เผลอแป๊บเดียวข้าก็มาอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วความเป็นอยู่ ณ ตอนนี้ถือว่าไม่แย่นัก ร่างกายที่ก่อนหน้าไม่มีแรงแม้แต่จะลุกนั่งถูกบำรุงอย่างดีจนตอนนี้สามารถเดินไปไหนมาไหนได้สะดวก ร่างบอบบางนั่งเหม่อมองดูดอกบัวในสระที่กำลังเบ่งบานสะพรั่งจวนแห่งนี้ถึงแม้จะไม่ได้รุ่งเรืองดังเก่าแต่ทุกอย่างยังคงสวยงามเพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากพ่อบ้านหวังและชิงชิง ตอนนี้ข้ารู้ว่าภายในจวนกำลังกระเบียดกระเสียดเต็มทีเพราะมีแค่รายจ่ายไม่มีรายรับเลย เงินทองที่ใช้จ่ายอยู่ในขณะนี้ก็มาจากท่านพ่อนำของมีค่าในจวนไปขายจนไม่มีจะขายอีกแล้ว โรงเตี๊ยมสมบัติที่เหลืออยู่ชิ้นสุดท้ายที่จะขายของสกุลจางหากไม่ถูกกดราคาจนไม่อาจตัดใจที่จะขายได้หาไม่แล้วคงจะไม่เหลืออยู่จนถึงตอนนี้ คงถึงเวลาที่ข้าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อความอยู่รอดของตนเองและทุกคน คิดได้ดังนั้นสมองน้อยๆ จึงต้องทำงานอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้มาฟื้นคืนตระกูลจางให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่นั่งคิดนอนคิดเปลี่ยนไปหลายท่าก็ยังคิดไม่ออกจนรู้สึกหิว เอ้อออ หาอะไรกินก่อนแล้วกัน กองทัพต้องเดินด้วยท้องนี่นา
ชิงชิงที่เดินมาตามคุณหนูของนางให้ไปทานข้าวเห็นใบหน้างามที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคิดอะไรไม่ตกมองดูใบหน้าแสดงอารมณ์หลากหลายของคุณหนูแล้วให้รู้สึกเพลิดเพลินยิ่งนัก คุณหนูของนางพอหายจากการเจ็บปวดก็งดงามนัก รูปร่างสมส่วนงดงามตรงไหนที่สมควรมีก็มีน่ามอง ผิวพรรณขาวผ่องดังหยกเนื้อดี รูปหน้าเหมาะเจาะลงตัวปากนิดจมูกหน่อย คิ้วโก่งได้รูป ยิ่งดวงตากลมโตสุกใสดังดวงดารา ใครได้มองคงได้ลืมหายใจเหมือนกับนางเป็นแน่ นางที่เป็นสตรีเหมือนกันยังเห็นว่าคุณหนูช่างดูงดงามเย้ายวนยิ่งนักนำคำกล่าวว่างามล่มเมืองมาใช้กับคุณหนูของนางคงไม่เกินจริง
"ชิงชิงงงงง"
"ว้าย! คุณหนูเสียงดังทำไมเจ้าคะบ่าวหัวใจจะวายเจ้าค่ะ"
"ก็ข้าเรียกเจ้าตั้งนานเจ้าก็เอาแต่ยืนเหม่อยิ้มอยู่นั่นเป็นอันใดหรือไม่"
"บ่าวแค่กำลังคิดว่าคุณหนูของบ่าวช่างงามยิ่งนักเจ้าค่ะ" ชิงชิงน้อยช่างปากหวานยิ่งนักข้าก็รู้ตัวอะนะว่าข้างามมากกก อิอิ ตอนเห็นหน้าตัวเองครั้งแรกข้าก็ตกตะลึงในรูปโฉมของจางเหม่ยลี่นัก เอหรือว่าจะใช้ความงามนี้ให้เป็นประโยชน์หาสามีร่ำรวยแต่งสักคนเรียกสินสอดเยอะๆ ให้ท่านพ่อสบายไปทั้งชาติดีไหมน้า คริคริ
" คุณหนูคิดอะไรไม่ดีอยู่ใช่ไหมเจ้าคะ" ชิงชิงเห็นสายตาเช่นนี้ของคุณหนูแล้วดูไม่น่าไว้ใจยิ่งนักตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาคุณหนูของนางก็ดูสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นแต่ก็ เจ้าเล่ห์ขึ้นด้วย คิดอะไรอยู่ก็แสดงออกทางสีหน้าหมดจนนางไม่ต้องรอให้คุณหนูของนางเอ่ยออกมาก็สามารถล่วงรู้ได้ เห็นสายตาเช่นนี้นางรู้สึกขนลุกยิ่งนัก
"ปล่าวววว ไม่ได้คิดดดด" ปฏิเสธซะเสียงสูงเลยนะเจ้าคะ
"ไม่คิดก็ไม่คิดเจ้าค่ะ ไปทานข้าวได้แล้วเจ้าค่ะบ่าวตั้งสำรับไว้แล้วนายท่านรออยู่" ว่าแล้วสองนายบ่าวก็พากันเดินไปยังเรือนใหญ่ซึ่งเป็นเรือนส่วนหน้าที่ใหญ่โตมากแต่ตามโถงทางเดินที่เดินผ่านกลับโล่งไร้เครื่องเรือนประดับตกแต่งซึ่งทำให้รู้สึกหดหู่ยิ่งนัก เดินมาถึงห้องโถงก็เห็นท่านพ่อนั่งรออยู่ก่อนแล้วซึ่งเป็นภาพที่ได้เห็นตั้งแต่สามารถลุกขึ้นมาทานอาหารเองได้ซึ่งทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก ในภพก่อนนั้นข้าเป็นแค่เด็กกำพร้าที่โตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็ก โชคดีที่ได้ร่ำเรียนจนจบ หวังจะใช้ชีวิตกับคนรักอย่างมีความสุข หลังเรียนจบจึงตัดสินใจใช้ชีวิตคู่กับคนรักที่คบกันมาสี่ปีแต่มีความสุขอยู่ไม่นานก็ได้รับรู้ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้มีแค่ข้าคนเดียวที่เป็นภรรยาแต่ยังมีอีกคนที่กำลังตั้งท้องลูกของเค้าอีกคนเป็นภรรยา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้เพราะสัญญากับตัวเองว่าชีวิตนี้จะขออยู่แบบผัวเดียวเมียเดียวจึงตัดสินใจถอยออกมาแต่คงเป็นเมตตาจากฟ้าที่ไม่อยากให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวจึงส่งเทวดาตัวน้อยมาให้ ใช่แล้ว ข้าตั้งครรภ์แต่คงเป็นกรรมเก่ามีความสุขอยู่กับลูกน้อยแค่ไม่กี่เดือนฟ้าก็มาพาเทวดาตัวน้อยกลับสวรรค์ ช่างให้ความรู้สึกที่แสนเจ็บปวดเหลือเกิน
"ลี่เอ๋อ เจ้ามาแล้วหรือมากินข้าวเถอะมากำลังร้อนๆ" น้ำเสียงที่แสนอบอุ่นฉุดดึงข้าจากอดีตที่แสนเจ็บปวดมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง มือหนาที่ดูคล้ำลงและผ่ายผอมลงจากที่เห็นครั้งแรกอยู่มากเอื้อมมาประคองให้นั่งลงข้างๆ ข้ามองดูอาหารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ มีข้าวสวยหนึ่งโถ ผัดผักง่ายๆหนึ่งจาน ไก่ผัดพริกหวานซึ่งเป็นเนื้อเพียงอย่างเดียวที่ขึ้นโต๊ะเพราะท่านหมอบอกว่าข้าต้องกินอาหารที่มีเนื้อเป็นส่วนประกอบเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเร็วขึ้นซึ่งท่านพ่อก็อุตส่าห์หามาให้ข้าได้บำรุงร่างกายทั้งที่ในจวนฟืดเคืองเต็มทีและซุปผักหนึ่งถ้วย จำได้ว่าตั้งแต่ฟื้นมาอาหารที่ได้กินรสชาติช่าง อืมม จืดชืดยิ่งนัก คิดถึงอาหารภพก่อนเหลือเกิน
ใช่แล้วข้าคิดออกแล้ว ข้าจะทำอาหาร
"ท่านพ่อ ลูกอยากปรับปรุงโรงเตี้ยมของเราให้กลับรุ่งเรืองอีกครั้งเจ้าค่ะ" ไม่รอให้สิ่งที่คิดขึ้นมาต้องรอนานข้าต้องรีบลงมือดำเนินการโดยเร็วนายท่านจางเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของบุตรสาวจึงไม่ลังเลที่จะสนับสนุนสิ่งใดที่บุตรสาวอันเป็นที่รักปรารถนาทำให้นางมีความสุขได้เขาก็ยินดีจะส่งเสริม
" พ่อตามใจเจ้าทุกสิ่งอย่าง แต่ตอนนี้กินข้าวก่อนนะเด็กดี เดี๋ยวเย็นชืดจะไม่อร่อย ส่วนเรื่องโรงเตี๊ยมขาดเหลือสิ่งใดให้มาแจ้งพ่อ พ่อพร้อมสนับสนุนเจ้า"
"ลูกขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ ลูกจะไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวัง"
มื้ออาหารมื้อนี้ช่างเต็มไปด้วยความสุขจนพ่อบ้านหวังและชิงชิงสบตากันอย่างสุขใจที่นายท่านทั้งสองมีรอยยิ้มอีกครั้ง
"นี่อ๋องหมิงยังไม่คิดที่จะกลับจวนเจ้าอีกหรือ ยาก็ได้ไปแล้วหนิ" ราชครูเว่ยที่กลับมานั่งทำงานต่อ แขกสูงศักดิ์ก็ยังตามมานั่งร่ำสุรา จนป่านนี้ยังไม่คิดจะกลับจวนตัวเอง"นี่ข้าจะเข้านอนแล้วนะ" "ไปสิข้าจะกลับแล้ว คงจะสมควรแก่เวลาแล้วกระมัง" กล่าวพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วลุกขึ้นราชครูเว่ยรู้ทันคนเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการนัก พอคนอื่นทำบ้างมาว่าเขาซะงั้น"เจ้าก็ร้ายกาจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้าเลย อ๋องหมิง" หึหึ เหมยลี่เมื่อได้ยินเสียงที่ดังอยู่หน้าห้องก็รู้ว่าท่านอ๋องทรงกลับมาแล้ว จึงรีบหลับตาลง คิดว่าหากพระองค์ทรงอยากรักนาง นางก็จะยอมตามใจ เสียงเปิดและปิดประตูดังแผ่วเบา ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาเงียบๆ จมูกนั้นได้กลิ่นสุราจากร่างสูง ทรงดื่มมา กับใครกัน สักพักเสียงก็เงียบไปเพราะท่านอ๋องได้เดินไปยังห้องอาบน้ำเสียแล้ว เหมยลี่จึงลืมตาขึ้นในอกรู้สึกถึงความจุกแน่นแล้ววูบโหวง ใจสั่น มือสั่นเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนจะกระอัก มือบางกำแน่นอย่างพยายามระงับความรู้สึก เมื่อได้ยินเสียงร่างสูงออกมาจากห้องอาบน้ำก็พลิกกายนอนหันหลังให้คนร่วมเตียง ข่มตาหลับเก็บกักทุกความรู้สึกกลับเข้าไป เสียงขยับไหวของเตียงนอ
ยามซื่อแล้วแต่เหมยลี่ยังนอนลืมตาโพลงเพราะตอนนี้สามีตัวดียังไม่กลับมา เป็นข้าเองที่ผิด นางกำลังกลัวการนอกใจใช่หรือไม่พยายามที่จะไม่คิดแต่ไม่รู้ทำไมสมองนางถึงคิดวนไปวนมาและจะมาลงเอยตรงที่พระองค์จะต้องมีคนอื่น บุรุษที่มีความต้องการสูงอย่างท่านอ๋องจะทนได้อย่างไร ตั้งแต่อยู่ร่วมกันมาหากไม่มีราชการหรือต้องเข้าวังด่วนพระองค์แทบจะไม่ไปไหนเลย จะไปไหนก็จะบอกกล่าวนางตลอดไม่เคยเงียบไปเฉยๆ แบบนี้มาก่อน คิดพลางน้ำตาเจ้ากรรมที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็ไหลออกมา การเป็นแม่และภรรยาที่ดีนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ นี่ข้าต้องเป็นแม่พันธุ์ให้ท่านอ๋องใช่หรือไม่ ท่านอ๋องหยางหมิงเฉิง ตอนนี้ที่นั่งร่ำสุราอยู่ที่จวนราชครูเว่ยกำลังร้อนใจนัก พระองค์ที่ออกมาปรึกษาหนานจิ้งถึงเรื่องที่โดนชายารักยื่นคำขาด จนไม่รู้จะทำอย่างไรเลยต้องออกมาหาตัวช่วย แต่ตัวช่วยผู้นี้นั้นพระองค์อยากฆ่าให้ตายนัก ที่ทำให้พระองค์จนมุมหมดสิ้นทางเลือก ย้อนไปหลังออกมาจากจวนก็ตรงมาจวนราชครูเว่ยทันที"วันนี้ลมอะไรหอบเอาท่านพ่อตาข้ามาหาข้าที่นี่ได้กัน"ใบหน้าหล่อเหลาส่งทั้งเสียงและรอยยิ้มยียวนมาให้แขกผู้มาเยือนที่ไม่มีมารยาทมาถึงก็ทำให้บ่าวไพร่ของเขาแตกตื่นสั่
ตอนนี้เจ้าก้อนแป้งคู่ย่างเข้าสามเดือนแล้ว จวนอ๋องนั้นทุกวันล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแห่งความสุขต้าเก้อและเจี๋ยเจี๋ย ทั้งสองก็ช่างรู้ความนักช่วยดูแลน้องๆ อย่างน่ารักน่าเอ็นดูไม่ยอมออกห่างกันเลยทีเดียวหยางหมิงเฉิงที่ส่งสายตาอ้ออดอ้อนมาให้ชายารักแต่นางก็ไม่สนใจแล้วยังทำท่าปั้นปึ่งใส่พระองค์อีก แค่พระองค์มองหน้านางด้วยสายตาละห้อย นางก็จะเอ่ยอย่างรู้ทันข้าเหนื่อยบ้างละข้าเจ็บเจียนตายบ้างละหรือแม้กระทั่งท่านไม่รักข้าแล้วใช่หรือไม่ ถึงอยากเห็นข้าเจ็บปวดอีกหยางหมิงเฉิงอยากจะร้องไห้นักตั้งแต่คลอดลูกแฝดครั้งนี้เหมยลี่รู้สึกกลัวการตั้งครรภ์นัก หากมีวิธีผ่าคลอดนางก็พอทนอยู่หรอก จึงได้ยื่นคำขาดให้สามี"หากท่านหาวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ให้ข้าไม่ได้ก็อย่ามาเข้าใกล้ข้าเด็ดขาด" ท่านอ๋อง ก็รีบผลุนผลันออกจากจวนไม่พูดไม่จา จนนางอดคิดมากไม่ได้ "จะไปไหนของเขากัน" หรือว่าจะไปหอนางโลมหรือแอบมีบ้านเล็กกันนะ"พระชายาเจ้าคะ" ซู่ซู่ที่เอ่ยเรียกพระชายาตนพร้อมกับหน้าแดงๆ " บ่าวมีอะไรจะบอกเจ้าค่ะ"" มีอะไรหรือ หรือว่าเจ้าไปรู้อะไรเกี่ยวกับท่านอ๋องมา" ถามพร้อมกับหันมองอย่างกดดัน"ไม่ใช่เจ้าค่
อุแว้ อุแว้เสียงทารกน้อยที่ร้องดังขึ้น ทำให้คนที่นั่งจ้องตาฟาดฟันกันอยู่ด้านนอกผลุดลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นยินดี"คลอดแล้ว คลอดแล้ว" "พระชายาคลอดแล้วคนหนึ่งเหลืออีกคนอดทนไว้เพคะ" "พวกเจ้ารีบป้อนยาให้พระชายาเร็วเข้า" ท่านหมอที่ทำคลอดให้เหมยลี่รีบเร่งให้ผู้ช่วยป้อนยาที่เตรียมให้เหม่ยลี่ เพราะการคลอดลูกแฝดนั้นถือว่าอันตรายหากเกิดมารดาสลบก่อนจะคลอด คงเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น " พระชายาคนแรกเป็นคุณชายน้อยเพคะ"ผู้ช่วยท่านหมอกล่าวขึ้น แล้วทำความสะอาดห่อด้วยผ้าอ่อนนุ่มอุ้มออกมาหาบิดาที่เดินส่งยิ้มมารับไปไว้ในอ้อมแขน"เป็นท่านอ๋องน้อยเพคะ" หยางหมิงเฉิง ยิ้มกว้างอย่างยินดีนัก"ซานเอ๋อ ซื่อเอ๋อ มาดูเจ้าก้อนแป้งน้อยสิลูก น่าชังนัก "หยางหมิงเฉิงนั่งลงให้บุตรทั้งสองเห็นน้องน้อย"เจ้าก้อนแป้งชื่ออะไรดีขอรับท่านพ่อ" ซานเอ๋อถามพลางเอานิ้วเล็กจิ้มแก้มขาวนวลเนียนดังซาลาเปา" พ่อยังไม่ได้คิดเลย รอน้องของเจ้าอีกคนก่อนดีหรือไม่" " ขอรับ""ตี้ตีของต้าเจี่ย ตัวนิดเดียว" คำกล่าวน่ารักน่าชังของซื่อเอ๋อเรียกเสียงหัวเราะด้วยความเอ็นดูจากทุกคน โดยเฉพาะหนานจิ้งที่เห็นแล้วนึกเอ็นดูซื่อเอ๋อน้อยนัก แต่รู้สึกได้ถึงสายต
กรี๊ด"เจ้าคนชั้นต่ำ ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง อยากตายหรืออย่างไร" "หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้หยุด เจ้ารู้หรือไม่ดูหมิ่นเบื้องสูงมีโทษสถานใด" เล่อคังที่พาบ่าวรับใช้มายังเรือนรับรองก็เห็นองค์หญิงอิ๋นลู่เสียน ยังคงนั่งสั่งให้ข้ารับใช้ที่ติดตามมาเก็บข้าวของอย่างสบายอารมณ์ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจว่าได้ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจเจ้าของจวน จึงสั่งให้บ่าวไพร่ทำตามคำสั่งที่ได้รับจากเจ้านายตนโดยไม่สนใจความไม่ยินยอมของผู้อาศัยสูงศักดิ์จึงได้รับทั้งคำบริภาษทั้งเสียงกรีดร้องแต่ก็หาสะเทือนไม่สั่งบ่าวรับใช้ให้เก็บของทุกอย่างขององค์หญิงอิ๋นลู่เสียนใส่หีบอย่าให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวและอย่าให้ของที่อยู่ในจวนอ๋องอยู่แล้วหลุดลอดออกไปเช่นกัน อันนี้อยู่นอกเหนือคำสั่งเพราะคิดว่าหากพระชายาผู้เป็นนายสามารถสั่งการเองได้จะต้องทำเช่นนี้แน่ เมื่อเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยเเล้วก็สั่งให้นำขึ้นรถม้าที่มารอรับเสด็จสมฐานะองค์หญิงเตรียมออกเดินทาง"ข้าไม่ไป เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรว่าคนของข้ายังมาไม่ถึง" เล่อคังเห็นท่าทางไม่ยินยอมของอีกฝ่ายก็รู้ได้ว่าคงไม่ยอมออกไปเป็นแน่ จึงแจ้งรับสั่งของท่านอ๋อง"ท่านอ๋องมีรับสั่งว่าให้พระองค์
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นด้านหน้าเรือนคงไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร"ท่านอ๋องเสด็จมาแล้วเจ้าค่ะพระชายา" ซู่ซู่รีบเอ่ยบอก แต่ต้องทำหน้าเหลอหลาเพราะพระชายาของนางแสร้งหลับตาเสียแล้วชิงชิงจึงเอ่ยว่า"ทรงแสร้งหลับตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว" เมื่อชินอ๋องก้าวเข้ามา มองไปยังร่างบอบบางก็รู้ว่านางตื่นแล้วแต่แสร้งหลับเลยโบกพระหัตถ์ให้ออกไป บ่าวทั้งสองจึงรีบถอยออกมาอย่างรู้หน้าที่"ลี่เอ๋อ ลืมตามาคุยกับพี่หน่อยเถิด" เงียบนางจะลืมตาได้ยังไง อาละวาดเสียปานนั้น ช่างน่าอับอายนัก" ลี่เอ๋อ เด็กดี" ว่าพลางสอดกายหนาลงไปนอนเคียงข้าง มือแกร่งกอดเอวเล็กก็รู้สึกได้ว่าหน้าท้องของนางนูนขึ้นเล็กน้อย ร่างบางพลันแข็งทื่อท่านอ๋องที่รับรู้ถึงปฏิกิริยาคนในอ้อมแขนก็กอดกระชับร่างบาง"พี่ขอโทษ" ได้ยินคำขอโทษจากร่างหนาที่แสนอบอุ่นนี้เหมยลี่น้ำตาไหลพราก รับรู้ได้ถึงความรักที่คนตรงหน้ามีให้ นางขอเพียงแค่นี้ แค่รักและซื่อสัตย์ต่อนาง ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว "ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ขอโทษที่ทำตัวไม่ดี ขอโทษที่ระแวงจนขาดสติ และขอบคุณท่านที่ไม่ถือโทษโกรธเคืองความไม่เอาไหนของข้า" เงยหน้าที่เปรอะเปื้อนน้ำตามองใบหน้าหล่อเหลาเห็