Share

บทที่ 11

Author: หออักษร
พวกเขาไม่ได้ปิดบังอะไร เฉาชวนเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อน

“องค์ชาย หลิ่งหนานยากจนข้นแค้นที่สุด พวกเราจะไปทำอะไร?”

หวู่ชิงเหย่กล่าวว่า

“ค่ายทหารอู่เวยอยู่ที่เมืองหลวงยังมีราชสำนักคอยจัดหาเสบียงให้ หากไปหลิ่งหนานแล้ว แม้แต่ข้าวยังไม่มีจะกิน!”

ฉินหมิงพยักหน้าเบา ๆ แล้วถามต่อไปว่า

“ยังมีอีกหรือไม่?”

หลิวฉ่วงก็ไม่ได้ปิดบังเช่นกัน เอ่ยปากถึงปัญหาที่สำคัญที่สุดออกมาโดยตรง

“พวกเรากับท่านไม่คุ้นเคยกัน”

“เป็นไปไม่ได้ที่จะต้องทิ้งตำแหน่งในเมืองหลวง ไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเพื่อท่าน”

ตอนนี้ฉินหมิงไม่ใช่แม้แต่องค์รัชทายาทแล้ว

ผู้มีสายตาเฉียบแหลมล้วนมองออกว่าเขาถูกลดขั้นไปยังหลิ่งหนาน

ก่อนจะไปยังคิดจะพาค่ายทหารอู่เวยที่ไม่คุ้นเคยกับเขาไปด้วย

หากอีกฝ่ายยอมตามเขาไปโดยไม่มีคำบ่นแม้แต่น้อย นั่นสิถึงจะเรียกว่าแปลก

ฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย

แต่ในเมื่อเขาได้ค่ายทหารอู่เวยมาแล้ว ก็จะปล่อยมือไปไม่ได้

ในใจของเขาเริ่มคิดถึงเรื่องการแยกค่ายทหารอู่เวยแล้ว

ผลไม้ที่เด็ดมาโดยใช้กำลังบังคับอาจไม่หวาน แต่มันก็ช่วยดับกระหายได้

นี่คือวิธีสุดท้าย คือแยกพวกเขาออกจากกัน แล้วผนวกรวมเข้ากับสามหน่วยพิทักษ์ของตนเอง

จะได้ไม่ต้องมาต่อล้อต่อเถียงกันให้มากความ

“เช่นนั้นแล้ว ท่านคุ้นเคยกับข้าหรือไม่?”

ในขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียด

เสียงหนึ่งก็พลันดังมาจากข้างนอก

กวนเยว่เปิดม่านกระโจมแล้วเดินเข้ามา

เมื่อเห็นนาง แม่ทัพทั้งสามก็กล่าวด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง

“เยว่เยว่ เจ้ามาได้อย่างไร!”

“ท่านอาทั้งสาม ตระกูลกวนจะไปหลิ่งหนานพร้อมกับพวกท่าน!”

กวนเยว่จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเป็นประกาย น้ำเสียงค่อนข้างเอาแต่ใจเล็กน้อย

“ว่ากระไรนะ!?”

คำพูดนี้ ทำให้สมองของทั้งสามคนตามไม่ทัน

ตั้งแต่เมื่อไรกันที่กวนเยว่กับองค์รัชทายาท...

การหมั้นหมายไม่ได้ถูกระงับไปแล้วหรือ?

“ตัดสินใจกระทันหันเจ้าค่ะ”

กวนเยว่กล่าวอย่างเปิดเผย แต่หัวใจกลับเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นแอบเหลือบมองฉินหมิง

กลับพบว่าสายตาของฉินหมิง จับจ้องอยู่ที่นางมาโดยตลอด

ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางก็พลันแดงก่ำ

“นี่มันกะทันหันเกินไป พวกเรา...”

หวู่ชิงเหย่โบกมือปฏิเสธรัว ๆ

การปรากฏตัวของกวนเยว่ ทำให้แผนการของพวกเขาพังทลายลงทั้งหมด

“ดี! เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!”

ฉินหมิงไม่ให้โอกาสพวกเขาได้พูดอะไรอีก

ก่อนจะจากไป เขากล่าวกับทั้งสามคนว่า

“ท่านทั้งสาม ข้ามิได้มาเพื่อเจรจากับพวกเจ้า”

“จะคุ้นเคยหรือไม่ จะรู้จักข้าหรือไม่ข้าไม่สน แต่หากพวกเจ้าไม่ไป ข้าก็จะแยกค่ายทหารอู่เวย!”

“ท่าน...!”

คำขู่ที่มีลักษณะอันธพาลเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในที่นั้นดูย่ำแย่ลง

“ท่านไม่ควรจะพูดเช่นนี้”

หลังจากออกมาแล้ว กวนเยว่ก็ขมวดคิ้วแล้วเตือนฉินหมิง

“หากไม่พูดเช่นนี้ พวกเขาก็จะหาโอกาสยืดเยื้อต่อไปอีก... ว่าแต่ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”

ฉินหมิงหยุดฝีเท้าทันที จ้องมองกวนเยว่ที่งดงามราวกับเทพธิดาอย่างเงียบ ๆ

กวนเยว่หน้าแดงเล็กน้อย

“หากหม่อมฉันไม่มา วันนี้ท่านก็คงจะต้องสู้กับพวกเขาแล้ว”

กวนเยว่พูดไม่ผิดเลยจริง ๆ

หากเมื่อครู่ฉินหมิงพูดออกมาโดยตรงว่า ตนเองจะแยกค่ายทหารอู่เวย

คาดว่าแม่ทัพทั้งสามคนนั้นคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

โชคดีที่มีกวนเยว่อยู่ที่นี่ พวกเขาเกรงใจนาง จึงไม่ได้ลงไม้ลงมือ

“อีกครึ่งเดือนข้าก็จะไปแล้ว ไปด้วยกันหรือไม่?”

ฉินหมิงก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จับมือของกวนเยว่แล้วเอ่ยถาม

“เวลาครึ่งเดือน ท่านจะหาเงินมาเลี้ยงดูค่ายทหารอู่เวยได้อย่างไร?”

กวนเยว่กังวลมาก เมื่อครู่อยู่ข้างนอก นางได้ยินคนในค่ายทหารพูดกันแล้ว

ค่ายทหารอู่เวยนี้ฉินหมิงใช้กำลังทวงกลับมา

ราชสำนักไม่สนใจ

แต่ค่ายทหารใหญ่ขนาดนี้ หากไม่มีเงินช่วยเหลือจากราชสำนัก ฉินหมิงอาจจะไม่มีปัญญาแม้แต่จะจ่ายเบี้ยหวัดทหาร

“ข้าย่อมมีวิธีของข้า”

ฉินหมิงแสยะยิ้ม

แล้วพากวนเยว่กลับไปยังจวนอ๋อง

เมื่อเห็นฉินหมิงออกไปรอบหนึ่ง ก็พากวนเยว่กลับมาด้วย

ฉางไป๋ซานและเสี่ยวชุ่ยต่างก็ตกตะลึง

“องค์ชาย ท่านนี้คือ...?”

“ไม่มีอะไร แค่พาคู่หมั้นกลับมาดูหน่อย”

“แหวะ! ใครเป็นคู่หมั้นของท่าน?”

กวนเยว่หน้าแดงเล็กน้อย แต่เสียงที่ปฏิเสธกลับเบามาก

ฉินหมิงก็ไม่ได้ใส่ใจ กล่าวกับฉางไป๋ซานว่า

“จวนนี้เป็นของข้าใช่หรือไม่?”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ มีอะไรหรือ?”

ฉางไป๋ซานรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

ใคร ๆ ก็รู้ว่า ตอนที่ฉินหมิงย้ายออกจากตำหนักบูรพา ก็ได้จัดหาจวนหลังนี้ด้วยตนเอง

ฉินหมิงกล่าวอย่างพึงพอใจ

“ใช่ก็ดีแล้ว ขายไปเสีย!”

“ว่ากระไรนะ!?”

ฉางไป๋ซานรีบห้ามฉินหมิง

“องค์ชาย ท่านอย่าได้เลอะเลือนนะพ่ะย่ะค่ะ! นี่คือจวนของท่านในเมืองหลวง ขายไปแล้วอนาคตกลับมาพวกเราจะไปอยู่ที่ไหน?”

“ข้าจะไม่กลับมาแล้ว”

ในเมื่อฉินหมิงตัดสินใจที่จะออกจากเมืองหลวง ไปเป็นอ๋องผู้ครองหัวเมืองอย่างสบายใจ ก็จะไม่กลับมาอีก

ฉางไป๋ซานเดาได้ว่าเหตุใดเขาจึงจะขายจวน จึงเอ่ยปากเสนอวิธีใหม่

“องค์ชายอย่าเพิ่งร้อนใจ สองวันนี้หลังจากที่การค้ากับกองคาราวานสินค้าหนานหยางสิ้นสุดลง ราชสำนักยังจะต้องจัดงานเลี้ยงอีกนะพ่ะย่ะค่ะ หรือว่าท่านจะลองไปเสี่ยงโชคดูสักหน่อย ไปทูลขอจากฝ่าบาท?”

“ข้าไปตอนนี้จะมีความหมายอะไร”

ฉินหมิงขี้เกียจจะไปพูดคุยกับฮ่องเต้เฉียนผู้ดื้อรั้นให้มากความ

ฉางไป๋ซานกล่าวเตือน

“ท่านลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ทุกปีในช่วงเวลานี้ คนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางจะจัดให้มีการประชันบทกวีและประลองยุทธ์”

“ราชสำนักก็จะนำเงินหลายหมื่นตำลึงมาเป็นเงินรางวัล”

“หากท่านสามารถคว้าอันดับหนึ่งมาได้ในช่วงเวลานี้ มิใช่ว่า...”

ฉางไป๋ซานพูดเช่นนี้ก็มีเหตุผลอยู่บ้าง

คนในราชสำนักหลายคนรู้ดีว่า ฉินหมิงมีความสามารถรอบรู้

กำลังจะไปจากเมืองหลวงแล้ว

ฉวยโอกาสนี้ใช้ความสามารถของตนเองกอบโกยเงินสักก้อน ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไร

“เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล”

ฉินหมิงคิดดูแล้ว หากเป็นการประชันบทกวีก็คงไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนเรื่องการประลองยุทธ์...

เขาหันหน้าไปมองกวนเยว่

“พวกเราสองสามีภรรยาร่วมลงสนามกันเถอะ”

“ท่าน... คนลามก ใครเป็นสามีภรรยากับท่าน?”

“เจ้ากลัวว่าจะคว้าอันดับหนึ่งมาไม่ได้หรือ?”

“ใครกลัวเป็นลูกหมา”

“เช่นนั้นตกลงตามนี้”

ทั้งสองคนรออยู่สามวัน

คืนวันนั้น ในที่สุดคนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางก็ทำการค้าขายเสร็จสิ้น

สินค้าต่าง ๆ ก็ถูกพวกเขาตรวจสอบและลงบัญชี ส่งเข้าไปในเรือใหญ่ของตน

ราชสำนักได้รับผลประโยชน์มากมายจากเรื่องนี้

จึงได้จัดงานเลี้ยงเป็นพิเศษ เชิญคนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางเข้าวัง

ขุนนางระดับต่าง ๆ ก็ได้รับเชิญมาที่นี่ เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง

แต่ในฐานะผู้มีความดีความชอบในการค้าครั้งนี้ ฉินหมิงกลับไม่ได้รับคำเชิญ

ฉางไป๋ซานยืนรออยู่ที่หน้าประตูจวนอ๋อง รออยู่ครึ่งค่อนบ่าย

ในที่สุดก็กลับมายังจวนของฉินหมิงด้วยความโมโห

“องค์ชาย ไม่มีใครมาเชิญท่านเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่มีใครมาก็ปกติ อย่างไรเสีย ข้าก็เป็นแค่เชื้อพระวงศ์ตกอับคนหนึ่ง”

ฉินหมิงพยักหน้ายิ้ม ๆ บนใบหน้าก็ไม่เห็นความผิดหวังใด ๆ

เขากำลังรอคนผู้หนึ่งอยู่

ในยามอาทิตย์อัสดง หญิงสาวงดงามนางหนึ่งในชุดกระโปรงยาวสีเหลืองก็เดินมาจากที่ไกล ๆ

“ฉินอ๋องของหม่อมฉัน ท่านได้รับคำเชิญแล้วหรือยัง?”

“ยังเลย”

“หม่อมฉันก็ยัง”

ทั้งสองคนสบตากันแล้วยิ้ม

ฉินหมิงเอ่ยปาก

“แต่ก็ไม่มีใครบอกว่า หากไม่มีคำเชิญแล้วจะไปไม่ได้”

“หม่อมฉันก็คิดเช่นนั้น”

ทั้งสองคนขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปยังพระราชวังอย่างเงียบ ๆ

เมื่อมาถึงหน้าประตูพระราชวัง องครักษ์เห็นรถม้าที่คุ้นเคย ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

“องค์ชาย...?”

“ข้ามาเข้าร่วมงานเลี้ยงยามค่ำในวัง”

ฉินหมิงโผล่ศีรษะออกมาจากรถม้า เอ่ยปากอย่างเรียบเฉย

องครักษ์สองสามคนพลันลังเลขึ้นมาทันที

ฉินหมิงส่งสายตาให้ฉางไป๋ซาน

“ขยับที่หน่อย อย่าให้ชนพวกเจ้า!”

ฉางไป๋ซานไม่รอช้า

ต่อหน้าพวกเขา ก็ควบม้าเบียดเข้าไปข้างในทันที
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 257

    เมื่อฟังคำอธิบายของฉินหมิงจบ ฟางชิงหย่วนก็เดินไปยังป้ายบอกทางของโรงทอผ้าหลังก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่ง โรงทอผ้าก็มีพื้นที่กว้างขวางมากแล้วยามมีคนงานซึ่งไม่คุ้นเคยกับสถานที่เดินทางมาจากอำเภอต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งป้ายและแผนที่คอยนำทาง“เอาเป็นสองที่นี้ก็แล้วกัน ขนาดเท่ากันพอดี”“ส่วนจำนวนคนเดี๋ยวข้าจะจัดสรรให้พวกท่าน เชิญพวกท่านไปเลือกคนกันได้ตามสบาย”ฟางชิงหย่วนพูดเนิบนาบตามความคิดของเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรชวนให้เดือดดาลใจในเมื่อทุกคนอยากดู ก็แค่แข่งขันกันให้รู้แล้วรู้รอดไปความจริงย่อมมีน้ำหนักกว่าคำพูด เขาเชื่อมั่นในทฤษฎีของตนเองยิ่งนัก“ประเสริฐ”ฉินหมิงกับหลี่เอ้อร์หนิวต่างพยักหน้า“พวกเจ้า ไปแย่งคนมาก่อนเลย”เมื่อตกลงกันเรียบร้อย หลี่เอ้อร์หนิวก็สั่งลูกน้อง ให้เริ่มไปชิงตัวสาวชาวบ้านที่ทำงานคล่องแคล่วในโรงทอผ้ามาก่อนล่วงหน้าฉินหมิงกลับไม่ได้ทำอะไร ด้วยความที่ตนมีคนน้อยกว่าหลี่เอ้อร์หนิวถึงครึ่งหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็นำกลุ่มคนงานของตนไปเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วฉินหมิงเลือกคนมาสามกลุ่มแบบเดาสุ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทุกคนทำตามกฎระเบียบเดิม ติ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 256

    ถ้าต้องรับมือกับคนนอก ฉินหมิงย่อมเลือกใช้วิธีทางกายภาพอันรวดเร็วที่สุดเพื่อกำจัดอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลแต่คนในโรงงานเวลานี้ ล้วนแต่เป็นคนของฉินหมิงทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากให้ซ่งติ้งเซิงลงมือ ไม่เพียงแต่จะทำให้กลุ่มคนงานหมดความภักดี แม้แต่ภาพลักษณ์ก็คงเสียหายย่อยยับเช่นกัน“ท่านอ๋อง โปรดอธิบายให้พวกเราฟังแต่โดยดีเถิด มิเช่นนั้นทุกคนคงไม่เชื่อท่านแล้ว”หลี่เอ้อร์หนิวเห็นสถานการณ์พลิกผัน ก็ได้ทีรุกคืบด้วยความลำพองใจบัดนี้ทุกคนต่างกำลังรอคอยคำตอบจากฉินหมิงฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความจนปัญญาว่า“หลี่เอ้อร์หนิว เจ้าเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยการผลิต ใช่หรือไม่?”“ใช่ขอรับ”หลี่เอ้อร์หนิวยักไหล่ มองฉินหมิงด้วยความกังขา“เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนแก่เจ้ามากกว่าของข้าหนึ่งเท่า ในเวลาสามวัน พวกเรามาแข่งกันเรื่องผลผลิต ดีหรือไม่?”“ท่านจะแข่งเรื่องประสิทธิภาพการผลิตกับข้างั้นรึ? ซ้ำยังใช้คนเพียงครึ่งเดียวอีก?”หลี่เอ้อร์หนิวแทบไม่เชื่อหูตนเอง“ถูกต้อง ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า บางครั้งมีคนเยอะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี หลักการที่ว่ามากคนก็มากความ ดูท่าจะมีผ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 255

    ทั้งสองคนเดินมาถึงเบื้องหน้าฝูงชนหลี่เอ้อร์หนิวยังคงพูดความคิดของตนอย่างออกรส ขัดขวางการจัดสรรคนงานของโรงทอผ้าโดยไม่มีคำว่าเกรงใจ“ท่านอ๋องมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในฝูงชนที่ตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เมื่อฉินหมิงเดินเข้ามาจากนอกวง หลี่เอ้อร์หนิวก็พลันมีท่าทีอ่อนลงไปกว่าครึ่งเมื่อครู่เขายังส่งเสียงดังลั่น แต่บัดนี้กลับเงียบเสียงลงแล้ว“ขอถามหน่อยเถิด ผู้ใดบอกว่าจะลดค่าจ้างพวกเจ้ารึ?”เสียงของฉินหมิงถามขึ้นอย่างแช่มช้าทุกคนต่างเหลือบมองไปที่หลี่เอ้อร์หนิวผู้ซึ่งเมื่อครู่ยังทำตัวหยิ่งผยองส่วนหลี่เอ้อร์หนิวนั้น ยามนี้ก็ได้แต่พูดอึกอักว่า“ก็ในประกาศมีความหมายเช่นนั้นมิใช่หรือ…”เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองเหตุผลที่ไม่อยากให้มีการย้ายคนงานเกิดขึ้น ก็เพราะเขามีลูกน้องหลายคนมาจากต่างพื้นที่กันบางคนมีบ้านอยู่ใกล้โรงช่าง บ้างก็อยู่ใกล้โรงย้อมผ้า ล้วนแต่ร้องขออยากย้ายที่ทำงานกันทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าลูกน้องอยากย้ายที่ทำงานกันเหลือเกิน หลี่เอ้อร์หนิวก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือตัวเขาอุตส่าห์ฝึกฝนลูกน้องจนกลายเป็นคนสนิท ถึงขั้นทำตัววางอำนาจใน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 254

    เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิต และคนงานจำนวนมากที่ไม่รู้หนังสือดังนั้น ฟางชิงหย่วนจึงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงนำข้อสรุปไปติดประกาศไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวแต่คนงานหลายพันคนในโรงทอผ้า อยู่ดี ๆ จะให้พวกเขาย้ายที่ทำงานอย่างกะทันหัน ย่อมมีบางส่วนไม่พอใจเป็นธรรมดาสิ้นเสียงของฉินหมิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในฝูงชน“ให้ตายเถิด คิดจะลดค่าจ้างกับสวัสดิการของพวกเราใช่หรือไม่? อย่างไรข้าก็ไม่ไป!”คนที่พูด มีนามว่าหลี่เอ้อร์หนิวเขาเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านกว่างสุ่ยทางตอนเหนือของเมืองหลินเจียง ว่ากันว่ามีชื่อเสียงในหมู่บ้านพอสมควรหลังมาถึงโรงทอผ้า เนื่องจากมีผลงานโดดเด่น และผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยในเวลาไม่นาน“บังอาจนัก!”ซ่งติ้งเซิงขมวดคิ้ว โบกมือเรียกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ข้างกาย ให้เตรียมเข้าไปจับตัวหลี่เอ้อร์หนิวในยามที่โรงทอผ้ากำลังจะจัดสรรจำนวนคนงาน เพื่อไปส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ หากมีคนเสนอหน้าออกมาขัดขวางย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของโรงทอผ้าอย่างใหญ่หลวงนัก!ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 253

    “ตอนแรกเมื่อเริ่มใช้คนงานเยอะขึ้น ปริมาณการผลิตก็เพิ่มขึ้นเร็ว แต่พอเพิ่มคนเข้าไปเรื่อย ๆ ปริมาณการผลิตกลับเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟางชิงหย่วนหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา อธิบายการค้นพบของตนให้ฉินหมิงฟังด้วยความเคร่งเครียด“นี่คงเรียกว่ากฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่ม”ฉินหมิงใช้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เท่าหางอึ่งของตน รำพึงออกมาโดยไม่รู้ตัว“อะไรคือกฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่มรึพ่ะย่ะค่ะ?”ฟางชิงหย่วนรั้งฉินหมิงไว้ ขณะถามบนขั้นบันได“ก็คือการลงทุนลงแรงไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้ว”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าที่กระหม่อมศึกษามาจะถูกต้องแล้ว”ฟางชิงหย่วนผงกศีรษะ หยิบแท่งถ่านสีดำยาวออกมาจากอกเสื้อ แล้วเริ่มขีดเขียนลงบนสมุดเล่มเล็กที่เย็บเล่มอย่างประณีตตรงหน้าในยุคนี้มีเพียงพู่กัน ซึ่งใช้งานค่อนข้างลำบากหากอยากจดบันทึกทุกที่ทุกเวลาเช่นเขา ก็ต้องใช้แท่งถ่านกับสมุดเล่มเล็กเท่านั้น“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่อยากขยายการผลิตของโรงงานแล้ว รักษาสภาพเดิมไว้ก็พอ สิ่งที่เราต้องคิดในตอนนี้คือ จะรักษาระดับการเติบโตให้เร็วขึ้นได้อย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 252

    “จับได้กี่คน?”“สองคนพ่ะย่ะค่ะ ประตูเมืองทิศอื่น ๆ ก็น่าจะมีเช่นกัน”เมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า“จับต่อไป ไว้ชีวิตแค่จำนวนหนึ่งก็พอ เอาไว้เค้นถามกำลังคนที่แน่ชัดในภายหลัง ถือโอกาสที่ฝนตกหลายวันมานี้ คนเดินถนนมีน้อย ปิดล้อมอำเภอไว้ก่อน รอให้สังหารองครักษ์เงาหมดสิ้นเมื่อใด ค่อยเปิดประตูเมือง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงรับคำสั่ง พลางมองอู๋สื่อจงที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่พูดคำใด ในใจพลันรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง“อะแฮ่ม!”เขากระตุกชายเสื้ออู๋สื่อจงตอนนั้นเอง อู๋สื่อจงถึงได้สติ“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”หลังปิดล้อมสังหารคนอยู่สองวันครึ่ง ฉางไป๋ซานก็นำกองกำลังองครักษ์ของฉินหมิง สังหารองครักษ์เงาทั้งยี่สิบเจ็ดคนที่มาถึงอำเภออินซานจนหมดสิ้นขณะมองดูรายชื่อผู้เสียชีวิตที่เขียนด้วยหมึกสีแดงสด ฉินหมิงก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกซ่งติ้งเซิงผู้ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า“ท่านอ๋อง โรงทอผ้าส่งข่าวมา บอกว่าพวกเขาสร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว สามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ทันที เวลานี้อยากให้ท่านส่งคนงานไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”อุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับการยกระดับอีกครั้ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status