Share

บทที่ 11

Author: หออักษร
พวกเขาไม่ได้ปิดบังอะไร เฉาชวนเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อน

“องค์ชาย หลิ่งหนานยากจนข้นแค้นที่สุด พวกเราจะไปทำอะไร?”

หวู่ชิงเหย่กล่าวว่า

“ค่ายทหารอู่เวยอยู่ที่เมืองหลวงยังมีราชสำนักคอยจัดหาเสบียงให้ หากไปหลิ่งหนานแล้ว แม้แต่ข้าวยังไม่มีจะกิน!”

ฉินหมิงพยักหน้าเบา ๆ แล้วถามต่อไปว่า

“ยังมีอีกหรือไม่?”

หลิวฉ่วงก็ไม่ได้ปิดบังเช่นกัน เอ่ยปากถึงปัญหาที่สำคัญที่สุดออกมาโดยตรง

“พวกเรากับท่านไม่คุ้นเคยกัน”

“เป็นไปไม่ได้ที่จะต้องทิ้งตำแหน่งในเมืองหลวง ไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเพื่อท่าน”

ตอนนี้ฉินหมิงไม่ใช่แม้แต่องค์รัชทายาทแล้ว

ผู้มีสายตาเฉียบแหลมล้วนมองออกว่าเขาถูกลดขั้นไปยังหลิ่งหนาน

ก่อนจะไปยังคิดจะพาค่ายทหารอู่เวยที่ไม่คุ้นเคยกับเขาไปด้วย

หากอีกฝ่ายยอมตามเขาไปโดยไม่มีคำบ่นแม้แต่น้อย นั่นสิถึงจะเรียกว่าแปลก

ฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย

แต่ในเมื่อเขาได้ค่ายทหารอู่เวยมาแล้ว ก็จะปล่อยมือไปไม่ได้

ในใจของเขาเริ่มคิดถึงเรื่องการแยกค่ายทหารอู่เวยแล้ว

ผลไม้ที่เด็ดมาโดยใช้กำลังบังคับอาจไม่หวาน แต่มันก็ช่วยดับกระหายได้

นี่คือวิธีสุดท้าย คือแยกพวกเขาออกจากกัน แล้วผนวกรวมเข้ากับสามหน่วยพิทักษ์ของตนเอง

จะได้ไม่ต้องมาต่อล้อต่อเถียงกันให้มากความ

“เช่นนั้นแล้ว ท่านคุ้นเคยกับข้าหรือไม่?”

ในขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียด

เสียงหนึ่งก็พลันดังมาจากข้างนอก

กวนเยว่เปิดม่านกระโจมแล้วเดินเข้ามา

เมื่อเห็นนาง แม่ทัพทั้งสามก็กล่าวด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง

“เยว่เยว่ เจ้ามาได้อย่างไร!”

“ท่านอาทั้งสาม ตระกูลกวนจะไปหลิ่งหนานพร้อมกับพวกท่าน!”

กวนเยว่จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเป็นประกาย น้ำเสียงค่อนข้างเอาแต่ใจเล็กน้อย

“ว่ากระไรนะ!?”

คำพูดนี้ ทำให้สมองของทั้งสามคนตามไม่ทัน

ตั้งแต่เมื่อไรกันที่กวนเยว่กับองค์รัชทายาท...

การหมั้นหมายไม่ได้ถูกระงับไปแล้วหรือ?

“ตัดสินใจกระทันหันเจ้าค่ะ”

กวนเยว่กล่าวอย่างเปิดเผย แต่หัวใจกลับเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นแอบเหลือบมองฉินหมิง

กลับพบว่าสายตาของฉินหมิง จับจ้องอยู่ที่นางมาโดยตลอด

ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางก็พลันแดงก่ำ

“นี่มันกะทันหันเกินไป พวกเรา...”

หวู่ชิงเหย่โบกมือปฏิเสธรัว ๆ

การปรากฏตัวของกวนเยว่ ทำให้แผนการของพวกเขาพังทลายลงทั้งหมด

“ดี! เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!”

ฉินหมิงไม่ให้โอกาสพวกเขาได้พูดอะไรอีก

ก่อนจะจากไป เขากล่าวกับทั้งสามคนว่า

“ท่านทั้งสาม ข้ามิได้มาเพื่อเจรจากับพวกเจ้า”

“จะคุ้นเคยหรือไม่ จะรู้จักข้าหรือไม่ข้าไม่สน แต่หากพวกเจ้าไม่ไป ข้าก็จะแยกค่ายทหารอู่เวย!”

“ท่าน...!”

คำขู่ที่มีลักษณะอันธพาลเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในที่นั้นดูย่ำแย่ลง

“ท่านไม่ควรจะพูดเช่นนี้”

หลังจากออกมาแล้ว กวนเยว่ก็ขมวดคิ้วแล้วเตือนฉินหมิง

“หากไม่พูดเช่นนี้ พวกเขาก็จะหาโอกาสยืดเยื้อต่อไปอีก... ว่าแต่ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”

ฉินหมิงหยุดฝีเท้าทันที จ้องมองกวนเยว่ที่งดงามราวกับเทพธิดาอย่างเงียบ ๆ

กวนเยว่หน้าแดงเล็กน้อย

“หากหม่อมฉันไม่มา วันนี้ท่านก็คงจะต้องสู้กับพวกเขาแล้ว”

กวนเยว่พูดไม่ผิดเลยจริง ๆ

หากเมื่อครู่ฉินหมิงพูดออกมาโดยตรงว่า ตนเองจะแยกค่ายทหารอู่เวย

คาดว่าแม่ทัพทั้งสามคนนั้นคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

โชคดีที่มีกวนเยว่อยู่ที่นี่ พวกเขาเกรงใจนาง จึงไม่ได้ลงไม้ลงมือ

“อีกครึ่งเดือนข้าก็จะไปแล้ว ไปด้วยกันหรือไม่?”

ฉินหมิงก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จับมือของกวนเยว่แล้วเอ่ยถาม

“เวลาครึ่งเดือน ท่านจะหาเงินมาเลี้ยงดูค่ายทหารอู่เวยได้อย่างไร?”

กวนเยว่กังวลมาก เมื่อครู่อยู่ข้างนอก นางได้ยินคนในค่ายทหารพูดกันแล้ว

ค่ายทหารอู่เวยนี้ฉินหมิงใช้กำลังทวงกลับมา

ราชสำนักไม่สนใจ

แต่ค่ายทหารใหญ่ขนาดนี้ หากไม่มีเงินช่วยเหลือจากราชสำนัก ฉินหมิงอาจจะไม่มีปัญญาแม้แต่จะจ่ายเบี้ยหวัดทหาร

“ข้าย่อมมีวิธีของข้า”

ฉินหมิงแสยะยิ้ม

แล้วพากวนเยว่กลับไปยังจวนอ๋อง

เมื่อเห็นฉินหมิงออกไปรอบหนึ่ง ก็พากวนเยว่กลับมาด้วย

ฉางไป๋ซานและเสี่ยวชุ่ยต่างก็ตกตะลึง

“องค์ชาย ท่านนี้คือ...?”

“ไม่มีอะไร แค่พาคู่หมั้นกลับมาดูหน่อย”

“แหวะ! ใครเป็นคู่หมั้นของท่าน?”

กวนเยว่หน้าแดงเล็กน้อย แต่เสียงที่ปฏิเสธกลับเบามาก

ฉินหมิงก็ไม่ได้ใส่ใจ กล่าวกับฉางไป๋ซานว่า

“จวนนี้เป็นของข้าใช่หรือไม่?”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ มีอะไรหรือ?”

ฉางไป๋ซานรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

ใคร ๆ ก็รู้ว่า ตอนที่ฉินหมิงย้ายออกจากตำหนักบูรพา ก็ได้จัดหาจวนหลังนี้ด้วยตนเอง

ฉินหมิงกล่าวอย่างพึงพอใจ

“ใช่ก็ดีแล้ว ขายไปเสีย!”

“ว่ากระไรนะ!?”

ฉางไป๋ซานรีบห้ามฉินหมิง

“องค์ชาย ท่านอย่าได้เลอะเลือนนะพ่ะย่ะค่ะ! นี่คือจวนของท่านในเมืองหลวง ขายไปแล้วอนาคตกลับมาพวกเราจะไปอยู่ที่ไหน?”

“ข้าจะไม่กลับมาแล้ว”

ในเมื่อฉินหมิงตัดสินใจที่จะออกจากเมืองหลวง ไปเป็นอ๋องผู้ครองหัวเมืองอย่างสบายใจ ก็จะไม่กลับมาอีก

ฉางไป๋ซานเดาได้ว่าเหตุใดเขาจึงจะขายจวน จึงเอ่ยปากเสนอวิธีใหม่

“องค์ชายอย่าเพิ่งร้อนใจ สองวันนี้หลังจากที่การค้ากับกองคาราวานสินค้าหนานหยางสิ้นสุดลง ราชสำนักยังจะต้องจัดงานเลี้ยงอีกนะพ่ะย่ะค่ะ หรือว่าท่านจะลองไปเสี่ยงโชคดูสักหน่อย ไปทูลขอจากฝ่าบาท?”

“ข้าไปตอนนี้จะมีความหมายอะไร”

ฉินหมิงขี้เกียจจะไปพูดคุยกับฮ่องเต้เฉียนผู้ดื้อรั้นให้มากความ

ฉางไป๋ซานกล่าวเตือน

“ท่านลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ทุกปีในช่วงเวลานี้ คนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางจะจัดให้มีการประชันบทกวีและประลองยุทธ์”

“ราชสำนักก็จะนำเงินหลายหมื่นตำลึงมาเป็นเงินรางวัล”

“หากท่านสามารถคว้าอันดับหนึ่งมาได้ในช่วงเวลานี้ มิใช่ว่า...”

ฉางไป๋ซานพูดเช่นนี้ก็มีเหตุผลอยู่บ้าง

คนในราชสำนักหลายคนรู้ดีว่า ฉินหมิงมีความสามารถรอบรู้

กำลังจะไปจากเมืองหลวงแล้ว

ฉวยโอกาสนี้ใช้ความสามารถของตนเองกอบโกยเงินสักก้อน ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไร

“เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล”

ฉินหมิงคิดดูแล้ว หากเป็นการประชันบทกวีก็คงไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนเรื่องการประลองยุทธ์...

เขาหันหน้าไปมองกวนเยว่

“พวกเราสองสามีภรรยาร่วมลงสนามกันเถอะ”

“ท่าน... คนลามก ใครเป็นสามีภรรยากับท่าน?”

“เจ้ากลัวว่าจะคว้าอันดับหนึ่งมาไม่ได้หรือ?”

“ใครกลัวเป็นลูกหมา”

“เช่นนั้นตกลงตามนี้”

ทั้งสองคนรออยู่สามวัน

คืนวันนั้น ในที่สุดคนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางก็ทำการค้าขายเสร็จสิ้น

สินค้าต่าง ๆ ก็ถูกพวกเขาตรวจสอบและลงบัญชี ส่งเข้าไปในเรือใหญ่ของตน

ราชสำนักได้รับผลประโยชน์มากมายจากเรื่องนี้

จึงได้จัดงานเลี้ยงเป็นพิเศษ เชิญคนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางเข้าวัง

ขุนนางระดับต่าง ๆ ก็ได้รับเชิญมาที่นี่ เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง

แต่ในฐานะผู้มีความดีความชอบในการค้าครั้งนี้ ฉินหมิงกลับไม่ได้รับคำเชิญ

ฉางไป๋ซานยืนรออยู่ที่หน้าประตูจวนอ๋อง รออยู่ครึ่งค่อนบ่าย

ในที่สุดก็กลับมายังจวนของฉินหมิงด้วยความโมโห

“องค์ชาย ไม่มีใครมาเชิญท่านเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่มีใครมาก็ปกติ อย่างไรเสีย ข้าก็เป็นแค่เชื้อพระวงศ์ตกอับคนหนึ่ง”

ฉินหมิงพยักหน้ายิ้ม ๆ บนใบหน้าก็ไม่เห็นความผิดหวังใด ๆ

เขากำลังรอคนผู้หนึ่งอยู่

ในยามอาทิตย์อัสดง หญิงสาวงดงามนางหนึ่งในชุดกระโปรงยาวสีเหลืองก็เดินมาจากที่ไกล ๆ

“ฉินอ๋องของหม่อมฉัน ท่านได้รับคำเชิญแล้วหรือยัง?”

“ยังเลย”

“หม่อมฉันก็ยัง”

ทั้งสองคนสบตากันแล้วยิ้ม

ฉินหมิงเอ่ยปาก

“แต่ก็ไม่มีใครบอกว่า หากไม่มีคำเชิญแล้วจะไปไม่ได้”

“หม่อมฉันก็คิดเช่นนั้น”

ทั้งสองคนขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปยังพระราชวังอย่างเงียบ ๆ

เมื่อมาถึงหน้าประตูพระราชวัง องครักษ์เห็นรถม้าที่คุ้นเคย ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

“องค์ชาย...?”

“ข้ามาเข้าร่วมงานเลี้ยงยามค่ำในวัง”

ฉินหมิงโผล่ศีรษะออกมาจากรถม้า เอ่ยปากอย่างเรียบเฉย

องครักษ์สองสามคนพลันลังเลขึ้นมาทันที

ฉินหมิงส่งสายตาให้ฉางไป๋ซาน

“ขยับที่หน่อย อย่าให้ชนพวกเจ้า!”

ฉางไป๋ซานไม่รอช้า

ต่อหน้าพวกเขา ก็ควบม้าเบียดเข้าไปข้างในทันที
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 426

    “ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็รายงานขึ้นไปเถิด แต่ค่ายทหารในมือข้าไม่มีทางมอบให้ราชสำนักเด็ดขาด”คำพูดของพวกเขา อันที่จริงฉินหมิงคาดการณ์ได้นานแล้วแต่ค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงเป็นคนสร้างขึ้นมากับมือไม่ว่าจะเป็นโรงช่าง โรงทอผ้า ร้านขายผ้า หรือโรงผลิตเกลือ ต่างก็เป็นของเขาทั้งสิ้น“ท่านอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เหรินโซ่วผู้อยู่ด้านข้างเพิ่งได้ยินฉินหมิงกล่าวตอบ ก็คัดค้านขึ้นทันทีแต่ฟู่เจิ้งเซวียนกลับห้ามเขาไว้“ท่านอ๋อง ท่านจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่พวกกระหม่อมจะรายงานต่อราชสำนักตามความเป็นจริงพ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เจิ้งเซวียนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับฉินหมิงให้มากความที่พวกเขามาครั้งนี้ก็แค่ทำตามขั้นตอนเท่านั้นส่วนความผิดที่แท้จริงของฉินหมิงนั้น ถูกกำหนดไว้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเสียอีก“ย่อมได้”ฉินหมิงพยักหน้าเชื่องช้าระยะนี้ โรงช่างของพวกเขาเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง สามารถติดอาวุธให้ทั้งค่ายทหารได้อย่างทั่วถึงแม้แต่จำนวนปืนคาบศิลา ก็มีถึงหนึ่งพันกว่ากระบอกยาเม็ดยิ่งเตรียมไว้นับไม่ถ้วนถ้าราชสำนักมาจริงก็พร้อมสู้นับตั้งแต่ที่ฉินหมิงมาถึงโลกใบนี้ เขาก็ตระหนักดีว่า ไม่ว่ายุคใดสมัยใดควา

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 425

    อีกด้านหนึ่ง ภายในจวนของฉินหมิงหลิ่วเยว่หลีกำลังรายงานตำแหน่งของเหล่าองครักษ์เงา“ท่านอ๋อง ครั้งนี้ตรวจพบสิบกว่าคน พวกเขารวมตัวกันอยู่ที่อำเภอซี ในสังกัดเมืองเฉียนถังเพคะ”“ข้ารู้แล้ว”ฉินหมิงพยักหน้าแช่มช้า จากนั้นจึงเหน็บดาบยาวไว้ข้างเอว ก่อนขี่ม้าตรงไปที่อำเภอซีด้วยตนเองไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าครั้งนี้ ฉินหมิงจะไปกำจัดเหล่าองครักษ์เงาเพียงลำพัง!กลุ่มข่าวกรองของหลิ่วเยว่หลี เพียงระบุตำแหน่งให้เขารู้เท่านั้นการลงมือฉายเดี่ยวของฉินหมิงนั้นทั้งรวดเร็ว แม่นยำ และเด็ดขาด โดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสตั้งตัวสักนิด!ฉินหมิงมีความสามารถถึงขั้นนั้นแล้วแม้การออกกระบวนท่าต่าง ๆ จะยังไม่ชำนาญนัก แต่สิ่งที่เขาขาดในยามนี้ก็คือการฝึกฝน“หวังว่าคู่ซ้อมในวันนี้จะทำให้ข้าพอใจก็แล้วกัน”ขณะนั่งอยู่บนหลังม้า ฉินหมิงก็พึมพำกับตนเองอาศัยพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ฉินหมิงย่อมต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างสูสีแม้จะมีเพียงตัวคนเดียว แต่เขาก็สามารถสังหารหมู่กลุ่มคนขนาดเล็กของฝ่ายตรงข้ามได้ถึงสิบกว่ากลุ่มเขาลงมือเพียงลำพัง ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือต่อให้พบเห็น พวกเขาก็คงไม่คิดว่าฉินหมิงผู้ควบม้าอยู่ด้านนอกเพียงลำพ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 424

    พวกเขาล้วนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักเดิมทีฟางชิงหย่วนก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่หลังถูกลดตำแหน่งมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีอำนาจเหมือนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งใหญ่อีกต่อไปย่อมทำให้บรรดาเพื่อนขุนนางที่เคยร่วมงานกัน คิดดูแคลนเล็กน้อยประกอบกับจุดยืนของพวกเขาในยามนี้แตกต่างกันขุนนางส่วนใหญ่ล้วนยืนอยู่ข้างเซียวซูเฟย จึงไม่คิดเปิดโอกาสให้ฉินหมิงกับฟางชิงหย่วนได้แข็งข้อส่วนหลี่เหรินโซ่วผู้เป็นถึงรองเจ้ากรมกลาโหม ด้วยความที่กรมกลาโหมมักไปเบิกเงินและเสบียงจากกรมคลังอยู่บ่อยครั้งแต่ฟางชิงหย่วนเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการจึงปฏิเสธคำขอของหลี่เหรินโซ่วเป็นประจำ ทำให้หลี่เหรินโซ่วแค้นฝังใจในเวลานี้เมื่อเห็นเขาตกต่ำ หลี่เหรินโซ่วจึงต้องเข้ามาเหยียบย่ำซ้ำเติมเป็นธรรมดาเมื่อได้ยินคำพูดดูแคลนของอีกฝ่าย บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของฉินหมิงอย่างซ่งติ้งเซิงและหลิวฉ่วง ต่างก็รู้สึกไม่พอใจฟางชิงหย่วนเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมผู้ใดโดยง่าย จึงกล่าวขึ้นทันที“ใต้เท้าหลี่ หากท่านไม่เข้าใจบัญชีของกรมกลาโหม ก็มากราบข้าเป็นอาจารย์สิ เดี๋ยวข้าสอนท่านเอง”“จะให้ข้ากราบเจ้าเป็นอาจารย์น่ะหรือ?”หลี่เหรินโซ่วเบะปากด้วยคว

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 423

    “รับบัญชาเพคะ!”หลิ่วเยว่หลีพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนหันหลังเตรียมตัวเดินจากไปนางจะนำกลุ่มองครักษ์ลับ ไปสืบหาร่องรอยขององครักษ์เงาเหล่านั้นส่วนฉินหมิง ช่วงนี้คงต้องลบล้างอิทธิพลที่เกิดจากสำนักหลัวให้ได้ก่อนรัตติกาลมาเยือน กวนเยว่ต้มชาโสมถ้วยหนึ่ง นำมาวางลงตรงหน้าฉินหมิงฉินหมิงสวมเสื้อคลุมตัวหนึ่ง นั่งรับลมฤดูใบไม้ร่วงอยู่ในศาลา“หากราชสำนักใช้เรื่องสำนักหลัวเป็นข้ออ้าง นำทัพเข้ามาในหลิ่งหนาน พวกเราจะทำอย่างไร?”กวนเยว่กังวลใจเรื่องค่ายทหารอู่เวยยิ่งนักเนื่องจากนี่คือกองทัพสำคัญที่บิดานางทิ้งไว้ให้ฉินหมิงเคยกล่าวไว้ว่า จะฟื้นฟูมันขึ้นมาใหม่บัดนี้ เขาทำได้แล้ว แต่ก็มีแรงกดดันจากราชสำนักตามมาติด ๆ เช่นกัน“กองทัพเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ราชสำนักจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ รอให้พวกเขาเคลื่อนไหวก่อนค่อยว่ากัน”“อืม”หลายวันต่อมา คณะผู้ตรวจสอบจากราชสำนักก็เดินทางมาถึงหลิ่งหนานคนที่มาในครั้งนี้คือ หัวหน้าผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายแห่งสำนักตรวจสอบ ฟู่เจิ้งเซวียนผู้ช่วยของเขาคือรองเจ้ากรมกลาโหม หลี่เหรินโซ่วนอกจากนี้ยังมีลู่เหยียนเหนียนจากกรมทหารม้า เริ่นหลิงอวิ๋นจากกรมโยธาธิการและผู้คน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 422

    ในอดีตครั้งที่เฉินซื่อเม่าอยู่ในราชสำนัก เขายังพอจะกดข่มคำพูดว่าร้ายฉินหมิงจากฝ่ายพระสนมเซียวซูเฟยได้บ้างแต่เมื่อเขาออกมาจากเมืองหลวง พระสนมเซียวซูเฟยและเหล่าขุนนางใต้สังกัดนางก็สบโอกาสลงมือพวกเขาอาศัยจังหวะนี้ เริ่มโจมตีฉินหมิงทันทีเมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนสอบถาม“แล้วศึกทางเหนือเล่า พวกเขาไม่สนใจแล้วหรือ?”“ได้ข่าวว่ายังรบกันอยู่ แต่ฝ่ายต้าเฉียนน่าจะใกล้ขอเจรจาสงบศึกสำเร็จแล้วเพคะ”“เจรจาสงบศึก!?”ฉินหมิงถึงกับตกตะลึงแม้ชนเผ่าทางเหนือจะมีกำลังรบที่แข็งแกร่ง แต่กำลังรบของต้าเฉียนก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ต้าเฉียนเป็นเพียงฝ่ายตั้งรับรอโต้กลับ แต่บัดนี้กลับคิดยอมจำนนนี่ช่างน่าอัปยศเสียจริงหากเป็นฝ่ายเริ่มขอเจรจาสงบศึก เมื่อถึงเวลาก็ต้องชดใช้ด้วยเงินมหาศาล มิหนำซ้ำอาจต้องยกดินแดนให้อีกฝ่ายต้าเฉียนก่อตั้งประเทศมาหลายชั่วอายุคน ยังไม่เคยปรากฏสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน!“จากการสืบสวนของกองเงาทมิฬ ราชสำนักคงอยากถอนตัวโดยเร็ว เพื่อมาจัดการกับท่านอ๋องเพคะ”หลิ่วเยว่หลีกล่าวถึงการคาดเดาของนางด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและนี่ก็สอดคล้องกับวิธีการทำงานของราช

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 421

    เมื่อเห็นดังนั้น ฉินหมิงก็รีบชักมือกลับทันทีเฉาชวนกับหลิวฉ่วงจึงทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น พลางหอบหายใจหนักหน่วง“สำนักหลัวช่างน่าสะพรึงกลัวโดยแท้!”ยามนี้บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงพูดตามตรง พลังลมปราณของฉินหมิงเวลานี้ หากบอกว่าเป็นอันดับสองในใต้หล้า ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าตนเป็นอันดับหนึ่งแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อมจะไปรวบรวมตำราวรยุทธ์ให้ท่านเองพ่ะย่ะค่ะ!”แม้หลิวฉ่วงจะพ่ายแพ้ให้แก่ฉินหมิง แต่เมื่อฟื้นตัวแล้ว เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งหากฉินหมิงมีพลังต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ หลังฝึกฝนวรยุทธ์ ก็สามารถขึ้นเป็นยอดแม่ทัพอีกคนหนึ่งของค่ายทหาร และเข้าร่วมสงครามได้อย่างแน่นอนและการค้าขายของพวกเขาขณะนี้ก็เป็นไปด้วยดี กิจการทุกประเภทล้วนได้รับผลกำไรมากมายกระทั่งเงินที่เคยหยิบยืมจากหอการค้าหลิ่งหนาน ก็ชดใช้คืนหมดสิ้นและเมื่อมีเงินแล้ว ก็ซื้อตำราฝึกวรยุทธ์เหล่านั้นได้ไม่มีปัญหา“จะลำบากเช่นนั้นไปไย”ฉางไป๋ซานพลันขวางเขาไว้ และโบกมือเบา ๆจากนั้นก็ชี้ไปที่หน้าผากของตนเองพลางกล่าว“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาจากที่ใด?”“ตอนแรกที่ข้าติดตามท่านอ๋องนั้น ความจริงก็เพื่อฝึ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status