/ รักโบราณ / ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น / บทที่ 1 เกินกว่าที่จะรับไหว

공유

บทที่ 1 เกินกว่าที่จะรับไหว

last update 최신 업데이트: 2025-03-27 13:44:32

บทที่ 1 เกินกว่าที่จะรับไหว

เฟยเฟย หญิงสาวธรรมดาที่ทำงานในบริษัทใหญ่และมีชื่อเสียง แม้จะเรียนจบมาด้วยคะแนนที่เรียกได้ว่าสูงจนน่าเหลือเชื่อ แต่หน้าที่ของเธอมักจะเป็นงานทั่ว ๆ ไปและงานที่ต้องประสานงานกับแผนกอื่นไปทั่ว ไม่ได้มีตำแหน่งงานเป็นกิจจะลักษณะ

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหน้าที่ที่คนอื่นไม่อยากทำ รวมถึงตัวของเฟยเฟยเอง แต่เพราะเธอเพิ่งเข้ามาใหม่และหญิงสาวต้องการเลื่อนตำแหน่งให้เร็วที่สุดเธอจึงยอมจัดการหน้าที่ต่าง ๆ นี้

และดูเหมือนฟ้าจะมีตาเพราะเพียงแค่มาทำงานได้ไม่ถึงสามเดือน เธอก็ถูกหัวหน้าแผนกเรียกเข้าไปช่วยงาน หญิงสาวยินดีช่วยเขาทุกอย่างโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะให้เครดิตเธอบ้าง แต่ก็เปล่า ไม่ว่าจะหยิบจับช่วยงานอะไร หัวหน้าแผนกก็ไม่เคยเอ่ยถึงการมีตัวตนของเธอเลยสักครั้ง งานแรกเธอทำเพียงเล็กน้อยเฟยเฟยจึงไม่ได้สนใจอะไร

แต่งานถัดมาหัวหน้าแผนกส่งงานโปรเจกต์ใหญ่ให้เธอทั้งโปรเจกต์ หญิงสาวทำมันอย่างเต็มที่ เธอมั่นใจว่าครั้งก่อนคือการทดลองงานของเธอและครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เจ้าของบริษัทเห็นค่าของเธอเสียที

หลังจากการทำงานที่เหนื่อยล้าจนแทบไม่ได้นอนเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือน วันนี้เป็นวันนำเสนอโปรเจกต์ที่เธอทุ่มเททำจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน หัวหน้าแผนกสั่งให้เธอเตรียมข้อมูลอย่างละเอียดก่อนเข้าประชุม เฟยเฟยหยิบแฟ้มและยิ้มกับตัวเองอย่างมั่นใจเพราะคาดหวังว่าจะได้เป็นคนนำเสนองานเอง

แต่เมื่อเข้าไปนั่งในห้องประชุมพร้อมคนอื่น ๆ ที่นั่งของเธอกลับถูกจัดเอาไว้กับพวกเลขาของเจ้านายที่นั่งอยู่ติดกำแพงด้านหนึ่งของห้อง ไม่ได้แม้แต่จะนั่งโต๊ะประชุมด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำคนที่เป็นคนนำเสนองานก็คือหัวหน้าแผนกของเธอ เขาเดินเข้ามาพร้อมยิ้มกว้างแต่ไม่ได้มองเธอเลยแม้แต่นิด

“สวัสดีผู้บริหารและพนักงานทุกคน โปรเจกต์ที่เรากำลังจะนำเสนอนี้ ผมเป็นคนคิดขึ้นมาตั้งแต่ต้น และดูแลให้ทุกอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ ผมอยากให้ทุกคนเห็นว่าผมและแผนกของเราให้ความสำคัญกับรายละเอียด และทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้ามีข้อบกพร่องอะไรก็พร้อมที่จะรับฟังนะครับ”

เฟยเฟยเบิกตากว้างหัวใจหล่นวูบกับคำว่า

“ผมเป็นคนคิด”

เขา เขาเป็นคนคิดที่ไหนเมื่อไหร่กัน แต่นั่นไม่สำคัญเพราะตรงที่เฟยเฟยติดใจคือเขาไม่ได้เอ่ยชื่อเธอแม้แต่น้อย ไม่พูดถึงความพยายามของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว งานแผนกตรงไหน ทุกส่วนของงานชิ้นนี้เธอเป็นคนทำคนเดียวทั้งหมด อย่าว่าแต่ช่วยเธอคิดเลย น้้ำสักแก้ว ถามไถ่สักคำยังไม่เคยมีออกมาจากปาก

“นี่สินะ หัวหน้าแผนกวางแผนที่เขาบอกว่าเก่งกาจ ก็ดูเก่งจริง ๆ ฉลาดลึกซึ้ง คิดโปรเจกต์แบบนี้ออกมาได้ ใครจะไปสู้”

หลังจากการนำเสนอผ่านไป บรรดาพนักงานและผู้บริหารต่างก็ชื่นชมให้กับผลงานที่น่าทึ่งนี้ ไม่เว้นแม่แต่คนที่นั่งข้าง ๆ เฟยเฟย

“ก็ใช่สิ” อีกคนหัวเราะเบา ๆ “ไม่งั้นเขาจะได้เลื่อนตำแหน่งเร็วขนาดนี้หรือไง”

เสียงกระซิบกระซาบของพวกนั้นทำให้เฟยเฟยอดทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอลุกขึ้นแล้วพูดเสียงดัง “ขอโทษนะคะ แต่โปรเจกต์นี้ฉันเป็นคนคิดและทำทุกอย่างเองทั้งหมดนะคะ หัวหน้าก็แค่เข้ามาแก้รายละเอียดเล็กน้อยตอนที่งานมันเสร็จแล้วก็เท่านั้น”

ทุกคนในห้องประชุมเงียบกริบ หัวหน้ามองเธอด้วยสายตาตกใจ แต่ก็ปรับสีหน้ากลับอย่างรวดเร็ว “อ้อ คุณเฟยเฟย อารมณ์ร้อนแบบนี้จะทำให้งานดี ๆ ของแผนกเราดูแย่ลงนะ เราต้องทำงานเป็นทีมใช่ไหมครับ ผมก็บอกไปแล้วว่าเป็นงานของผมกับแผนก ผมก็เอาความคิดของทุกคนในแผนกมารวบรวมและปรับอีกครั้ง”

เฟยเฟยรู้สึกเหมือนโดนเหยียดหยามเข้าไปอีก เธอสูดหายใจลึกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแน่นแต่ชัดเจน

“การทำงานเป็นทีมไม่ได้หมายความว่าใครคนหนึ่งทำงานแและใครอีกคนเป็นคนเดียวที่ได้หน้าไปทั้งหมดนะคะ หัวหน้าไม่เคยถามดิฉันสักคำว่าฉันทำงานนี้ขึ้นมาอย่างไรหรือต้องติดต่อประสานงานกับฝ่ายอื่น ๆ กี่ครั้ง ถึงจะสำเร็จ หัวหน้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้อมูลเหล่านั้นหามาได้จากที่ไหน”

หัวหน้าเริ่มมีสีหน้าฉุนเฉียวเล็กน้อย “เฟยเฟย ผมคิดว่าคุณอาจจะไม่เข้าใจระบบของบริษัทเรานะ คุณยังใหม่ ยังต้องเรียนรู้อีกมาก ไม่ใช่แค่เรื่องงานแต่เรื่องการแสดงความอ่อนน้อมด้วย”

หรือเพราะเธออ่อนน้อมไปในสายตาของหัวหน้างั้นหรือ เขาถึงได้มาเอาเปรียบเธอซึ่ง ๆ หน้าได้ขนาดนี้

เพื่อนร่วมงานสองคนข้าง ๆ ยิ้มขำกันเบา ๆ หนึ่งในนั้นกระซิบเบา ๆ แต่เฟยเฟยได้ยิน “เล่นใหญ่จริง เถียงหัวหน้ากลางที่ประชุมผู้บริหารแบบนี้เลยเหรอ”

“แถมยังบอกว่าเป็นคนทำงานเองทั้งหมดอีก” อีกคนกระซิบกลับ

“อาจจะคิดว่างานที่เดินเอาเอกสารไปส่งที่นั่นที่นี่เป็นการคิดงานทุกอย่างมั้ง ที่จริงก็แค่พนักงานเดินเอกสารและเก็บข้อมูลก็เท่านั้นสำคัญตัวเองไปเสียได้น่าสงสารจริง ๆ”

เฟยเฟยหันมองคนพวกนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า เธอรู้สึกหมดหวังอย่างสิ้นเชิงกับสภาพแวดล้อมนี้ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจครั้งสุดท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถ้าระบบบริษัทนี้ไม่เห็นค่าของคนที่ทำงานจริง ๆ ก็คงไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะอยู่ต่อค่ะ ขอลาออกตอนนี้เลยนะคะ”

หญิงสาวลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุม โดยไม่หันหลังกลับมามองอีก ถ้ามันเป็นการระดมสมองจริงเธอจะไม่โกรธสักนิด แต่นี่ทุกอย่างเป็นเธอที่ทำเพียงคนเดียว ไม่มีใครแนะนำหรือช่วยอะไรเลย และที่นำเสนออยู่ตรงหน้าก็เห็น ๆ ว่าไม่ได้มีการแก้ไขเลยจากที่เธอทำไป

บางทีที่ได้ตำแหน่งหัวหน้าแผนกมา หัวหน้าของเธออาจจะใช้ความหน้าด้านแบบเมื่อครู่แย่งชิงงานของคนมาไม่รู้เท่าไรแล้วก็เป็นได้ ที่ผ่านมาแม้สภาพแวดล้อมในการทำงานจะ Toxic แค่ไหน เฟยเฟยก็อดทนเรื่อยมา แต่ครั้งนี้มันเกินไป เกินไปมากจริง ๆ

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 30

    บทที่ 30ไม่นานหลังจากนั้น ตัวแทนของบริษัทก็เข้ามาพบเธอ พวกเขาอธิบายถึงเงินชดเชยที่เธอจะได้รับเพื่อไม่ให้ฟ้องร้องบริษัท แม้จะรู้ว่าเป็นหัวหน้างานที่ทำผิด แต่บริษัทก็ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น“เราขอโทษจริง ๆ ครับสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ” ตัวแทนกล่าวด้วยน้ำเสียงขอโทษ “เราหวังว่าคุณจะยอมรับเงินชดเชยนี้และพักฟื้นอย่างสบายใจ”เฟยเฟยมองเงินก้อนโตที่อยู่ตรงหน้า เธอรู้ว่าการตัดสินใจในวันนี้จะส่งผลต่ออนาคตของเธอ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจรับเงินก้อนนั้นไว้เพื่อไม่ให้ฟ้องบริษัท และเพื่อใช้เวลาพักผ่อนกับตัวเอง “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดออกมาด้วยน้้ำเสียงเด็ดขาดราวกับยังคงอยู่ในยุคโบราณเฟยเฟยใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลพักใหญ่ ก่อนที่หมอและพยาบาลจะปล่อยให้เธอกลับบ้าน เธอตัดสินใจที่จะไม่กลับไปทำงานที่บริษัทนี้อีก เธออยากเริ่มต้นใหม่ แต่ก่อนหน้านั้นเธอจะต้องพยายามอยู่กับปัจจุบันให้ได้ซะก่อน ในทุกคืนหญิงสาวยังคงฝันถึงชายหนุ่มคนรักที่ห่างกับเธอตอนนี้เป็นร้อยเป็นพันปี เธอมั่นใจว่าเขาจะต้องเสียใจมากแน่ ๆ กับการจากมาของเธอเฟยเฟยออกไปซื้อด้ายและผ้ามาทำผ้าเช็ดหน้า เธอไม่เคยทำพวกนี้ได้ แต่ตอนนี้กลับทำม

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 29

    บทที่ 29บั้นปลายชีวิตของหลี่อวิ๋น เขาสละราชบัลลังก์ให้กับน้องชายและใช้ชีวิตอยู่ที่สุสานของฮองเฮาเพียงคนเดียวของเขาสุสานแห่งนี้มีขนาดใหญ่โต สร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาวสะอาดตา มีการแกะสลักลวดลายดอกไม้บานสะพรั่งรอบ ๆ เหมือนสวนของพวกเขา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความทรงจำ หลี่อวิ๋นเลือกสถานที่นี้เพราะมันตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวยงาม มีดอกไม้หลากหลายชนิดบานสะพรั่งรอบ ๆ ราวกับว่าดอกไม้เหล่านั้นก็รู้ดีถึงความรักที่เขามีต่อเฟยเฟยจึงผลัดกันบานไม่เคยหยุด “เฟยเฟย...” เสียงที่เคยหนุ่มกลับแหบแห้งและขาดหายแบบคนมีอายุ เขายังคงจดจำรอยยิ้มของนางอันเป็นที่รักได้ “ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน แม้จะไม่อยากรบกวนเจ้าแต่ก็อดไม่ได้ที่จะมานั่งอยู่ตรงนี้”เขานั่งอยู่กับสุสานนานหลายชั่วโมง น้ำตาที่รินไหลลงมาบนแก้ม กลายเป็นน้ำตาที่ซึมซาบลงไปในดินที่รอบ ๆ สุสาน มือที่แห้งเหี่ยวปัดฝุ่นบนจารึกหินอ่อนและยิ้มจาง ๆ “อีกไม่นานข้าก็คงจะตามไปเจอเจ้าแล้วไม่ว่าที่ไหนก็ตาม” วันนั้นหลี่อวิ๋นไม่ได้กลับออกไปจากสุสาน เขายังคงอยู่ที่สุสานแห่งนี้ สถานที่ที่เต็มไปด้วยความรักและความเจ็บปวดของเขาร่างของอดีตฮ่องเต้ถูกพบหลังจากน

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 28

    บทที่ 28ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันทำให้หลี่อวิ๋นและเฟยเฟยเข้าใจว่าแม้จะมีอุปสรรคใด ๆ แต่หากพวกเขาอยู่เคียงข้างกันก็จะสามารถก้าวข้ามไปได้อย่างมีความสุขโดยไม่คิดเลยว่าเรื่องราวมันจะบานปลายไปได้ถึงเพียงนี้แม้ทุกคนจะรู้ว่ามีการต่อต้านเฟยเฟยอย่างรุนแรง แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าความเกลียดชังจะนำไปสู่การทำร้ายถึงชีวิตได้ หลี่อวิ๋นระแวดระวังทุกย่างก้าวของเฟยเฟย เพราะรู้ดีว่ามีภัยซ่อนเร้นอยู่ใกล้แค่เอื้อมค่ำคืนหนึ่งขณะที่หลี่อวิ๋นทำงานอยู่ในห้องทรงงาน เขาได้ยินเสียงเฟยเฟยเรียกชื่อเขา “หลี่อวิ๋น ช่วยด้วย” เมื่อเขารีบเข้าไปที่ห้องบรรทมก็พบว่าเฟยเฟยนอนหมดสติอยู่ที่พื้นทั้ง ๆ ที่เขาไม่สนอะไรและนำตัวหญิงสาวมาอยู่ตำหนักเดียวกันแล้วแท้ ๆ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือด หลี่อวิ๋นตกใจและรีบเข้าไปกอดนางแน่น เขารู้สึกถึงความเย็นและร้อนของร่างกายที่แปลกประหลาด“ตามหมอหลวงเร็ว และปิดตำหนักเดี๋ยวนี้” หลี่อวิ๋นตะโกนเสียงดังเมื่อหมอหลวงมาถึง หลี่อวิ๋นที่แทบจะตั้งสติไม่ได้ก็ทำได้แค่เดินไปมาและจ้องมองหมอหลวงรักษาหญิงสาวที่รักด้วยความกระวนกระวาย “นางต้องฟื้นคืนมา ข้าขอร้อง” เขาพูดเสียงสั่น หมอพยักหน้าแต่สีหน้าก็ไม่มั่นใจ

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 27

    บทที่ 27วันเวลาผ่านไป ภายในพระราชวังยังคงมีเสียงกระซิบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหลี่อวิ๋นและเฟยเฟยอยู่ แม้ขุนนางส่วนใหญ่เริ่มยอมรับนาง แต่กระแสต่อต้านก็ยังไม่สิ้นสุด ขุนนางบางคนมักบอกว่านางเป็นปีศาจที่ล่อลวงคนพ่อและยังล่อลวงคนลูกอีกด้วย ความไม่พอใจเหล่านี้ทำให้เกิดความตึงเครียดและข่าวลือที่อาจจะทำให้ตำแหน่งของหญิงสาวสั่นคลอนแต่ในช่วงเวลาที่ทั้งสองเหนื่อยล้าจากหน้าที่ พวกเขาก็มักจะมานั่งคุยกันในสวน “หากการรับสนมจะทำให้พวกเขาหยุดพูด...” “ข้าไม่รับใครนอกจากเจ้า” เฟยเฟยยังไม่ทันพูดจบ หลี่อวิ๋นก็ขัด เรื่องในพระราชวังตอนนี้ ดูก็รู้ว่าเป็นเพราะอยากได้อำนาจ“ข้ารักแต่เจ้าไม่สามารถแสร้งทำเป็นรักคนอื่นได้หรอก” เฟยเฟยมองหลี่อวิ๋นด้วยความรักแล้วหญิงสาวก็แอบแปลกใจว่า วันเวลามันเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร จากคนแปลกหน้าที่ไม่มีวันได้พบ ตอนนี้กลายเป็นคู่ชีวิตที่นางพร้อมจะรับฟังคำของอีกฝ่าย“อย่าได้ห่วงไปเราจะดูแลเจ้าอย่างดี คงต้องเพิ่มคนดูแลเจ้าอีกหน่อย เรื่องพวกนั้นก็คงต้องปล่อยให้พูดไป คนเชื่อจริงไม่มีหรอก แค่อยากรู้เท่านั้นว่าใครยังกล้าถึงเพียงนี้ มิเห็นตระกูลหนิงหรืออย่างไร”“แม้ข้าจะพยายามทำให้

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 26

    บทที่ 26หลี่อวิ๋นฟังคำนั้นก็หัวเราะเบา ๆ “คิดว่ากำลังจะตัดใจจากเจ้า แต่น่าแปลกเมื่อเห็นเจ้า… ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป”เฟยเฟยรู้สึกถึงความร้อนผ่าวในใบหน้า ขณะที่หญิงสาวนึกถึงช่วงเวลานั้น นางจำได้ว่ารู้สึกแปลก ๆ เมื่อได้สบตากับเขา “ข้าดีใจที่เราได้เจอกัน” หญิงสาวพูดออกมาจากใจ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่นำพานางมาที่นี่นางขอบคุณหลี่อวิ๋นกระชับตัวหญิงสาวที่เดินมาข้างกันให้แน่นขึ้นอีก เขาจับมือของนางอย่างเบามือ “ข้าก็ดีใจที่ได้พบกับเจ้า ทันเวลา...” หลี่อวิ๋นรู้ดีว่าตอนนั้นเขาเพียงแค่รู้สึกว่าต้องทำตามสัญญาหลังจากรู้สึกไม่ดีมานานนับปีและอีกฝ่ายก็เลี่ยงที่จะพบเจอเขา สุดท้ายเขาตั้งใจจะจบทุกอย่าง แต่คนที่เคยหลีกเลี่ยงเขาอย่างเฟยเฟยกลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ที่จริงวันนั้นเขาคงตัดใจจากเฟยเฟยในยามเด็กที่กลายเป็นสนมของเสด็จพ่อไปได้ แต่กลับตกหลุมรักคนเดิมอีกครั้ง มีหลายครั้งที่เขาสงสัยถึงท่าทางแปลก ๆ และความสามารถที่เคยมีและเคยไม่มี แต่ยามนี้เขาไม่สนแล้ว นางคือเฟยเฟยของเขาหลี่อวิ๋นหันไปสบตากับหญิงสาวอีกครั้ง ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนแล่นผ่านไปทั่วร่าง สายลมที่พัดผ่านทำให้ดอกไม้รอบตัวไหวเอน เหมือน

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 25

    บทที่ 25หลังจากเรื่องราววุ่นวายผ่านไปไม่นาน เมื่อหลี่อวิ๋นเริ่มจัดการทุกอย่างในพระราชวัง ราชกิจต่าง ๆ ก็เป็นชายหนุ่มที่จัดการ เมื่อทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางฮ่องเต้ก็หมดห่วงและจากไปในพระราชวังที่เคยมีความรุ่งเรืองและอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ ขณะนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบสงัด เดินผ่านไปทางไหนก็ได้ยินเพียงเสียงแผ่วเบาของการร้องไห้ ทุกซอกทุกมุมของวังเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความเศร้าโศกฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว การจากไปของเจ้าชีวิตทิ้งความว่างเปล่าไว้ในใจของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพระสนม ข้าราชบริพาร หรือแม้แต่ชาวบ้านที่อยู่ภายนอกวังหลวง ทุกคนล้วนแต่รู้สึกเสียใจจากการสูญเสียครั้งใหญ่นี้เฟยเฟยยืนอยู่ที่กลางพระตำหนัก น้ำตาไหลอาบแก้ม ใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยเมื่อคิดถึงอีกฝ่าย หลังจากเรื่องของนางและหลี่อวิ๋นชัดเจนขึ้นมา หญิงสาวก็ได้เข้าเฝ้าทั้งฮ่องเต้และฮองเฮาบ่อยครั้ง ทั้งสองเหมือนเป็นคนเติมตะเกียงเพื่อส่องทางให้แสงสว่างในชีวิตที่จะต้องใช้ในวันข้างหน้าของหญิงสาว แม้จะเตรียมใจแต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องสูญเสียพระองค์ไปเร็วเช่นนี้ ความรู้สึกเศร้าและเจ็บปวดกัดกินหัวใจของทุกคนในพระราชวังหลี่อวิ๋นประ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status