนนี้ผละออกจากการประกบจูบ แต่กลับเริ่มซุกไซ้ไปตามพวงแก้ม ใบหู เลื่อนต่ำไปถึงซอกคอ แล้วระดมจูบไซ้ปลุกเร้า อย่างรู้ดีว่าทำอย่างไรจันทริกาจึงจะยอมตามใจ“พอแล้วค่ะพี่ตะวัน ไหนว่าคืนนี้ไงคะ” เสียงหวานเอ่ยประท้วงออกมาหอบๆ พยายามจะผลักใบหน้าสามีออกห่างแต่เขาไม่ยอม“ขอมัดจำก่อนไงจ๊ะ”“ไม่เอาค่ะ จันทร์ต้องลงไปหาอาทิตย์นะคะ”“ฟองคำเลี้ยงให้อยู่ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้อยู่กับพี่ก่อนเถอะนะ”“จันทร์คิดถึงลูกนี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมง”“แล้วไม่คิดถึงผัวบ้างเหรอคนดี พี่กับจันทร์ก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมงเหมือนกันนะ”“คิดถึงค่ะ คิดถึงทั้งลูก
บทที่ 110‘น้องอาทิตย์’ ลูกชายวัยหกเดือนนั่งรถมากับพ่อบนเบาะหลัง ในตอนบ่ายช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยมีอุ้ยคำเป็นคนขับ รถคันหรูแล่นมาหยุดที่ลานจอดรถของคณะซึ่งแม่น้องอาทิตย์เรียนอยู่ แม้วันนี้จะเป็นวันหยุด แต่ทว่าลานจอดรถกลับแน่นขนัดไปด้วยพาหนะของนักศึกษาภาคพิเศษในระดับปริญญาตรี โท และเอก ที่ต่างต้องมาเรียนในวันเสาร์อาทิตย์ ร่างบางออกมาจากตึกช้ากว่าเวลาเดิมเกือบสิบห้านาที ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มก่อนหน้านี้บึ้งตึงลงโดยพลัน ไม่ใช่เพราะต้องรอเมียนาน แต่เป็นเพราะมีหนุ่มหล่อหน้าตาดีเดินเคียงคู่ออกมาด้วยต่างหากเห็นเช่นนั้นลมเพชรหึงก็กำเริบทันที ร่างสูงเอียงตัวไปอุ้มลูกน้อยขึ้นมาบนวงแขน ก่อนจะผลักประตูรถลงไป แล้วก้าวยาวๆ ตรงไปหาภรรยาสาวอย่างไม่ลังเลทันที“ทำไมวันนี้มาช้าจังครับที่รัก พี่กับลูกมารอตั้งนาน” ไม่แค่ถามแต่รังสิมันต์ยังส่งน้องอาทิตย์ให้ผู้เป็นภรรยาอุ้ม พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ไปยังไอ้หน้าหล่อคนนั้น เป็นเชิงบอกว่านี่เมียเขาและเธอก็มีลูกแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าทำตัวสนิทสนมกับเมียเขาเกินเหตุ“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีจันทร์มีงานกลุ่มที่ต้องแบ่งกันทำกับเพื่อ
บทที่ 109หลังจากงานแต่งงานระหว่างรังสิมันต์กับจันทริกาผ่านไป เสียงเปียโนแสนไพเราะก็มักจะดังขึ้นบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับคืนนี้ก็เช่นกัน คฤหาสน์หลังใหญ่ในยามค่ำคืน ยังคงสวยงามและสว่างไสวด้วยไฟหลากหลายดวง เสียงเปียโนที่ถูกบรรเลงด้วยนิ้วเรียวๆ สวยๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของราตรีกาล สมาชิกในครอบครัวที่กำลังนอนอยู่ต่างอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเสียงเปียโนที่กำลังถูกบรรเลงอยู่ตอนนี้นั้น เป็นท่วงทำนองอันแว่วหวานแสนไพเราะ สะท้อนอารมณ์ของคนเล่นเป็นอย่างดี ว่ากำลังมีความสุขมากแค่ไหน ความสุขนั้นส่งผ่านเสียงเพลง ขับกล่อมคนฟังให้ผล็อยหลับไปอย่างแสนสุขเช่นเดียวกับคนเล่น“อุ๊ย...พี่ตะวัน”เสียงหวานอุทานขึ้น เมื่อเพลงแสนหวานนั้นจบลง พร้อมๆ กับที่เอวเล็กถูกแขนแข็งแรงสอดเข้ามากอด พวงแก้มและซอกคอก็โดนจูบโดนไซ้จากจมูกโด่งคมของคนที่ไม่เคยยอมห่างเธอไปไหน“รางวัลสำหรับเพลงเพราะๆ”“ใครอยากได้รางวัลแบบนี้กันคะ”“ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ”“ใครๆ ที่ว่านี่หมายถึงสาวๆ ของพี่ตะวันเหรอคะ” จันทริกาเอียงหน้ามาถาม สีหน้าและแววตาสะท้อนความสุขออกมา จนตอนนี้ใครต่อใครต่างก็บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉามากที่สุด“ถ
บทที่ 108งานแต่งงานเล็กๆ ถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ต่อมา ตอนเช้าเป็นงานแต่งแบบไทยตามประเพณี รังสิมันต์เชิญเฉพาะญาติผู้ใหญ่ฝั่งตัวเองมาเป็นสักขีพยาน และเป็นการบอกกล่าวให้รับรู้ว่าจันทริกาคือภรรยาของเขา ส่วนญาติทางฝั่งจันทริกาไม่มีใคร นอกจากตาธงกับยานนวลที่เธอถือว่าเป็นตากับยายของเธอ ส่วนงานกลางคืนเป็นงานเลี้ยงแบบอบอุ่น ที่มีเฉพาะเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แน่นอนว่าหนุ่มๆ ทั้งสี่คนซึ่งได้แก่ ปรัญช์ ปราณต์ ศาสตรา และกวินภพ มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้กันทั่วหน้า โดยแต่ละคนต่างควงคู่ภรรยามาทั้งนั้น ยกเว้นกวินภพซึ่งยังโสดแต่ก็ยังมีคนมาด้วย คือเอมมาลินนั่นเอง เอมมาลินถูกเชิญมางานเลี้ยงคืนนี้ด้วย เพราะถึงแม้จันทริกาจะรู้จักกับเอมมาลินได้ไม่นาน แต่เอมมาลินก็เป็นผู้มีพระคุณและยังเป็นคนที่เธอรักและนับถือเหมือนพี่สาวอีกคนหนึ่ง งานนี้อดีตคนเคยรักจึงจำต้องเดินทางมาเชียงใหม่ด้วยกันตามลำพังบรรยากาศของงานเลี้ยงเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองจริงๆ พี่สาวที่รักทั้งสองอย่างภัคธีมาและธรินดาต่างแสดงความยินดีกับน้องสาว ที่แม้ต้องเผชิญกับความร้ายกาจของรังสิมันต์ เพราะความเข้าใจผิดมามากมาย แต่ในที่สุดเธอก็เ
บทที่ 107“คนร้ายกาจ” จันทริกาต่อว่าคนเจ้าแผนการเบาๆ ไม่ใช่เพราะโกรธเคือง แค่รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยชนะเขาเลย แต่แท้จริงแล้วเขาต่างหากล่ะที่พ่ายแพ้ต่อเธอ พ่ายแพ้แบบยอมสยบแทบเท้า ยอมแบบราบคาบหมดทุกอย่าง“ที่ต้องร้ายก็เพราะรักมาก อยากชดเชยความผิดของตัวเอง แบบนี้จันทร์ยังจะใจแข็งกับพี่ได้ลงคออีกเหรอ” เขาใช้ทั้งลูกล่อลูกชน เพื่อให้เธอยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ขณะที่รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆ และเข้าใกล้ที่ว่าการอำเภอเข้าไปทุกที“จันทร์ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ไหมคะ”“ครับไม่มีแล้ว เพราะทางนี้คือทางที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนและลูก หลังจดทะเบียนกันแล้ว พี่ก็จะจัดงานแต่งงานด้วย โอเคไหม”“ไม่จัดไม่ได้เหรอคะ จันทร์ไม่ชอบพิธีรีตรองอะไรแบบนั้นหรอก อีกอย่างจันทร์เคยอยู่ในฐานะน้องเมียมาก่อน จันทร์กลัวพี่ตะวันจะเสื่อมเสียค่ะ” คราวนี้จันทริกาพูดด้วยเหตุผล เพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของเขาจริงๆ ไหนจะญาติๆ และคนรอบข้างอีก เธอเชื่อว่าต้องมีคนติฉินนินทาแน่ สำหรับเธอนั้นเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงมากมาย แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ เขาเป็นนักธุรกิจ มีชื่อเสียง มีสังคม เรื่องนี้มันอาจทำให้เขามัวหมอง“จันทร์ไม่ได้มีความเก







