ในป่าท้ายหมู่บ้านยามนี้มีเงาดำสี่สายกำลังพุ่งตัวตามเงาดำสายหนึ่งอยู่...
ไห่เฟิงหลังจากพาจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนหลบหนีออกมาจากเรือนของหยงหม่าได้ เขาก็รีบพาคนทั้งคู่เข้าไปในป่าท้ายหมู่บ้าน โดยใช้วิชาตัวเบาสลับกับการเดินลัดเลาะไปตามต้นไม้ เพื่ออาศัยความมืดในการพรางตัว เนื่องจากไห่เฟิงได้สูญเสียลมปราณไปกับการต่อสู้ที่เพิ่งผ่านมาไม่น้อย จึงทำให้เขาในยามนี้ต้องใช้พลังกายและพยายามดึงเอาลมปราณส่วนที่ยังเหลือออกมาใช้ เพื่อพาผู้เป็นนายหลบหนีจากกลุ่มนักฆ่าให้เร็วที่สุด
ไห่เฟิงที่รับรู้ว่ายามนี้มีกลุ่มคนกำลังไล่ตามพวกเขาอยู่ เขาจึงกระซิบบอกผู้เป็นนายในอ้อมแขนของตัวเองเบาๆ
“คุณชายใหญ่ขอรับ ตอนนี้พวกเรากำลังถูกติดตามจากพวกนักฆ่า คุณชายใหญ่สงบลงก่อนนะขอรับ”
จินเฟยเทียนเมื่อได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้ารับ แล้วพยายามสงบใจของตัวเองลง จากนั้นเขาก็พยายามกลั้นสะอื้นเพื่อไม่ให้มีเสียงหลุดลอดออกมาได้
ไห่เฟิงเห็นผู้เป็นนายพยายามกลั้นสะอื้นจนร่างเล็กในอ้อมแขนเริ่มสั่นเทา ก็ทำให้เขารู้สึกสงสารผู้เป็นนายจนจับใจ
‘คุณชายใหญ่อายุก็เพียงเท่านี้ เหตุใดถึงต้องมาเจอเหตุการณ์ที่หนักหนาขนาดนี้ด้วย’
ไห่เฟิงเพิ่มความเร็วในการหลบหนี เพื่อจะได้ทิ้งห่างจากพวกนักฆ่า ยามนี้เขาพยายามสอดส่ายสายตาเพื่อมองหาที่ปลอดภัย...พอจะให้ผู้เป็นนายและเด็กอีกคนสามารถเข้าไปหลบซ่อนตัวได้
ไห่เฟิงมองเห็นพุ่มไม้ที่มีขนาดใหญ่ข้างต้นไม้ต้นหนึ่ง ขนาดของพุ่มไม้น่าจะพอให้เด็กสองคนเข้าไปหลบซ่อนตัวได้ เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงรีบพุ่งเข้าไปในพุ่มไม้พุ่มนั้นทันที จากนั้นเขาก็ค่อยๆ วางผู้เป็นนายกับเด็กอีกคนลงอย่างเบามือ
“คุณชายใหญ่ขอรับ หากเดินจากจุดนี้ไปทางทิศตะวันออก คุณชายใหญ่จะเจอกับแม่น้ำสายหนึ่ง ถ้าเจอแม่น้ำสายนั้นแล้วให้คุณชายใหญ่เดินตามกระแสน้ำไปเรื่อย ๆ แล้วคุณชายใหญ่ก็จะเจอกับอารามของเมืองนี้ จากนั้นคุณชายใหญ่สามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพระในอารามแห่งนั้นได้ขอรับ” ไห่เฟิงมองผู้เป็นนายที่ตั้งใจฟังในสิ่งที่ตนบอกด้วยใบหน้าที่แดงก่ำน้ำตาไหลลงมาคลอหน่วย ปากเม้มแน่นด้วยพยายามที่จะกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้...ยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งปวดใจยิ่งนัก
หากเลือกได้เขาคงไม่คิดจะทิ้งผู้เป็นนายไว้แบบนี้เป็นแน่ แต่หากพวกเขายังเลือกที่จะเดินทางหลบหนีแบบเดิม ฝั่งตรงข้ามคงตามพวกเขามาทันเป็นแน่ เพราะตอนนี้ตัวเขาได้ใช้แรงกายและดึงลมปราณของตัวเองออกมาใช้จนถึงขีดสุดแล้ว
“คุณชายใหญ่ขอรับ... ข้าคงมาส่งคุณชายใหญ่ได้เพียงเท่านี้ หลังจากนี้หากเกิดอะไรขึ้น คุณชายใหญ่ห้ามออกไปจากตรงนี้โดยเด็ดขาดนะขอรับ รอให้ทุกอย่างสงบลงก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อนะขอรับ ข้าขอลาคุณชายใหญ่ตรงนี้เลยขอรับ” ไห่เฟิงพูดจบก็ลุกขึ้นยืนก้มหัวคำนับให้กับจินเฟยเทียนหนึ่งครั้ง แล้วสะบัดตัวจากไปทันที
จินเฟยเทียนได้ยินดังนั้นจึงเอื้อมมือออกไป หวังจะคว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้ แต่ก็คว้าได้เพียงอากาศเท่านั้น
“อาไห่! อย่าไป! กลับมา...”
ไห่เฟิงรีบใช้วิชาตัวเบาพุ่งกลับไปยังทางเดิมเพื่อดักรอฝ่ายตรงข้ามที่กำลังไล่ตามรอยของพวกเขาอยู่ และเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงอีกฝ่าย เขาก็รีบพุ่งตัวออกไปเพื่อล่อให้อีกฝ่ายได้ติดตามตัวเขาออกไปด้วย...ให้พวกมันออกห่างจากบริเวณที่ผู้เป็นนายซ่อนตัวอยู่...
ไห่เฟิงเมื่อล่อให้พวกนักฆ่าไล่ตามตัวเองจนห่างออกมาไกลพอสมควรแล้ว เขาจึงลดความเร็วของตัวเองลง จากนั้นเขาจึงดึงดาบของตัวเองออกมารอ... ยามนี้เขาพร้อมแล้วที่จะสู้ เพื่อปกป้องผู้เป็นนายของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ตัวเขาแม้ต้องตายก็ไม่คิดเสียดาย...เขาขอเพียงให้ผู้เป็นนายปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว
หลังจากไห่เฟิงพุ่งตัวออกไปไม่ถึงหนึ่งเค่อ จินเฟยเทียนก็ได้ยินเสียงต่อสู้ที่ดังมาจากในป่าฝั่งตรงข้ามจากบริเวณที่พวกเขากำลังซ่อนตัวอยู่ น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาอีกครั้ง ยามนี้เขาได้แต่ภาวนาให้ไห่เฟิงปลอดภัยเท่านั้น
จากนั้นไม่นานจินเฟยเทียนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าซึ่งดังห่างจากที่พวกเขาหลบซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลนัก เขาจึงรีบเอื้อมมือไปดึงหยางหมิงเซียนเข้ามากอดไว้แล้วใช้มือข้างหนึ่งปิดปากของเด็กชาย แล้วใช้มืออีกข้างที่เหลือปิดปากของตนเอง
สวบ สวบ สวบ!
เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ จินเฟยเทียนพยายามมองผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้เพื่อหาต้นตอของเสียง แล้วเขาก็ได้เห็นชายหนุ่มสองคนที่สวมชุดคล้ายกับพวกนักฆ่าที่เข้ามาทำร้ายพวกเขา
จินเฟยเทียนก้มมองหยางหมิงเซียน แล้วรีบตัดสินใจในสถานการณ์ตรงหน้าทันที
“เด็กน้อย ฟังข้านะ...เจ้าจำที่อาไห่บอกก่อนออกไป ได้หรือไม่?” จินเฟยเทียนกระซิบถามเด็กชายในอ้อมแขน แล้วเมื่อเขาเห็นเด็กชายพยักหน้ารับ เขาจึงรีบเอ่ยชม...
“เก่งมาก เด็กดี”
“เดี๋ยวข้าจะวิ่งออกไปล่อสองคนนั้นให้ไปอีกทางหนึ่ง เมื่อเจ้าเห็นสองคนนั้นวิ่งตามข้าจนห่างออกไปแล้ว เจ้าค่อยออกจากที่ซ่อนนี้ แล้วไปตามทางที่อาไห่บอกไว้นะ” จินเฟยเทียนแม้ปากจะเอ่ยพูดกับหยางหมิงเซียน แต่สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องอยู่กับสองนักฆ่าสองคนนั้น
หยางหมิงเซียนเมื่อได้ฟังที่เด็กชายตรงหน้าพูด เขาก็รีบเอื้อมมือไปกอดอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วส่ายหน้าเบาๆ ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายทันที
“ไม่ขอรับ! หากจะไปก็ต้องไปด้วยกัน”
.......................................................................
ผู้เขียนขอขอบคุณทุกยอดวิว ยอดกดหัวใจ ยอดกดติดตาม และทุกข้อความของผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ นะคะ ทุกยอดคือกำลังใจที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆของผู้เขียนเลยค่ะ
“เจ้ามาอีกแล้วหรือหลวนคุน พักนี้เจ้ามาที่นี่บ่อยเกินไปหรือไม่?” “พักนี้ข้าว่างเลยแวะมาเยี่ยมสหายอย่างพวกเจ้าไม่ได้หรือ...” จินเฟยเทียนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหน้าห้องพักของเขา เขาจึงเดินออกมาดูที่หน้าห้องก็เห็นหยางหมิงเซียนกำลังยืนกันชิงหลวนคุนไม่ให้อีกฝ่ายเดินมาหาเขาที่ห้องพัก จากนั้นเขาก็เห็นเจ้าลูกกวางแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้กับหลงจิ้นเปียวที่กำลังยืนแอบมองพวกเขาทั้งสองคนจากหน้าห้องผู้ป่วย ด้วยเจ้าตัวแสบหลงจิ้นเปียวยามนี้ได้ขออยู่เล่นกับเกาเล่อและเกาเผิงที่โรงหมอต่อ หลังจากที่ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูพาอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่ “องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ช่วยมาดูอะไรกับกระหม่อมสักครู่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลงจิ้นเปียววัยเจ็ดหนาวเดินเข้ามาพูดพร้อมกับกระตุกชุดคลุมของชิงหลวนคุน “เพียงไม่นานพ่ะย่ะค่ะ มันอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เองพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ เราจะไปดูก
จินเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่...ใบหน้าแรกที่เขาได้เจอก็คือใบหน้าของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกายเขา... หากนึกย้อนไปในวันแรกที่เขาทะลุเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ โดยไม่นับรวมชาติที่เขาตายจากโลกแห่งนี้ไป คนแรกที่เขาเจอก็คือหยางหมิงเซียน และไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามที่เขาหัวเราะหรือแม้แต่ในยามที่เขาร้องไห้ คนที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอดก็คือหยางหมิงเซียน แม้แต่ในเวลาที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด เขาก็มีอีกฝ่ายเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ... “ขอบคุณนะที่รักกัน” “ขอรับ ข้ารักเฟยเกอนะขอรับ” หยางหมิงเซียนเอ่ยตอบอีกฝ่ายพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองคนรักของเขา ที่จริงเขารู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาแล้ว “ข้าก็รักเจ้าหมิงเซียน เจ้าลูกกวางของข้า” “ขอรับ ข้าเป็นเจ้าลูกกวางของเฟยเกอ แต่..
หยางหมิงเซียนรีบประคองจินเฟยเทียนกลับมาที่เรือนของพวกเขา ดีที่พวกเขาสร้างโรงหมอไม่ไกลจากเรือนของพวกเขามากนัก และดีที่ตอนปรับปรุงเรือนหลังเก่าให้กลายเป็นเรือนหอของพวกเขา...ได้สร้างเรือนหลังเล็กแยกไปอีกสามหลัง เพื่อให้เกาเล่อกับเกาเผิงและบ่าวคนอื่นๆ ที่จินเฟยหมิงและราชครูหลงจิ้นสิงส่งมาให้อยู่ดูแลพวกเขาไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อที่ทุกคนจะได้มีที่พักเป็นสัดส่วนของตัวเอง ดังนั้นในเรือนใหญ่หลังนี้จึงมีเพียงแค่พวกเขาที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน หยางหมิงเซียนประคองจินเฟยเทียนเข้ามานั่งพักในห้องนอนของพวกเขา ก่อนที่เขาจะลงไปนั่งคุกเข่าและมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ที่ในยามนี้ทั้งผิวหน้าและผิวกายของอีกฝ่ายมีสีแดงไม่ต่างไปจากผลผิงกั่ว ดวงตาของอีกฝ่ายยามนี้ก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายก็กำลังขบเม้มกันแน่น...คนตรงหน้ายามนี้คงกำลังพยายามฝืนความต้องการของตัวเองอยู่เป็นแน่ “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ข้าขอโทษนะขอรับ ยาที่ท่านเพิ่งกินเข้าไปไม่ใช่ยาแก้ปวดต
“อาเล่อเจ้ากำลังทำอะไร?” หยางหมิงเซียนเข้ามาในห้องปรุงยา หลังจากไปส่งยาสมานแผลที่ค่ายทหาร ก็เจอเข้ากับเกาเล่อที่มาก้มๆเงยๆ อยู่แถวชั้นปรุงยาของเขา “ข้าน้อยกำลังจะต้มยาแก้ปวดตัวให้คุณชายใหญ่จินขอรับ” “เฟยเกอเป็นอะไร?” หยางหมิงเซียนรีบเอ่ยถาม เพราะเมื่อเช้าพวกเขาก็ออกมาจากเรือนพักพร้อมกันเหมือนทุกวัน อีกฝ่ายก็ยังปกติดีไม่เห็นมีอาการปวดตัวอะไรให้เห็น “วันนี้คุณชายใหญ่จินมีตรวจรักษาคนไข้ตั้งแต่เช้าเลยขอรับ และวันนี้ก็มีท่านป้าท่านหนึ่งที่ขยับตัวค่อนข้างจะลำบากเข้ามาขอรับการรักษา คุณชายใหญ่จินจึงต้องคอยช่วยนางขยับตัวตอนตรวจรักษาด้วยขอรับ ยามนี้คุณชายใหญ่จินเลยให้ข้าน้อยมาต้มยาแก้ปวดตัวให้ขอรับ” “เจ้ากลับไปช่วยเฟยเกอดูคนไข้ต่อเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องยาของเฟยเกอให้เอง อีกสักพักเจ้าค่อยกลับออกมาเอา และข้าฝากบอกเฟยเกอด้วยว่า...ข้ากลับมาแล้ว และเดี๋ยวถ้าข้าต้มยาให้ท่านลุงเจียงเสร็จ ข้าจะรีบเข้าไปหา” “ได้ขอรับ”
หยางหมิงเซียนเฝ้ามองตัวเขาในที่แห่งนี้เริ่มทำเรื่องเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้ตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เป็นถึงผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมแล้ว และตัวเขาในที่แห่งนี้ก็มีเกาเล่อเป็นลูกน้องคนสนิทและยังมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเป็นดั่งมือและเท้าคอยออกไปทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ให้เขา พวกเขาทำตัวไม่ต่างอะไรจากโจร...ทั้งยักยอกของหลวง ทั้งติดสินบน ทั้งตัดเสบียงอาหารและยาที่จะส่งไปยังค่ายทหาร...เพียงเพื่อต้องการกลั่นแกล้งรองแม่ทัพจินเฟยหลง ด้วยเพราะอีกฝ่ายเข้ามาติดพันกับสตรีที่ตัวเขาในที่แห่งนี้กำลังลุ่มหลง จนวันหนึ่งหยางหมิงเซียนเห็นตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เจอกับผู้เป็นมารดา จากนั้นชีวิตของตัวเขาในที่แห่งนี้ก็เริ่มเลวร้ายลงไปจากเดิมเป็นเท่าตัว หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ถูกมารดาชักจูงให้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่การดึงตัวเขาในที่แห่งนี้เข้าไปร่วมมือกับหานเฟิง ตอนนี้หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากคนเลวคนหนึ่ง ทั้งลงมือทำร้ายผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งกับคนที่เคยทำร้ายจิตใจตัวเองด้
“ข้าขอร้องได้หรือไม่ ช่วยปล่อยเด็กคนนั้นไป เด็กคนนั้น...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย หากคนที่จ้างเจ้าต้องการให้เจ้ามาเอาชีวิตข้า อย่างนั้นเจ้าก็เข้ามาเอาชีวิตข้าไปเสียเถอะ แต่ข้าขออย่างเดียว...ช่วยปล่อยเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องคนนั้นไป” จินเฟยเทียนยามนี้เจ็บปวดใจยิ่งนัก เพียงเพราะชีวิตตัวภาระอย่างเขา ทำให้ผู้คนรอบข้างและผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือตัวภาระเช่นเขาแบบนี้ หากไม่มีเขาสักคนทุกคนคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เป็นแน่... ‘ชีวิตของข้ามันช่างดูไร้ค่า และเป็นภาระของผู้อื่นอย่างที่ฮูหยินรองพูดไว้จริงๆด้วย’ นักฆ่าคนนั้นเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนแล้วก้มลงหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนร่างของเด็กชายไปยังจุดที่จินเฟยเทียนกำลังยืนอยู่ จินเฟยเทียนที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองเด็กชายให้กลับขึ้นมายืนข้างตัวเองทันที “ข้าคงทำแบบนั้นให้ท่านไม่ได้หรอกคุณช