LOGINหลังจากที่ถูกเขาน็อกด้วยประโยคกำกวมจันทร์เจ้าก็เดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็มานั่งรวมกับเพื่อนเพื่อทำกิจกรรมที่รุ่นพี่เป็นคนสั่ง ซึ่งวันแรกยังไม่มีอะไรมากส่วนใหญ่จะร้องเต้นกับแนะนำตัวประมาณนั้น และข่าวที่พึ่งได้รู้มาหมาดๆ จนเธอดีใจแทบเนื้อเต้นนั่นก็คือ เขาคนนั้น หรือ พี่เข็มทิศ เป็นรุ่นพี่ปีสามของคณะและสาขาเดียวกับเธอ ซึ่งจากที่ฟังรุ่นพี่บอกมาว่าพรุ่งนี้จะมีจัดกิจกรรมจับพี่บัดดี้ที่เปลี่ยนจากระบบพี่ว้ากที่เหี้ยมโหดมาเป็นอ่อนโยนแทน นั่นก็เท่ากับว่ามีโอกาสที่เธอกับเขาจะได้ใกล้ชิดกัน
แค่คิดก็มีความสุขแล้ว
“โอ๊ยยย ปวดขาฉิบเป๋ง รุ่นพี่เขาคิดว่ากูเป็นแดนซ์เซอร์หรือไง ถึงได้เรียกไปเต้นอยู่นั่นแหละ”
“เฮ้อ เอาน่ะรับน้องแค่ไม่กี่วันเอง” ตะวันเอ่ยปลอบไต้ฝุ่นที่งอแงไม่หยุดแล้วหันไปมองอีกคนที่เอาแต่นั่งยิ้มหน้าเบิกบาน ในขณะที่เพื่อนๆ เหนื่อยแทบตาย “แล้วนั่นมึงยิ้มอะไรไอ้จันทร์”
“ฮะ กูเหรอ เปล่าๆ แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” จันทร์ที่พึ่งรู้ว่ามัวแต่เผลอคิดถึงเขาจนเพื่อนจับได้รีบปฏิเสธทันควัน
“หิววะ ไปหาอะไรกินกันที่หน้า มอ ไหม ไหนๆ พี่เขาก็ปล่อยแล้ว” ไต้ฝุ่นเปรยขึ้นเพราะตอนนี้ท้องเธอร้องจ๊อกๆ แล้ว
“เอาดิ กูก็หิวเหมือนกัน”
“ปะ งั้นไปกันเลย”
เมื่อตกลงว่าจะไปหาอะไรทานที่ไหน พวกเธอก็พากันลุกเดินไปเพื่อจะไปยังจุดหมาย จันทร์ที่ลุกเป็นคนสุดท้ายพลันสายตาเธอดันไปเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่วันนี้เจอมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ยังอยากจะเจออีก จึงไม่มารอช้าที่จะบอกให้เพื่อนนำไปก่อน
ขอไปหยอดผู้ก่อนของกินไว้ที่หลัง
“พวกมึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป”
“แล้วมึง เอ้า จันทร์ ไอ้จันทร์!” ไต้ฝุ่นยังไม่ทันได้ถามอะไรจันทร์ก็วิ่งออกไปเสียแล้ว ไม่รู้ว่ารีบไปไหน
“มันจะไปไหนของมัน”
“ช่างมันเถอะ เราก็ไปกันเดี๋ยวมันก็ตามมา”
ตึกตึก
รองเท้าผ้าใบกระทบพื้นดังกังวานไปทั่วบริเวณ หญิงสาวผมยาวสลวยสีส้มอมแดงรีบเร่งฝีเท้าก้าวเดินให้ทันชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งที่เดินอยู่ข้างหน้า เธอพยายามเร่งตัวเองให้ไวขึ้นแต่เหมือนยิ่งเร่งก็ยิ่งช้าลง ด้วยความที่ส่วนสูงของเขาและเธอนั้นมีส่วนที่ต่างกันมากทำให้การเดินตามเขาแบบนี้มันเป็นอะไรที่เหนื่อยเลยทีเดียว
“พะ พี่ค่ะ” เธอหยุดเดินพร้อมกับเปล่งเสียงตะโกนเรียกเขาด้วยน้ำเสียงกระหืดกระหอบแต่ก็เหมือนจะเปล่าประโยชน์เพราะเขาไม่ได้หยุดเดินเลยสักนิด หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าออกแล้วแหกปากอีกครั้งที่ดังกว่าเดิม
“พี่ระวัง ขี้หมา!”
“เฮ้ยยย!/เหี้ย!/ไหนวะ!”
เสียงที่ดังมาจากข้างหลังทำให้กลุ่มชายหนุ่มหยุดชะงักฝีเท้าลงก่อนจะกระโดดโหยงเหยงไปมาพร้อมโน้มศีรษะลงมองเท้าตัวเองพลิกเพื่อสำรวจดูให้แน่ใจว่ามีอะไรติดไหม แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า
รูปร่างสูงโปร่งผมสีเทาเหลียวหลังหันกลับมามองยังต้นเสียงด้านหลังที่ตะโกนเรียกไว้ ดวงตาสีนิลรัตติกาลจ้องมองคนตัวเล็กที่กำลังยืนหัวเราะคิกคักราวกับชอบใจ สองขายาวไม่รอช้าก้าวเดินไปหยุดตรงของร่างบางที่ยืน สองมือยกขึ้นมาเท้าเอว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ขำๆ พวกฉันเป็นตัวตลกของเธอหรือไง”
“แฮะๆ ขอโทษค่ะ” คนตัวเล็กหัวเราะแห้งๆ ยกมือขึ้นมาเกาแก้มแก้เก้อ
“แล้วแหกปากเรียกทำไม”
“พี่ได้ยินด้วยเหรอคะ” เธอถามด้วยใบหน้าสงสัย เพราะคิดว่าเขาไม่ได้ยินเสียอีก แล้วถ้าได้ยินทำไมไม่หยุดเดิน เล่นให้เธอเดินไปพูดไป มันเหนื่อยใช่เล่น
“ตลก แหกปากขนาดนั้นไม่ได้ยินสิแปลก”
“ได้ยินแล้วทำไมหยุดตั้งแต่แรก” ค่อนแขวะเขาเบาๆ ในลำคอแต่สงสัยจะดังไปหน่อยเขาถึงได้ยิน
“ฉันได้ยิน” ร่างสูงกลอกตาไปมาพลางใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยความหงุดหงิด
“ขอโทษค่ะ” พูดเหมือนสลดแต่แอบก้มยิ้มในใจ คนอะไรยิ่งเจอยิ่งหล่อ
“นึกว่าใคร ที่แท้น้องหัวชมพูนี่เอง”
เสียงที่ดังตามมาจากข้างหลังชายหนุ่ม ทำให้จันทร์เงยหน้าขึ้นมามองพลางเอี้ยวตัวหลบคนตรงหน้าที่ยืนบังอยู่
“สวัสดีค่ะ พี่สมุย” เรียกชื่อพร้อมโบกมือท้าทาย ที่เธอรู้จักพวกเขาเพราะการแนะนำตัวรับน้องนั่นแหละ เลยทำให้ได้รู้จักรุ่นพี่ทุกคน
“สมุทร”
“พี่สมอ”
“.............” สมุทรยกมือขึ้นมาเท้าเอว ท่าเดียวกับไอ้คนผมเทานั่นแหละ
“ฮ่าๆ กูชอบวะ” อาทิตย์หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ เพราะไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนทำให้เพื่อนเขาหัวเสียพร้อมกันได้ขนาดนี้
“งื้อ ชอบหนูเหรอคะ แย่จังหนูชอบพี่คนนี้แล้วสิ” ว่าพลางยกนิ้วขึ้นไปชี้ไปทางชายหนุ่มผมสีเทาเข้ม ที่ทำหน้าบูดบึ้งเหมือนโกรธอะไรใครสักอย่าง แต่คงไม่ใช่เธอหรอกเพราะเธอออกจะน่ารัก
ร่างสูงที่ได้ยินแบบนั้นก็ไล่สายตามองหญิงสาวตรงหน้าที่วันนี้เจอมาแล้วหลายครั้ง รูปร่างตัวเล็กราวกับหมากระเป๋า ใบหน้าเรียวสวย จมูกเล็กเชิดรั้นบ่งบอกนิสัยที่น่าจะแสบพอตัว ริมฝีปากกระจับอวบอิ่ม มองยังไงก็ไม่เห็นจะสวยเหมือนหมาชิวาว่า มากกว่า ดูๆ แล้วไม่เห็นมีตรงไหนเหมาะกันสักอย่าง
ตัวเตี้ยแบบนี้จะไปวิ่งหนีใครเขาทัน
“แน่ใจว่า ชอบฉัน” ถามเพื่อชัวว่าที่เธอพูดกับเพื่อน
เขาเมื่อกี้ แค่พูดเลยหรือคิดจริงๆ
“ค่ะ”
“ชอบฉันหรืออยากโดน เeด ให้พูดอีกที”
จันทร์เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใสตั้งแต่มาถึงคนตัวเล็กวิ่งตามหาเขาจนทั่วมารู้จากรุ่นพี่อีกทีว่าเขามาแล้วแต่เดินไปข้างหลังตึกเธอถึงตามมา“หนูหาพี่ตั้งนานมาอยู่นี่เอง” เธอไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาคนที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนเครียดอะไรสักอย่าง แต่คงไม่ใช่เพราะเธอหรอก“หาฉันทำไม” คนตัวสูงรีบทิ้งม้วนบุหรี่เมื่อคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ ไม่วายหันไปมองไอ้อาทิตย์ก่อนจะเอ่ยบอกให้มันออกไปก่อน “มึงไปก่อนเลยเดี๋ยวกูตามไป”อาทิตย์พยักหน้าพร้อมกับเดินออกไปด้วยรอยยิ้มมุมปากที่คนทั้งคู่ไม่ทันได้สังเกตเห็น เข็มทิศที่เห็นว่าเพื่อนเดินออกไปแล้วก็จับมืออีกคนให้ไปคุยกันที่อื่นเพราะตรงนี้มันเป็นมุมอับหากใครมาเห็นมันจะดูไม่ดี“อ๊ะ จะพาหนูไปไหน” จันทร์เอ่ยถามเมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกดึงให้เดินมายังหลังตึกคณะที่มีต้นไม้ใหญ่กับโต๊ะพร้อมกับเก้าอี้วางอยู่เพียงตัวเดียวเข็มทิศเหวี่ยงหญิงสาวที่ถูกลากให้มายืนด้านหน้า คนตัวสูงมีสีหน้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย เพราะไม่ค่อยชอบที่ถูกอีกฝ่ายมาตามตื๊อแบบนี้หรือเมื่อวานเขาจะพูดไม่ชัดหรือไงเธอถึงได้ดึงดันมาแบบนี้“มีอะไร” ถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆ“มีรักมาฝากค่ะ” เอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใสชูถุงกระดาษที่บรรจุ
“ชอบฉันหรืออยากโดน เeด ให้พูดอีกที”“มะ หมายความว่าไงคะ”คงไม่ใช่แบบที่เธอคิดใช่ไหม อะไร เน็ดๆ นะ“ก็ผู้หญิงมากมายที่เข้ามาสภาพรักกับฉันส่วนมากก็หวังเรื่องแบบนี้ไม่ใช่หรือไง” ชายหนุ่มว่าด้วยท่าทีที่ไม่แยแส หลายๆ คนที่เคยมาสภาพรักกับเขาสุดท้ายก็แค่หวังจะได้หลับนอนกับเขาเพียงเท่านั้น และตัวเขาเองก็ให้มันเป็นแบบนี้เพราะไม่อยากผูกมัดกับใคร“นั้นมันคนอื่น แต่หนูชอบพี่หมายถึงอยากได้เป็นแฟน”“ฉันไม่ชอบเด็ก”“แต่หนูชอบคนแก่”“แก่บ้านเธอสิ”“ถ้าบ้านหนูมีคนแก่แบบนี้ คงดีแย่เลย คนอะไรหล่อมากๆ” ว่าจบขยิบตาส่งไปให้เขาหนึ่งที แต่คนตรงหน้ากลับถอนหายใจออกมาราวกับรำคาญกันอย่างไรอย่างนั้น“เหอะ ไม่มีใครเตือนเหรอว่าอย่าเล่นของสูง” น้ำเสียงเย้ยหยัน พลางเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกนิด จนเธอขยับถอยออกไปเล็กน้อย“สะ สูงแค่ไหนคะ ถ้าไม่เกินเอื้อมหนูไม่ท้อหรอกค่ะ”“หึ ฉันจะเตือนครั้งสุดท้าย คิดจะเล่นของสูงระวังจะตกมาตาย”“ถ้าไม่สูงกว่าเปรตไม่เห็นมีไรต้องกลัว”“หึ กลัวหน่อยก็ดี เพราะคนอย่างฉันไม่ทางชอบผู้หญิงอย่างเธอ”“แบบหนูแล้วมันทำไมคะ”“แรดไง!”@เวลาต่อคำพูดที่เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้ทำเธอเจ็บจี๊ดกันเลยทีเดียว ถึงจ
หลังจากที่ถูกเขาน็อกด้วยประโยคกำกวมจันทร์เจ้าก็เดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็มานั่งรวมกับเพื่อนเพื่อทำกิจกรรมที่รุ่นพี่เป็นคนสั่ง ซึ่งวันแรกยังไม่มีอะไรมากส่วนใหญ่จะร้องเต้นกับแนะนำตัวประมาณนั้น และข่าวที่พึ่งได้รู้มาหมาดๆ จนเธอดีใจแทบเนื้อเต้นนั่นก็คือ เขาคนนั้น หรือ พี่เข็มทิศ เป็นรุ่นพี่ปีสามของคณะและสาขาเดียวกับเธอ ซึ่งจากที่ฟังรุ่นพี่บอกมาว่าพรุ่งนี้จะมีจัดกิจกรรมจับพี่บัดดี้ที่เปลี่ยนจากระบบพี่ว้ากที่เหี้ยมโหดมาเป็นอ่อนโยนแทน นั่นก็เท่ากับว่ามีโอกาสที่เธอกับเขาจะได้ใกล้ชิดกันแค่คิดก็มีความสุขแล้ว“โอ๊ยยย ปวดขาฉิบเป๋ง รุ่นพี่เขาคิดว่ากูเป็นแดนซ์เซอร์หรือไง ถึงได้เรียกไปเต้นอยู่นั่นแหละ”“เฮ้อ เอาน่ะรับน้องแค่ไม่กี่วันเอง” ตะวันเอ่ยปลอบไต้ฝุ่นที่งอแงไม่หยุดแล้วหันไปมองอีกคนที่เอาแต่นั่งยิ้มหน้าเบิกบาน ในขณะที่เพื่อนๆ เหนื่อยแทบตาย “แล้วนั่นมึงยิ้มอะไรไอ้จันทร์”“ฮะ กูเหรอ เปล่าๆ แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” จันทร์ที่พึ่งรู้ว่ามัวแต่เผลอคิดถึงเขาจนเพื่อนจับได้รีบปฏิเสธทันควัน“หิววะ ไปหาอะไรกินกันที่หน้า มอ ไหม ไหนๆ พี่เขาก็ปล่อยแล้ว” ไต้ฝุ่นเปรยขึ้นเพราะตอนนี้ท้องเธอร้องจ๊อกๆ แล
จันทร์!” เสียงเรียกของคนที่กำลังวิ่งหน้าตาตื่นมาด้วยเป็นห่วงทำให้คนทั้งคู่ผละร่างออกจากกัน คนตัวสูงก็เดินออกไปทันที จันทร์ที่เห็นว่าเป็นเพื่อนตัวเองมาก็ทำหน้ามุ่ยด้วยความเสียดายที่ไม่ได้ใกล้ชิดมากกว่านี้“ไอ้จันทร์ มึงเป็นไงบ้าง ไหนกูดูสิ”“นั่นดิ กูเห็นตอนที่รถขับเข้ามา คิดว่ามึงจะเป็นอะไร แล้วไอ้เจ้าของรถคันนั้นก็เหมือนกันขับแม่งไม่เห็นหรือไงว่ามีคนเดินอยู่”ไต้ฝุ่นกับตะวันรั่วคำถามพลางจับคนตัวเล็กหมุนไปหมุนมาอย่างเป็นห่วง แต่เหมือนเพื่อนของเธอจะไม่ได้สนใจพวกเธอเท่าไหร่ เพราะเอาแต่ทำหน้าเหมือนเหม็นเบื่ออะไรแบบนั้น“ทำหน้าอะไรของมึงพวกกูเป็นห่วงแทบตาย ทำเหมือนพวกกูมาขัดจังหวะอะไร”ก็เออน่ะ สิ อยากจะพูดใส่หน้ามันเหมือนกันแต่ทำได้แค่เก็บไว้ในใจ “เปล่าๆ กูแค่ยังช็อกอยู่ไง” แถไปก่อนอย่าให้พิรุธ“แน่ใจนะ”“เออ มึงมาจับผิดอะไรเนี่ย” เธอรีบโวยวายกลบเกลื่อนไม่อยากให้ ไต้ฝุ่น มันซักไซ้มากกว่านี้ ถ้าถามว่าบอกได้ไหม ก็ได้แหละ แต่ขอเก็บเป็นความลับก่อน“แล้วเมื่อกี้กูเห็นว่ามึงยืนอยู่กับใคร ผู้ชายตัวสูงเป็นใคร”รอดจากไต้ฝุ่นมาเจอตะวันอีก โอ๊ยจะบ้าตาย ทำไมเพื่อนเธอมันถึงช่างสังเกต ช่างสงสัยนัก“อ่
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านผืนบางกระทบเข้ากับร่างบางที่กำลังนอนหลับใหลฝันหวานจนน้ำลายไหลยืด ดวงตาคู่สวยกระพริบขึ้นลงช้าๆ เมื่อรู้สึกแสบตาจากแสงที่ส่องเข้ามา มือเรียวดึงผ้าห่มขึ้นมาปกปิดใบหน้าหลีกเลี่ยงจากการรบกวนเพื่อนอนต่อ แต่แล้วเสียงสวรรค์หนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านล่าง“ไอ้จันทร์โว๊ยยยย!”พรึ่บคนตัวเล็กสลัดผ้าห่มลุกออกเตียงด้วยความเร่งรีบ เธอหยิบนาฬิกาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู ถึงได้เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเข้าไปแล้ว“ฉิบหาย เปิดเทอมวันแรกก็สายเลยกู” จันทร์กูลีกูจรอาบน้ำแต่งตัวให้ได้ไวที่สุด เสร็จแล้วก็รีบลงมาด้านล่างเพื่อกินอาหารเช้าด้วยความเร็วแสง“เหอะ รีบขนาดนี้จะติดคอตายก่อนเรียนจบ”แค่กๆ“พ่อออ” เธอหันไปหน้าง้อใส่คนเป็นพ่อ ที่พูดเหมือนแช่งกัน“หึ แล้วนี่จะไปอยู่หอเมื่อไหร่”“ก็วันหยุดนี้แหละ หนูไม่อยากนั่งรถไปมาเหนื่อย” ตอบพ่อพร้อมกับตักข้าวเข้าปากไปด้วย“ตั้งใจเรียนล่ะ อย่าเอาเวลาไปตามจีบผู้ชาย”“พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอก ยังไงหนูก็ไม่มีทางท้องก่อนเรียนจบ”“ใครบอกพ่อห่วงเอง ข้าห่วงผู้ชายโน้น ใครได้แกไปลำบากแย่”“อ้าวทำไม พ่อพูดงี้อ่ะ” เธอสวยใครเห็นก็ต้องชอบไหม ขนาดหมาหน้าปาก
“มึงที่นี่ดีมาก กูบอกเลยขออะไรก็ได้หมด”“ใช่ๆ คนแถวบ้านฉันมาขอเนื้อคู่ที่นี่ พอกลับไปไม่นานได้แต่งงานแล้ว”“อุ้ย พูดแล้วคนขนลุก เราไปขอกันบ้างเถอะ”เสียงเจื้อยแจ้วของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างเล่าลือกันไปทั่วถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ที่อยู่หน้าห้างแห่งหนึ่งกำลังเป็นที่โด่งดังมากมายในโลกโซเชียลไม่ว่าใครก็ต่างอยากมากราบไหว้ท่านทั้งนั้นกัษษากร หรือ จันทร์เจ้า หญิงสาวร่างเล็กที่กำลังยืนรอรถเมล์กลับบ้าน เกิดได้ยินบทสนทนานี้เข้า ทำให้เธอรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที สองขาเรียวไม่รอช้าที่จะไปขอพรดูกับเขาสักครั้งเผื่อรอบนี้เธอจะได้มีแฟนกลับเขาเสียที“ดอกไม้ขอพรไหมหนู กำละห้าสิบบาท” แม่ค้าที่ทำหน้าที่ขายของบูชาเอ่ยถามเด็กสาวที่เดินมาทางนี้“กำเท่าไหร่นะคะ”“ห้าสิบบาทจ้ะ”“เอาหนึ่งกำค่ะ” เธอบอกกับแม่ค้าพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบเอาแบงก์สีฟ้าขึ้นมายืนไปให้แม่ค้า“ขอบคุณนะแม่หนู”จันทร์พยักยิ้มก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับดอกไม้หนึ่งกำที่แม่ค้าเป็นคนจัดเตรียม เธอมองดูคนมากมายที่ตอนนี้กำลังยืนขยับปากสวดคาถาที่มีโชว์อยู่หน้าแท่น ก่อนจะตรงไปหยิบธูปที่วางเตรียมไว้ขึ้นมาจุด มือเรียวสะบัดไล่ควันไปมาก่อนจ







