Share

บทที่ 10

Author: หออักษร
“ฮูหยินเฉิน”

ฉินหมิงเข้ามาภายในจวนตระกูลกวน กล่าวทักทายฮูหยินเฉินอย่างสุภาพ

อันที่จริงตามธรรมเนียมของต้าเฉียน นางเฉินแต่งเข้าตระกูลไหน ก็ถือว่าเป็นคนของตระกูลนาง ตอนนี้ควรจะเรียกว่าฮูหยินกวน

แต่ตอนนี้ตระกูลกวนท่านนั้นได้พลีชีพในสนามรบไปแล้ว

นางเฉินต้องค้ำจุนตระกูลด้วยตนเอง ดังนั้นจึงเรียกนางว่าฮูหยินเฉินโดยตรง

“องค์ชายมาที่นี่ในวันนี้ มีธุระหรือเพคะ?”

นางเฉินเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย นางเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับฉินหมิงมานานแล้ว

รู้ว่านี่คือเด็กหนุ่มที่มีความสามารถ

แต่เมื่อได้เห็นฉินหมิงในวันนี้ นางก็เริ่มสงสัยข่าวลือเหล่านั้นขึ้นมาบ้าง

เด็กหนุ่มตรงหน้านางผู้นี้ ดูท่าทางไม่เอาไหน

แม้ว่าจะพยายามแสร้งทำเป็นปกปิด แต่กลิ่นอายของอันธพาลที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ข้าเป็นใหญ่ไม่เกรงกลัวใครก็ยังคงแผ่ซ่านออกมา

นี่คือองค์รัชทายาทผู้ปกครองบ้านเมืองอย่างมีหลักการ และเป็นที่รักของเหล่าขุนนางอย่างนั้นหรือ?

ท่าทางเช่นนี้ ยากที่จะทำให้ผู้ใหญ่ชื่นชอบได้

นางเฉินจึงมีอคติต่อองค์ชายที่อาจจะได้มาเป็นลูกเขยของตระกูลกวนเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน

“ใช่แล้ว แต่เรื่องนี้อาจจะยังบอกท่านไม่ได้ คุณหนูกวนอยู่หรือไม่?”

ฉินหมิงถูมือไปมา เอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม

“นาง...”

นางเฉินเหลือบมองไปยังภายในเรือน

นางรู้จักบุตรสาวของตนเองดี

หากยอมพบฉินหมิง กวนเยว่คงจะออกมานานแล้ว

บัดนี้ยังไม่ออกมา ความหมายก็ชัดเจนในตัวมันเอง

“บุตรสาวของข้าช่วงนี้ป่วยเป็นไข้หวัด ไม่สะดวกรับแขกเพคะ”

ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความหมายที่ซ่อนเร้นอยู่ในคำพูด ฉินหมิงย่อมฟังออก

เดิมทีวันนี้คิดว่าจะได้พบกับหญิงสาวที่งดงามราวกับเทพธิดาลงมาจุติท่านนั้นเสียหน่อย

เมื่ออีกฝ่ายไม่เต็มใจ ฉินหมิงก็ย่อมไม่หน้าด้านเข้าไปหา

เขาพยักหน้าช้า ๆ แล้วหยิบกล่องเล็ก ๆ กล่องหนึ่งออกมา

“ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร... รบกวนท่านช่วยนำของสิ่งนี้ไปมอบให้นางด้วย”

“นี่คืออะไรหรือ?”

“ของขวัญ”

“ข้าจะนำไปมอบให้บุตรสาวของข้าเอง”

นางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย แต่ในใจกลับรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง

เดินทางมาไกลถึงเพียงนี้ ไม่พูดเรื่องสู่ขอ ไม่พูดเรื่องแต่งงาน ส่งกล่องเล็ก ๆ กล่องหนึ่งแล้วก็จากไป

การทำการใด ๆ ของฉินอ๋อง ช่างคาดเดาได้ยากเสียจริง

หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ...

“ได้ยินท่านพูดเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้ว ยังมีธุระอีกเล็กน้อย ผู้น้อยขอตัวก่อน”

ฉินหมิงเพิ่งจะจากไป

นางเฉินก็นำกล่องมาถือไว้ในมือแล้วพิจารณา

นางไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น เมื่อบอกว่าเป็นของที่ส่งให้กวนเยว่ นางก็จะไม่แอบเปิดดูเอง

แต่ทันทีที่หยิบกล่องขึ้นมา ร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากหลังฉากกั้น

“ท่านแม่”

“เจ้าอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ?”

นางเฉินตกใจเล็กน้อย ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ไม่... ข้าเพิ่งมาเจ้าค่ะ”

กวนเยว่หน้าแดงเล็กน้อย รีบแก้ตัว

นางเฉินจะไม่เข้าใจความคิดของบุตรสาวตนเองได้อย่างไร

หน้าบางถึงเพียงนี้ ทั้งยังใส่ใจคนผู้นั้นถึงขนาดนี้

เด็กสาวเช่นนี้ ในอนาคตเรื่องความรักจะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบเป็นแน่

“เหตุใดไม่ไปพบเขาด้วยตนเองเล่า?”

“ข้าบอกแล้วว่าเพิ่งมา จะไปพบได้อย่างไรกัน!”

กวนเยว่ทำปากยื่น กล่าวอย่างไม่พอใจ

ในใจรู้สึกโกรธฉินหมิงมากแล้ว

เจ้าหมอนี่ ไม่รู้จักพูดคุยอยู่ในจวนให้นานกว่านี้หน่อย

ไม่แน่ว่าอีกสักพักนางก็อาจจะปรากฏตัวออกมาก็ได้

มีคุณหนูตระกูลไหนที่พอเรียกแล้ว ก็จะออกมาพบคนได้ง่าย ๆ กันเล่า...

“ของเจ้า”

นางเฉินยื่นกล่องให้

“อ้อ”

กวนเยว่พยักหน้า รับกล่องมาเก็บไว้ในแขนเสื้ออย่างเป็นธรรมชาติ

“ไม่เปิดดูหน่อยหรือ?”

“ก็แค่ของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีอะไรน่าดูหรอกเจ้าค่ะ”

กวนเยว่เชิดคางขึ้น ส่งเสียงหึ แล้วหันหลังเดินจากไป

แต่ในที่ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ภายในแขนเสื้อของนาง

มือเล็ก ๆ ขาวเนียนกลับถือกล่องใบเล็กนี้ไว้แน่น

ณ ระเบียงทางเดินหลังเรือน

หญิงสาวกระโดดโลดเต้นเดินไปตามระเบียงทางเดิน

เมื่อเข้าไปในห้อง นางก็ปิดประตูเสียงดังปัง

แล้วรีบร้อนเปิดกล่องใบเล็กในมือออกอย่างใจจดใจจ่อ

วินาทีต่อมา เสียงอุทานด้วยความตกใจก็หลุดออกมาจากปากของนาง!

จากนั้นน้ำตาสองสายก็ไหลรินลงมา

สิ่งที่วางอยู่ตรงหน้านาง คือตราอาญาสิทธิ์ของค่ายทหารอู่เวย!

ปัง!

กวนเยว่ผลักประตูออก พุ่งออกจากห้องด้วยความเร็วสูงสุด

จวนตระกูลกวนไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่เมื่อวิ่งมาถึงประตู แม้แต่กวนเยว่ที่มีพละกำลังดี ก็ยังหอบหายใจ

“เขาล่ะ?”

“ใครหรือขอรับ คุณหนู”

องครักษ์สองสามคนยืนอยู่ที่ประตู เอ่ยปากถามอย่างสงสัย

“จะเป็นใครไปได้อีกเล่า ฉินอ๋องน่ะสิ!”

“องค์ชายดูเหมือนจะไปที่ค่ายทหารนอกเมืองแล้วขอรับ”

“ดี”

กวนเยว่ราวกับผีเสื้อที่โบยบิน รีบวิ่งออกจากจวนตระกูลกวน มุ่งหน้าไปยังนอกเมืองทันที

เมื่อเห็นเช่นนั้น ทุกคนต่างก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง

“คุณหนูใหญ่เป็นอะไรไป สองวันก่อนยังแอบด่าองค์ชายอยู่เลยมิใช่หรือ?”

“เจ้าไม่เข้าใจหรอก ผู้หญิงก็เป็นเช่นนี้ บางครั้งในใจก็คิดถึงเขา ถึงได้เอ่ยปากด่าทอออกมา”

“ใช่แล้ว ภรรยาข้าก็ด่าข้าทุกวันว่าไร้ความสามารถ คิด ๆ ดูแล้ว คงจะรักข้ามาก”

“ของเจ้าน่ะไม่เหมือนกัน นั่นคือโดนด่าจริง ๆ !”

...

ชานเมืองหลวง

ที่นี่มีค่ายทหารอยู่หลายแห่ง

ตำแหน่งที่ตั้งของค่ายทหารอู่เวยค่อนข้างห่างไกล

สาเหตุหลักเป็นเพราะค่ายทหารอู่เวยในช่วงหลายปีมานี้ตกต่ำลงเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นถึงความอ่อนล้า

ระดับความสำคัญก็ลดลงครั้งแล้วครั้งเล่า

บัดนี้แม้แต่ตำแหน่งที่ตั้งของค่ายทหาร ก็ยังถูกย้ายไปไว้ในที่ที่ห่างไกลที่สุด

วันนี้ฉินหมิงมาที่นี่ ก็เพื่อผนวกรวมค่ายทหารอู่เวย

ราชสำนักให้ตราอาญาสิทธิ์มาเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น

ในฐานะผู้ปกครองในอนาคตของพื้นที่แห่งนี้ ฉินหมิงย่อมต้องมาดูด้วยตนเอง

ตอนนี้เขาไม่ใช่องค์รัชทายาทแล้ว การเดินทางก็ไม่มีขุนนางคอยห้อมล้อมหน้าหลัง

ฉินหมิงจึงหาเวลาว่าง มาพูดคุยกับพวกเขาด้วยตนเอง

“ไปเรียกแม่ทัพของพวกเจ้ามา”

เมื่อเดินเข้ามาในค่ายทหาร ฉินหมิงก็แสดงตนก่อน จากนั้นก็เอ่ยปากให้ทหารยามที่เฝ้าประตูไปเรียกคน

อีกฝ่ายมองฉินหมิงอย่างระแวดระวังแวบหนึ่ง แต่ก็ยังคงรีบวิ่งจากไป

ฉินหมิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า คนกลุ่มนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยต้อนรับตนเอง

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด

ไม่นานนัก ฉินหมิงก็ถูกพาเข้าไปในกระโจมแห่งหนึ่ง

ข้างในมีคนนั่งอยู่สามคน

“กระหม่อมหลิวฉ่วง เฉาชวน หวู่ชิงเหย่ ขอคารวะองค์ชาย”

ทั้งสามคนนี้ คือผู้บัญชาการทั้งสามของค่ายทหารอู่เวยในปัจจุบัน

หลิวฉ่วงมีใบหน้าสี่เหลี่ยม เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่กำยำ รับผิดชอบกองทัพหน้าของค่ายทหารอู่เวย

เขามีผลงานโดดเด่นในการรบแบบจู่โจม

ตามที่ฉินหมิงเข้าใจ เพียงแค่หลิวฉ่วงคนเดียว ก็เคยสร้างความดีความชอบในการบุกทะลวงค่ายศัตรูได้ก่อนใครหลายครั้งในสงครามทางเหนือ

เฉาชวนรูปร่างผอมบาง บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นจากดาบ รับผิดชอบกองทัพกลาง

นี่คือผู้มีความสามารถรอบด้าน สามารถบัญชาการกองทัพ และยังสามารถจัดการด้านพลาธิการได้อีกด้วย

หวู่ชิงเหย่ก็เป็นแม่ทัพร่างกายกำยำเช่นกัน รับผิดชอบกองทัพซ้ายขวา เชี่ยวชาญการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว

“คำสั่งโยกย้ายของราชสำนัก พวกเจ้าทุกคนคงได้รับแล้วใช่หรือไม่?”

ฉินหมิงไม่พูดจาไร้สาระกับพวกเขา เข้าประเด็นหลักทันที พูดถึงเรื่องการเดินทางไปยังหลิ่งหนาน

กองทัพหลายพันคนนี้จะว่ามากก็ไม่มาก จะว่าน้อยก็ไม่น้อย

หากจะไปยังหลิ่งหนาน ก็ต้องเตรียมการล่วงหน้า

แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ทันทีที่เขาเอ่ยปาก

ทั้งสามคนกลับคุกเข่าลงต่อหน้าเขาพร้อมกัน

“พวกกระหม่อมไม่อยากไปหลิ่งหนาน!”

“ขอองค์ชายโปรดถอนคำสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

เดิมทีฉินหมิงคิดว่าค่ายทหารอู่เวยล้วนเป็นนักรบผู้กล้าหาญ เมื่อมีโอกาสสร้างคุณงามความดีอยู่ตรงหน้า ก็เพียงแค่พาคนไปก็พอแล้ว

แต่กลับไม่คิดว่า เพิ่งจะมาถึงค่ายทหารก็ต้องเจออุปสรรคเสียแล้ว

ฉินหมิงยิ้มอย่างขมขื่น แล้วเอ่ยถาม

“ทุกท่าน เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่อยากไป พอจะบอกเหตุผลให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 100

    “กระไรนะ?!”เมื่อเว่ยกว่างซวินลองคิดดู ก็พบว่ามีความเป็นไปได้นี้จริงๆเดิมหานหมิงรุ่ยก็ถูกปลดลงมาจากราชสำนักจะรู้จักฉินอ๋องก็ไม่แปลกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!ซุนเฉิงคาดเดาต่อไปว่า“ท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งก่อนตอนที่ฉินอ๋องพบว่าพวกเราหาคนมาช่วย ก็ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย”“ใช่แล้ว ที่แท้พวกเขารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วนี่เอง”ภายในใจของเว่ยกว่างซวินเย็นยะเยียบขึ้นมาดูท่ามีแต่พวกเขาสองพี่น้อง ที่ถูกปั่นหัวอยู่เล่นอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่น“เรื่องนี้อย่าได้พูดถึงอีก วันหลังพวกเราให้ถือเสียว่าไม่เคยเสียเปรียบเพราะฉินอ๋องแล้วกัน”เว่ยกว่างซวินได้วิธีการรับมืออย่างรวดเร็วซุนเฉิงก็พยักหนักอย่างหนักเช่นกันอย่างรวดเร็ว ความไม่พอใจแต่เดิมที่มีต่อฉินหมิงก็ถูกพวกเขาเก็บซ่อนไปเป็นอย่างดีภายหลังจากจินตนาการเรื่องราวออกมามากมาย พวกเขาสองคนก็รีบตามไปอย่างว่าง่ายมิได้สร้างปัญหาใดอีก…… ในฐานะผู้ที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉินหมิงนั้นไม่รู้ว่าซุนเฉิงและเว่ยกว่างซวินพูดคุยสิ่งใดกันเพียงพบว่าหลังพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต่างมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานราวดอกไม้บนใบหน้าก็ไม่พบร่องรอยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 99

    หานหมิงรุ่ยเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นดังนั้นคำพูดของเขา ย่อมแสดงถึงท่าทีของทางการฉินหมิงจึงมิได้ถกเถียงกับเขา แต่กล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับเป็นข้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว”“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีเจตนาดี เพียงแต่บรรดาทหารในกองทัพก็ต้องการความสมดุลระหว่างหน้าที่และการพักผ่อนเช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”เพราะอยากเล่นพนัน ท่าทีในการพูดจาของหานหมิงรุ่ยต่อฉินหมิงในยามนี้จึงดีขึ้นไม่น้อย“เช่นเดียวกันกับกระหม่อม ยามปกติก็ชอบเล่นตาสองตา การพนันเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มพูนความสุขและความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”หานหมิงรุ่ยมิได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นยามเกิดเรื่องในตอนนั้น ผู้ที่รู้จึงมีไม่มากยกตัวอย่างเช่นพวกเฉาชวน คนเหล่านี้ล้วนไม่รู้เลยโชคดีที่ครอบครัวของกวนเยว่กับเยว่โส่วเจียงเป็นเพื่อนเก่ากันมานานปกติแล้ว เมื่อแม่ทัพระดับสูงอย่างพวกเขาพูดคุยกันในยามว่าง ถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมาด้วยเหตุนี้ จนถึงตอนนี้หานหมิงรุ่ยจึงยังคงคิดว่า เรื่องของตนนั้นที่นี่น่าจะมีคนรู้ไม่มากดังนั้นต่อหน้าพวกฉินหมิง ตนจึงสามารถแสร้งแสดงเป็นผู้ทรงคุณธรรมไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 98

    พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร ปลอมตัวเป็นทหารที่กำลังพักผ่อนเล่นไพ่โกวกันอยู่ที่นี่เมื่อเห็นฉินหมิงเดินเข้ามา เหล่ามืออาชีพที่กำลังนั่งไข้วขาอยู่บนพื้นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก“ย๊าก! กิน!”“เพิ่มร้อยยี่สิบแปดเท่า! จ่ายเงินมา!”หานหมิงรุ่ยชะงักเท้าลงจริงๆ สายตาเหลือบมองไปที่การเรียงไพ่ด้านล่างอย่างอดไม่ได้ฉินหมิงไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเล่นของเจ้าสิ่งนี้นักรู้เพียงว่าไพ่โกวของต้าเฉียน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไพ่นกกระจอก ปกติเป็นแผ่นไม้ เพียงแต่รูปร่างจะแบนกว่ายาวกว่าในขณะที่กำลังกังวลว่าพวกเขาจะแสดงมากเกินไปจนโป๊ะแตกหานหมิงรุ่ยซึ่งเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็เห็นไพ่โกวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก็พยักหน้าแล้วพึมพำว่า“ร้อยยี่สิบแปดเท่า เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว…”ดูจากท่าทางแล้ว ต้องคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วเป็นแน่ฉินหมิงสบตากับซ่งติ้งเซิงคราหนึ่ง คนทั้งสองล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหานหมิงรุ่ยแต่การตกปลานั้นจะต้องมีความอดทนฝีเท้าของฉินหมิงมิได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังหันศีรษะไปมองหานหมิงรุ่ยที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังด้วยหานหมิงรุ่ยก็รู้ตัวว่าพลาดไป มองเกมไพ่เบื้องล่างทีหนึ่งอย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 97

    ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหานหมิงรุ่ยขาดความซื่อสัตย์ ผู้ที่รู้ถึงการกระทำในอดีตของเขาล้วนไม่มีทางมอบหมายงานสำคัญและเป็นเพราะอาศัยผลงานทางทหารที่สั่งสมมานานหลายปี เขาถึงสามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการในหลิ่งหนานได้ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายทหาร การมีตัวตนของเขายังคงประดุจสุนัขที่ไร้ผู้เหลียวแลเมื่อเวลาผ่านไป หนังหน้าหนาของเจ้าตัวนี้จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไร้ยางอายถึงขึ้นปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเหลวแหลกเสียเลยเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แบบใดสบายใจก็ทำแบบนั้น เห็นผู้ใดไม่ถูกใจก็ชักสีหน้าก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้แต่ฉินหมิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตานี่ค่อนข้างคล้ายพวกระดับผู้นำในองค์กรต่างๆ ที่ผ่านไปนานหลายปีก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่บ้างซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า อนาคตไร้หนทางก้าวหน้าแล้วจึงคร้านที่จะเสแสร้งอีก ทำตามอำเภอใจเสียเลยเฉาชวนมองความไม่สบอารมณ์ของฉินหมิงออก จึงเป็นตัวแทนเขาเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหานหมิงรุ่ยแทน“ยากนักที่ท่านแม่ทัพหานจะมาเยือนสักครั้ง นั่งลงสนทนากันก่อนเถอะขอรับ”“คุยอะไร? ท่านอ๋อง เรื่องนี้เดิมก็เป็นพวกท่านที่ทำไม่ถูก”หานหมิงรุ่ยเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 96

    ซ่งติ้งเซิงเดินไปที่ข้างกายฉินหมิงแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ทรงไม่ต้องสอนพวกเขาดอกพ่ะย่ะค่ะ”“คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกฝีมือแก่กล้ามากประสบการณ์ หากต้องการวางแผน พวกเขาสามารถทำได้เอง ไม่แน่ว่าผลงานที่ออกมายังอาจทำได้ดีกว่าที่ทรงกำกับอีกพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้เป็นเช่นนี้”มุมปากของฉินหมิงกระตุก เดิมคิดจะเตือนพวกเขาว่าควรเล่นอย่างไรตอนนี้ดูไปคงไม่จำเป็นแล้ว“งั้นก็ไปเถอะ อีกครู่เจ้ามอบผลประโยชน์ให้พวกเขาหน่อย ให้คนปิดปากให้สนิทขึ้น”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงก็ให้พวกเขาใส่เครื่องแบบทหาร แล้วนั่งอยู่ในบริเวณที่สะดุดตารอเหยื่อมาติดกับในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงยังเรียกหลิวฉ่วงมาด้วย“เหล่าหลิว เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนในค่ายทหาร”เรื่องอื่นไม่พูดถึง หากต้องการลงไม้ลงมือแล้วล่ะก็ หลิวฉ่วงนั้นเป็นพวกสายลุยตัวจริงมีบางครั้งหากไม่ทันระวัง เขากระทั่งทุบตีคนจนตายได้เมื่อเรียกแม่ทัพผู้ดุดันคนนี้มาเข้าร่วม ฉินหมิงก็ถือว่าได้ทำประกันเพิ่มให้ตนเองอีกชั้นหลิวฉ่วงรู้จักฉินหมิงเป็นอย่างดี เห็นเขาท่าทางมีลับลมคมใน จึงบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างว่า“ท่านอ๋อง ท่านเรียกกระหม่อมมาต้องไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 95

    “สร้างกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ใช่แล้ว เจ้ากินก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยออกมา เราไปทำธุระกันสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงดื่มโจ๊กข้าวกล้องหมดภายในไม่กี่คำ สวมชุดขุนนางเสร็จ ก็สาวเท้าออกจากประตูใหญ่ทันทีฉินหมิงที่รออยู่บริเวณมุมกำแพง กระซิบเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตของหานหมิงรุ่ยแก่เขาหลังฟังจบ ซ่งติ้งเซิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนใจอย่างอดไม่ได้ เรื่องสกปรกในราชสำนักช่างมีมากมายเสียจริงเขาถูกมือไปมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า“ท่านอ๋อง กระหม่อมมีคำถามข้อหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“คำถามอะไร?”“หานหมิงรุ่ยผู้นั้น คืนเงินท่านแม่ทัพเย่แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไร้สาระ ย่อมไม่น่ะสิ เจ้าคนไร้เมียนั่นตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะหวังให้เขาคืนเงิน?”ฉินหมิงค้อนเขาทีหนึ่งโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณธรรมจริยธรรมแม้น ‘ติดหนี้ต้องชดใช้’ จะเป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ก็ยังมีอีกคำกล่าวที่ว่า ‘เหาเยอะไม่กลัวคัน’ ด้วย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นหากพวกเรายังเล่นงานเขาเช่นนี้อีก มิเท่ากับไร้คุณธรรมอย่างยิ่งหรือพ่ะย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status