Share

บทที่ 10

Author: หออักษร
“ฮูหยินเฉิน”

ฉินหมิงเข้ามาภายในจวนตระกูลกวน กล่าวทักทายฮูหยินเฉินอย่างสุภาพ

อันที่จริงตามธรรมเนียมของต้าเฉียน นางเฉินแต่งเข้าตระกูลไหน ก็ถือว่าเป็นคนของตระกูลนาง ตอนนี้ควรจะเรียกว่าฮูหยินกวน

แต่ตอนนี้ตระกูลกวนท่านนั้นได้พลีชีพในสนามรบไปแล้ว

นางเฉินต้องค้ำจุนตระกูลด้วยตนเอง ดังนั้นจึงเรียกนางว่าฮูหยินเฉินโดยตรง

“องค์ชายมาที่นี่ในวันนี้ มีธุระหรือเพคะ?”

นางเฉินเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย นางเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับฉินหมิงมานานแล้ว

รู้ว่านี่คือเด็กหนุ่มที่มีความสามารถ

แต่เมื่อได้เห็นฉินหมิงในวันนี้ นางก็เริ่มสงสัยข่าวลือเหล่านั้นขึ้นมาบ้าง

เด็กหนุ่มตรงหน้านางผู้นี้ ดูท่าทางไม่เอาไหน

แม้ว่าจะพยายามแสร้งทำเป็นปกปิด แต่กลิ่นอายของอันธพาลที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ข้าเป็นใหญ่ไม่เกรงกลัวใครก็ยังคงแผ่ซ่านออกมา

นี่คือองค์รัชทายาทผู้ปกครองบ้านเมืองอย่างมีหลักการ และเป็นที่รักของเหล่าขุนนางอย่างนั้นหรือ?

ท่าทางเช่นนี้ ยากที่จะทำให้ผู้ใหญ่ชื่นชอบได้

นางเฉินจึงมีอคติต่อองค์ชายที่อาจจะได้มาเป็นลูกเขยของตระกูลกวนเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน

“ใช่แล้ว แต่เรื่องนี้อาจจะยังบอกท่านไม่ได้ คุณหนูกวนอยู่หรือไม่?”

ฉินหมิงถูมือไปมา เอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม

“นาง...”

นางเฉินเหลือบมองไปยังภายในเรือน

นางรู้จักบุตรสาวของตนเองดี

หากยอมพบฉินหมิง กวนเยว่คงจะออกมานานแล้ว

บัดนี้ยังไม่ออกมา ความหมายก็ชัดเจนในตัวมันเอง

“บุตรสาวของข้าช่วงนี้ป่วยเป็นไข้หวัด ไม่สะดวกรับแขกเพคะ”

ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความหมายที่ซ่อนเร้นอยู่ในคำพูด ฉินหมิงย่อมฟังออก

เดิมทีวันนี้คิดว่าจะได้พบกับหญิงสาวที่งดงามราวกับเทพธิดาลงมาจุติท่านนั้นเสียหน่อย

เมื่ออีกฝ่ายไม่เต็มใจ ฉินหมิงก็ย่อมไม่หน้าด้านเข้าไปหา

เขาพยักหน้าช้า ๆ แล้วหยิบกล่องเล็ก ๆ กล่องหนึ่งออกมา

“ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร... รบกวนท่านช่วยนำของสิ่งนี้ไปมอบให้นางด้วย”

“นี่คืออะไรหรือ?”

“ของขวัญ”

“ข้าจะนำไปมอบให้บุตรสาวของข้าเอง”

นางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย แต่ในใจกลับรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง

เดินทางมาไกลถึงเพียงนี้ ไม่พูดเรื่องสู่ขอ ไม่พูดเรื่องแต่งงาน ส่งกล่องเล็ก ๆ กล่องหนึ่งแล้วก็จากไป

การทำการใด ๆ ของฉินอ๋อง ช่างคาดเดาได้ยากเสียจริง

หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ...

“ได้ยินท่านพูดเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้ว ยังมีธุระอีกเล็กน้อย ผู้น้อยขอตัวก่อน”

ฉินหมิงเพิ่งจะจากไป

นางเฉินก็นำกล่องมาถือไว้ในมือแล้วพิจารณา

นางไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น เมื่อบอกว่าเป็นของที่ส่งให้กวนเยว่ นางก็จะไม่แอบเปิดดูเอง

แต่ทันทีที่หยิบกล่องขึ้นมา ร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากหลังฉากกั้น

“ท่านแม่”

“เจ้าอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ?”

นางเฉินตกใจเล็กน้อย ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ไม่... ข้าเพิ่งมาเจ้าค่ะ”

กวนเยว่หน้าแดงเล็กน้อย รีบแก้ตัว

นางเฉินจะไม่เข้าใจความคิดของบุตรสาวตนเองได้อย่างไร

หน้าบางถึงเพียงนี้ ทั้งยังใส่ใจคนผู้นั้นถึงขนาดนี้

เด็กสาวเช่นนี้ ในอนาคตเรื่องความรักจะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบเป็นแน่

“เหตุใดไม่ไปพบเขาด้วยตนเองเล่า?”

“ข้าบอกแล้วว่าเพิ่งมา จะไปพบได้อย่างไรกัน!”

กวนเยว่ทำปากยื่น กล่าวอย่างไม่พอใจ

ในใจรู้สึกโกรธฉินหมิงมากแล้ว

เจ้าหมอนี่ ไม่รู้จักพูดคุยอยู่ในจวนให้นานกว่านี้หน่อย

ไม่แน่ว่าอีกสักพักนางก็อาจจะปรากฏตัวออกมาก็ได้

มีคุณหนูตระกูลไหนที่พอเรียกแล้ว ก็จะออกมาพบคนได้ง่าย ๆ กันเล่า...

“ของเจ้า”

นางเฉินยื่นกล่องให้

“อ้อ”

กวนเยว่พยักหน้า รับกล่องมาเก็บไว้ในแขนเสื้ออย่างเป็นธรรมชาติ

“ไม่เปิดดูหน่อยหรือ?”

“ก็แค่ของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีอะไรน่าดูหรอกเจ้าค่ะ”

กวนเยว่เชิดคางขึ้น ส่งเสียงหึ แล้วหันหลังเดินจากไป

แต่ในที่ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ภายในแขนเสื้อของนาง

มือเล็ก ๆ ขาวเนียนกลับถือกล่องใบเล็กนี้ไว้แน่น

ณ ระเบียงทางเดินหลังเรือน

หญิงสาวกระโดดโลดเต้นเดินไปตามระเบียงทางเดิน

เมื่อเข้าไปในห้อง นางก็ปิดประตูเสียงดังปัง

แล้วรีบร้อนเปิดกล่องใบเล็กในมือออกอย่างใจจดใจจ่อ

วินาทีต่อมา เสียงอุทานด้วยความตกใจก็หลุดออกมาจากปากของนาง!

จากนั้นน้ำตาสองสายก็ไหลรินลงมา

สิ่งที่วางอยู่ตรงหน้านาง คือตราอาญาสิทธิ์ของค่ายทหารอู่เวย!

ปัง!

กวนเยว่ผลักประตูออก พุ่งออกจากห้องด้วยความเร็วสูงสุด

จวนตระกูลกวนไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่เมื่อวิ่งมาถึงประตู แม้แต่กวนเยว่ที่มีพละกำลังดี ก็ยังหอบหายใจ

“เขาล่ะ?”

“ใครหรือขอรับ คุณหนู”

องครักษ์สองสามคนยืนอยู่ที่ประตู เอ่ยปากถามอย่างสงสัย

“จะเป็นใครไปได้อีกเล่า ฉินอ๋องน่ะสิ!”

“องค์ชายดูเหมือนจะไปที่ค่ายทหารนอกเมืองแล้วขอรับ”

“ดี”

กวนเยว่ราวกับผีเสื้อที่โบยบิน รีบวิ่งออกจากจวนตระกูลกวน มุ่งหน้าไปยังนอกเมืองทันที

เมื่อเห็นเช่นนั้น ทุกคนต่างก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง

“คุณหนูใหญ่เป็นอะไรไป สองวันก่อนยังแอบด่าองค์ชายอยู่เลยมิใช่หรือ?”

“เจ้าไม่เข้าใจหรอก ผู้หญิงก็เป็นเช่นนี้ บางครั้งในใจก็คิดถึงเขา ถึงได้เอ่ยปากด่าทอออกมา”

“ใช่แล้ว ภรรยาข้าก็ด่าข้าทุกวันว่าไร้ความสามารถ คิด ๆ ดูแล้ว คงจะรักข้ามาก”

“ของเจ้าน่ะไม่เหมือนกัน นั่นคือโดนด่าจริง ๆ !”

...

ชานเมืองหลวง

ที่นี่มีค่ายทหารอยู่หลายแห่ง

ตำแหน่งที่ตั้งของค่ายทหารอู่เวยค่อนข้างห่างไกล

สาเหตุหลักเป็นเพราะค่ายทหารอู่เวยในช่วงหลายปีมานี้ตกต่ำลงเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นถึงความอ่อนล้า

ระดับความสำคัญก็ลดลงครั้งแล้วครั้งเล่า

บัดนี้แม้แต่ตำแหน่งที่ตั้งของค่ายทหาร ก็ยังถูกย้ายไปไว้ในที่ที่ห่างไกลที่สุด

วันนี้ฉินหมิงมาที่นี่ ก็เพื่อผนวกรวมค่ายทหารอู่เวย

ราชสำนักให้ตราอาญาสิทธิ์มาเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น

ในฐานะผู้ปกครองในอนาคตของพื้นที่แห่งนี้ ฉินหมิงย่อมต้องมาดูด้วยตนเอง

ตอนนี้เขาไม่ใช่องค์รัชทายาทแล้ว การเดินทางก็ไม่มีขุนนางคอยห้อมล้อมหน้าหลัง

ฉินหมิงจึงหาเวลาว่าง มาพูดคุยกับพวกเขาด้วยตนเอง

“ไปเรียกแม่ทัพของพวกเจ้ามา”

เมื่อเดินเข้ามาในค่ายทหาร ฉินหมิงก็แสดงตนก่อน จากนั้นก็เอ่ยปากให้ทหารยามที่เฝ้าประตูไปเรียกคน

อีกฝ่ายมองฉินหมิงอย่างระแวดระวังแวบหนึ่ง แต่ก็ยังคงรีบวิ่งจากไป

ฉินหมิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า คนกลุ่มนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยต้อนรับตนเอง

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด

ไม่นานนัก ฉินหมิงก็ถูกพาเข้าไปในกระโจมแห่งหนึ่ง

ข้างในมีคนนั่งอยู่สามคน

“กระหม่อมหลิวฉ่วง เฉาชวน หวู่ชิงเหย่ ขอคารวะองค์ชาย”

ทั้งสามคนนี้ คือผู้บัญชาการทั้งสามของค่ายทหารอู่เวยในปัจจุบัน

หลิวฉ่วงมีใบหน้าสี่เหลี่ยม เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่กำยำ รับผิดชอบกองทัพหน้าของค่ายทหารอู่เวย

เขามีผลงานโดดเด่นในการรบแบบจู่โจม

ตามที่ฉินหมิงเข้าใจ เพียงแค่หลิวฉ่วงคนเดียว ก็เคยสร้างความดีความชอบในการบุกทะลวงค่ายศัตรูได้ก่อนใครหลายครั้งในสงครามทางเหนือ

เฉาชวนรูปร่างผอมบาง บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นจากดาบ รับผิดชอบกองทัพกลาง

นี่คือผู้มีความสามารถรอบด้าน สามารถบัญชาการกองทัพ และยังสามารถจัดการด้านพลาธิการได้อีกด้วย

หวู่ชิงเหย่ก็เป็นแม่ทัพร่างกายกำยำเช่นกัน รับผิดชอบกองทัพซ้ายขวา เชี่ยวชาญการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว

“คำสั่งโยกย้ายของราชสำนัก พวกเจ้าทุกคนคงได้รับแล้วใช่หรือไม่?”

ฉินหมิงไม่พูดจาไร้สาระกับพวกเขา เข้าประเด็นหลักทันที พูดถึงเรื่องการเดินทางไปยังหลิ่งหนาน

กองทัพหลายพันคนนี้จะว่ามากก็ไม่มาก จะว่าน้อยก็ไม่น้อย

หากจะไปยังหลิ่งหนาน ก็ต้องเตรียมการล่วงหน้า

แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ทันทีที่เขาเอ่ยปาก

ทั้งสามคนกลับคุกเข่าลงต่อหน้าเขาพร้อมกัน

“พวกกระหม่อมไม่อยากไปหลิ่งหนาน!”

“ขอองค์ชายโปรดถอนคำสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

เดิมทีฉินหมิงคิดว่าค่ายทหารอู่เวยล้วนเป็นนักรบผู้กล้าหาญ เมื่อมีโอกาสสร้างคุณงามความดีอยู่ตรงหน้า ก็เพียงแค่พาคนไปก็พอแล้ว

แต่กลับไม่คิดว่า เพิ่งจะมาถึงค่ายทหารก็ต้องเจออุปสรรคเสียแล้ว

ฉินหมิงยิ้มอย่างขมขื่น แล้วเอ่ยถาม

“ทุกท่าน เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่อยากไป พอจะบอกเหตุผลให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 257

    เมื่อฟังคำอธิบายของฉินหมิงจบ ฟางชิงหย่วนก็เดินไปยังป้ายบอกทางของโรงทอผ้าหลังก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่ง โรงทอผ้าก็มีพื้นที่กว้างขวางมากแล้วยามมีคนงานซึ่งไม่คุ้นเคยกับสถานที่เดินทางมาจากอำเภอต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งป้ายและแผนที่คอยนำทาง“เอาเป็นสองที่นี้ก็แล้วกัน ขนาดเท่ากันพอดี”“ส่วนจำนวนคนเดี๋ยวข้าจะจัดสรรให้พวกท่าน เชิญพวกท่านไปเลือกคนกันได้ตามสบาย”ฟางชิงหย่วนพูดเนิบนาบตามความคิดของเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรชวนให้เดือดดาลใจในเมื่อทุกคนอยากดู ก็แค่แข่งขันกันให้รู้แล้วรู้รอดไปความจริงย่อมมีน้ำหนักกว่าคำพูด เขาเชื่อมั่นในทฤษฎีของตนเองยิ่งนัก“ประเสริฐ”ฉินหมิงกับหลี่เอ้อร์หนิวต่างพยักหน้า“พวกเจ้า ไปแย่งคนมาก่อนเลย”เมื่อตกลงกันเรียบร้อย หลี่เอ้อร์หนิวก็สั่งลูกน้อง ให้เริ่มไปชิงตัวสาวชาวบ้านที่ทำงานคล่องแคล่วในโรงทอผ้ามาก่อนล่วงหน้าฉินหมิงกลับไม่ได้ทำอะไร ด้วยความที่ตนมีคนน้อยกว่าหลี่เอ้อร์หนิวถึงครึ่งหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็นำกลุ่มคนงานของตนไปเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วฉินหมิงเลือกคนมาสามกลุ่มแบบเดาสุ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทุกคนทำตามกฎระเบียบเดิม ติ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 256

    ถ้าต้องรับมือกับคนนอก ฉินหมิงย่อมเลือกใช้วิธีทางกายภาพอันรวดเร็วที่สุดเพื่อกำจัดอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลแต่คนในโรงงานเวลานี้ ล้วนแต่เป็นคนของฉินหมิงทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากให้ซ่งติ้งเซิงลงมือ ไม่เพียงแต่จะทำให้กลุ่มคนงานหมดความภักดี แม้แต่ภาพลักษณ์ก็คงเสียหายย่อยยับเช่นกัน“ท่านอ๋อง โปรดอธิบายให้พวกเราฟังแต่โดยดีเถิด มิเช่นนั้นทุกคนคงไม่เชื่อท่านแล้ว”หลี่เอ้อร์หนิวเห็นสถานการณ์พลิกผัน ก็ได้ทีรุกคืบด้วยความลำพองใจบัดนี้ทุกคนต่างกำลังรอคอยคำตอบจากฉินหมิงฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความจนปัญญาว่า“หลี่เอ้อร์หนิว เจ้าเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยการผลิต ใช่หรือไม่?”“ใช่ขอรับ”หลี่เอ้อร์หนิวยักไหล่ มองฉินหมิงด้วยความกังขา“เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนแก่เจ้ามากกว่าของข้าหนึ่งเท่า ในเวลาสามวัน พวกเรามาแข่งกันเรื่องผลผลิต ดีหรือไม่?”“ท่านจะแข่งเรื่องประสิทธิภาพการผลิตกับข้างั้นรึ? ซ้ำยังใช้คนเพียงครึ่งเดียวอีก?”หลี่เอ้อร์หนิวแทบไม่เชื่อหูตนเอง“ถูกต้อง ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า บางครั้งมีคนเยอะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี หลักการที่ว่ามากคนก็มากความ ดูท่าจะมีผ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 255

    ทั้งสองคนเดินมาถึงเบื้องหน้าฝูงชนหลี่เอ้อร์หนิวยังคงพูดความคิดของตนอย่างออกรส ขัดขวางการจัดสรรคนงานของโรงทอผ้าโดยไม่มีคำว่าเกรงใจ“ท่านอ๋องมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในฝูงชนที่ตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เมื่อฉินหมิงเดินเข้ามาจากนอกวง หลี่เอ้อร์หนิวก็พลันมีท่าทีอ่อนลงไปกว่าครึ่งเมื่อครู่เขายังส่งเสียงดังลั่น แต่บัดนี้กลับเงียบเสียงลงแล้ว“ขอถามหน่อยเถิด ผู้ใดบอกว่าจะลดค่าจ้างพวกเจ้ารึ?”เสียงของฉินหมิงถามขึ้นอย่างแช่มช้าทุกคนต่างเหลือบมองไปที่หลี่เอ้อร์หนิวผู้ซึ่งเมื่อครู่ยังทำตัวหยิ่งผยองส่วนหลี่เอ้อร์หนิวนั้น ยามนี้ก็ได้แต่พูดอึกอักว่า“ก็ในประกาศมีความหมายเช่นนั้นมิใช่หรือ…”เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองเหตุผลที่ไม่อยากให้มีการย้ายคนงานเกิดขึ้น ก็เพราะเขามีลูกน้องหลายคนมาจากต่างพื้นที่กันบางคนมีบ้านอยู่ใกล้โรงช่าง บ้างก็อยู่ใกล้โรงย้อมผ้า ล้วนแต่ร้องขออยากย้ายที่ทำงานกันทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าลูกน้องอยากย้ายที่ทำงานกันเหลือเกิน หลี่เอ้อร์หนิวก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือตัวเขาอุตส่าห์ฝึกฝนลูกน้องจนกลายเป็นคนสนิท ถึงขั้นทำตัววางอำนาจใน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 254

    เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิต และคนงานจำนวนมากที่ไม่รู้หนังสือดังนั้น ฟางชิงหย่วนจึงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงนำข้อสรุปไปติดประกาศไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวแต่คนงานหลายพันคนในโรงทอผ้า อยู่ดี ๆ จะให้พวกเขาย้ายที่ทำงานอย่างกะทันหัน ย่อมมีบางส่วนไม่พอใจเป็นธรรมดาสิ้นเสียงของฉินหมิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในฝูงชน“ให้ตายเถิด คิดจะลดค่าจ้างกับสวัสดิการของพวกเราใช่หรือไม่? อย่างไรข้าก็ไม่ไป!”คนที่พูด มีนามว่าหลี่เอ้อร์หนิวเขาเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านกว่างสุ่ยทางตอนเหนือของเมืองหลินเจียง ว่ากันว่ามีชื่อเสียงในหมู่บ้านพอสมควรหลังมาถึงโรงทอผ้า เนื่องจากมีผลงานโดดเด่น และผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยในเวลาไม่นาน“บังอาจนัก!”ซ่งติ้งเซิงขมวดคิ้ว โบกมือเรียกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ข้างกาย ให้เตรียมเข้าไปจับตัวหลี่เอ้อร์หนิวในยามที่โรงทอผ้ากำลังจะจัดสรรจำนวนคนงาน เพื่อไปส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ หากมีคนเสนอหน้าออกมาขัดขวางย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของโรงทอผ้าอย่างใหญ่หลวงนัก!ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 253

    “ตอนแรกเมื่อเริ่มใช้คนงานเยอะขึ้น ปริมาณการผลิตก็เพิ่มขึ้นเร็ว แต่พอเพิ่มคนเข้าไปเรื่อย ๆ ปริมาณการผลิตกลับเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟางชิงหย่วนหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา อธิบายการค้นพบของตนให้ฉินหมิงฟังด้วยความเคร่งเครียด“นี่คงเรียกว่ากฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่ม”ฉินหมิงใช้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เท่าหางอึ่งของตน รำพึงออกมาโดยไม่รู้ตัว“อะไรคือกฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่มรึพ่ะย่ะค่ะ?”ฟางชิงหย่วนรั้งฉินหมิงไว้ ขณะถามบนขั้นบันได“ก็คือการลงทุนลงแรงไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้ว”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าที่กระหม่อมศึกษามาจะถูกต้องแล้ว”ฟางชิงหย่วนผงกศีรษะ หยิบแท่งถ่านสีดำยาวออกมาจากอกเสื้อ แล้วเริ่มขีดเขียนลงบนสมุดเล่มเล็กที่เย็บเล่มอย่างประณีตตรงหน้าในยุคนี้มีเพียงพู่กัน ซึ่งใช้งานค่อนข้างลำบากหากอยากจดบันทึกทุกที่ทุกเวลาเช่นเขา ก็ต้องใช้แท่งถ่านกับสมุดเล่มเล็กเท่านั้น“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่อยากขยายการผลิตของโรงงานแล้ว รักษาสภาพเดิมไว้ก็พอ สิ่งที่เราต้องคิดในตอนนี้คือ จะรักษาระดับการเติบโตให้เร็วขึ้นได้อย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 252

    “จับได้กี่คน?”“สองคนพ่ะย่ะค่ะ ประตูเมืองทิศอื่น ๆ ก็น่าจะมีเช่นกัน”เมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า“จับต่อไป ไว้ชีวิตแค่จำนวนหนึ่งก็พอ เอาไว้เค้นถามกำลังคนที่แน่ชัดในภายหลัง ถือโอกาสที่ฝนตกหลายวันมานี้ คนเดินถนนมีน้อย ปิดล้อมอำเภอไว้ก่อน รอให้สังหารองครักษ์เงาหมดสิ้นเมื่อใด ค่อยเปิดประตูเมือง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงรับคำสั่ง พลางมองอู๋สื่อจงที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่พูดคำใด ในใจพลันรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง“อะแฮ่ม!”เขากระตุกชายเสื้ออู๋สื่อจงตอนนั้นเอง อู๋สื่อจงถึงได้สติ“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”หลังปิดล้อมสังหารคนอยู่สองวันครึ่ง ฉางไป๋ซานก็นำกองกำลังองครักษ์ของฉินหมิง สังหารองครักษ์เงาทั้งยี่สิบเจ็ดคนที่มาถึงอำเภออินซานจนหมดสิ้นขณะมองดูรายชื่อผู้เสียชีวิตที่เขียนด้วยหมึกสีแดงสด ฉินหมิงก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกซ่งติ้งเซิงผู้ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า“ท่านอ๋อง โรงทอผ้าส่งข่าวมา บอกว่าพวกเขาสร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว สามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ทันที เวลานี้อยากให้ท่านส่งคนงานไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”อุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับการยกระดับอีกครั้ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status