Masukซูฉิงรับกระดาษมาถือไว้ด้วยท่าทางสำรวม เธอก้มลงอ่านมันอย่างตั้งใจ ราวกับกำลังอ่านตำราสมุนไพรโบราณที่มีค่าที่สุด
‘หึ ดูเหมือนท่านหมอเทวดาจะพยายามสร้างเขื่อนกั้นน้ำท่วมจากความทะลึ่งของข้าสินะ’ เธอคิดอย่างสนุกสนาน
เธออ่านทีละข้อ
กฎเหล็ก ข้อที่ 1 วาจาสุภาพ
ห้ามใช้ถ้อยคำที่มีความหมายสองแง่สองง่าม ห้ามใช้คำเปรียบเปรยที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร และต้องเรียกข้าว่า 'ท่านหมอ' หรือ 'อาจารย์' เท่านั้น
“ข้อแรกก็ยากแล้วเจ้าค่ะท่านหมอ” ซูฉิงโอดครวญ “แล้วถ้าข้าเห็นดอกไม้ออกดอกสวยงาม ข้าจะบอกท่านว่ามันเบ่งบานอย่างเร่าร้อนไม่ได้หรือเจ้าคะ”
อวี้เหยียนตวาดกลับแทบจะทันที “ไม่ได้ เจ้าต้องบอกว่า มันบานอย่างงดงามเท่านั้น”
กฎเหล็ก ข้อที่ 2 รักษาระยะห่าง
ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่หรือการวิจัยใดๆ ห้ามมิให้ผู้ช่วย สัมผัสร่างกาย ข้าโดยเด็ดขาด ห้ามมีการ โอบกอด จับมือ หรือการแตะต้องที่เกินงามทุกกรณี
ซูฉิงมองอวี้เหยียนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์เป็นพิเศษ
“แต่... ถ้าหากข้าต้องปฐมพยาบาลท่านอย่างเร่งด่วนล่ะเจ้าคะ หรือถ้าท่านเป็นลมล้มพับเพราะถูกข้า บำรุงมากเกินไปล่ะเจ้าคะ ข้าจะแตะตัวท่านไม่ได้จริงๆ หรือ”
อวี้เหยียนถึงกับหน้าตึงจนแทบจะระเบิด “ข้าจะพยายามไม่เป็นลมใส่เจ้า แต่ในสถานการณ์ปกติ... ให้รักษาระยะห่าง ห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
กฎเหล็ก ข้อที่ 3 โรงหมอคือเขตศักดิ์สิทธิ์
ห้ามพูดถึงเรื่องส่วนตัว ความสัมพันธ์ชู้สาว หรือการเกี้ยวพาราสีกับข้าและบุคลากรอื่นในโรงหมอแห่งนี้ ให้เน้นเฉพาะวิชาการและสมุนไพร เท่านั้น
“ข้อนี้ข้าว่าท่านหมอกำลังเสียโอกาสครั้งใหญ่เลยนะเจ้าคะ” ซูฉิงทำท่าทางเสียดาย
“ข้าอุตส่าห์มีสูตรลับในการมัดใจบุรุษรูปงามที่ข้าจะถ่ายทอดให้ศิษย์น้องคนอื่นในโรงหมอ ท่านจะให้ข้า ปิดปากตายเรื่องพวกนี้จริงๆ หรือเจ้าคะ”
อวี้เหยียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเกือบจะถูกนางปั่นจนคล้อยตามแล้ว แต่ก็ดึงสติกลับมาได้
“ข้าไม่สนใจสูตรบำรุงความสัมพันธ์ใดๆ ของเจ้า โรงหมอคือสถานที่รักษาคน ไม่ใช่สถาน... จับคู่”
กฎเหล็ก ข้อที่ 4 ความลับทางการแพทย์
ข้อมูลและสูตรสมุนไพรที่อ้างว่าได้มาจากการวิจัยพิเศษ ถือเป็นความลับสูงสุดของโรงหมอ ห้ามเปิดเผยให้บุคคลที่สามโดยเด็ดขาด
ซูฉิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับข้อนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอต้องการที่สุดอยู่แล้ว
“ข้อนี้ข้าเห็นด้วยอย่างยิ่งเจ้าค่ะ ข้าจะรักษาความลับของท่านหมอไว้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ รับรองว่าถ้าไม่ตาย... ข้าไม่ปริปากแน่นอนเจ้าค่ะ”
กฎเหล็ก ข้อที่ 5 การลงโทษขั้นสูงสุด
หากเจ้าฝ่าฝืนกฎเหล็กข้อใดข้อหนึ่งครบสามครั้ง ข้าจะไล่เจ้าออกและส่งตัวเจ้าไปให้ อาจารย์ผู้เคร่งครัดในชนบทดูแลเพื่อรักษาอาการป่วยของเจ้าอย่างถาวร
ซูฉิงอ่านข้อสุดท้ายแล้วรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง อาจารย์ผู้เคร่งครัดในชนบท นั่นอาจหมายถึงการถูกกักบริเวณและต้องกินยาขมไปตลอดชีวิต
“ท่านหมอเจ้าคะ ข้อนี้มันโหดร้ายเกินไปนะเจ้าคะ” ซูฉิงโวยวาย “ท่านจะทำลายโอกาสในการบำรุงของข้าได้อย่างไร”
“นั่นคือทางเดียวที่ข้าจะรับประกันว่าเจ้าจะไม่ทำลายจริยธรรมของข้าและโรงหมอ” อวี้เหยียนตอบเสียงหนักแน่น เขามั่นใจว่ากฎเหล่านี้จะควบคุมความประพฤติของนางได้
ซูฉิงทำท่าทางยอมแพ้ เธอหยิบพู่กันขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้เต็มเปี่ยม
“ก็ได้เจ้าค่ะ ในเมื่อท่านหมออยากให้ข้าอุทิศชีวิต ให้แก่กฎเหล็กพวกนี้ ข้าก็จะทำตามที่ท่านต้องการ”
เธอตวัดลายเซ็นต์ลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมเขียนคำเล็กๆ เพิ่มเติมใต้ลายเซ็นต์ของตัวเองว่า ซูฉิง ผู้ยอมรับกฎ... เพื่อให้มีโอกาสปั่นป่วนผู้ร่างกฎ
อวี้เหยียนไม่ได้สังเกตตัวอักษรเล็กๆ นั้น เขารู้สึกโล่งใจที่ภารกิจ 'ควบคุมสตรีปากไว' สำเร็จไปขั้นหนึ่ง
“ดี ในเมื่อเจ้าลงนามแล้ว ข้าจะถือว่าเจ้าได้เป็นผู้ช่วยพิเศษของข้าอย่างเป็นทางการ” อวี้เหยียนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“แล้ว... พื้นที่ปลูกสมุนไพรของข้าล่ะเจ้าคะ” ซูฉิงถามด้วยความตื่นเต้น
อวี้เหยียนเดินนำซูฉิงออกจากห้องตรวจไปทางด้านหลังของโรงหมอ บริเวณนั้นเป็นสวนหย่อมขนาดเล็กที่มีทางเดินหินขนาบข้างไปด้วยต้นสนที่ถูกตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบสุดๆ
“ข้าอนุญาตให้เจ้าใช้พื้นที่ด้านหลังศาลาสมุนไพรแห่งนี้ได้” อวี้เหยียนชี้ไปยังแปลงดินว่างเปล่าขนาดประมาณสามวาที่ถูกล้อมรั้วเตี้ยๆ ไว้ “มันอยู่ไม่ไกลจากห้องทำงานส่วนตัวของข้ามากนัก ซึ่งจะทำให้ข้าสามารถ ดูแล การวิจัยของเจ้าได้อย่างใกล้ชิด”
ซูฉิงมองแปลงดินนั้นด้วยดวงตาที่เป็นประกาย มันเป็นทำเลที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะมันหมายความว่า เธอจะได้อยู่ใกล้ชิดกับท่านหมอเทวดาตลอดเวลา และห้องทำงานส่วนตัวของเขาก็อยู่ห่างไปแค่ไม่กี่ก้าว
‘ฮ่าๆ ท่านหมอ ท่านคิดว่าท่านกำลังควบคุมข้า แต่จริงๆ แล้ว... ท่านกำลังสร้างรังรักให้ข้าต่างหาก’ ซูฉิงคิดอย่างครึกครื้น
“ ท่านหมอเจ้าคะ ท่านช่างมีสายตาแหลมคม ยิ่งนัก ข้าจะต้องรีบไปหาหญ้าดับไฟราคะมาปลูกใน พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์นี้โดยเร็วเลยเจ้าค่ะ”
อวี้เหยียนทำสีหน้าสับสนทันที “หญ้าดับ... ไฟราคะ มันคือสมุนไพรชนิดใด ข้าไม่เคยได้ยินชื่อในตำราเลย”
“เป็นสมุนไพรที่วิเศษที่สุดในโลกเจ้าค่ะ” ซูฉิงยิ้มกว้าง “มันจะช่วยดับไฟหื่นในใจข้า และทำให้ข้าไม่ทะลึ่ง อีกต่อไป และถ้าท่านหมอร้อนรนเมื่อไหร่... ข้าก็จะแบ่งปันให้ท่านใช้ด้วยเลยเจ้าค่ะ”
อวี้เหยียนรีบโบกมือปฏิเสธด้วยสีหน้าที่เข้มงวดที่สุด
ความทะลึ่งในใจของซูฉิงเริ่มถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกสงสารและเห็นใจอย่างแท้จริง เธอตระหนักว่าอวี้เหยียนไม่ได้เป็นแค่เป้าหมายในการปั่นป่วนของเธอเท่านั้น แต่เขาคือบุรุษหนุ่มที่แบกรับภาระของการเป็นหมอเทวดาผู้เคร่งครัดไว้บนบ่า เธอเห็นอวี้เหยียนยกมือขึ้นนวดขมับอย่างช้าๆ ก่อนจะถอนหายใจยาวหลายครั้ง ท่าทางของเขาแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ “ท่านหมอ...” ซูฉิงพึมพำเบาๆ “ท่านต้องการการดูแลที่มากกว่าแค่ชาบำรุงของข้าแล้วนะเจ้าคะ...”ขณะที่ซูฉิงกำลังมองอวี้เหยียนด้วยความรู้สึกที่อ่อนโยน ทันใดนั้น... เหตุการณ์ที่ทำให้ซูฉิงต้องประหลาดใจที่สุดก็เกิดขึ้น อวี้เหยียนหันซ้ายหันขวาอย่างรวดเร็วเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบตำราเล่มหนึ่งออกมาจากหีบไม้จันทน์ที่เพิ่งเก็บไปเมื่อครู่ มันคือ ตำราว่าด้วยการบำรุงแก่นแท้ของชีวิต เล่มนั้นอวี้เหยียนเปิดตำราเล่มนั้นอย่างเงียบๆ และเริ่มจ้องมองไปยังภาพวาดระบบสืบพันธุ์และอวัยวะภายในที่ซูฉิงเพิ่งเปิดดูเมื่อไม่นานมานี้ เขาจ้องมองภาพวาดนั้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด แต่สนใจอย่างชัดเจน ไม่ใช่ด้วยความโกรธหรือความอับอาย แต่เป็นด้วยความอยากรู้อยากเห
ซูฉิงเห็นท่าทีของอวี้เหยียนแล้วก็รู้ว่าเธอต้องใช้วิชาการเป็นเกราะป้องกัน เธอชี้ไปที่ภาพวาดในตำราอย่างกล้าหาญ “ท่านหมอ โปรดฟังข้าก่อน ข้าไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ ข้ากำลังวิเคราะห์เนื้อหาในตำราต่างหาก ตำรานี้อธิบายถึงการสืบพันธุ์และการสร้างชีวิตอย่างตรงไปตรงมา นี่คือวิชาการชั้นสูงที่ท่านหมอไม่ควรห้ามนะเจ้าคะ”อวี้เหยียนแทบจะยกมือขึ้นกุมขมับ เขาไม่สามารถโต้แย้งเรื่องวิชาการได้ แต่เขาก็รับไม่ได้กับคำพูดของซูฉิง “การสืบพันธุ์นั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติและจารีต ไม่ใช่สิ่งที่สตรีควรจะนำมาพูดถึงอย่างเปิดเผย เจ้าพยายามใช้คำพูดเหล่านี้ยั่วยวนข้าใช่หรือไม่ เจ้าละเมิดกฎเหล็กข้อที่ 1 อย่างชัดเจนอีกครั้ง”“ยั่วยวนอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ซูฉิงทำเสียงตกใจเกินจริง เธอรีบยื่นกระดาษโน้ตของอวี้เหยียนไปตรงหน้าเขา “ท่านหมอ ท่านต่างหากที่สนใจเรื่องเหล่านี้ ข้าเพิ่งพบบันทึกส่วนตัวของท่านที่เขียนว่า ‘สมุนไพรว่านบำรุงในตำรานี้ มีส่วนช่วยในเรื่องการสร้างชีวิตจริงหรือไม่ ข้าควรจะทำการทดลองอย่างละเอียดเพื่อหาข้อสรุป’”อวี้เหยียนถึงกับหน้าซีดเผือด เขาไม่คิดว่าซูฉิงจะค้นพบบันทึกส่วนตัวที่เขาเขียนไว้เมื่อหลายปีก่อน “นี
“ท่านหมอ ท่านหมอโบราณท่านนี้... ท่านช่างเป็นผู้ที่กล้าหาญในการวาดภาพจริงๆ” ซูฉิงพึมพำกับตัวเอง อาการกำเริบของเธอทำให้เธอไม่สามารถควบคุม ความคิดทะลึ่ง ที่แล่นเข้ามาในหัวได้อย่างทันท่วงทีซูฉิงรีบเอามือปิดปากแน่น เธอท่องกฎเหล็กข้อที่ 1 วาจาสุภาพ ซ้ำๆ อยู่ในใจ ราวกับคาถาป้องกันตนเอง “สงบสติไว้ซูฉิง มันคือวิชาการ มันคือความรู้ มันคือชีววิทยาที่ต้องได้รับการเคารพ ห้ามคิดถึงท่านหมอ ห้ามคิดถึงมุกตลก ห้ามคิดถึงการละเมิดกฎเหล็กครั้งสุดท้าย” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงเบาที่สุดแต่ยิ่งเธอพยายามควบคุม อาการกำเริบก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ภาพวาดในตำราเริ่มถูกตีความในหัวของเธอด้วยศัพท์เฉพาะทางที่แฝงความทะลึ่ง “ท่านหมอโบราณท่านนี้ลืมพูดถึงความสำคัญของโครโมโซม X และ Y ในการกำหนดเพศของบุตรไปได้อย่างไร ท่านมัวแต่เน้นเรื่องการผสานหยินหยางเท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่องค์ประกอบทางพันธุกรรมนี่แหละคือกุญแจสำคัญในการสร้างชีวิตที่สมบูรณ์” ซูฉิงพึมพำเธอพยายามอธิบายภาพวาดระบบสืบพันธุ์ด้วยคำศัพท์ที่ไม่ทะลึ่ง แต่ก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ถ้าข้าพูดว่าอวัยวะสืบพันธุ์มันจะผิดกฎไหมนะ ถ้าอย่างนั้นข้าต้องใช้ศัพท์ที่ดูหรูหรากว่านี้ซูฉิงพลิ
ความวุ่นวายที่ซูฉิงสร้างไว้ในโรงหมอทำให้ท่านหมอเทวดาอวี้เหยียนตระหนักว่า การปล่อยให้ซูฉิงอยู่ใกล้ชิดกับศิษย์น้องผู้ใสซื่ออย่างเถียนเถียนนั้น เป็นการติดเชื้อความทะลึ่งที่รุนแรงและรวดเร็วกว่าที่เขาคาดไว้อวี้เหยียนตัดสินใจใช้วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสในการดึงซูฉิงออกจากแปลงสมุนไพรและห่างจากเถียนเถียนให้มากที่สุด และสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับซูฉิงก็คือ... การขลุกอยู่กับตำราเก่าๆเช้าวันหนึ่ง อวี้เหยียนเรียกซูฉิงเข้าไปในห้องทำงานของเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นเคย แต่ดวงตาของเขามีความระแวงแฝงอยู่ “ซูฉิง ข้ามีงานสำคัญที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถของเจ้าโดยเฉพาะ และเป็นงานที่ไม่ต้องการคำพูดที่ไม่เหมาะสมหรือการสัมผัสที่ไม่จำเป็นใดๆ ทั้งสิ้น”ซูฉิงพยักหน้าอย่างตั้งใจ เธอกำลังรอคอยว่าเขาจะมอบหมายภารกิจอะไรให้เธอทำลายความเย็นชาของเขาเป็นครั้งที่ 3“งานของเจ้าคือการจัดเรียงและทำความสะอาดตำราสมุนไพรทั้งหมดในห้องสมุดส่วนตัวของข้า” อวี้เหยียนชี้ไปที่ประตูบานเล็กๆ ด้านในสุดของห้องทำงาน “เจ้าต้องใช้ความรู้เรื่องการจัดหมวดหมู่สมัยใหม่ของเจ้า เพื่อให้ข้าสามารถค้นคว้าสมุนไพรได้อย่างมีประสิทธิภาพ”ซูฉิงเบิกตา
“พอแล้ว ซูฉิง ข้า... ข้าไม่ได้หมายความว่าเจ้าบ้าผู้ชาย ข้าแค่หมายความว่า... เจ้าควรจะรักษาจรรยาบรรณ” อวี้เหยียนกล่าวอย่างตะกุกตะกัก“จรรยาบรรณของข้าคือการรักษาคนไข้ให้หายขาดเจ้าค่ะ” ซูฉิงยืนยันอย่างหนักแน่น “และการรักษาอาการเคร่งเครียดของท่าน... ก็คือภารกิจสำคัญที่สุดของข้าในโรงหมอแห่งนี้”เถียนเถียนเดินเข้าไปกอดซูฉิงทันที “ศิษย์พี่ซูฉิง ท่านช่างกล้าหาญที่สุดเลยเจ้าค่ะ ท่านยอมรับข้อกล่าวหาอันน่าอับอายนี้เพื่อปกป้องความรู้ทางการแพทย์”อวี้เหยียนมองภาพศิษย์น้องของเขากำลังกอดสตรีที่เพิ่งละเมิดกฎเหล็กอย่างชัดเจน แล้วก็รู้สึกว่าโลกของเขากำลังพังทลายลง ซูฉิงไม่ได้ถูกควบคุมเลยแม้แต่น้อย แต่เธอกลับยึดครองโรงหมอของเขาด้วยความทะลึ่ง และความเข้าใจผิดอวี้เหยียนตัดสินใจยอมจำนนในสถานการณ์นี้อย่างสิ้นเชิง “พอแล้ว พวกเจ้าจงกลับไปทำงานของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้” อวี้เหยยียนสั่งเสียงดัง ก่อนจะหันไปมองซูฉิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ “ซูฉิง... ข้า... ข้าจะไม่ลงโทษเจ้าในครั้งนี้ เพราะ... ข้ายังต้องการความรู้ของเจ้าอยู่ แต่จงจำไว้ เจ้าเหลือโอกาสสุดท้ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จงใช้มันอย่างมีสติ”ซูฉิงโค
อวี้เหยียนตัวแข็งทื่อ เขาไม่เคยถูกสตรีสัมผัสด้วยความใกล้ชิดถึงเพียงนี้ และการสัมผัสมันก็รุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้ “เถียนเถียน หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้ากำลังทำอะไร” อวี้เหยียนสั่งเสียงเครียด“ท่านหมอเจ้าคะ ข้ากำลังช่วยให้พลังชี่ของท่าน ไหลเวียนอย่างสมบูรณ์ ศิษย์พี่ซูฉิงสอนว่าการสัมผัสที่ถูกจุดจะช่วยให้ท่านผ่อนคลาย และปลดปล่อยความเครียดได้อย่างถึงแก่นเจ้าค่ะ” เถียนเถียนยังคงนวดต่อไปด้วยความบริสุทธิ์ใจอวี้เหยียนรีบจับมือของเถียนเถียนออกทันที ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธและความอับอาย นี่มัน... นี่มันคือการละเมิดกฎเหล็กข้อที่ 2 อย่างชัดเจน และเป็นการกระทำที่ถูกสอนมาจากซูฉิงชัดๆ อวี้เหยียนรู้แล้วว่า ซูฉิงไม่ได้ถูกควบคุมเลยแม้แต่น้อย เธอกำลังใช้ศิษย์น้องผู้ใสซื่ออย่างเถียนเถียนเป็นเครื่องมือในการปั่นป่วนเขาต่างหากเหตุการณ์ 'นวดคลึงหัวไหล่' โดยศิษย์น้องเถียนเถียนสร้างความตึงเครียดให้กับท่านหมอเทวดาอวี้เหยียนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาไม่สามารถลงโทษเถียนเถียนได้เพราะความบริสุทธิ์ใจของเธอ แต่เขาโกรธซูฉิงจนแทบจะระเบิดเช้าวันรุ่งขึ้น อวี้เหยียนเรียกซูฉิงมายังห้องทำงานทันที โดยไม่สนเรื่องการรัก







