แคว้นหาน
พระตำหนักไป๋หลง (ตำหนักที่ประทับหานอ๋อง) “ปัง!” เสียงฝ่าพระหัตถ์ฟาดลงบนโต๊ะทรงพระอักษรอย่างแรงด้วยแรงแห่งพิโรธ พระพักตร์คมคายของหานอ๋อง บัดนี้ถมึงทึงแลดูน่าหวาดหวั่นเสียยิ่งนัก เมื่อพระน้องนางเดินทางกลับมาจากแคว้นฉิน แล้วเล่าเรื่องที่ทรงถูกฉินอ๋องประกาศกร้าวมิยอมอภิเษกสมรสกับพระนาง “ฉินเสวี้ยนกง ทำเช่นนี้หยามข้าผู้เป็นเจ้าผู้ครองแคว้นหานยิ่งนัก ถือตนว่าพระเจ้าโจวผิงหวางประทานบรรดาศักดิ์ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นอ๋องชั้นเอกเหนือกว่าเจ้าผู้ครองแคว้นองค์อื่นๆ จึงกล่าวถ้อยคำกับเจ้าเช่นนั้นซึ่งเปรียบประดุจทำกับข้าด้วยเช่นกัน ครั้งนั้นเหยี่ยนไทเฮาส่งราชทูตมาเจรจาเพื่อสู่ขอทาบทามเจ้าให้ไปเป็นคู่ครอง ข้าก็ยินดียกให้หวังเป็นทองแผ่นเดียว กันแต่นี่กลับไม่รักษาสัญญา ทำเป็นเมินเฉยคิดว่าข้าหลงลืมไปอย่างนั้นรึ!” รับสั่งสุรเสียงกร้าวท่ามกลางหยาดน้ำพระเนตรหลั่งรินของพระน้องนาง ทรงยืนร่ำไห้สะอึกสะอื้นต่อหน้าพระพักตร์ขอพระวรกายบอบบางสะดุ้งจนสุดพระองค์ องค์หญิงเจ๋อฉีทรงหันกลับไปทอดพระเนตรตามเสียงดังกล่าวทันทีฉีอ๋องทรงยืนอยู่ตรงหน้าประตูตำหนัก พระพักตร์ถมึงทึงน่ากลัวเป็นยิ่งนัก พระวรกายสูงก้าวเข้ามาภายในพระตำหนักทันทีตรงดิ่งไปที่องค์หญิงเจ๋อฉีโดยพลันพระหัตถ์หนากระชากท่อนพระกรของพระนางทันที“กล้าดีอย่างไรจึงเข้ามาถึงตำหนักพระจันทร์อันเป็นเขตหวงห้าม หากข้าไม่อนุญาตก็ไม่สามารถเข้ามาได้แม้แต่น้อย มิหนำซ้ำเมื่อเข้ามาแล้วยังใช้ถ้อยคำเจรจาจาบจ้วงออกมาอีก นี่ข้าคิดผิดชัดๆ ที่ให้อนุชาของข้าเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้า!” รับสั่งพร้อมเหวี่ยงองค์หญิงเจ๋อฉีออกไปทันทีพระวรกายบอบบางทรุดฮวบลงกับพื้นพระตำหนักทันใด ก่อนจะเงยพระพักตร์ขึ้นอย่างรวดเร็ว“ถ้าเช่นนั้นก็ทรงประกาศยกเลิกพิธีอภิเษกเลยสิเพคะ หม่อมฉันจะได้กลับแคว้นหานเสียทีและจะได้ส่งข่าวให้ฉินอ๋องทรงล่วงรู้ว่าคู่อภิเษกของพระองค์ที่หายไปนานกว่าสามปียังไม่ตาย แต่กลับกลายมาเป็นฮองเฮาของแคว้นฉี จะได้ตัดพระทัยจากองค์หญิงผู้นี้แล้วหันกลับมาอภิเษกข้าแทน เพราะถึงยังไงข้าก็เคยเป็นคู่หมายที่เห
แคว้นฉี ร่างสันทัดของเยี่ยฉางเดินถือถาดซึ่งภายในนั้นเป็นถ้วยชาร้อนนำมาให้ชิงเชียงดื่ม เพื่อให้แลดูสมจริงสมจังว่าได้นำสมุนไพรทำลายความทรงจำตามรับสั่งของฉีอ๋องให้องค์หญิงจากแคว้นฟ่านได้เสวย ในขณะที่กำลังเดินมาตามทางที่ทอดยาวอยู่ในขณะนั้น จังหวะเดียวกันนั้นเอง เหวินหวู่ก็ปรากฏกายขึ้นยืนขวางหน้าอยู่ในขณะนี้ เยี่ยฉางหยุดเดินทันทีก่อนจะแกล้งทำเป็นตกอกตกใจ “โอ๊ย ท่านเหวินหวู่เหตุใดจู่ๆ จึงปรากฏกายขึ้นแบบนี้ ดีนะที่เป็นกลางวัน หากเป็นกลางคืนแล้วไซร้ ข้าคงจับไข้นึกว่าโดนภูตผีปีศาจหลอกหลอนเข้าให้เสียแล้ว” คำกล่าวของเยี่ยฉางทำให้ราชองค์รักษ์ของฉีอ๋องยิ้มในหน้าออกมาทันที “ข้าก็แค่อยากจะกระเซ้าเจ้าเล่นเพียงเท่านั้น อันที่จริงตอนข้าอยู่ถวายการรับใช้กับฝ่าบาทช่วงเวลานั้นมิได้เห็นเจ้าอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน ตอนนั้นอยู่ตรงส่วนในของวังหลวงรึ” เหวินหวู่สอบถามด้วยความอยากรู้
แคว้นฉินพระตำหนักจันทรา ภายในห้องทรงพระอักษรเจ้าผู้ครองแคว้นฉินในยามนี้ทรงกำลังนั่งอ่านรายงานอยู่บนตั่งที่ประทับ ซึ่งขุนนางมากมายนำมาถวายเพื่อให้พระองค์ใช้ดุลยพินิจและรอให้มีรับสั่งลงไปเพื่อจัดการบริหารปกครองแคว้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉินอ๋องรูปงามทรงงานชนิดหามรุ่งหามค่ำเพื่อให้คลายความทุกข์ในหัวใจที่ทรงคิดถึงยอดดวงใจของพระองค์ให้ผ่อนคลายลงไปบ้าง ไม่มากก็น้อยพระเนตรเริ่มพร่าเลือนด้วยเพราะทรงใช้สายพระเนตรมาตลอดทั้งคืนจวบจนถึงเช้าวันนี้ยังทรงมิได้เข้าบรรทมแต่อย่างใด พระหัตถ์เรียวสวยค่อยๆ วางพู่กันบนแท่นหยกพร้อมหลับพระเนตรลง ครั้นรู้สึกว่าสายพระเนตรเริ่มพร่ามัว พระหัตถ์วางบนลงโต๊ะทรงพระอักษรที่ตั้งอยู่กับพื้นพระตำหนักทันทีที่ทรงหลับพระเนตรลงเพื่อผ่อนคลาย ภาพเหตุการณ์บาง อย่างอุบัติขึ้นให้พระองค์ได้ทอดพระเนตร ตำหนักกว้างใหญ่มีอาณาบริเวณพื้นที่มากมาย เหนือขอบประตูทางเข้ามีป้ายชื่อติดอยู่ “ตำหนักพระจันทร์” อันเป็นชื่อของตำหนักนั้น ผู้คนมากมายพากันเดินขวักไขว่ไปมา ก่อนจะทอดพระเนตรห้องกว้างใหญ่ซึ่งเป็นห้องพระบรรทม
พระตำหนักเยว่เลี่ยง (ตำหนักพระจันทร์) ร่างระหงของคุณหนูจากตระกูลฟ่าน บัดนี้กำลังนอนเหยียดยาวอยู่บนแท่นพระบรรทม ภายในตำหนักพระจันทร์อันมีชื่อคล้ายกับพระตำหนักจันทราแห่งแคว้นฉิน ตำหนักดังกล่าวตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับพระตำหนักเสือขาวอันเป็นที่ประทับของฉีอ๋อง ซึ่งพระตำหนักนี้มิเคยเปิดนับตั้งแต่พระมารดาของฉีฟูกงสิ้นพระชนม์ ตำหนักนี้จึงถูกปิดนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพราะเป็นตำหนักสำหรับฮองเฮาใช้เป็นที่ประทับเท่านั้น หากแต่คุณหนูจากตระกูลฟ่าน กลับได้เข้ามาอยู่ในตำหนักนี้โดยฉีอ๋องเป็นผู้นำนางมาด้วยพระองค์เอง เหล่านางกำนัลรวมไปถึงขันทีที่คอยดูแลความเรียบร้อยพระตำหนักเสือขาวและตำหนักพระจันทร์ ต่างยืนเมียงมองอิสตรีที่มีความงดงามจนมิอาจถอนสายตาไปไหนได้เลย งามล้ำและประหลาดยิ่งนัก ซึ่งแม้แต่ฉีอ๋องก็ทรงมิอาจปฏิเสธได้ นับตั้งแต่ได้ทรงทอดพระเนตร พระองค์ไม่สามารถละสายพระเนตรไปจากองค์หญิงผู้สาบสูญนี้ได้เลย “ฝ่าบาท! ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!” เหวินหวู่กระซิบเบาๆ เมื่อ
ตำหนักมืดสถานที่ซึ่งใช้สำหรับกักขังเหล่าพระสนมและนางในตลอดจนถึงเชื้อพระวงศ์ของแคว้นฉี หากเป็นเหล่าองค์ชายที่ทำความผิดจะถูกแยกออกไปขังที่คุกมืดซึ่งอยู่ทางซ้ายมือของตำหนักดังกล่าว หากเป็นฝ่ายหญิงจะรวมอยู่ในนี้ทั้งหมดเหล่าพระสนมและนางในต่างเกรงกลัวที่จะเข้าไปอยู่ในตำหนักนี้ด้วยกันทั้งสิ้น พระสนมบางพระองค์เมื่อเข้าไปแล้วไม่เคยได้ออกมาอีกเลย พากันสิ้นพระชนม์อยู่ภายในนั้นมานักต่อนักแล้ว บางพระองค์ก็ถูกขังจนสติฟั่นเฟือนและบางพระองค์ก็ตัดสินพระทัยจบพระชนม์ชีพด้วยพระองค์เองหากแม้นต้องพระราชอาญา หีบใบใหญ่ตั้งอยู่ภายในห้องที่โดดเดี่ยว ทั่วทั้งห้องมีเพียงฟูกและหมอนพร้อมผ้าห่มคลุมกายวางไว้อยู่กับพื้นเพียงเท่านั้น ไม่มีเสียงผู้คนหรือแม้แต่เสียงนกกาบินพาดผ่าน สิ่งที่อยู่เป็นเพื่อนคือความเงียบงันและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความวังเวงร่างอรชรที่นอนคุดคู้อยู่ภายในหีบเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาทีละน้อย ผงหลงลืมหมดฤทธิ์ไปตั้งแต่ค่ำคืนวาน แต่ถึงกระนั้นก็มิได้ทำให้ชิงเชียงได้สติกลับคืนมาจวบจนกระทั่งในเวลานี้ ร่างงามที่อยู่ในท่าคุดคู้มานานติดต่อกันเป็นเวลานานเริ่มขับเคลื่อน
แคว้นหานพระตำหนักไป๋หลง (ตำหนักที่ประทับหานอ๋อง) “ปัง!” เสียงฝ่าพระหัตถ์ฟาดลงบนโต๊ะทรงพระอักษรอย่างแรงด้วยแรงแห่งพิโรธ พระพักตร์คมคายของหานอ๋อง บัดนี้ถมึงทึงแลดูน่าหวาดหวั่นเสียยิ่งนัก เมื่อพระน้องนางเดินทางกลับมาจากแคว้นฉิน แล้วเล่าเรื่องที่ทรงถูกฉินอ๋องประกาศกร้าวมิยอมอภิเษกสมรสกับพระนาง “ฉินเสวี้ยนกง ทำเช่นนี้หยามข้าผู้เป็นเจ้าผู้ครองแคว้นหานยิ่งนัก ถือตนว่าพระเจ้าโจวผิงหวางประทานบรรดาศักดิ์ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นอ๋องชั้นเอกเหนือกว่าเจ้าผู้ครองแคว้นองค์อื่นๆ จึงกล่าวถ้อยคำกับเจ้าเช่นนั้นซึ่งเปรียบประดุจทำกับข้าด้วยเช่นกันครั้งนั้นเหยี่ยนไทเฮาส่งราชทูตมาเจรจาเพื่อสู่ขอทาบทามเจ้าให้ไปเป็นคู่ครอง ข้าก็ยินดียกให้หวังเป็นทองแผ่นเดียว กันแต่นี่กลับไม่รักษาสัญญา ทำเป็นเมินเฉยคิดว่าข้าหลงลืมไปอย่างนั้นรึ!” รับสั่งสุรเสียงกร้าวท่ามกลางหยาดน้ำพระเนตรหลั่งรินของพระน้องนาง ทรงยืนร่ำไห้สะอึกสะอื้นต่อหน้าพระพักตร์ขอ