Masuk“ข้าไม่ร้อนรน ข้าไม่ต้องการสมุนไพรดับไฟอะไรของเจ้าทั้งสิ้น และจงตั้งใจปลูกสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อการแพทย์เท่านั้น”
“ได้เลยเจ้าค่ะท่านหมอ” ซูฉิงรับคำอย่างว่าง่าย แต่ในใจกลับคิดว่า ‘หึๆ เดี๋ยวข้าจะตั้งชื่อ 'หญ้าดับไฟราคะ' เป็นชื่ออื่นก็ได้ เช่น... 'ต้นบำรุงความเย็นชา' ไง ได้ผลเหมือนกัน’
การอยู่ใกล้ชิดกับท่านหมอเทวดาผู้เย็นชา... ช่างเป็น การรักษาที่ดีที่สุดสำหรับโรคปากไวใจทะลึ่งของเธอจริงๆ
หลังจากที่อวี้เหยียนแสดงพื้นที่ปลูกสมุนไพรให้กับซูฉิงแล้ว เขาก็สั่งงานแรกให้เธอทันที
“เจ้าต้องทำการจำแนกและจัดเรียงสมุนไพรที่เพิ่งเข้ามาใหม่ให้เรียบร้อย และที่สำคัญที่สุด... ห้ามส่งเสียงอื้ออึงหรือพูดจาไร้สาระในบริเวณโรงหมอเด็ดขาด” อวี้เหยียนสั่งเสียงเข้มก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของเขาอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าถ้าอยู่ใกล้ซูฉิงนานกว่านี้ ประสาทของเขาจะพังทลายลง
ซูฉิงยักไหล่ เธอไม่ได้สนใจคำสั่งห้ามของท่านหมอมากนัก สิ่งที่เธอสนใจตอนนี้คือ กล่องสมุนไพร จำนวนมากที่ถูกกองไว้ในห้องเก็บยาด้านหลังโรงหมอ
‘งานจัดเรียงสมุนไพรเหรอ ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากอีก นี่คือโอกาสที่ข้าจะได้เรียนรู้ว่าสมุนไพรในโลกนี้มีอะไรแปลกใหม่บ้าง’
ซูฉิงเดินเข้าไปในห้องเก็บยาอย่างกระตือรือร้น ห้องนี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมเย็นของสมุนไพรแห้ง แต่การจัดเรียงนั้นเป็นไปอย่างไร้ระเบียบมาก ซูฉิงเห็นป้ายกำกับสมุนไพรที่เขียนด้วยลายมือโบราณและมีร่องรอยของการจัดหมวดหมู่ที่ไม่เป็นระบบตามหลักอนุกรมวิธานสมัยใหม่
“ท่านหมอ ถ้าข้ายังจัดเรียงสมุนไพรด้วยวิธีโบราณแบบนี้ ข้าก็ไม่ต้องไปไหนกันพอดี”
เธอเริ่มทำงานทันที โดยใช้ความรู้ด้านเคมีชีวภาพและเภสัชวิทยาจากโลกเดิมมาประยุกต์ใช้แทน ซูฉิงไม่ได้เรียงตาม 'รูปลักษณ์' หรือ 'รสชาติ' แบบที่คนโบราณทำ แต่เธอจัดเรียงตาม 'สารออกฤทธิ์ทางเคมี' และ 'กลุ่มเป้าหมายในการรักษา'
เธอเริ่มตั้งชื่อสมุนไพรใหม่ในใจ
หญ้าเย็นตา (ที่คนโบราณเรียกว่า ดอกบัวน้ำค้าง) ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม 'สารต้านอนุมูลอิสระ'
รากซ่อนพิษ (ที่คนโบราณใช้เป็นยาบำรุง) ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม 'สารกลุ่มอัลคาลอยด์ที่ต้องระวัง'
ขณะที่กำลังจัดเรียงสมุนไพรอย่างสนุกสนาน อาการ 'ปากไวใจทะลึ่ง' ก็เริ่มกำเริบอีกครั้ง เมื่อเธอหยิบรากสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างยาวและบิดเบี้ยวขึ้นมา
‘ รากสมุนไพรนี่มันช่าง... ชวนให้คิดถึงบางอย่างจริงๆ ข้าต้องหาทางใช้รากนี้ในการทดลองรักษาโรคของข้าให้ได้’
ซูฉิงตั้งชื่อเล่นให้กับรากสมุนไพรนั้นในใจว่า 'รากยั่วใจ' โดยทันที
เธอรู้สึกว่าจำเป็นต้อง ปลดปล่อย ความทะลึ่งที่อัดอั้นออกมาบ้าง เธอจึงแอบวาด ภาพประกอบ เล็กๆ ลงบนป้ายสมุนไพรบางชนิด ภาพเหล่านั้นเป็นภาพสเก็ตช์ ทางชีวภาพ ที่แสดงถึง 'การทำงานของเซลล์' แต่เธอวาดมันให้ดูเหมือน ฉากเกี้ยวพาราสี เล็กๆ เพื่อระบายอารมณ์
ขณะที่กำลังวาดภาพ สารต้านอนุมูลอิสระกำลังโอบกอดสารอนุมูลอิสระ อย่างสนุกสนาน อวี้เหยียนก็เดินเข้ามาในห้องเก็บยาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
“ซูฉิง เจ้าจัดเรียงสมุนไพรเสร็จหรือยัง ข้าต้องการ 'หญ้าหมื่นปี' เดี๋ยวนี้” อวี้เหยียนกล่าวเสียงเข้ม
ซูฉิงสะดุ้งสุดตัว เธอรีบซ่อนป้ายสมุนไพรที่กำลังวาดรูปไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านหมอ หญ้าหมื่นปี ท่านดูที่ตู้สมุนไพรกลุ่มบำรุงเซลล์ประสาทได้เลยเจ้าค่ะ”
อวี้เหยียนขมวดคิ้วแน่น เขาเดินไปที่ตู้สมุนไพรตามที่นางบอก เขาเห็นการจัดเรียงที่ดูแปลกตา แต่... มันกลับทำให้หา 'หญ้าหมื่นปี' ได้ ง่ายดาย กว่าการค้นหาในระบบเดิมของเขาถึงสิบเท่า
“ระบบการจัดเรียงของเจ้า... เหตุใดจึงแตกต่างจากตำราโบราณ” อวี้เหยียนถามด้วยความสงสัย
“ท่านหมอ ระบบโบราณมันล้าสมัยไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าจัดเรียงตามแกนสมมาตรทางชีวภาพและความสัมพันธ์ในการออกฤทธิ์ร่วมกัน ข้าตั้งใจทำเพื่อท่านหมอเลยนะเจ้าคะ” ซูฉิงพูดอย่างภาคภูมิใจ แม้คำพูดจะฟังดู ลึกซึ้งแต่ก็ยังมีความทะลึ่งแฝงอยู่เสมอ
อวี้เหยียนไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้นแล้ว เขากำลังจมดิ่งไปกับความอัจฉริยะในการจัดเรียงสมุนไพรของซูฉิง มันเป็นระบบที่สมบูรณ์แบบอย่างไม่น่าเชื่อ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อวาจาของนาง และใช้ประโยชน์จาก ความรู้ของนางแทน
“ดี ถ้าอย่างนั้นก็จัดเรียงสมุนไพรทั้งหมดในโรงหมอตามระบบนี้” อวี้เหยียนสั่งด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ส่วนเรื่องค่าแรง... ข้าจะเริ่มจ่ายให้เจ้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ซูฉิงยิ้มกว้าง เธอไม่ได้สนใจเงินมากเท่ากับโอกาสในการอยู่ใกล้ชิดและปั่นป่วนท่านหมอเทวดา
‘ฮ่าๆ ท่านหมอ ท่านยอมรับระบบซูฉิงแล้ว ต่อไป ท่านก็จะต้องยอมรับความทะลึ่งของข้าด้วยแน่นอน’
หลังจากอวี้เหยียนจากไป ซูฉิงก็เริ่มแผนการปลูกสมุนไพรลับของเธอทันที เธอเดินไปยังฟาร์มสมุนไพร ที่อยู่ด้านหลังห้องทำงานของพระเอก และเริ่มปลูก หญ้าสงบจิต ลงไปอย่างตั้งใจ
ขณะที่กำลังทำงานอย่างสนุกสนาน เวลาพลบค่ำก็มาถึง อวี้เหยียนทำงานในห้องของเขาอย่างหนักจนดูเหน็ดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด
‘ได้เวลาส่งสารบำรุงใจแล้ว’
ความทะลึ่งในใจของซูฉิงเริ่มถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกสงสารและเห็นใจอย่างแท้จริง เธอตระหนักว่าอวี้เหยียนไม่ได้เป็นแค่เป้าหมายในการปั่นป่วนของเธอเท่านั้น แต่เขาคือบุรุษหนุ่มที่แบกรับภาระของการเป็นหมอเทวดาผู้เคร่งครัดไว้บนบ่า เธอเห็นอวี้เหยียนยกมือขึ้นนวดขมับอย่างช้าๆ ก่อนจะถอนหายใจยาวหลายครั้ง ท่าทางของเขาแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ “ท่านหมอ...” ซูฉิงพึมพำเบาๆ “ท่านต้องการการดูแลที่มากกว่าแค่ชาบำรุงของข้าแล้วนะเจ้าคะ...”ขณะที่ซูฉิงกำลังมองอวี้เหยียนด้วยความรู้สึกที่อ่อนโยน ทันใดนั้น... เหตุการณ์ที่ทำให้ซูฉิงต้องประหลาดใจที่สุดก็เกิดขึ้น อวี้เหยียนหันซ้ายหันขวาอย่างรวดเร็วเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบตำราเล่มหนึ่งออกมาจากหีบไม้จันทน์ที่เพิ่งเก็บไปเมื่อครู่ มันคือ ตำราว่าด้วยการบำรุงแก่นแท้ของชีวิต เล่มนั้นอวี้เหยียนเปิดตำราเล่มนั้นอย่างเงียบๆ และเริ่มจ้องมองไปยังภาพวาดระบบสืบพันธุ์และอวัยวะภายในที่ซูฉิงเพิ่งเปิดดูเมื่อไม่นานมานี้ เขาจ้องมองภาพวาดนั้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด แต่สนใจอย่างชัดเจน ไม่ใช่ด้วยความโกรธหรือความอับอาย แต่เป็นด้วยความอยากรู้อยากเห
ซูฉิงเห็นท่าทีของอวี้เหยียนแล้วก็รู้ว่าเธอต้องใช้วิชาการเป็นเกราะป้องกัน เธอชี้ไปที่ภาพวาดในตำราอย่างกล้าหาญ “ท่านหมอ โปรดฟังข้าก่อน ข้าไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ ข้ากำลังวิเคราะห์เนื้อหาในตำราต่างหาก ตำรานี้อธิบายถึงการสืบพันธุ์และการสร้างชีวิตอย่างตรงไปตรงมา นี่คือวิชาการชั้นสูงที่ท่านหมอไม่ควรห้ามนะเจ้าคะ”อวี้เหยียนแทบจะยกมือขึ้นกุมขมับ เขาไม่สามารถโต้แย้งเรื่องวิชาการได้ แต่เขาก็รับไม่ได้กับคำพูดของซูฉิง “การสืบพันธุ์นั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติและจารีต ไม่ใช่สิ่งที่สตรีควรจะนำมาพูดถึงอย่างเปิดเผย เจ้าพยายามใช้คำพูดเหล่านี้ยั่วยวนข้าใช่หรือไม่ เจ้าละเมิดกฎเหล็กข้อที่ 1 อย่างชัดเจนอีกครั้ง”“ยั่วยวนอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ซูฉิงทำเสียงตกใจเกินจริง เธอรีบยื่นกระดาษโน้ตของอวี้เหยียนไปตรงหน้าเขา “ท่านหมอ ท่านต่างหากที่สนใจเรื่องเหล่านี้ ข้าเพิ่งพบบันทึกส่วนตัวของท่านที่เขียนว่า ‘สมุนไพรว่านบำรุงในตำรานี้ มีส่วนช่วยในเรื่องการสร้างชีวิตจริงหรือไม่ ข้าควรจะทำการทดลองอย่างละเอียดเพื่อหาข้อสรุป’”อวี้เหยียนถึงกับหน้าซีดเผือด เขาไม่คิดว่าซูฉิงจะค้นพบบันทึกส่วนตัวที่เขาเขียนไว้เมื่อหลายปีก่อน “นี
“ท่านหมอ ท่านหมอโบราณท่านนี้... ท่านช่างเป็นผู้ที่กล้าหาญในการวาดภาพจริงๆ” ซูฉิงพึมพำกับตัวเอง อาการกำเริบของเธอทำให้เธอไม่สามารถควบคุม ความคิดทะลึ่ง ที่แล่นเข้ามาในหัวได้อย่างทันท่วงทีซูฉิงรีบเอามือปิดปากแน่น เธอท่องกฎเหล็กข้อที่ 1 วาจาสุภาพ ซ้ำๆ อยู่ในใจ ราวกับคาถาป้องกันตนเอง “สงบสติไว้ซูฉิง มันคือวิชาการ มันคือความรู้ มันคือชีววิทยาที่ต้องได้รับการเคารพ ห้ามคิดถึงท่านหมอ ห้ามคิดถึงมุกตลก ห้ามคิดถึงการละเมิดกฎเหล็กครั้งสุดท้าย” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงเบาที่สุดแต่ยิ่งเธอพยายามควบคุม อาการกำเริบก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ภาพวาดในตำราเริ่มถูกตีความในหัวของเธอด้วยศัพท์เฉพาะทางที่แฝงความทะลึ่ง “ท่านหมอโบราณท่านนี้ลืมพูดถึงความสำคัญของโครโมโซม X และ Y ในการกำหนดเพศของบุตรไปได้อย่างไร ท่านมัวแต่เน้นเรื่องการผสานหยินหยางเท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่องค์ประกอบทางพันธุกรรมนี่แหละคือกุญแจสำคัญในการสร้างชีวิตที่สมบูรณ์” ซูฉิงพึมพำเธอพยายามอธิบายภาพวาดระบบสืบพันธุ์ด้วยคำศัพท์ที่ไม่ทะลึ่ง แต่ก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ถ้าข้าพูดว่าอวัยวะสืบพันธุ์มันจะผิดกฎไหมนะ ถ้าอย่างนั้นข้าต้องใช้ศัพท์ที่ดูหรูหรากว่านี้ซูฉิงพลิ
ความวุ่นวายที่ซูฉิงสร้างไว้ในโรงหมอทำให้ท่านหมอเทวดาอวี้เหยียนตระหนักว่า การปล่อยให้ซูฉิงอยู่ใกล้ชิดกับศิษย์น้องผู้ใสซื่ออย่างเถียนเถียนนั้น เป็นการติดเชื้อความทะลึ่งที่รุนแรงและรวดเร็วกว่าที่เขาคาดไว้อวี้เหยียนตัดสินใจใช้วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสในการดึงซูฉิงออกจากแปลงสมุนไพรและห่างจากเถียนเถียนให้มากที่สุด และสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับซูฉิงก็คือ... การขลุกอยู่กับตำราเก่าๆเช้าวันหนึ่ง อวี้เหยียนเรียกซูฉิงเข้าไปในห้องทำงานของเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นเคย แต่ดวงตาของเขามีความระแวงแฝงอยู่ “ซูฉิง ข้ามีงานสำคัญที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถของเจ้าโดยเฉพาะ และเป็นงานที่ไม่ต้องการคำพูดที่ไม่เหมาะสมหรือการสัมผัสที่ไม่จำเป็นใดๆ ทั้งสิ้น”ซูฉิงพยักหน้าอย่างตั้งใจ เธอกำลังรอคอยว่าเขาจะมอบหมายภารกิจอะไรให้เธอทำลายความเย็นชาของเขาเป็นครั้งที่ 3“งานของเจ้าคือการจัดเรียงและทำความสะอาดตำราสมุนไพรทั้งหมดในห้องสมุดส่วนตัวของข้า” อวี้เหยียนชี้ไปที่ประตูบานเล็กๆ ด้านในสุดของห้องทำงาน “เจ้าต้องใช้ความรู้เรื่องการจัดหมวดหมู่สมัยใหม่ของเจ้า เพื่อให้ข้าสามารถค้นคว้าสมุนไพรได้อย่างมีประสิทธิภาพ”ซูฉิงเบิกตา
“พอแล้ว ซูฉิง ข้า... ข้าไม่ได้หมายความว่าเจ้าบ้าผู้ชาย ข้าแค่หมายความว่า... เจ้าควรจะรักษาจรรยาบรรณ” อวี้เหยียนกล่าวอย่างตะกุกตะกัก“จรรยาบรรณของข้าคือการรักษาคนไข้ให้หายขาดเจ้าค่ะ” ซูฉิงยืนยันอย่างหนักแน่น “และการรักษาอาการเคร่งเครียดของท่าน... ก็คือภารกิจสำคัญที่สุดของข้าในโรงหมอแห่งนี้”เถียนเถียนเดินเข้าไปกอดซูฉิงทันที “ศิษย์พี่ซูฉิง ท่านช่างกล้าหาญที่สุดเลยเจ้าค่ะ ท่านยอมรับข้อกล่าวหาอันน่าอับอายนี้เพื่อปกป้องความรู้ทางการแพทย์”อวี้เหยียนมองภาพศิษย์น้องของเขากำลังกอดสตรีที่เพิ่งละเมิดกฎเหล็กอย่างชัดเจน แล้วก็รู้สึกว่าโลกของเขากำลังพังทลายลง ซูฉิงไม่ได้ถูกควบคุมเลยแม้แต่น้อย แต่เธอกลับยึดครองโรงหมอของเขาด้วยความทะลึ่ง และความเข้าใจผิดอวี้เหยียนตัดสินใจยอมจำนนในสถานการณ์นี้อย่างสิ้นเชิง “พอแล้ว พวกเจ้าจงกลับไปทำงานของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้” อวี้เหยยียนสั่งเสียงดัง ก่อนจะหันไปมองซูฉิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ “ซูฉิง... ข้า... ข้าจะไม่ลงโทษเจ้าในครั้งนี้ เพราะ... ข้ายังต้องการความรู้ของเจ้าอยู่ แต่จงจำไว้ เจ้าเหลือโอกาสสุดท้ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จงใช้มันอย่างมีสติ”ซูฉิงโค
อวี้เหยียนตัวแข็งทื่อ เขาไม่เคยถูกสตรีสัมผัสด้วยความใกล้ชิดถึงเพียงนี้ และการสัมผัสมันก็รุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้ “เถียนเถียน หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้ากำลังทำอะไร” อวี้เหยียนสั่งเสียงเครียด“ท่านหมอเจ้าคะ ข้ากำลังช่วยให้พลังชี่ของท่าน ไหลเวียนอย่างสมบูรณ์ ศิษย์พี่ซูฉิงสอนว่าการสัมผัสที่ถูกจุดจะช่วยให้ท่านผ่อนคลาย และปลดปล่อยความเครียดได้อย่างถึงแก่นเจ้าค่ะ” เถียนเถียนยังคงนวดต่อไปด้วยความบริสุทธิ์ใจอวี้เหยียนรีบจับมือของเถียนเถียนออกทันที ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธและความอับอาย นี่มัน... นี่มันคือการละเมิดกฎเหล็กข้อที่ 2 อย่างชัดเจน และเป็นการกระทำที่ถูกสอนมาจากซูฉิงชัดๆ อวี้เหยียนรู้แล้วว่า ซูฉิงไม่ได้ถูกควบคุมเลยแม้แต่น้อย เธอกำลังใช้ศิษย์น้องผู้ใสซื่ออย่างเถียนเถียนเป็นเครื่องมือในการปั่นป่วนเขาต่างหากเหตุการณ์ 'นวดคลึงหัวไหล่' โดยศิษย์น้องเถียนเถียนสร้างความตึงเครียดให้กับท่านหมอเทวดาอวี้เหยียนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาไม่สามารถลงโทษเถียนเถียนได้เพราะความบริสุทธิ์ใจของเธอ แต่เขาโกรธซูฉิงจนแทบจะระเบิดเช้าวันรุ่งขึ้น อวี้เหยียนเรียกซูฉิงมายังห้องทำงานทันที โดยไม่สนเรื่องการรัก







