พระตำหนักจันทรา
ร่างงามระหงบัดนี้อยู่ในชุดราชสำนักจีนโบราณของแคว้นฉิน ฉลองพระองค์ระดับสูงปรากฏอยู่บนเรือนร่างของคุณหนูคนสวยของตระกูลฟ่าน งดงามและเลอค่าราวนางพญาของแผ่นดิน เครื่องประดับทุกชิ้นถูกนำมาประดับไว้บนมวยผมที่ถูกเกล้าไว้อย่างสวยงาม รับกับเครื่องหน้าที่งดงามอย่างลงตัวหาที่ติมิได้เลย “คุณหนูของบ่าวสวยจังเลยเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้สองคนที่เข้ามาช่วยกันแต่งชุดจีนโบราณให้กับเจ้านายสวย ต่างพากันชื่นชมอย่างไม่ขาดปาก “อย่าชมมากเลยตัวจะลอยออกไปนอกตำหนักแล้วรู้ไหมจ๊ะ” หญิงสาวตอบกลับไปอย่างติดตลก “ก็คุณหนูของบ่าวสวยจริงๆ ค่ะ เหมือนฮองเฮาของฮ่องเต้ในสมัยโบราณเลย” “ก็คงจะได้เป็นแค่ฮองเฮาในหนังจีนย้อนยุคแหละจ้ะ ยุคจักรพรรดิล่มสลายไปนานแล้ว บังเอิญเกิดช้าไปหน่อยก็เลยเป็นฮองเฮากับเขาไม่ทัน” เธอหยอดมุขกลับไปอีกอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะก้มลงอ่านบันทึกโบราณอย่างตั้งอกตั้งใจ “คุณหนูจะรับอะไรเพิ่มอีกไหมเจ้าคะ” บ่าวรับใช้เอ่ยถาม คุณหนูคนงามหยุดคิดไปชั่วขณะ พลางมองในขณะเดียวกันร่างระหงของชิงเชียงกำลังวิ่งตามทหารองครักษ์ซึ่งเจ้าผู้ครองแคว้นฉินคนรักของเธอส่งมาช่วย หญิงสาววิ่งออกจากตำหนักพระอาทิตย์ซึ่งอยู่ติดกับตำหนักพระจันทร์ เพื่อตรงไปด้านหลังพระตำหนักเพื่อกระโดดหน้าผา โดยมีเชือกโรยตัวของฉินอ๋องทรงตอกเอาไว้กับหินผาเตรียมให้ไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเห็นทหารองครักษ์ตวัดดาบปลิดชีพทหารรักษาการณ์ที่อยู่ภายในบริเวณนั้นจนล้มตายหมดทุกคน“ทรงจับกระหม่อมไว้พ่ะย่ะค่ะ ทางหนีอยู่ที่หน้าผานี้!” องครักษ์คนดังกล่าวบอกเธอ“แล้วอิ๋งไค่อยู่ไหน! จะหนีไปโดยไม่รออย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวถามกลับไปทันที“ฝ่าบาทให้กระหม่อมช่วยองค์หญิงให้ออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ หากทรงหนีออกมาได้แล้วก็ทรงมิต้องห่วงอะไรอีก เดี๋ยวฝ่าบาทก็จะเสด็จตามมาพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเร็วเข้าเถิดชักช้าจะไม่ทันการณ์” องครักษ์กล่าวเร่งเร้าร่างระหงพะวงหน้าพะวงหลังห่วงคนรักที่ทิ้งอยู่เบื้องหลังอย่างยิ่งยวด ก่อนจะตัดสินใจเตรียมกระโดดหน้าผาสูงชันตรงหน้าอย่างไม่รีรออีกต่อไป“ชิงเชียง!!!”
วันอภิเษกสมรส ภายในพระราชวังหลวงหลินจือในเวลานี้ กำลังประกอบพิธีอภิเษกสมรสองค์ชายเฟิ่งหยางพระอนุชาของฉีอ๋องและองค์หญิงเจ๋อฉีพระขนิษฐาของหานอ๋อง ทั้งสองแคว้นตกลงร่วมเป็นทองแผ่นเดียวกัน โดยผลจากการอภิเษกสมรสระหว่างสองแคว้นใหญ่ เหล่านางกำนัลและขันทีรวมไปถึงทหารหลวงมากมายกำลังวุ่นวายเตรียมจัดงานสำหรับใช้ในพิธีอภิเษกสมรสในวันนี้ หลังจากเสร็จสิ้นงานมงคลขององค์ชายเฟิ่งหยางกับองค์หญิงเจ๋อฉีแล้ว อีกสองสัปดาห์ถัดไปก็จะเป็นวันอภิเษกสมรสของฉีอ๋องซึ่งจะทำการสมรสกับองค์หญิงต่างแคว้นที่ห่างไกล ซึ่งยังไม่เปิดเผยให้ผู้ใดล่วงรู้ว่าคู่อภิเษกคือผู้ใดกันเล่า ขบวนพระที่นั่งขององค์หญิงเจ๋อฉีมาถึงก่อนวันงานล่วงหน้าเกือบหนึ่งอาทิตย์ ส่วนหานอ๋องนั้นจะเสด็จมาร่วมงานด้วยพระองค์เองในวันนี้ ด้วยเพราะพระขนิษฐาเป็นพระน้องนางที่ทรงโปรดปรานและรักมากที่สุด จึงมาร่วมงานพิธีอภิเษกสมรสเพราะจากนี้ต่อไป โอกาสที่พระขนิษฐาจะได้เข้าเฝ้าพระเชษฐาอีกนั้นยากยิ่งนักเพราะต้องติดตามเสด็จพระสวามีไปปกครองแคว้นท
พระวรกายบอบบางสะดุ้งจนสุดพระองค์ องค์หญิงเจ๋อฉีทรงหันกลับไปทอดพระเนตรตามเสียงดังกล่าวทันทีฉีอ๋องทรงยืนอยู่ตรงหน้าประตูตำหนัก พระพักตร์ถมึงทึงน่ากลัวเป็นยิ่งนัก พระวรกายสูงก้าวเข้ามาภายในพระตำหนักทันทีตรงดิ่งไปที่องค์หญิงเจ๋อฉีโดยพลันพระหัตถ์หนากระชากท่อนพระกรของพระนางทันที“กล้าดีอย่างไรจึงเข้ามาถึงตำหนักพระจันทร์อันเป็นเขตหวงห้าม หากข้าไม่อนุญาตก็ไม่สามารถเข้ามาได้แม้แต่น้อย มิหนำซ้ำเมื่อเข้ามาแล้วยังใช้ถ้อยคำเจรจาจาบจ้วงออกมาอีก นี่ข้าคิดผิดชัดๆ ที่ให้อนุชาของข้าเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้า!” รับสั่งพร้อมเหวี่ยงองค์หญิงเจ๋อฉีออกไปทันทีพระวรกายบอบบางทรุดฮวบลงกับพื้นพระตำหนักทันใด ก่อนจะเงยพระพักตร์ขึ้นอย่างรวดเร็ว“ถ้าเช่นนั้นก็ทรงประกาศยกเลิกพิธีอภิเษกเลยสิเพคะ หม่อมฉันจะได้กลับแคว้นหานเสียทีและจะได้ส่งข่าวให้ฉินอ๋องทรงล่วงรู้ว่าคู่อภิเษกของพระองค์ที่หายไปนานกว่าสามปียังไม่ตาย แต่กลับกลายมาเป็นฮองเฮาของแคว้นฉี จะได้ตัดพระทัยจากองค์หญิงผู้นี้แล้วหันกลับมาอภิเษกข้าแทน เพราะถึงยังไงข้าก็เคยเป็นคู่หมายที่เห
แคว้นฉี ร่างสันทัดของเยี่ยฉางเดินถือถาดซึ่งภายในนั้นเป็นถ้วยชาร้อนนำมาให้ชิงเชียงดื่ม เพื่อให้แลดูสมจริงสมจังว่าได้นำสมุนไพรทำลายความทรงจำตามรับสั่งของฉีอ๋องให้องค์หญิงจากแคว้นฟ่านได้เสวย ในขณะที่กำลังเดินมาตามทางที่ทอดยาวอยู่ในขณะนั้น จังหวะเดียวกันนั้นเอง เหวินหวู่ก็ปรากฏกายขึ้นยืนขวางหน้าอยู่ในขณะนี้ เยี่ยฉางหยุดเดินทันทีก่อนจะแกล้งทำเป็นตกอกตกใจ “โอ๊ย ท่านเหวินหวู่เหตุใดจู่ๆ จึงปรากฏกายขึ้นแบบนี้ ดีนะที่เป็นกลางวัน หากเป็นกลางคืนแล้วไซร้ ข้าคงจับไข้นึกว่าโดนภูตผีปีศาจหลอกหลอนเข้าให้เสียแล้ว” คำกล่าวของเยี่ยฉางทำให้ราชองค์รักษ์ของฉีอ๋องยิ้มในหน้าออกมาทันที “ข้าก็แค่อยากจะกระเซ้าเจ้าเล่นเพียงเท่านั้น อันที่จริงตอนข้าอยู่ถวายการรับใช้กับฝ่าบาทช่วงเวลานั้นมิได้เห็นเจ้าอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน ตอนนั้นอยู่ตรงส่วนในของวังหลวงรึ” เหวินหวู่สอบถามด้วยความอยากรู้
แคว้นฉินพระตำหนักจันทรา ภายในห้องทรงพระอักษรเจ้าผู้ครองแคว้นฉินในยามนี้ทรงกำลังนั่งอ่านรายงานอยู่บนตั่งที่ประทับ ซึ่งขุนนางมากมายนำมาถวายเพื่อให้พระองค์ใช้ดุลยพินิจและรอให้มีรับสั่งลงไปเพื่อจัดการบริหารปกครองแคว้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉินอ๋องรูปงามทรงงานชนิดหามรุ่งหามค่ำเพื่อให้คลายความทุกข์ในหัวใจที่ทรงคิดถึงยอดดวงใจของพระองค์ให้ผ่อนคลายลงไปบ้าง ไม่มากก็น้อยพระเนตรเริ่มพร่าเลือนด้วยเพราะทรงใช้สายพระเนตรมาตลอดทั้งคืนจวบจนถึงเช้าวันนี้ยังทรงมิได้เข้าบรรทมแต่อย่างใด พระหัตถ์เรียวสวยค่อยๆ วางพู่กันบนแท่นหยกพร้อมหลับพระเนตรลง ครั้นรู้สึกว่าสายพระเนตรเริ่มพร่ามัว พระหัตถ์วางบนลงโต๊ะทรงพระอักษรที่ตั้งอยู่กับพื้นพระตำหนักทันทีที่ทรงหลับพระเนตรลงเพื่อผ่อนคลาย ภาพเหตุการณ์บาง อย่างอุบัติขึ้นให้พระองค์ได้ทอดพระเนตร ตำหนักกว้างใหญ่มีอาณาบริเวณพื้นที่มากมาย เหนือขอบประตูทางเข้ามีป้ายชื่อติดอยู่ “ตำหนักพระจันทร์” อันเป็นชื่อของตำหนักนั้น ผู้คนมากมายพากันเดินขวักไขว่ไปมา ก่อนจะทอดพระเนตรห้องกว้างใหญ่ซึ่งเป็นห้องพระบรรทม
พระตำหนักเยว่เลี่ยง (ตำหนักพระจันทร์) ร่างระหงของคุณหนูจากตระกูลฟ่าน บัดนี้กำลังนอนเหยียดยาวอยู่บนแท่นพระบรรทม ภายในตำหนักพระจันทร์อันมีชื่อคล้ายกับพระตำหนักจันทราแห่งแคว้นฉิน ตำหนักดังกล่าวตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับพระตำหนักเสือขาวอันเป็นที่ประทับของฉีอ๋อง ซึ่งพระตำหนักนี้มิเคยเปิดนับตั้งแต่พระมารดาของฉีฟูกงสิ้นพระชนม์ ตำหนักนี้จึงถูกปิดนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพราะเป็นตำหนักสำหรับฮองเฮาใช้เป็นที่ประทับเท่านั้น หากแต่คุณหนูจากตระกูลฟ่าน กลับได้เข้ามาอยู่ในตำหนักนี้โดยฉีอ๋องเป็นผู้นำนางมาด้วยพระองค์เอง เหล่านางกำนัลรวมไปถึงขันทีที่คอยดูแลความเรียบร้อยพระตำหนักเสือขาวและตำหนักพระจันทร์ ต่างยืนเมียงมองอิสตรีที่มีความงดงามจนมิอาจถอนสายตาไปไหนได้เลย งามล้ำและประหลาดยิ่งนัก ซึ่งแม้แต่ฉีอ๋องก็ทรงมิอาจปฏิเสธได้ นับตั้งแต่ได้ทรงทอดพระเนตร พระองค์ไม่สามารถละสายพระเนตรไปจากองค์หญิงผู้สาบสูญนี้ได้เลย “ฝ่าบาท! ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!” เหวินหวู่กระซิบเบาๆ เมื่อ