จินเฟยเทียนถึงจะเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้วว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ ตรงหน้าเขาตอนนี้ เขากลับรับมือกับมันไม่ได้เลย...
จินเฟยเทียนที่ยามนี้ทำได้เพียงยืนมองไห่เฟิงกวัดแกว่งดาบรับมือกับนักฆ่าถึงสองคน และยืนมองหยงหม่าที่ถูกนักฆ่าซัดฝ่ามือใส่จนร่างกระเด็นไปสลบอีกฝั่งหนึ่งของห้อง ตอนนี้น้ำตาของเขาก็เริ่มไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว
จินเฟยเทียนพยายามจะเดินเข้าไปหาหยงหม่า แต่นักฆ่าที่ซัดฝ่ามือใส่หยงหม่ากลับเดินเข้ามาขวางเขาเอาไว้ แล้วนักฆ่าคนนั้นก็เดินย่างสามขุมเข้ามาหาจินเฟยเทียนอย่างช้าๆ
ไห่เฟิงที่เห็นหยงหม่าพลาดท่าให้กับนักฆ่าไปแล้ว และตอนนี้นักฆ่าคนนั้นก็กำลังจะเข้าไปทำร้ายผู้เป็นนายของเขา เขาจึงพยายามสลัดนักฆ่าสองคนที่พยายามจู่โจมเขาเพื่อเข้าไปปกป้องผู้เป็นนาย แต่เขาก็ไม่สามารถหลุดออกไปจากการต่อสู้ตรงหน้าได้เลย
จินเฟยเทียนพยายามก้าวถอยหลัง เพื่อรักษาระยะห่างจากนักฆ่าโดยให้หยางหมิงเซียนหลบไปอยู่ด้านหลังของตนเองอีกที
“คุณชายใหญ่! ท่านช่างตายยากตายเย็นเสียจริง ท่านน่าจะตายไปพร้อมกับมารดาของท่านที่ชายป่า ท่านไม่ควรกระเสือกกระสนมาตายไกลถึงที่นี่เลยนะขอรับ ท่านทำให้พวกข้าต้องมาเสียเวลาออกตามหาท่านแบบนี้”
นักฆ่าคนนั้นกล่าวจบก็ก้าวเข้าไปหาจินเฟยเทียนเรื่อยๆ ส่วนจินเฟยเทียนที่เห็นดังนั้นก็พยายามมองไปรอบห้องเผื่อจะเจอทางรอดให้กับพวกตัวเองบ้าง
“หึ! คุณชายใหญ่ท่านกำลังมองหาอะไร หรือท่านกำลังหวังจะให้ใคร...มาช่วยท่านอย่างนั้นหรือ?”
“แต่ข้าว่า...ตอนนี้ท่านควรตายตามมารดาท่านไปได้แล้ว เพราะพวกข้าเบื่อที่จะเล่นวิ่งไล่จับกับท่านแล้ว” เมื่อนักฆ่าพูดจบก็เงื้อดาบในมือขึ้นเตรียมที่จะฟันลงมายังจินเฟยเทียน
จินเฟยเทียนเมื่อเห็นดังนั้นเขาก็รีบหันหลังแล้วดึงหยางหมิงเซียนเข้ามากอดเอาไว้ เพราะเขาหวังว่าร่างกายนี้ของเขาคงสามารถกันไม่ให้ดาบไปโดนตัวเด็กชายตัวน้อยข้างหลังเขาไปด้วย
‘คงถึงเวลาของข้าแล้วซินะ’
จินเฟยเทียนหลับตาของตัวเองลงเพื่อเตรียมรับคมดาบที่กำลังจะฟันลงมา...
แต่ผ่านมาได้สักพักเขาก็ยังไม่รู้สึกถึงคมดาบที่ควรจะฟันลงมาโดนตัวเขา แต่เขากลับรู้สึกถึงหยดน้ำที่หยดลงมาโดนแผ่นหลังของเขาแทน
จินเฟยเทียนจึงลืมตาของตัวเองขึ้น แล้วหันกลับไปมองที่ด้านหลังของเขา แล้วเขาก็ต้องตกใจ! เมื่อเห็นหยงหม่ายืนหันหลังให้เขาอยู่...หยงหม่าที่ควรจะสลบอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง แต่ยามนี้กลับเข้ามารับคมดาบแทนเขา
จินเฟยเทียนเดินเข้าไปหาหยงหม่า...เขาเห็นมือของอีกฝ่ายจับดาบที่เสียบเข้าไปยังท้องของนักฆ่า และเมื่อเขามองที่ตัวของหยงหม่า...เขาก็เห็นบาดแผลจากดาบที่ฟันพาดยาวตั้งแต่ไหล่มาจนถึงกลางอก
หยงหม่าดึงดาบออกจากร่างของนักฆ่า แล้วถีบร่างนั้นลงไปกองกับพื้น จากนั้นเขาก็ทรุดตัวลงไปนั่งด้วยการชันเข่าลงไปข้างนึงแล้วใช้ดาบยันพื้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้ร่างกายของตัวเองทรุดลงไปกอง...
“อาหม่า เจ้า...ฮือๆๆๆ”
จินเฟยเทียนพูดอะไรต่อไม่ออก ยามนี้เขาทำได้เพียงเดินเข้าไปหยงหม่า...แล้วเอาชายเสื้อของตัวเองพยายามซับเลือดที่กำลังไหลซึมออกมาจากบาดแผลของหยงหม่า โดยมีหยางหมิงเซียนคอยยืนอยู่ข้างๆ
ไห่เฟิงเมื่อจัดการนักฆ่าทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปหาผู้เป็นนาย
จินเฟยเทียนเมื่อเห็นไห่เฟิงเดินเข้ามาหาตน เขาก็รีบเรียกหาอีกฝ่ายทันที
“อาไห่! ช่วยอาหม่าด้วย ฮือๆ”
ไห่เฟิงเห็นผู้เป็นนายพยายามเรียกหาเขา...ในขณะที่ตัวเองกำลังยืนร้องไห้พร้อมกับซับเลือดให้หยงหม่าก็ทำให้เขารู้สึกสงสาร แต่พอเขาหันไปมองที่หยงหม่า ตอนนี้อีกฝ่ายก็หันหน้ามามองที่เขาอยู่พอดี แล้วหยงหม่าก็พยายามสื่อความหมายให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เจ้าตัวต้องการบอก...
หยงหม่าตอนนี้กำลังมองผู้เป็นนายที่ยืนร้องไห้และคอยซับเลือดให้กับเขา แล้วยังพยายามที่จะเรียกหาไห่เฟิงให้เข้ามาช่วยเขา...มันทำให้เขาทั้งรู้สึกซึ้งใจและรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก เพราะตัวเขาในยามนี้ไม่มีแรงเหลือแม้แต่จะเอ่ยปากปลอบผู้เป็นนายด้วยซ้ำ เขาจึงทำได้เพียงหันไปส่ายหน้าให้ไห่เฟิงแล้วหันกลับมามองที่ผู้เป็นนาย จากนั้นก็หันกลับไปพยักหน้าให้ไห่เฟิง...โดยที่พวกเขารู้ความหมายของสัญญาณที่ส่งให้กัน
“คุณชายใหญ่ขอรับ เราต้องรีบหนีกันแล้วขอรับ...ข้าต้องขอโทษด้วยนะขอรับ” ไห่เฟิงพูดจบก็เอื้อมมือไปอุ้มจินเฟยเทียนและหยางหมิงเซียนด้วยแขนคนละข้าง
“เดี๋ยว...แล้วอาหม่าล่ะ อาไห่! พาอาหม่าไปด้วย!!”
จินเฟยเทียนมองไปทางหยงหม่าที่กำลังกระอักเลือด แต่พยายามที่จะเงยหน้าขึ้นมาส่ายหน้าให้กับเขาอย่างช้าๆ
“อาหม่าไปต่อไม่ไหวแล้วขอรับ”
“คุณชายใหญ่ขอรับ เราต้องรีบออกไปจากที่นี่แล้วขอรับ” ไห่เฟิงกัดฟันใช้ลมปราณส่วนที่เหลือรีบพาผู้เป็นนายกับเด็กชายอีกคนพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ทันที
จินเฟยเทียนที่ยังคงมองเข้าไปในห้องและพยายามดิ้นให้หลุดออกจากแขนของไห่เฟิงเพื่อกลับลงไปช่วยหยงหม่า แต่เขากลับเห็นหยงหม่าพยายามที่จะส่ายหน้าแล้วยกยิ้มขึ้นมาให้กับเขา และหลังจากนั้นเขาก็เห็นหยงหม่ากระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะทรุดตัวลงไปนอนกับพื้น
“อาหม่า!!! ม่ายยย”
“ทำไม... ฮือ ฮือออ”
‘ทำไมถึงทำแบบนี้’
หยงหม่ายิ้มส่งผู้เป็นนายของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะทรุดตัวลงไปนอนกับพื้นอย่างสุดฝืน
ชีวิตของเขาตอนนี้ช่างคุ้มแล้ว เขาสามารถปกป้องผู้เป็นนายได้ด้วยชีวิตของตัวเขาเอง...เขาสามารถรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับตัวเองและนายท่านได้แล้ว แม้ว่าเขาจะเสียดายที่ต่อจากนี้เขาจะไม่สามารถอยู่ข้างกาย คอยดูแล และคอยปกป้องผู้เป็นนายได้อีกแล้วก็ตาม แต่ตอนนี้เขาก็ทำได้เพียงแต่หวัง...หวังเพียงให้ไห่เฟิงคุ้มครองผู้เป็นนายหนีรอดออกจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยเท่านั้น
หยงหม่าหลับตาของตัวเองลงอย่างช้าๆ แล้วฝากคำลาของเขาถึงผู้เป็นนายไปกับสายลม...
‘ลาก่อนขอรับ คุณชายใหญ่’
“เจ้ามาอีกแล้วหรือหลวนคุน พักนี้เจ้ามาที่นี่บ่อยเกินไปหรือไม่?” “พักนี้ข้าว่างเลยแวะมาเยี่ยมสหายอย่างพวกเจ้าไม่ได้หรือ...” จินเฟยเทียนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหน้าห้องพักของเขา เขาจึงเดินออกมาดูที่หน้าห้องก็เห็นหยางหมิงเซียนกำลังยืนกันชิงหลวนคุนไม่ให้อีกฝ่ายเดินมาหาเขาที่ห้องพัก จากนั้นเขาก็เห็นเจ้าลูกกวางแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้กับหลงจิ้นเปียวที่กำลังยืนแอบมองพวกเขาทั้งสองคนจากหน้าห้องผู้ป่วย ด้วยเจ้าตัวแสบหลงจิ้นเปียวยามนี้ได้ขออยู่เล่นกับเกาเล่อและเกาเผิงที่โรงหมอต่อ หลังจากที่ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูพาอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่ “องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ช่วยมาดูอะไรกับกระหม่อมสักครู่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลงจิ้นเปียววัยเจ็ดหนาวเดินเข้ามาพูดพร้อมกับกระตุกชุดคลุมของชิงหลวนคุน “เพียงไม่นานพ่ะย่ะค่ะ มันอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เองพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ เราจะไปดูก
จินเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่...ใบหน้าแรกที่เขาได้เจอก็คือใบหน้าของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกายเขา... หากนึกย้อนไปในวันแรกที่เขาทะลุเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ โดยไม่นับรวมชาติที่เขาตายจากโลกแห่งนี้ไป คนแรกที่เขาเจอก็คือหยางหมิงเซียน และไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามที่เขาหัวเราะหรือแม้แต่ในยามที่เขาร้องไห้ คนที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอดก็คือหยางหมิงเซียน แม้แต่ในเวลาที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด เขาก็มีอีกฝ่ายเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ... “ขอบคุณนะที่รักกัน” “ขอรับ ข้ารักเฟยเกอนะขอรับ” หยางหมิงเซียนเอ่ยตอบอีกฝ่ายพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองคนรักของเขา ที่จริงเขารู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาแล้ว “ข้าก็รักเจ้าหมิงเซียน เจ้าลูกกวางของข้า” “ขอรับ ข้าเป็นเจ้าลูกกวางของเฟยเกอ แต่..
หยางหมิงเซียนรีบประคองจินเฟยเทียนกลับมาที่เรือนของพวกเขา ดีที่พวกเขาสร้างโรงหมอไม่ไกลจากเรือนของพวกเขามากนัก และดีที่ตอนปรับปรุงเรือนหลังเก่าให้กลายเป็นเรือนหอของพวกเขา...ได้สร้างเรือนหลังเล็กแยกไปอีกสามหลัง เพื่อให้เกาเล่อกับเกาเผิงและบ่าวคนอื่นๆ ที่จินเฟยหมิงและราชครูหลงจิ้นสิงส่งมาให้อยู่ดูแลพวกเขาไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อที่ทุกคนจะได้มีที่พักเป็นสัดส่วนของตัวเอง ดังนั้นในเรือนใหญ่หลังนี้จึงมีเพียงแค่พวกเขาที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน หยางหมิงเซียนประคองจินเฟยเทียนเข้ามานั่งพักในห้องนอนของพวกเขา ก่อนที่เขาจะลงไปนั่งคุกเข่าและมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ที่ในยามนี้ทั้งผิวหน้าและผิวกายของอีกฝ่ายมีสีแดงไม่ต่างไปจากผลผิงกั่ว ดวงตาของอีกฝ่ายยามนี้ก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายก็กำลังขบเม้มกันแน่น...คนตรงหน้ายามนี้คงกำลังพยายามฝืนความต้องการของตัวเองอยู่เป็นแน่ “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ข้าขอโทษนะขอรับ ยาที่ท่านเพิ่งกินเข้าไปไม่ใช่ยาแก้ปวดต
“อาเล่อเจ้ากำลังทำอะไร?” หยางหมิงเซียนเข้ามาในห้องปรุงยา หลังจากไปส่งยาสมานแผลที่ค่ายทหาร ก็เจอเข้ากับเกาเล่อที่มาก้มๆเงยๆ อยู่แถวชั้นปรุงยาของเขา “ข้าน้อยกำลังจะต้มยาแก้ปวดตัวให้คุณชายใหญ่จินขอรับ” “เฟยเกอเป็นอะไร?” หยางหมิงเซียนรีบเอ่ยถาม เพราะเมื่อเช้าพวกเขาก็ออกมาจากเรือนพักพร้อมกันเหมือนทุกวัน อีกฝ่ายก็ยังปกติดีไม่เห็นมีอาการปวดตัวอะไรให้เห็น “วันนี้คุณชายใหญ่จินมีตรวจรักษาคนไข้ตั้งแต่เช้าเลยขอรับ และวันนี้ก็มีท่านป้าท่านหนึ่งที่ขยับตัวค่อนข้างจะลำบากเข้ามาขอรับการรักษา คุณชายใหญ่จินจึงต้องคอยช่วยนางขยับตัวตอนตรวจรักษาด้วยขอรับ ยามนี้คุณชายใหญ่จินเลยให้ข้าน้อยมาต้มยาแก้ปวดตัวให้ขอรับ” “เจ้ากลับไปช่วยเฟยเกอดูคนไข้ต่อเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องยาของเฟยเกอให้เอง อีกสักพักเจ้าค่อยกลับออกมาเอา และข้าฝากบอกเฟยเกอด้วยว่า...ข้ากลับมาแล้ว และเดี๋ยวถ้าข้าต้มยาให้ท่านลุงเจียงเสร็จ ข้าจะรีบเข้าไปหา” “ได้ขอรับ”
หยางหมิงเซียนเฝ้ามองตัวเขาในที่แห่งนี้เริ่มทำเรื่องเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้ตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เป็นถึงผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมแล้ว และตัวเขาในที่แห่งนี้ก็มีเกาเล่อเป็นลูกน้องคนสนิทและยังมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเป็นดั่งมือและเท้าคอยออกไปทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ให้เขา พวกเขาทำตัวไม่ต่างอะไรจากโจร...ทั้งยักยอกของหลวง ทั้งติดสินบน ทั้งตัดเสบียงอาหารและยาที่จะส่งไปยังค่ายทหาร...เพียงเพื่อต้องการกลั่นแกล้งรองแม่ทัพจินเฟยหลง ด้วยเพราะอีกฝ่ายเข้ามาติดพันกับสตรีที่ตัวเขาในที่แห่งนี้กำลังลุ่มหลง จนวันหนึ่งหยางหมิงเซียนเห็นตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เจอกับผู้เป็นมารดา จากนั้นชีวิตของตัวเขาในที่แห่งนี้ก็เริ่มเลวร้ายลงไปจากเดิมเป็นเท่าตัว หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ถูกมารดาชักจูงให้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่การดึงตัวเขาในที่แห่งนี้เข้าไปร่วมมือกับหานเฟิง ตอนนี้หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากคนเลวคนหนึ่ง ทั้งลงมือทำร้ายผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งกับคนที่เคยทำร้ายจิตใจตัวเองด้
“ข้าขอร้องได้หรือไม่ ช่วยปล่อยเด็กคนนั้นไป เด็กคนนั้น...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย หากคนที่จ้างเจ้าต้องการให้เจ้ามาเอาชีวิตข้า อย่างนั้นเจ้าก็เข้ามาเอาชีวิตข้าไปเสียเถอะ แต่ข้าขออย่างเดียว...ช่วยปล่อยเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องคนนั้นไป” จินเฟยเทียนยามนี้เจ็บปวดใจยิ่งนัก เพียงเพราะชีวิตตัวภาระอย่างเขา ทำให้ผู้คนรอบข้างและผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือตัวภาระเช่นเขาแบบนี้ หากไม่มีเขาสักคนทุกคนคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เป็นแน่... ‘ชีวิตของข้ามันช่างดูไร้ค่า และเป็นภาระของผู้อื่นอย่างที่ฮูหยินรองพูดไว้จริงๆด้วย’ นักฆ่าคนนั้นเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนแล้วก้มลงหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนร่างของเด็กชายไปยังจุดที่จินเฟยเทียนกำลังยืนอยู่ จินเฟยเทียนที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองเด็กชายให้กลับขึ้นมายืนข้างตัวเองทันที “ข้าคงทำแบบนั้นให้ท่านไม่ได้หรอกคุณช