Share

บทที่ 9

Author: หออักษร
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงปฏิเสธเขาอย่างหนักแน่น

ค่ายทหารอู่เวยเดิมทีก็เป็นกองกำลังทหารชั้นยอดของราชสำนักอยู่แล้ว

แม้ว่าจะสูญเสียกำลังพลไปมาก หลังจากติดตามแม่ทัพใหญ่อู่เวยออกรบ

และหลังจากที่เขาเสียชีวิตก็ไม่ได้มีการขยายกำลังพลเพิ่ม

แต่กองกำลังชั้นยอดเช่นนี้ จะตกไปอยู่ในมือของฉินหมิงไม่ได้

“ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินหมิงไม่พูดจาไร้สาระอีก เพียงประสานมือคารวะต่อฮ่องเต้เฉียนแล้วกล่าวว่า

“เสด็จพ่อ ลูกร่างกายไม่ค่อยสบาย ขอทูลลาก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ ท่านทรงงานต่อไปเถิด”

พูดจบก็เดินจากไป

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนดูย่ำแย่ยิ่งนัก

ส่วนเฉินซื่อเม่ากลับมองดูทั้งหมดนี้อย่างพึงพอใจ

แม้ว่าองค์รัชทายาทจะยังไม่ได้กลับคืนสู่ราชสำนัก

แต่อย่างน้อยวันนี้ก็ได้ระบายความโกรธออกมา

หลายปีมานี้ฮ่องเต้เฉียนทรงปฏิบัติต่อฉินหมิงอย่างลำเอียงเกินไปจริง ๆ

นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็เห็นกันอยู่กับตา

บัดนี้ ฉินหมิงไม่มีนิสัยที่ใจกว้างจนยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างอีกต่อไปแล้ว

นี่เป็นเรื่องที่ดี

“หยุดนะ!”

ฮ่องเต้เฉียนเห็นฉินหมิงกำลังจะจากไป ก็รีบเรียกเขาไว้ทันที

“เสด็จพ่อ ยังมีเรื่องอันใดอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“เจ้าต้องการค่ายทหารอู่เวยไปทำอะไร?”

“ลูกมิได้ต้องการ แต่เป็นการทวงคืน เดิมทีนี่ก็เป็นกองทัพของตระกูลกวนอยู่แล้ว”

“เป็นกองทัพที่ตระกูลกวนออกเงินเลี้ยงดูเอง”

ฉินหมิงกล่าวแก้ให้ถูกต้อง

“ของตระกูลกวนหรือ? ทั่วทั้งต้าเฉียนล้วนเป็นของเรา! แม้แต่ตระกูลกวนก็เป็นของเรา!”

“เจ้าในฐานะองค์ชาย สมควรจะต้องทำงานเพื่อเรา เพื่อราชวงศ์ แต่บัดนี้กลับเห็นคนนอกดีกว่าคนใน”

“เจ้าเรียนรู้จากเจ้าเก้าให้ดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือ? เอาใจใส่เราให้มากขึ้นหน่อยไม่ได้หรือ?”

ฮ่องเต้เฉียนตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ค่ายทหารอู่เวยเป็นกองกำลังชั้นยอดจริง ๆ

แต่ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังชั้นยอดใด ๆ หากต้องการจะเลี้ยงดูให้ดี ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย

หลายปีมานี้ที่ไม่ได้ขยายกำลังพล ก็เป็นเพราะค่าใช้จ่ายของค่ายทหารอู่เวยนั้นสูงเกินไป

พวกเขาล้วนเป็นทหารม้าเกราะหนัก

ทหารหนึ่งคนมีม้าสามตัวผลัดเปลี่ยน แค่หญ้าอาหารสัตว์ก็ต้องใช้จำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว

เหล่าทหารที่สวมเกราะหนักหลายสิบชั่ง ฝึกซ้อมแบกน้ำหนักทุกวัน ก็ต้องบริโภคเสบียงอาหารมากกว่าทหารทั่วไปถึงหนึ่งเท่า

ประกอบกับอาวุธยุทโธปกรณ์ของพวกเขา ก็ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล ทั้งยังต้องให้ช่างฝีมือใช้เวลามหาศาลในการตีขึ้นมา

ราชสำนักมิใช่ว่าไม่อยากจะขยายกำลังค่ายทหารอู่เวยใหม่ แต่ไม่มีปัญญาจะขยายต่างหาก

นี่มันต้องใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!

เพียงแค่กองกำลังที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน ก็ทำให้ราชสำนักรู้สึกว่าเป็นเผือกร้อนแล้ว

หากมิใช่เพราะการทำสงครามในอนาคตอาจจะต้องพึ่งพาพวกเขาอยู่ ฮ่องเต้เฉียนก็คงจะยุบหน่วยค่ายทหารอู่เวยไปนานแล้ว

ยังจะมาเจ้าเก้าอีก เหอะ ๆ

“แต่ด้วยสถานะการคลังของต้าเฉียน เสด็จพ่อจะทรงเลี้ยงดูไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ฉินหมิงพยักหน้าเบา ๆ ยิ้มพลางมองไปยังฮ่องเต้เฉียน

“เราเลี้ยงไม่ไหว เจ้าคิดว่าอย่างเจ้าจะรับภาระไหวหรือ?”

“หากเจ้าเลี้ยงไหว เราจะให้เจ้าแล้วจะเป็นไรไป!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงแค่นเสียงเย็น ดูท่าว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่รู้จักประมาณตนเสียแล้ว!

คนมากมายขนาดนี้ ไม่กี่วันก็คงจะกินจนเขาล้มละลาย ถึงเวลานั้นก็ต้องกลับมาขอร้องเรามิใช่หรือ

เฉินซื่อเม่าพลันขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น

“องค์ชาย สามหน่วยพิทักษ์ก็เพียงพอแล้ว หากมีค่ายทหารอู่เวยเพิ่มอีก ท่านจะรับภาระไม่ไหวนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เป็นไร หลิ่งหนานกว้างใหญ่มาก คนก็เยอะ อย่างไรเสียก็ต้องมีหนทาง”

ฉินหมิงยิ้มพลางเอ่ยปาก ในใจก็สงบลงแล้ว

“จะจัดการเรื่องกองคาราวานสินค้าหนานหยางเมื่อใด?”

สามหน่วยพิทักษ์ก็ให้แล้ว ค่ายทหารอู่เวยก็ให้แล้ว

หากฉินหมิงยังจะปฏิเสธฮ่องเต้เฉียนอีก ก็คงจะดูไม่สมเหตุสมผลไปหน่อย

“คืนนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นเสียง ฉินหมิงก็กล่าวลาแล้วจากไป

เมื่อกลับมาถึงหน้าประตูจวนอ๋อง ก็ไม่รู้ว่าฉางไป๋ซานไปได้รับข่าวมาจากที่ใด

ได้นำคนกลุ่มหนึ่งมารอฉินหมิงอยู่ที่นี่แล้ว

คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาคือลู่โหย่ว

ทันทีที่เห็นฉินหมิงกลับมา ลู่โหย่วก็พุ่งเข้ามาหาฉินหมิงอย่างรวดเร็ว

คุกเข่าลงเสียงดังตุบ เสียงโหยหวน กล่าวระบายความทุกข์ น้ำมูกน้ำตาไหลพราก

“องค์ชาย เรื่องครั้งนี้มิใช่กระหม่อมที่ทำพังนะพ่ะย่ะค่ะ! ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้สารเลวจ้าวสี่นั่น!”

ฉินหมิงประคองเขาให้ลุกขึ้น

“เรื่องของเจ้าเราได้ยินมาแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า”

“องค์ชายทรงพระปรีชา! องค์ชายทรงพระปรีชายิ่งนัก!”

ฉางไป๋ซานเดินมาจากข้างหลังแล้วกล่าวว่า

“องค์ชาย พวกเราไปดูกันหน่อยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ไป”

ทั้งสามคนขี่ม้าเร็วด้วยกัน ผ่านประตูเมืองมายังท่าเรือขนส่งทางน้ำนอกเมืองหลวง

“องค์รัชทายาทมาแล้ว!”

ทันทีที่เห็นฉินหมิง ผู้คนจากกองคาราวานสินค้าจำนวนมากที่นั่งพูดคุยกันอยู่บนเรือ ก็รีบส่งเสียงร้องขึ้นมาทันที

“ทุกท่าน เรื่องในวันนี้ข้าต้องขออภัยอย่างยิ่ง แต่ช่วงนี้ข้าเองก็จนปัญญา”

“หลังจากที่ได้ทราบเรื่องของพวกท่านแล้ว ข้าก็ได้เดินทางไปยังราชสำนักเป็นพิเศษ เพื่อรับผิดชอบการค้าครั้งนี้ใหม่อีกครั้ง”

เมื่อเดินมาอยู่ต่อหน้าทุกคน ฉินหมิงก็ใช้คำพูดเพียงไม่กี่ประโยค อธิบายสถานการณ์ของตนเองออกมา

“องค์ชาย ท่านกลับมาได้ก็ดีที่สุดแล้ว”

“ค้าขายกับคนอื่น พวกเราไม่วางใจเลยจริง ๆ ”

“พวกเราก็รู้ถึงความลำบากของท่าน ในเมื่อท่านกลับมาแล้ว พวกเราก็มาค้าขายกันตามปกติเถิด!”

พวกเขาทุกคนรู้ดีว่า ช่วงนี้ฉินหมิงถูกปลดออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาท

ความร่วมมือทางการค้าขายตลอดหลายปี ก็ทำให้พวกเขามีความรู้สึกผูกพันกับฉินหมิงอยู่ไม่น้อย

ตอนนี้ย่อมเห็นใจเขาอย่างยิ่ง

“ขอบคุณทุกท่านมาก”

ฉินหมิงประหลาดใจเล็กน้อย

เดิมทีในใจเตรียมคำพูดไว้มากมาย ยังคิดว่าจะต้องอธิบายกับพวกเขาเสียอีก

แต่กลับไม่คิดเลยว่า ใบหน้าของตนเองจะใช้การได้ดีถึงเพียงนี้

สามารถเจรจาการค้าขายใหม่อีกครั้ง โดยที่แทบจะไม่มีอุปสรรคใด ๆ

“องค์ชาย! องค์ชาย!”

ในตอนนี้ มีเสียงหนึ่งดังมาจากที่ไกล

เป็นเฉียนไฉที่แอบซ่อนตัวอยู่ไกล ๆ พอเห็นฉินหมิงมาถึงในที่สุดก็โผล่หัวออกมา

“มาแอบซุ่มทำอะไรอยู่ที่นี่?”

“ฮ่า ๆ กระหม่อมก็คิดอยู่แล้วว่าท่านจะต้องมา เรื่องนี้กระหม่อมได้ทูลในราชสำนักแล้วว่า หากไม่มีท่านก็คงไม่ได้ แต่ฝ่าบาทไม่ทรงเชื่อ”

“นี่สุดท้ายก็ยังคง... เชิญท่านกลับมามิใช่หรือ!”

เดิมทีเฉียนไฉคิดจะพูดหยอกล้อสองสามประโยค แต่เมื่อคิดดูแล้ว ที่นี่คนค่อนข้างเยอะ

จึงไม่ได้พูดจาหยอกล้ออะไรออกมา

“คนของเจ้าเล่า เจ้าคงไม่ได้มาแค่คนเดียวหรอกนะ?”

“จะเป็นไปได้อย่างไร!”

ฉินหมิงมองไปทางด้านหลัง

ก็พลันพบว่าในห้องที่อยู่ไกลออกไป ยังมีคนอีกไม่น้อยกำลังชะโงกหน้ามองออกมาข้างนอก

เมื่อเห็นตนเอง ก็พากันเดินออกมามากขึ้น

“องค์ชาย!”

“องค์ชาย!”

พวกเขาล้วนเป็นคนของกรมคลัง มาที่นี่ก็เพื่อมาเป็นลูกมือให้ฉินหมิง

เมื่อเห็นว่ามีผู้ช่วยมามากมายขนาดนี้

ฉินหมิงก็โบกมืออย่างยิ่งใหญ่แล้วกล่าวว่า

“เริ่มงานได้!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

มีการแบ่งโต๊ะออกมาสองสามตัว ฉินหมิงและคนของกรมคลัง ร่วมกันตรวจสอบบัญชีกับกองคาราวานสินค้าที่ท่าเรือตลอดทั้งคืน

...

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อฉินหมิงยืดตัวขึ้นจากโต๊ะภายในห้อง

ก็เห็นเฉียนไฉและลู่โหย่วสองสามคนนอนหลับกันระเกะระกะอยู่ข้าง ๆ

ฉินหมิงไม่รบกวนพวกเขา หันหลังแล้วเดินออกจากห้องไป

ฉางไป๋ซานรออยู่ข้างนอกแล้ว

เมื่อเห็นฉินหมิงตื่นขึ้น ก็รีบเดินเข้ามาอยู่ข้างกายเขา

“เจ้าไปที่กรมกลาโหมสักเที่ยว ไปเอาตราอาญาสิทธิ์ของค่ายทหารอู่เวยมา”

“หา?”

ฉางไป๋ซานเบิกตากว้าง ยังไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ฉินหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เอามาให้ข้าก็พอ”

“เช่นนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ตอนบ่าย หลังจากที่ฉินหมิงทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูจวนตระกูลกวนตรงเวลา

“ฉินหมิงมาขอพบ รบกวนช่วยแจ้งให้ด้วย”

“องค์ชาย ท่านโปรดรอสักครู่”

องครักษ์ที่หน้าประตูสองสามคนต่างตกใจ

เมื่อสองวันก่อนคุณหนูใหญ่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเดินออกจากเรือนไป ไม่ถึงครึ่งวันก็กลับมาอย่างเงียบ ๆ

ไม่ได้พูดเรื่องถอนหมั้น และก็ไม่ได้พูดเรื่องแต่งงาน

ดูเหมือนว่าการแต่งงานของทั้งสองคนจะถูกพักไว้เช่นนั้น

ในตอนที่พวกเขากำลังคิดว่าเรื่องราวจะจบลงเช่นนี้แล้ว

ฉินหมิงกลับมาแล้ว

คนสองสามคนเดินมาอยู่ต่อหน้านางเฉินด้วยความกังวลใจมาตลอดทาง

กล่าวเสียงเบาว่า

“ฮูหยิน ฉินอ๋องมาแล้วขอรับ”

สองสามวันนี้นางเฉินก็ไม่ได้ถามอะไรจากปากบุตรสาวได้

รู้เพียงแค่ว่าการแต่งงานนั้นยังไม่ได้ถูกยกเลิก

ในตอนนี้เมื่อได้ยินข่าวการมาถึงของฉินหมิง ก็ดูประหลาดใจอยู่บ้าง

“เขาได้นำสิ่งใดมาด้วยหรือไม่? มาเพื่อสู่ขอหรือ?”

“ไม่เลยขอรับ มาคนเดียวมือเปล่า”

“เจ้าเด็กคนนี้นี่...”

นางเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย

นางเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย พาไปที่โถงด้านหน้า ข้าจะพบเขาก่อน”

“ขอรับ!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 100

    “กระไรนะ?!”เมื่อเว่ยกว่างซวินลองคิดดู ก็พบว่ามีความเป็นไปได้นี้จริงๆเดิมหานหมิงรุ่ยก็ถูกปลดลงมาจากราชสำนักจะรู้จักฉินอ๋องก็ไม่แปลกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!ซุนเฉิงคาดเดาต่อไปว่า“ท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งก่อนตอนที่ฉินอ๋องพบว่าพวกเราหาคนมาช่วย ก็ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย”“ใช่แล้ว ที่แท้พวกเขารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วนี่เอง”ภายในใจของเว่ยกว่างซวินเย็นยะเยียบขึ้นมาดูท่ามีแต่พวกเขาสองพี่น้อง ที่ถูกปั่นหัวอยู่เล่นอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่น“เรื่องนี้อย่าได้พูดถึงอีก วันหลังพวกเราให้ถือเสียว่าไม่เคยเสียเปรียบเพราะฉินอ๋องแล้วกัน”เว่ยกว่างซวินได้วิธีการรับมืออย่างรวดเร็วซุนเฉิงก็พยักหนักอย่างหนักเช่นกันอย่างรวดเร็ว ความไม่พอใจแต่เดิมที่มีต่อฉินหมิงก็ถูกพวกเขาเก็บซ่อนไปเป็นอย่างดีภายหลังจากจินตนาการเรื่องราวออกมามากมาย พวกเขาสองคนก็รีบตามไปอย่างว่าง่ายมิได้สร้างปัญหาใดอีก…… ในฐานะผู้ที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉินหมิงนั้นไม่รู้ว่าซุนเฉิงและเว่ยกว่างซวินพูดคุยสิ่งใดกันเพียงพบว่าหลังพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต่างมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานราวดอกไม้บนใบหน้าก็ไม่พบร่องรอยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 99

    หานหมิงรุ่ยเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นดังนั้นคำพูดของเขา ย่อมแสดงถึงท่าทีของทางการฉินหมิงจึงมิได้ถกเถียงกับเขา แต่กล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับเป็นข้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว”“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีเจตนาดี เพียงแต่บรรดาทหารในกองทัพก็ต้องการความสมดุลระหว่างหน้าที่และการพักผ่อนเช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”เพราะอยากเล่นพนัน ท่าทีในการพูดจาของหานหมิงรุ่ยต่อฉินหมิงในยามนี้จึงดีขึ้นไม่น้อย“เช่นเดียวกันกับกระหม่อม ยามปกติก็ชอบเล่นตาสองตา การพนันเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มพูนความสุขและความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”หานหมิงรุ่ยมิได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นยามเกิดเรื่องในตอนนั้น ผู้ที่รู้จึงมีไม่มากยกตัวอย่างเช่นพวกเฉาชวน คนเหล่านี้ล้วนไม่รู้เลยโชคดีที่ครอบครัวของกวนเยว่กับเยว่โส่วเจียงเป็นเพื่อนเก่ากันมานานปกติแล้ว เมื่อแม่ทัพระดับสูงอย่างพวกเขาพูดคุยกันในยามว่าง ถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมาด้วยเหตุนี้ จนถึงตอนนี้หานหมิงรุ่ยจึงยังคงคิดว่า เรื่องของตนนั้นที่นี่น่าจะมีคนรู้ไม่มากดังนั้นต่อหน้าพวกฉินหมิง ตนจึงสามารถแสร้งแสดงเป็นผู้ทรงคุณธรรมไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 98

    พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร ปลอมตัวเป็นทหารที่กำลังพักผ่อนเล่นไพ่โกวกันอยู่ที่นี่เมื่อเห็นฉินหมิงเดินเข้ามา เหล่ามืออาชีพที่กำลังนั่งไข้วขาอยู่บนพื้นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก“ย๊าก! กิน!”“เพิ่มร้อยยี่สิบแปดเท่า! จ่ายเงินมา!”หานหมิงรุ่ยชะงักเท้าลงจริงๆ สายตาเหลือบมองไปที่การเรียงไพ่ด้านล่างอย่างอดไม่ได้ฉินหมิงไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเล่นของเจ้าสิ่งนี้นักรู้เพียงว่าไพ่โกวของต้าเฉียน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไพ่นกกระจอก ปกติเป็นแผ่นไม้ เพียงแต่รูปร่างจะแบนกว่ายาวกว่าในขณะที่กำลังกังวลว่าพวกเขาจะแสดงมากเกินไปจนโป๊ะแตกหานหมิงรุ่ยซึ่งเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็เห็นไพ่โกวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก็พยักหน้าแล้วพึมพำว่า“ร้อยยี่สิบแปดเท่า เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว…”ดูจากท่าทางแล้ว ต้องคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วเป็นแน่ฉินหมิงสบตากับซ่งติ้งเซิงคราหนึ่ง คนทั้งสองล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหานหมิงรุ่ยแต่การตกปลานั้นจะต้องมีความอดทนฝีเท้าของฉินหมิงมิได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังหันศีรษะไปมองหานหมิงรุ่ยที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังด้วยหานหมิงรุ่ยก็รู้ตัวว่าพลาดไป มองเกมไพ่เบื้องล่างทีหนึ่งอย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 97

    ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหานหมิงรุ่ยขาดความซื่อสัตย์ ผู้ที่รู้ถึงการกระทำในอดีตของเขาล้วนไม่มีทางมอบหมายงานสำคัญและเป็นเพราะอาศัยผลงานทางทหารที่สั่งสมมานานหลายปี เขาถึงสามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการในหลิ่งหนานได้ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายทหาร การมีตัวตนของเขายังคงประดุจสุนัขที่ไร้ผู้เหลียวแลเมื่อเวลาผ่านไป หนังหน้าหนาของเจ้าตัวนี้จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไร้ยางอายถึงขึ้นปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเหลวแหลกเสียเลยเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แบบใดสบายใจก็ทำแบบนั้น เห็นผู้ใดไม่ถูกใจก็ชักสีหน้าก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้แต่ฉินหมิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตานี่ค่อนข้างคล้ายพวกระดับผู้นำในองค์กรต่างๆ ที่ผ่านไปนานหลายปีก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่บ้างซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า อนาคตไร้หนทางก้าวหน้าแล้วจึงคร้านที่จะเสแสร้งอีก ทำตามอำเภอใจเสียเลยเฉาชวนมองความไม่สบอารมณ์ของฉินหมิงออก จึงเป็นตัวแทนเขาเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหานหมิงรุ่ยแทน“ยากนักที่ท่านแม่ทัพหานจะมาเยือนสักครั้ง นั่งลงสนทนากันก่อนเถอะขอรับ”“คุยอะไร? ท่านอ๋อง เรื่องนี้เดิมก็เป็นพวกท่านที่ทำไม่ถูก”หานหมิงรุ่ยเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 96

    ซ่งติ้งเซิงเดินไปที่ข้างกายฉินหมิงแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ทรงไม่ต้องสอนพวกเขาดอกพ่ะย่ะค่ะ”“คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกฝีมือแก่กล้ามากประสบการณ์ หากต้องการวางแผน พวกเขาสามารถทำได้เอง ไม่แน่ว่าผลงานที่ออกมายังอาจทำได้ดีกว่าที่ทรงกำกับอีกพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้เป็นเช่นนี้”มุมปากของฉินหมิงกระตุก เดิมคิดจะเตือนพวกเขาว่าควรเล่นอย่างไรตอนนี้ดูไปคงไม่จำเป็นแล้ว“งั้นก็ไปเถอะ อีกครู่เจ้ามอบผลประโยชน์ให้พวกเขาหน่อย ให้คนปิดปากให้สนิทขึ้น”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงก็ให้พวกเขาใส่เครื่องแบบทหาร แล้วนั่งอยู่ในบริเวณที่สะดุดตารอเหยื่อมาติดกับในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงยังเรียกหลิวฉ่วงมาด้วย“เหล่าหลิว เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนในค่ายทหาร”เรื่องอื่นไม่พูดถึง หากต้องการลงไม้ลงมือแล้วล่ะก็ หลิวฉ่วงนั้นเป็นพวกสายลุยตัวจริงมีบางครั้งหากไม่ทันระวัง เขากระทั่งทุบตีคนจนตายได้เมื่อเรียกแม่ทัพผู้ดุดันคนนี้มาเข้าร่วม ฉินหมิงก็ถือว่าได้ทำประกันเพิ่มให้ตนเองอีกชั้นหลิวฉ่วงรู้จักฉินหมิงเป็นอย่างดี เห็นเขาท่าทางมีลับลมคมใน จึงบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างว่า“ท่านอ๋อง ท่านเรียกกระหม่อมมาต้องไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 95

    “สร้างกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ใช่แล้ว เจ้ากินก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยออกมา เราไปทำธุระกันสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงดื่มโจ๊กข้าวกล้องหมดภายในไม่กี่คำ สวมชุดขุนนางเสร็จ ก็สาวเท้าออกจากประตูใหญ่ทันทีฉินหมิงที่รออยู่บริเวณมุมกำแพง กระซิบเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตของหานหมิงรุ่ยแก่เขาหลังฟังจบ ซ่งติ้งเซิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนใจอย่างอดไม่ได้ เรื่องสกปรกในราชสำนักช่างมีมากมายเสียจริงเขาถูกมือไปมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า“ท่านอ๋อง กระหม่อมมีคำถามข้อหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“คำถามอะไร?”“หานหมิงรุ่ยผู้นั้น คืนเงินท่านแม่ทัพเย่แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไร้สาระ ย่อมไม่น่ะสิ เจ้าคนไร้เมียนั่นตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะหวังให้เขาคืนเงิน?”ฉินหมิงค้อนเขาทีหนึ่งโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณธรรมจริยธรรมแม้น ‘ติดหนี้ต้องชดใช้’ จะเป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ก็ยังมีอีกคำกล่าวที่ว่า ‘เหาเยอะไม่กลัวคัน’ ด้วย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นหากพวกเรายังเล่นงานเขาเช่นนี้อีก มิเท่ากับไร้คุณธรรมอย่างยิ่งหรือพ่ะย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status