Share

บทที่ 11

Author: หออักษร
พวกเขาไม่ได้ปิดบังอะไร เฉาชวนเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อน

“องค์ชาย หลิ่งหนานยากจนข้นแค้นที่สุด พวกเราจะไปทำอะไร?”

หวู่ชิงเหย่กล่าวว่า

“ค่ายทหารอู่เวยอยู่ที่เมืองหลวงยังมีราชสำนักคอยจัดหาเสบียงให้ หากไปหลิ่งหนานแล้ว แม้แต่ข้าวยังไม่มีจะกิน!”

ฉินหมิงพยักหน้าเบา ๆ แล้วถามต่อไปว่า

“ยังมีอีกหรือไม่?”

หลิวฉ่วงก็ไม่ได้ปิดบังเช่นกัน เอ่ยปากถึงปัญหาที่สำคัญที่สุดออกมาโดยตรง

“พวกเรากับท่านไม่คุ้นเคยกัน”

“เป็นไปไม่ได้ที่จะต้องทิ้งตำแหน่งในเมืองหลวง ไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเพื่อท่าน”

ตอนนี้ฉินหมิงไม่ใช่แม้แต่องค์รัชทายาทแล้ว

ผู้มีสายตาเฉียบแหลมล้วนมองออกว่าเขาถูกลดขั้นไปยังหลิ่งหนาน

ก่อนจะไปยังคิดจะพาค่ายทหารอู่เวยที่ไม่คุ้นเคยกับเขาไปด้วย

หากอีกฝ่ายยอมตามเขาไปโดยไม่มีคำบ่นแม้แต่น้อย นั่นสิถึงจะเรียกว่าแปลก

ฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย

แต่ในเมื่อเขาได้ค่ายทหารอู่เวยมาแล้ว ก็จะปล่อยมือไปไม่ได้

ในใจของเขาเริ่มคิดถึงเรื่องการแยกค่ายทหารอู่เวยแล้ว

ผลไม้ที่เด็ดมาโดยใช้กำลังบังคับอาจไม่หวาน แต่มันก็ช่วยดับกระหายได้

นี่คือวิธีสุดท้าย คือแยกพวกเขาออกจากกัน แล้วผนวกรวมเข้ากับสามหน่วยพิทักษ์ของตนเอง

จะได้ไม่ต้องมาต่อล้อต่อเถียงกันให้มากความ

“เช่นนั้นแล้ว ท่านคุ้นเคยกับข้าหรือไม่?”

ในขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียด

เสียงหนึ่งก็พลันดังมาจากข้างนอก

กวนเยว่เปิดม่านกระโจมแล้วเดินเข้ามา

เมื่อเห็นนาง แม่ทัพทั้งสามก็กล่าวด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง

“เยว่เยว่ เจ้ามาได้อย่างไร!”

“ท่านอาทั้งสาม ตระกูลกวนจะไปหลิ่งหนานพร้อมกับพวกท่าน!”

กวนเยว่จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเป็นประกาย น้ำเสียงค่อนข้างเอาแต่ใจเล็กน้อย

“ว่ากระไรนะ!?”

คำพูดนี้ ทำให้สมองของทั้งสามคนตามไม่ทัน

ตั้งแต่เมื่อไรกันที่กวนเยว่กับองค์รัชทายาท...

การหมั้นหมายไม่ได้ถูกระงับไปแล้วหรือ?

“ตัดสินใจกระทันหันเจ้าค่ะ”

กวนเยว่กล่าวอย่างเปิดเผย แต่หัวใจกลับเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นแอบเหลือบมองฉินหมิง

กลับพบว่าสายตาของฉินหมิง จับจ้องอยู่ที่นางมาโดยตลอด

ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางก็พลันแดงก่ำ

“นี่มันกะทันหันเกินไป พวกเรา...”

หวู่ชิงเหย่โบกมือปฏิเสธรัว ๆ

การปรากฏตัวของกวนเยว่ ทำให้แผนการของพวกเขาพังทลายลงทั้งหมด

“ดี! เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!”

ฉินหมิงไม่ให้โอกาสพวกเขาได้พูดอะไรอีก

ก่อนจะจากไป เขากล่าวกับทั้งสามคนว่า

“ท่านทั้งสาม ข้ามิได้มาเพื่อเจรจากับพวกเจ้า”

“จะคุ้นเคยหรือไม่ จะรู้จักข้าหรือไม่ข้าไม่สน แต่หากพวกเจ้าไม่ไป ข้าก็จะแยกค่ายทหารอู่เวย!”

“ท่าน...!”

คำขู่ที่มีลักษณะอันธพาลเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในที่นั้นดูย่ำแย่ลง

“ท่านไม่ควรจะพูดเช่นนี้”

หลังจากออกมาแล้ว กวนเยว่ก็ขมวดคิ้วแล้วเตือนฉินหมิง

“หากไม่พูดเช่นนี้ พวกเขาก็จะหาโอกาสยืดเยื้อต่อไปอีก... ว่าแต่ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”

ฉินหมิงหยุดฝีเท้าทันที จ้องมองกวนเยว่ที่งดงามราวกับเทพธิดาอย่างเงียบ ๆ

กวนเยว่หน้าแดงเล็กน้อย

“หากหม่อมฉันไม่มา วันนี้ท่านก็คงจะต้องสู้กับพวกเขาแล้ว”

กวนเยว่พูดไม่ผิดเลยจริง ๆ

หากเมื่อครู่ฉินหมิงพูดออกมาโดยตรงว่า ตนเองจะแยกค่ายทหารอู่เวย

คาดว่าแม่ทัพทั้งสามคนนั้นคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

โชคดีที่มีกวนเยว่อยู่ที่นี่ พวกเขาเกรงใจนาง จึงไม่ได้ลงไม้ลงมือ

“อีกครึ่งเดือนข้าก็จะไปแล้ว ไปด้วยกันหรือไม่?”

ฉินหมิงก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จับมือของกวนเยว่แล้วเอ่ยถาม

“เวลาครึ่งเดือน ท่านจะหาเงินมาเลี้ยงดูค่ายทหารอู่เวยได้อย่างไร?”

กวนเยว่กังวลมาก เมื่อครู่อยู่ข้างนอก นางได้ยินคนในค่ายทหารพูดกันแล้ว

ค่ายทหารอู่เวยนี้ฉินหมิงใช้กำลังทวงกลับมา

ราชสำนักไม่สนใจ

แต่ค่ายทหารใหญ่ขนาดนี้ หากไม่มีเงินช่วยเหลือจากราชสำนัก ฉินหมิงอาจจะไม่มีปัญญาแม้แต่จะจ่ายเบี้ยหวัดทหาร

“ข้าย่อมมีวิธีของข้า”

ฉินหมิงแสยะยิ้ม

แล้วพากวนเยว่กลับไปยังจวนอ๋อง

เมื่อเห็นฉินหมิงออกไปรอบหนึ่ง ก็พากวนเยว่กลับมาด้วย

ฉางไป๋ซานและเสี่ยวชุ่ยต่างก็ตกตะลึง

“องค์ชาย ท่านนี้คือ...?”

“ไม่มีอะไร แค่พาคู่หมั้นกลับมาดูหน่อย”

“แหวะ! ใครเป็นคู่หมั้นของท่าน?”

กวนเยว่หน้าแดงเล็กน้อย แต่เสียงที่ปฏิเสธกลับเบามาก

ฉินหมิงก็ไม่ได้ใส่ใจ กล่าวกับฉางไป๋ซานว่า

“จวนนี้เป็นของข้าใช่หรือไม่?”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ มีอะไรหรือ?”

ฉางไป๋ซานรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

ใคร ๆ ก็รู้ว่า ตอนที่ฉินหมิงย้ายออกจากตำหนักบูรพา ก็ได้จัดหาจวนหลังนี้ด้วยตนเอง

ฉินหมิงกล่าวอย่างพึงพอใจ

“ใช่ก็ดีแล้ว ขายไปเสีย!”

“ว่ากระไรนะ!?”

ฉางไป๋ซานรีบห้ามฉินหมิง

“องค์ชาย ท่านอย่าได้เลอะเลือนนะพ่ะย่ะค่ะ! นี่คือจวนของท่านในเมืองหลวง ขายไปแล้วอนาคตกลับมาพวกเราจะไปอยู่ที่ไหน?”

“ข้าจะไม่กลับมาแล้ว”

ในเมื่อฉินหมิงตัดสินใจที่จะออกจากเมืองหลวง ไปเป็นอ๋องผู้ครองหัวเมืองอย่างสบายใจ ก็จะไม่กลับมาอีก

ฉางไป๋ซานเดาได้ว่าเหตุใดเขาจึงจะขายจวน จึงเอ่ยปากเสนอวิธีใหม่

“องค์ชายอย่าเพิ่งร้อนใจ สองวันนี้หลังจากที่การค้ากับกองคาราวานสินค้าหนานหยางสิ้นสุดลง ราชสำนักยังจะต้องจัดงานเลี้ยงอีกนะพ่ะย่ะค่ะ หรือว่าท่านจะลองไปเสี่ยงโชคดูสักหน่อย ไปทูลขอจากฝ่าบาท?”

“ข้าไปตอนนี้จะมีความหมายอะไร”

ฉินหมิงขี้เกียจจะไปพูดคุยกับฮ่องเต้เฉียนผู้ดื้อรั้นให้มากความ

ฉางไป๋ซานกล่าวเตือน

“ท่านลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ทุกปีในช่วงเวลานี้ คนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางจะจัดให้มีการประชันบทกวีและประลองยุทธ์”

“ราชสำนักก็จะนำเงินหลายหมื่นตำลึงมาเป็นเงินรางวัล”

“หากท่านสามารถคว้าอันดับหนึ่งมาได้ในช่วงเวลานี้ มิใช่ว่า...”

ฉางไป๋ซานพูดเช่นนี้ก็มีเหตุผลอยู่บ้าง

คนในราชสำนักหลายคนรู้ดีว่า ฉินหมิงมีความสามารถรอบรู้

กำลังจะไปจากเมืองหลวงแล้ว

ฉวยโอกาสนี้ใช้ความสามารถของตนเองกอบโกยเงินสักก้อน ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไร

“เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล”

ฉินหมิงคิดดูแล้ว หากเป็นการประชันบทกวีก็คงไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนเรื่องการประลองยุทธ์...

เขาหันหน้าไปมองกวนเยว่

“พวกเราสองสามีภรรยาร่วมลงสนามกันเถอะ”

“ท่าน... คนลามก ใครเป็นสามีภรรยากับท่าน?”

“เจ้ากลัวว่าจะคว้าอันดับหนึ่งมาไม่ได้หรือ?”

“ใครกลัวเป็นลูกหมา”

“เช่นนั้นตกลงตามนี้”

ทั้งสองคนรออยู่สามวัน

คืนวันนั้น ในที่สุดคนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางก็ทำการค้าขายเสร็จสิ้น

สินค้าต่าง ๆ ก็ถูกพวกเขาตรวจสอบและลงบัญชี ส่งเข้าไปในเรือใหญ่ของตน

ราชสำนักได้รับผลประโยชน์มากมายจากเรื่องนี้

จึงได้จัดงานเลี้ยงเป็นพิเศษ เชิญคนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางเข้าวัง

ขุนนางระดับต่าง ๆ ก็ได้รับเชิญมาที่นี่ เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง

แต่ในฐานะผู้มีความดีความชอบในการค้าครั้งนี้ ฉินหมิงกลับไม่ได้รับคำเชิญ

ฉางไป๋ซานยืนรออยู่ที่หน้าประตูจวนอ๋อง รออยู่ครึ่งค่อนบ่าย

ในที่สุดก็กลับมายังจวนของฉินหมิงด้วยความโมโห

“องค์ชาย ไม่มีใครมาเชิญท่านเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่มีใครมาก็ปกติ อย่างไรเสีย ข้าก็เป็นแค่เชื้อพระวงศ์ตกอับคนหนึ่ง”

ฉินหมิงพยักหน้ายิ้ม ๆ บนใบหน้าก็ไม่เห็นความผิดหวังใด ๆ

เขากำลังรอคนผู้หนึ่งอยู่

ในยามอาทิตย์อัสดง หญิงสาวงดงามนางหนึ่งในชุดกระโปรงยาวสีเหลืองก็เดินมาจากที่ไกล ๆ

“ฉินอ๋องของหม่อมฉัน ท่านได้รับคำเชิญแล้วหรือยัง?”

“ยังเลย”

“หม่อมฉันก็ยัง”

ทั้งสองคนสบตากันแล้วยิ้ม

ฉินหมิงเอ่ยปาก

“แต่ก็ไม่มีใครบอกว่า หากไม่มีคำเชิญแล้วจะไปไม่ได้”

“หม่อมฉันก็คิดเช่นนั้น”

ทั้งสองคนขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปยังพระราชวังอย่างเงียบ ๆ

เมื่อมาถึงหน้าประตูพระราชวัง องครักษ์เห็นรถม้าที่คุ้นเคย ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

“องค์ชาย...?”

“ข้ามาเข้าร่วมงานเลี้ยงยามค่ำในวัง”

ฉินหมิงโผล่ศีรษะออกมาจากรถม้า เอ่ยปากอย่างเรียบเฉย

องครักษ์สองสามคนพลันลังเลขึ้นมาทันที

ฉินหมิงส่งสายตาให้ฉางไป๋ซาน

“ขยับที่หน่อย อย่าให้ชนพวกเจ้า!”

ฉางไป๋ซานไม่รอช้า

ต่อหน้าพวกเขา ก็ควบม้าเบียดเข้าไปข้างในทันที
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 100

    “กระไรนะ?!”เมื่อเว่ยกว่างซวินลองคิดดู ก็พบว่ามีความเป็นไปได้นี้จริงๆเดิมหานหมิงรุ่ยก็ถูกปลดลงมาจากราชสำนักจะรู้จักฉินอ๋องก็ไม่แปลกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!ซุนเฉิงคาดเดาต่อไปว่า“ท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งก่อนตอนที่ฉินอ๋องพบว่าพวกเราหาคนมาช่วย ก็ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย”“ใช่แล้ว ที่แท้พวกเขารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วนี่เอง”ภายในใจของเว่ยกว่างซวินเย็นยะเยียบขึ้นมาดูท่ามีแต่พวกเขาสองพี่น้อง ที่ถูกปั่นหัวอยู่เล่นอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่น“เรื่องนี้อย่าได้พูดถึงอีก วันหลังพวกเราให้ถือเสียว่าไม่เคยเสียเปรียบเพราะฉินอ๋องแล้วกัน”เว่ยกว่างซวินได้วิธีการรับมืออย่างรวดเร็วซุนเฉิงก็พยักหนักอย่างหนักเช่นกันอย่างรวดเร็ว ความไม่พอใจแต่เดิมที่มีต่อฉินหมิงก็ถูกพวกเขาเก็บซ่อนไปเป็นอย่างดีภายหลังจากจินตนาการเรื่องราวออกมามากมาย พวกเขาสองคนก็รีบตามไปอย่างว่าง่ายมิได้สร้างปัญหาใดอีก…… ในฐานะผู้ที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉินหมิงนั้นไม่รู้ว่าซุนเฉิงและเว่ยกว่างซวินพูดคุยสิ่งใดกันเพียงพบว่าหลังพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต่างมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานราวดอกไม้บนใบหน้าก็ไม่พบร่องรอยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 99

    หานหมิงรุ่ยเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นดังนั้นคำพูดของเขา ย่อมแสดงถึงท่าทีของทางการฉินหมิงจึงมิได้ถกเถียงกับเขา แต่กล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับเป็นข้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว”“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีเจตนาดี เพียงแต่บรรดาทหารในกองทัพก็ต้องการความสมดุลระหว่างหน้าที่และการพักผ่อนเช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”เพราะอยากเล่นพนัน ท่าทีในการพูดจาของหานหมิงรุ่ยต่อฉินหมิงในยามนี้จึงดีขึ้นไม่น้อย“เช่นเดียวกันกับกระหม่อม ยามปกติก็ชอบเล่นตาสองตา การพนันเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มพูนความสุขและความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”หานหมิงรุ่ยมิได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นยามเกิดเรื่องในตอนนั้น ผู้ที่รู้จึงมีไม่มากยกตัวอย่างเช่นพวกเฉาชวน คนเหล่านี้ล้วนไม่รู้เลยโชคดีที่ครอบครัวของกวนเยว่กับเยว่โส่วเจียงเป็นเพื่อนเก่ากันมานานปกติแล้ว เมื่อแม่ทัพระดับสูงอย่างพวกเขาพูดคุยกันในยามว่าง ถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมาด้วยเหตุนี้ จนถึงตอนนี้หานหมิงรุ่ยจึงยังคงคิดว่า เรื่องของตนนั้นที่นี่น่าจะมีคนรู้ไม่มากดังนั้นต่อหน้าพวกฉินหมิง ตนจึงสามารถแสร้งแสดงเป็นผู้ทรงคุณธรรมไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 98

    พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร ปลอมตัวเป็นทหารที่กำลังพักผ่อนเล่นไพ่โกวกันอยู่ที่นี่เมื่อเห็นฉินหมิงเดินเข้ามา เหล่ามืออาชีพที่กำลังนั่งไข้วขาอยู่บนพื้นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก“ย๊าก! กิน!”“เพิ่มร้อยยี่สิบแปดเท่า! จ่ายเงินมา!”หานหมิงรุ่ยชะงักเท้าลงจริงๆ สายตาเหลือบมองไปที่การเรียงไพ่ด้านล่างอย่างอดไม่ได้ฉินหมิงไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเล่นของเจ้าสิ่งนี้นักรู้เพียงว่าไพ่โกวของต้าเฉียน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไพ่นกกระจอก ปกติเป็นแผ่นไม้ เพียงแต่รูปร่างจะแบนกว่ายาวกว่าในขณะที่กำลังกังวลว่าพวกเขาจะแสดงมากเกินไปจนโป๊ะแตกหานหมิงรุ่ยซึ่งเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็เห็นไพ่โกวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก็พยักหน้าแล้วพึมพำว่า“ร้อยยี่สิบแปดเท่า เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว…”ดูจากท่าทางแล้ว ต้องคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วเป็นแน่ฉินหมิงสบตากับซ่งติ้งเซิงคราหนึ่ง คนทั้งสองล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหานหมิงรุ่ยแต่การตกปลานั้นจะต้องมีความอดทนฝีเท้าของฉินหมิงมิได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังหันศีรษะไปมองหานหมิงรุ่ยที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังด้วยหานหมิงรุ่ยก็รู้ตัวว่าพลาดไป มองเกมไพ่เบื้องล่างทีหนึ่งอย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 97

    ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหานหมิงรุ่ยขาดความซื่อสัตย์ ผู้ที่รู้ถึงการกระทำในอดีตของเขาล้วนไม่มีทางมอบหมายงานสำคัญและเป็นเพราะอาศัยผลงานทางทหารที่สั่งสมมานานหลายปี เขาถึงสามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการในหลิ่งหนานได้ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายทหาร การมีตัวตนของเขายังคงประดุจสุนัขที่ไร้ผู้เหลียวแลเมื่อเวลาผ่านไป หนังหน้าหนาของเจ้าตัวนี้จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไร้ยางอายถึงขึ้นปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเหลวแหลกเสียเลยเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แบบใดสบายใจก็ทำแบบนั้น เห็นผู้ใดไม่ถูกใจก็ชักสีหน้าก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้แต่ฉินหมิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตานี่ค่อนข้างคล้ายพวกระดับผู้นำในองค์กรต่างๆ ที่ผ่านไปนานหลายปีก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่บ้างซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า อนาคตไร้หนทางก้าวหน้าแล้วจึงคร้านที่จะเสแสร้งอีก ทำตามอำเภอใจเสียเลยเฉาชวนมองความไม่สบอารมณ์ของฉินหมิงออก จึงเป็นตัวแทนเขาเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหานหมิงรุ่ยแทน“ยากนักที่ท่านแม่ทัพหานจะมาเยือนสักครั้ง นั่งลงสนทนากันก่อนเถอะขอรับ”“คุยอะไร? ท่านอ๋อง เรื่องนี้เดิมก็เป็นพวกท่านที่ทำไม่ถูก”หานหมิงรุ่ยเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 96

    ซ่งติ้งเซิงเดินไปที่ข้างกายฉินหมิงแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ทรงไม่ต้องสอนพวกเขาดอกพ่ะย่ะค่ะ”“คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกฝีมือแก่กล้ามากประสบการณ์ หากต้องการวางแผน พวกเขาสามารถทำได้เอง ไม่แน่ว่าผลงานที่ออกมายังอาจทำได้ดีกว่าที่ทรงกำกับอีกพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้เป็นเช่นนี้”มุมปากของฉินหมิงกระตุก เดิมคิดจะเตือนพวกเขาว่าควรเล่นอย่างไรตอนนี้ดูไปคงไม่จำเป็นแล้ว“งั้นก็ไปเถอะ อีกครู่เจ้ามอบผลประโยชน์ให้พวกเขาหน่อย ให้คนปิดปากให้สนิทขึ้น”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงก็ให้พวกเขาใส่เครื่องแบบทหาร แล้วนั่งอยู่ในบริเวณที่สะดุดตารอเหยื่อมาติดกับในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงยังเรียกหลิวฉ่วงมาด้วย“เหล่าหลิว เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนในค่ายทหาร”เรื่องอื่นไม่พูดถึง หากต้องการลงไม้ลงมือแล้วล่ะก็ หลิวฉ่วงนั้นเป็นพวกสายลุยตัวจริงมีบางครั้งหากไม่ทันระวัง เขากระทั่งทุบตีคนจนตายได้เมื่อเรียกแม่ทัพผู้ดุดันคนนี้มาเข้าร่วม ฉินหมิงก็ถือว่าได้ทำประกันเพิ่มให้ตนเองอีกชั้นหลิวฉ่วงรู้จักฉินหมิงเป็นอย่างดี เห็นเขาท่าทางมีลับลมคมใน จึงบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างว่า“ท่านอ๋อง ท่านเรียกกระหม่อมมาต้องไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 95

    “สร้างกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ใช่แล้ว เจ้ากินก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยออกมา เราไปทำธุระกันสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงดื่มโจ๊กข้าวกล้องหมดภายในไม่กี่คำ สวมชุดขุนนางเสร็จ ก็สาวเท้าออกจากประตูใหญ่ทันทีฉินหมิงที่รออยู่บริเวณมุมกำแพง กระซิบเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตของหานหมิงรุ่ยแก่เขาหลังฟังจบ ซ่งติ้งเซิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนใจอย่างอดไม่ได้ เรื่องสกปรกในราชสำนักช่างมีมากมายเสียจริงเขาถูกมือไปมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า“ท่านอ๋อง กระหม่อมมีคำถามข้อหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“คำถามอะไร?”“หานหมิงรุ่ยผู้นั้น คืนเงินท่านแม่ทัพเย่แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไร้สาระ ย่อมไม่น่ะสิ เจ้าคนไร้เมียนั่นตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะหวังให้เขาคืนเงิน?”ฉินหมิงค้อนเขาทีหนึ่งโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณธรรมจริยธรรมแม้น ‘ติดหนี้ต้องชดใช้’ จะเป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ก็ยังมีอีกคำกล่าวที่ว่า ‘เหาเยอะไม่กลัวคัน’ ด้วย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นหากพวกเรายังเล่นงานเขาเช่นนี้อีก มิเท่ากับไร้คุณธรรมอย่างยิ่งหรือพ่ะย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status