Share

บทที่ 9

Author: หออักษร
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงปฏิเสธเขาอย่างหนักแน่น

ค่ายทหารอู่เวยเดิมทีก็เป็นกองกำลังทหารชั้นยอดของราชสำนักอยู่แล้ว

แม้ว่าจะสูญเสียกำลังพลไปมาก หลังจากติดตามแม่ทัพใหญ่อู่เวยออกรบ

และหลังจากที่เขาเสียชีวิตก็ไม่ได้มีการขยายกำลังพลเพิ่ม

แต่กองกำลังชั้นยอดเช่นนี้ จะตกไปอยู่ในมือของฉินหมิงไม่ได้

“ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินหมิงไม่พูดจาไร้สาระอีก เพียงประสานมือคารวะต่อฮ่องเต้เฉียนแล้วกล่าวว่า

“เสด็จพ่อ ลูกร่างกายไม่ค่อยสบาย ขอทูลลาก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ ท่านทรงงานต่อไปเถิด”

พูดจบก็เดินจากไป

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนดูย่ำแย่ยิ่งนัก

ส่วนเฉินซื่อเม่ากลับมองดูทั้งหมดนี้อย่างพึงพอใจ

แม้ว่าองค์รัชทายาทจะยังไม่ได้กลับคืนสู่ราชสำนัก

แต่อย่างน้อยวันนี้ก็ได้ระบายความโกรธออกมา

หลายปีมานี้ฮ่องเต้เฉียนทรงปฏิบัติต่อฉินหมิงอย่างลำเอียงเกินไปจริง ๆ

นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็เห็นกันอยู่กับตา

บัดนี้ ฉินหมิงไม่มีนิสัยที่ใจกว้างจนยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างอีกต่อไปแล้ว

นี่เป็นเรื่องที่ดี

“หยุดนะ!”

ฮ่องเต้เฉียนเห็นฉินหมิงกำลังจะจากไป ก็รีบเรียกเขาไว้ทันที

“เสด็จพ่อ ยังมีเรื่องอันใดอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“เจ้าต้องการค่ายทหารอู่เวยไปทำอะไร?”

“ลูกมิได้ต้องการ แต่เป็นการทวงคืน เดิมทีนี่ก็เป็นกองทัพของตระกูลกวนอยู่แล้ว”

“เป็นกองทัพที่ตระกูลกวนออกเงินเลี้ยงดูเอง”

ฉินหมิงกล่าวแก้ให้ถูกต้อง

“ของตระกูลกวนหรือ? ทั่วทั้งต้าเฉียนล้วนเป็นของเรา! แม้แต่ตระกูลกวนก็เป็นของเรา!”

“เจ้าในฐานะองค์ชาย สมควรจะต้องทำงานเพื่อเรา เพื่อราชวงศ์ แต่บัดนี้กลับเห็นคนนอกดีกว่าคนใน”

“เจ้าเรียนรู้จากเจ้าเก้าให้ดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือ? เอาใจใส่เราให้มากขึ้นหน่อยไม่ได้หรือ?”

ฮ่องเต้เฉียนตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ค่ายทหารอู่เวยเป็นกองกำลังชั้นยอดจริง ๆ

แต่ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังชั้นยอดใด ๆ หากต้องการจะเลี้ยงดูให้ดี ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย

หลายปีมานี้ที่ไม่ได้ขยายกำลังพล ก็เป็นเพราะค่าใช้จ่ายของค่ายทหารอู่เวยนั้นสูงเกินไป

พวกเขาล้วนเป็นทหารม้าเกราะหนัก

ทหารหนึ่งคนมีม้าสามตัวผลัดเปลี่ยน แค่หญ้าอาหารสัตว์ก็ต้องใช้จำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว

เหล่าทหารที่สวมเกราะหนักหลายสิบชั่ง ฝึกซ้อมแบกน้ำหนักทุกวัน ก็ต้องบริโภคเสบียงอาหารมากกว่าทหารทั่วไปถึงหนึ่งเท่า

ประกอบกับอาวุธยุทโธปกรณ์ของพวกเขา ก็ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล ทั้งยังต้องให้ช่างฝีมือใช้เวลามหาศาลในการตีขึ้นมา

ราชสำนักมิใช่ว่าไม่อยากจะขยายกำลังค่ายทหารอู่เวยใหม่ แต่ไม่มีปัญญาจะขยายต่างหาก

นี่มันต้องใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!

เพียงแค่กองกำลังที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน ก็ทำให้ราชสำนักรู้สึกว่าเป็นเผือกร้อนแล้ว

หากมิใช่เพราะการทำสงครามในอนาคตอาจจะต้องพึ่งพาพวกเขาอยู่ ฮ่องเต้เฉียนก็คงจะยุบหน่วยค่ายทหารอู่เวยไปนานแล้ว

ยังจะมาเจ้าเก้าอีก เหอะ ๆ

“แต่ด้วยสถานะการคลังของต้าเฉียน เสด็จพ่อจะทรงเลี้ยงดูไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ฉินหมิงพยักหน้าเบา ๆ ยิ้มพลางมองไปยังฮ่องเต้เฉียน

“เราเลี้ยงไม่ไหว เจ้าคิดว่าอย่างเจ้าจะรับภาระไหวหรือ?”

“หากเจ้าเลี้ยงไหว เราจะให้เจ้าแล้วจะเป็นไรไป!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงแค่นเสียงเย็น ดูท่าว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่รู้จักประมาณตนเสียแล้ว!

คนมากมายขนาดนี้ ไม่กี่วันก็คงจะกินจนเขาล้มละลาย ถึงเวลานั้นก็ต้องกลับมาขอร้องเรามิใช่หรือ

เฉินซื่อเม่าพลันขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น

“องค์ชาย สามหน่วยพิทักษ์ก็เพียงพอแล้ว หากมีค่ายทหารอู่เวยเพิ่มอีก ท่านจะรับภาระไม่ไหวนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เป็นไร หลิ่งหนานกว้างใหญ่มาก คนก็เยอะ อย่างไรเสียก็ต้องมีหนทาง”

ฉินหมิงยิ้มพลางเอ่ยปาก ในใจก็สงบลงแล้ว

“จะจัดการเรื่องกองคาราวานสินค้าหนานหยางเมื่อใด?”

สามหน่วยพิทักษ์ก็ให้แล้ว ค่ายทหารอู่เวยก็ให้แล้ว

หากฉินหมิงยังจะปฏิเสธฮ่องเต้เฉียนอีก ก็คงจะดูไม่สมเหตุสมผลไปหน่อย

“คืนนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นเสียง ฉินหมิงก็กล่าวลาแล้วจากไป

เมื่อกลับมาถึงหน้าประตูจวนอ๋อง ก็ไม่รู้ว่าฉางไป๋ซานไปได้รับข่าวมาจากที่ใด

ได้นำคนกลุ่มหนึ่งมารอฉินหมิงอยู่ที่นี่แล้ว

คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาคือลู่โหย่ว

ทันทีที่เห็นฉินหมิงกลับมา ลู่โหย่วก็พุ่งเข้ามาหาฉินหมิงอย่างรวดเร็ว

คุกเข่าลงเสียงดังตุบ เสียงโหยหวน กล่าวระบายความทุกข์ น้ำมูกน้ำตาไหลพราก

“องค์ชาย เรื่องครั้งนี้มิใช่กระหม่อมที่ทำพังนะพ่ะย่ะค่ะ! ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้สารเลวจ้าวสี่นั่น!”

ฉินหมิงประคองเขาให้ลุกขึ้น

“เรื่องของเจ้าเราได้ยินมาแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า”

“องค์ชายทรงพระปรีชา! องค์ชายทรงพระปรีชายิ่งนัก!”

ฉางไป๋ซานเดินมาจากข้างหลังแล้วกล่าวว่า

“องค์ชาย พวกเราไปดูกันหน่อยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ไป”

ทั้งสามคนขี่ม้าเร็วด้วยกัน ผ่านประตูเมืองมายังท่าเรือขนส่งทางน้ำนอกเมืองหลวง

“องค์รัชทายาทมาแล้ว!”

ทันทีที่เห็นฉินหมิง ผู้คนจากกองคาราวานสินค้าจำนวนมากที่นั่งพูดคุยกันอยู่บนเรือ ก็รีบส่งเสียงร้องขึ้นมาทันที

“ทุกท่าน เรื่องในวันนี้ข้าต้องขออภัยอย่างยิ่ง แต่ช่วงนี้ข้าเองก็จนปัญญา”

“หลังจากที่ได้ทราบเรื่องของพวกท่านแล้ว ข้าก็ได้เดินทางไปยังราชสำนักเป็นพิเศษ เพื่อรับผิดชอบการค้าครั้งนี้ใหม่อีกครั้ง”

เมื่อเดินมาอยู่ต่อหน้าทุกคน ฉินหมิงก็ใช้คำพูดเพียงไม่กี่ประโยค อธิบายสถานการณ์ของตนเองออกมา

“องค์ชาย ท่านกลับมาได้ก็ดีที่สุดแล้ว”

“ค้าขายกับคนอื่น พวกเราไม่วางใจเลยจริง ๆ ”

“พวกเราก็รู้ถึงความลำบากของท่าน ในเมื่อท่านกลับมาแล้ว พวกเราก็มาค้าขายกันตามปกติเถิด!”

พวกเขาทุกคนรู้ดีว่า ช่วงนี้ฉินหมิงถูกปลดออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาท

ความร่วมมือทางการค้าขายตลอดหลายปี ก็ทำให้พวกเขามีความรู้สึกผูกพันกับฉินหมิงอยู่ไม่น้อย

ตอนนี้ย่อมเห็นใจเขาอย่างยิ่ง

“ขอบคุณทุกท่านมาก”

ฉินหมิงประหลาดใจเล็กน้อย

เดิมทีในใจเตรียมคำพูดไว้มากมาย ยังคิดว่าจะต้องอธิบายกับพวกเขาเสียอีก

แต่กลับไม่คิดเลยว่า ใบหน้าของตนเองจะใช้การได้ดีถึงเพียงนี้

สามารถเจรจาการค้าขายใหม่อีกครั้ง โดยที่แทบจะไม่มีอุปสรรคใด ๆ

“องค์ชาย! องค์ชาย!”

ในตอนนี้ มีเสียงหนึ่งดังมาจากที่ไกล

เป็นเฉียนไฉที่แอบซ่อนตัวอยู่ไกล ๆ พอเห็นฉินหมิงมาถึงในที่สุดก็โผล่หัวออกมา

“มาแอบซุ่มทำอะไรอยู่ที่นี่?”

“ฮ่า ๆ กระหม่อมก็คิดอยู่แล้วว่าท่านจะต้องมา เรื่องนี้กระหม่อมได้ทูลในราชสำนักแล้วว่า หากไม่มีท่านก็คงไม่ได้ แต่ฝ่าบาทไม่ทรงเชื่อ”

“นี่สุดท้ายก็ยังคง... เชิญท่านกลับมามิใช่หรือ!”

เดิมทีเฉียนไฉคิดจะพูดหยอกล้อสองสามประโยค แต่เมื่อคิดดูแล้ว ที่นี่คนค่อนข้างเยอะ

จึงไม่ได้พูดจาหยอกล้ออะไรออกมา

“คนของเจ้าเล่า เจ้าคงไม่ได้มาแค่คนเดียวหรอกนะ?”

“จะเป็นไปได้อย่างไร!”

ฉินหมิงมองไปทางด้านหลัง

ก็พลันพบว่าในห้องที่อยู่ไกลออกไป ยังมีคนอีกไม่น้อยกำลังชะโงกหน้ามองออกมาข้างนอก

เมื่อเห็นตนเอง ก็พากันเดินออกมามากขึ้น

“องค์ชาย!”

“องค์ชาย!”

พวกเขาล้วนเป็นคนของกรมคลัง มาที่นี่ก็เพื่อมาเป็นลูกมือให้ฉินหมิง

เมื่อเห็นว่ามีผู้ช่วยมามากมายขนาดนี้

ฉินหมิงก็โบกมืออย่างยิ่งใหญ่แล้วกล่าวว่า

“เริ่มงานได้!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

มีการแบ่งโต๊ะออกมาสองสามตัว ฉินหมิงและคนของกรมคลัง ร่วมกันตรวจสอบบัญชีกับกองคาราวานสินค้าที่ท่าเรือตลอดทั้งคืน

...

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อฉินหมิงยืดตัวขึ้นจากโต๊ะภายในห้อง

ก็เห็นเฉียนไฉและลู่โหย่วสองสามคนนอนหลับกันระเกะระกะอยู่ข้าง ๆ

ฉินหมิงไม่รบกวนพวกเขา หันหลังแล้วเดินออกจากห้องไป

ฉางไป๋ซานรออยู่ข้างนอกแล้ว

เมื่อเห็นฉินหมิงตื่นขึ้น ก็รีบเดินเข้ามาอยู่ข้างกายเขา

“เจ้าไปที่กรมกลาโหมสักเที่ยว ไปเอาตราอาญาสิทธิ์ของค่ายทหารอู่เวยมา”

“หา?”

ฉางไป๋ซานเบิกตากว้าง ยังไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ฉินหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เอามาให้ข้าก็พอ”

“เช่นนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ตอนบ่าย หลังจากที่ฉินหมิงทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูจวนตระกูลกวนตรงเวลา

“ฉินหมิงมาขอพบ รบกวนช่วยแจ้งให้ด้วย”

“องค์ชาย ท่านโปรดรอสักครู่”

องครักษ์ที่หน้าประตูสองสามคนต่างตกใจ

เมื่อสองวันก่อนคุณหนูใหญ่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเดินออกจากเรือนไป ไม่ถึงครึ่งวันก็กลับมาอย่างเงียบ ๆ

ไม่ได้พูดเรื่องถอนหมั้น และก็ไม่ได้พูดเรื่องแต่งงาน

ดูเหมือนว่าการแต่งงานของทั้งสองคนจะถูกพักไว้เช่นนั้น

ในตอนที่พวกเขากำลังคิดว่าเรื่องราวจะจบลงเช่นนี้แล้ว

ฉินหมิงกลับมาแล้ว

คนสองสามคนเดินมาอยู่ต่อหน้านางเฉินด้วยความกังวลใจมาตลอดทาง

กล่าวเสียงเบาว่า

“ฮูหยิน ฉินอ๋องมาแล้วขอรับ”

สองสามวันนี้นางเฉินก็ไม่ได้ถามอะไรจากปากบุตรสาวได้

รู้เพียงแค่ว่าการแต่งงานนั้นยังไม่ได้ถูกยกเลิก

ในตอนนี้เมื่อได้ยินข่าวการมาถึงของฉินหมิง ก็ดูประหลาดใจอยู่บ้าง

“เขาได้นำสิ่งใดมาด้วยหรือไม่? มาเพื่อสู่ขอหรือ?”

“ไม่เลยขอรับ มาคนเดียวมือเปล่า”

“เจ้าเด็กคนนี้นี่...”

นางเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย

นางเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย พาไปที่โถงด้านหน้า ข้าจะพบเขาก่อน”

“ขอรับ!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 257

    เมื่อฟังคำอธิบายของฉินหมิงจบ ฟางชิงหย่วนก็เดินไปยังป้ายบอกทางของโรงทอผ้าหลังก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่ง โรงทอผ้าก็มีพื้นที่กว้างขวางมากแล้วยามมีคนงานซึ่งไม่คุ้นเคยกับสถานที่เดินทางมาจากอำเภอต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งป้ายและแผนที่คอยนำทาง“เอาเป็นสองที่นี้ก็แล้วกัน ขนาดเท่ากันพอดี”“ส่วนจำนวนคนเดี๋ยวข้าจะจัดสรรให้พวกท่าน เชิญพวกท่านไปเลือกคนกันได้ตามสบาย”ฟางชิงหย่วนพูดเนิบนาบตามความคิดของเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรชวนให้เดือดดาลใจในเมื่อทุกคนอยากดู ก็แค่แข่งขันกันให้รู้แล้วรู้รอดไปความจริงย่อมมีน้ำหนักกว่าคำพูด เขาเชื่อมั่นในทฤษฎีของตนเองยิ่งนัก“ประเสริฐ”ฉินหมิงกับหลี่เอ้อร์หนิวต่างพยักหน้า“พวกเจ้า ไปแย่งคนมาก่อนเลย”เมื่อตกลงกันเรียบร้อย หลี่เอ้อร์หนิวก็สั่งลูกน้อง ให้เริ่มไปชิงตัวสาวชาวบ้านที่ทำงานคล่องแคล่วในโรงทอผ้ามาก่อนล่วงหน้าฉินหมิงกลับไม่ได้ทำอะไร ด้วยความที่ตนมีคนน้อยกว่าหลี่เอ้อร์หนิวถึงครึ่งหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็นำกลุ่มคนงานของตนไปเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วฉินหมิงเลือกคนมาสามกลุ่มแบบเดาสุ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทุกคนทำตามกฎระเบียบเดิม ติ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 256

    ถ้าต้องรับมือกับคนนอก ฉินหมิงย่อมเลือกใช้วิธีทางกายภาพอันรวดเร็วที่สุดเพื่อกำจัดอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลแต่คนในโรงงานเวลานี้ ล้วนแต่เป็นคนของฉินหมิงทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากให้ซ่งติ้งเซิงลงมือ ไม่เพียงแต่จะทำให้กลุ่มคนงานหมดความภักดี แม้แต่ภาพลักษณ์ก็คงเสียหายย่อยยับเช่นกัน“ท่านอ๋อง โปรดอธิบายให้พวกเราฟังแต่โดยดีเถิด มิเช่นนั้นทุกคนคงไม่เชื่อท่านแล้ว”หลี่เอ้อร์หนิวเห็นสถานการณ์พลิกผัน ก็ได้ทีรุกคืบด้วยความลำพองใจบัดนี้ทุกคนต่างกำลังรอคอยคำตอบจากฉินหมิงฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความจนปัญญาว่า“หลี่เอ้อร์หนิว เจ้าเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยการผลิต ใช่หรือไม่?”“ใช่ขอรับ”หลี่เอ้อร์หนิวยักไหล่ มองฉินหมิงด้วยความกังขา“เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนแก่เจ้ามากกว่าของข้าหนึ่งเท่า ในเวลาสามวัน พวกเรามาแข่งกันเรื่องผลผลิต ดีหรือไม่?”“ท่านจะแข่งเรื่องประสิทธิภาพการผลิตกับข้างั้นรึ? ซ้ำยังใช้คนเพียงครึ่งเดียวอีก?”หลี่เอ้อร์หนิวแทบไม่เชื่อหูตนเอง“ถูกต้อง ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า บางครั้งมีคนเยอะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี หลักการที่ว่ามากคนก็มากความ ดูท่าจะมีผ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 255

    ทั้งสองคนเดินมาถึงเบื้องหน้าฝูงชนหลี่เอ้อร์หนิวยังคงพูดความคิดของตนอย่างออกรส ขัดขวางการจัดสรรคนงานของโรงทอผ้าโดยไม่มีคำว่าเกรงใจ“ท่านอ๋องมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในฝูงชนที่ตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เมื่อฉินหมิงเดินเข้ามาจากนอกวง หลี่เอ้อร์หนิวก็พลันมีท่าทีอ่อนลงไปกว่าครึ่งเมื่อครู่เขายังส่งเสียงดังลั่น แต่บัดนี้กลับเงียบเสียงลงแล้ว“ขอถามหน่อยเถิด ผู้ใดบอกว่าจะลดค่าจ้างพวกเจ้ารึ?”เสียงของฉินหมิงถามขึ้นอย่างแช่มช้าทุกคนต่างเหลือบมองไปที่หลี่เอ้อร์หนิวผู้ซึ่งเมื่อครู่ยังทำตัวหยิ่งผยองส่วนหลี่เอ้อร์หนิวนั้น ยามนี้ก็ได้แต่พูดอึกอักว่า“ก็ในประกาศมีความหมายเช่นนั้นมิใช่หรือ…”เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองเหตุผลที่ไม่อยากให้มีการย้ายคนงานเกิดขึ้น ก็เพราะเขามีลูกน้องหลายคนมาจากต่างพื้นที่กันบางคนมีบ้านอยู่ใกล้โรงช่าง บ้างก็อยู่ใกล้โรงย้อมผ้า ล้วนแต่ร้องขออยากย้ายที่ทำงานกันทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าลูกน้องอยากย้ายที่ทำงานกันเหลือเกิน หลี่เอ้อร์หนิวก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือตัวเขาอุตส่าห์ฝึกฝนลูกน้องจนกลายเป็นคนสนิท ถึงขั้นทำตัววางอำนาจใน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 254

    เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิต และคนงานจำนวนมากที่ไม่รู้หนังสือดังนั้น ฟางชิงหย่วนจึงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงนำข้อสรุปไปติดประกาศไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวแต่คนงานหลายพันคนในโรงทอผ้า อยู่ดี ๆ จะให้พวกเขาย้ายที่ทำงานอย่างกะทันหัน ย่อมมีบางส่วนไม่พอใจเป็นธรรมดาสิ้นเสียงของฉินหมิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในฝูงชน“ให้ตายเถิด คิดจะลดค่าจ้างกับสวัสดิการของพวกเราใช่หรือไม่? อย่างไรข้าก็ไม่ไป!”คนที่พูด มีนามว่าหลี่เอ้อร์หนิวเขาเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านกว่างสุ่ยทางตอนเหนือของเมืองหลินเจียง ว่ากันว่ามีชื่อเสียงในหมู่บ้านพอสมควรหลังมาถึงโรงทอผ้า เนื่องจากมีผลงานโดดเด่น และผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยในเวลาไม่นาน“บังอาจนัก!”ซ่งติ้งเซิงขมวดคิ้ว โบกมือเรียกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ข้างกาย ให้เตรียมเข้าไปจับตัวหลี่เอ้อร์หนิวในยามที่โรงทอผ้ากำลังจะจัดสรรจำนวนคนงาน เพื่อไปส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ หากมีคนเสนอหน้าออกมาขัดขวางย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของโรงทอผ้าอย่างใหญ่หลวงนัก!ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 253

    “ตอนแรกเมื่อเริ่มใช้คนงานเยอะขึ้น ปริมาณการผลิตก็เพิ่มขึ้นเร็ว แต่พอเพิ่มคนเข้าไปเรื่อย ๆ ปริมาณการผลิตกลับเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟางชิงหย่วนหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา อธิบายการค้นพบของตนให้ฉินหมิงฟังด้วยความเคร่งเครียด“นี่คงเรียกว่ากฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่ม”ฉินหมิงใช้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เท่าหางอึ่งของตน รำพึงออกมาโดยไม่รู้ตัว“อะไรคือกฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่มรึพ่ะย่ะค่ะ?”ฟางชิงหย่วนรั้งฉินหมิงไว้ ขณะถามบนขั้นบันได“ก็คือการลงทุนลงแรงไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้ว”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าที่กระหม่อมศึกษามาจะถูกต้องแล้ว”ฟางชิงหย่วนผงกศีรษะ หยิบแท่งถ่านสีดำยาวออกมาจากอกเสื้อ แล้วเริ่มขีดเขียนลงบนสมุดเล่มเล็กที่เย็บเล่มอย่างประณีตตรงหน้าในยุคนี้มีเพียงพู่กัน ซึ่งใช้งานค่อนข้างลำบากหากอยากจดบันทึกทุกที่ทุกเวลาเช่นเขา ก็ต้องใช้แท่งถ่านกับสมุดเล่มเล็กเท่านั้น“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่อยากขยายการผลิตของโรงงานแล้ว รักษาสภาพเดิมไว้ก็พอ สิ่งที่เราต้องคิดในตอนนี้คือ จะรักษาระดับการเติบโตให้เร็วขึ้นได้อย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 252

    “จับได้กี่คน?”“สองคนพ่ะย่ะค่ะ ประตูเมืองทิศอื่น ๆ ก็น่าจะมีเช่นกัน”เมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า“จับต่อไป ไว้ชีวิตแค่จำนวนหนึ่งก็พอ เอาไว้เค้นถามกำลังคนที่แน่ชัดในภายหลัง ถือโอกาสที่ฝนตกหลายวันมานี้ คนเดินถนนมีน้อย ปิดล้อมอำเภอไว้ก่อน รอให้สังหารองครักษ์เงาหมดสิ้นเมื่อใด ค่อยเปิดประตูเมือง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงรับคำสั่ง พลางมองอู๋สื่อจงที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่พูดคำใด ในใจพลันรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง“อะแฮ่ม!”เขากระตุกชายเสื้ออู๋สื่อจงตอนนั้นเอง อู๋สื่อจงถึงได้สติ“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”หลังปิดล้อมสังหารคนอยู่สองวันครึ่ง ฉางไป๋ซานก็นำกองกำลังองครักษ์ของฉินหมิง สังหารองครักษ์เงาทั้งยี่สิบเจ็ดคนที่มาถึงอำเภออินซานจนหมดสิ้นขณะมองดูรายชื่อผู้เสียชีวิตที่เขียนด้วยหมึกสีแดงสด ฉินหมิงก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกซ่งติ้งเซิงผู้ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า“ท่านอ๋อง โรงทอผ้าส่งข่าวมา บอกว่าพวกเขาสร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว สามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ทันที เวลานี้อยากให้ท่านส่งคนงานไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”อุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับการยกระดับอีกครั้ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status