Share

บทที่ 14

Author: หออักษร
เหล่าขุนนางที่อยู่ในที่นั้นต่างพากันก้มหน้าลง แต่หางตาก็ยังคงเหลือบมองฮ่องเต้เฉียนอยู่ตลอดเวลา

เซียวซูเฟยนั่งอยู่ข้างกายฮ่องเต้เฉียน มองดูสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนที่เปลี่ยนจากเขียวเป็นแดงสลับกันไป ในใจก็รู้สึกซับซ้อน

การกระทำของฉินหมิง นางไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือว่าโกรธดี

ตามหลักแล้วนี่เป็นเรื่องที่ดี

สามารถทำให้สถานะของฉินหมิงในพระทัยของฮ่องเต้เฉียนตกต่ำลงไปอีก

แต่เหตุใด ตนเองกลับรู้สึกโกรธอย่างยิ่ง

ท่าทางของฉินหมิงดูเหมือนจะไม่ใส่ใจตำแหน่งองค์รัชทายาทนี้จริง ๆ

เพียงแค่มาที่นี่ เพื่อที่จะอ่านบทกวีนี้ให้ฮ่องเต้เฉียนฟัง...

ในที่สุด ฮ่องเต้เฉียนผู้มีสีพระพักตร์มืดมนก็ทรงเอ่ยปากขึ้น

“เอาแต่อยู่ในเรือนทั้งวัน ก็คงจะศึกษาแต่บทกวีน้ำเน่าพวกนี้กระมัง?”

“คนที่ไร้ความสามารถเช่นเจ้า ไม่ได้เป็นองค์รัชทายาท ก็ถือเป็นโชคดีของราชวงศ์นี้แล้ว!”

วาจาของฮ่องเต้เฉียนนั้นรุนแรงมาก

บทกวีของฉินหมิง ทำให้พระองค์ทรงนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่ไม่อยากจะเอ่ยถึง

สตรีผู้นั้น เขาลืมไปนานแล้ว

ในราชสำนักก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึง

ยกเว้นฉินหมิง

แคร่ก!

พร้อมกับเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น

แผ่นป้ายที่แขวนอยู่บนซุ้มประตูหน้าตำหนัก ซึ่งเขียนว่าต้อนรับกองคาราวานสินค้าหนานหยาง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของเหล่าขันทีหรือไม่ แขวนไว้ไม่ดี จนร่วงหล่นลงมาบนพื้น

แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ !

สีหน้าของทุกคนพลันดูย่ำแย่ลงในทันที!

ในใจของซุนเหลียนอิงหนักอึ้ง รีบเดินเข้าไปนำคนมาเก็บกวาด

วาจาที่ฮ่องเต้เฉียนทรงเตรียมจะตำหนิฉินหมิง ก็ติดอยู่ในลำคอ

พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ดวงพระเนตรสั่นไหว

หรือนี่จะเป็นลางบอกเหตุบางอย่างที่สวรรค์ส่งมาให้พระองค์?

หลังจากผ่านไปนาน ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงกัดฟันแล้วตรัสถามคนของกรมพิธีการว่า

“ผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบงานเลี้ยงครั้งนี้”

“ฝ่าบาท กระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวดังออกมาจากฝูงชน

เมื่อทอดพระเนตรเห็นคนที่พูด ฮ่องเต้เฉียนและเซียวซูเฟยต่างร่างกายแข็งทื่อ

เซียวผิงซานขุนนางผู้ช่วยกรมพิธีการ น้องชายแท้ ๆ ของเซียวซูเฟย!

หากว่ากันตามฐานะแล้ว เซียวผิงซานก็นับเป็นน้องเขยของฮ่องเต้เฉียน

“เหตุใดจึงเป็นเจ้ารับผิดชอบเรื่องนี้?”

“เดิมทีเป็นฉินอ๋องที่รับผิดชอบงานเลี้ยงพ่ะย่ะค่ะ ปีนี้ไม่มีใคร กระหม่อมก็เลยรับผิดชอบเองพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวผิงซานกลืนน้ำลาย เอ่ยปากอย่างลังเล

อันที่จริงงานเลี้ยงในวันนี้ เขาทุจริตไปไม่น้อย

แม้กระทั่งหมุดที่ใช้แขวนแผ่นป้าย เขาก็ยังเปลี่ยนเป็นของที่ห่วยที่สุด

มิใช่ว่าขันทีน้อยแขวนไม่ดี แต่เป็นเพราะของสิ่งนี้ โดยเนื้อแท้แล้วก็เป็นของชำรุด ทนอยู่ได้ไม่นาน

เดิมทีคิดว่าเป็นเพียงแค่งานเลี้ยง คงไม่มีใครสังเกตเห็น

แต่กลับมาเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในตอนที่ฮ่องเต้เฉียนทรงพระพิโรธที่สุด

เฉินซื่อเม่าที่นั่งอยู่เบื้องล่างส่ายหน้าเล็กน้อย

เฉียนไฉเบ้ปากแล้วกล่าวกับคนข้าง ๆ ว่า

“หากองค์ชายยังอยู่ในราชสำนัก ไหนเลยจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”

“ทำการค้าขายมาก็หลายปีแล้ว พอองค์ชายจากไป แม้แต่งานเลี้ยงพื้นฐานที่สุดก็ยังจัดให้ดีไม่ได้”

“ไม่รู้ว่านี่เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จทางการค้าขายแบบไหนกันแน่ คิดจะทำให้กองคาราวานสินค้าหนานหยางรังเกียจจนหนีไปหมดหรือไร?”

น้ำเสียงของเขาไม่ดังและไม่เบา

ส่งไปไม่ถึงพระกรรณของฮ่องเต้เฉียน แต่กลับสามารถส่งไปถึงหูของเหล่าขุนนางได้

ทันใดนั้น ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย

“ข้าได้ยินมาว่าการค้าขายครั้งนี้ ก็เป็นจ้าวสี่ที่ทำเรื่องราวให้มันใหญ่โตขึ้น องค์ชายต้องไปตามเช็ดก้นให้เขา”

“สองวันก่อนฝ่าบาทยังทรงหลงเชื่อจ้าวสี่ผิด ๆ สั่งยุบสามหน่วยพิทักษ์ขององค์ชายมิใช่หรือ?”

“นั่นมันเรื่องเมื่อสองสามวันก่อนแล้ว ภายหลังก็คืนให้แล้วยังมอบค่ายทหารอู่เวยให้อีก ไปขอร้องให้องค์ชายช่วยทำให้กองคาราวานสินค้าหนานหยางสงบลง”

“สุดท้ายก็ยังต้องให้องค์ชายยื่นมือเข้าช่วยมิใช่หรือ จะวุ่นวายไปมาทำไมกัน...”

แม้ว่าเสียงของเฉียนไฉจะส่งไปไม่ถึงพระกรรณของฮ่องเต้เฉียน

แต่การวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าขุนนาง กลับทำให้ฮ่องเต้เฉียนทรงได้ยินอย่างชัดเจน

พระองค์เพิ่งจะตรัสไปว่า ฉินหมิงไม่เหมาะกับตำแหน่งองค์รัชทายาทของราชวงศ์นี้

ก็เกิดเรื่องแผ่นป้ายร่วงหล่นขึ้นมาทันที เมื่อเปรียบเทียบกับงานเลี้ยงในปีก่อน ๆ แล้ว ก็เหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่

สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือ คนที่ทำผิดในปีนี้ กลับเป็นน้องชายแท้ ๆ ที่เซียวซูเฟยรักและตามใจอย่างยิ่ง

“เจ้าสารเลวนี่...”

ฮ่องเต้เฉียนทรงกัดฟันกรอดจนแทบแหลก พระอุระเจ็บปวดรวดร้าว มีความคิดที่จะสังหารเซียวผิงซานขึ้นมาเลยทีเดียว

เซียวซูเฟยตกใจจนตัวสั่น ตระกูลเซียวของพวกเขาในรุ่นนี้ มีเพียงเซียวผิงซานเป็นทายาทชายคนเดียว

มิเช่นนั้นนางก็คงไม่ทุ่มเทแรงกายแรงใจมากมายขนาดนั้น เพื่อผลักดันให้เซียวผิงซานได้เข้ารับตำแหน่งในกรมพิธีการ

หากฮ่องเต้เฉียนทรงสังหารเขาในวันนี้ ตระกูลเซียวก็เท่ากับสิ้นสุดวงศ์ตระกูล!

“ฝ่าบาท อย่าได้ทรงพิโรธเลยเพคะ...”

เซียวซูเฟยรีบเข้าไปปลอบโยน บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

แต่ก็ยังคงฝืนใจกล่าวต่อไปว่า

“ผิงซานเพิ่งจะเคยจัดงานเลี้ยงเช่นนี้เป็นครั้งแรก เร่งรีบเกินไป เกิดข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นบ้าง ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”

“เซียวผิงซาน ยังไม่รีบรับโทษด้วยตนเองอีก! หากมีครั้งหน้าอีก เจ้าก็จงลาออกจากตำแหน่งขุนนางนี้เถิด!”

เมื่อเห็นว่าเซียวซูเฟยหาทางลงให้ตนเองแล้ว

เซียวผิงซานก็พยักหน้ารัว ๆ คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบ

“กระหม่อมมีความผิด กระหม่อมขอรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”

พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วราวกับสายลม เตรียมจะวิ่งหนี

เหล่าขุนนางมองดูภาพนี้ ต่างพากันขมวดคิ้ว

ต่อหน้ากองคาราวานสินค้าหนานหยาง ทำให้ฮ่องเต้เฉียนเสียหน้า และยิ่งทำให้ราชสำนักเสียหน้าเข้าไปใหญ่

เซียวซูเฟยช่างดีนัก ไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี!

เพียงคำพูดไม่กี่ประโยคก็ทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กกลายเป็นไม่มีอะไร!

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งก็พลันดังออกมาจากฝูงชน

“พระสนม ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เรื่องในราชสำนักต้องให้ท่านเป็นคนตัดสินใจ?”

“ข้าจำได้ว่าฝ่ายในห้ามยุ่งเกี่ยวงานราชกิจมิใช่หรือ?”

ฉินหมิงก้าวออกมาข้างหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

สีหน้าของเซียวซูเฟยพลันดูย่ำแย่ลง

“ฉินอ๋องหมายความว่าอย่างไร?”

“ความหมายของข้าเรียบง่ายมาก เรื่องใหญ่อย่างงานเลี้ยง จะทำเป็นเรื่องเล่น ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?”

“งานเลี้ยงเป็นเรื่องเล่น ๆ ก็ช่างเถิด โทษที่ท่านกำหนดให้นี้ ก็ช่างไม่เห็นงานเลี้ยงนี้อยู่ในสายตาเอาเสียเลย!”

ฉินหมิงเห็นเซียวซูเฟยขัดหูขัดตามานานแล้ว

น่าเสียดายที่ฮ่องเต้เฉียนกลับหลงหัวปักหัวปำอยู่ใต้กระโปรงของสตรีผู้นี้จนโงหัวไม่ขึ้น ปกป้องนางอย่างยิ่ง

สิ่งนี้ทำให้แม้แต่ฉินหมิงก็ยากที่จะเล่นงานนางได้

แต่ก็ไม่เป็นไร ฉวยโอกาสนี้ เล่นงานทายาทชายคนเดียวของตระกูลเซียวของนางก็ได้

ฉินหมิงจำได้ว่า เมื่อหลายปีก่อนเซียวผิงซานผู้นี้ อาศัยที่พี่หญิงของตนเองเป็นที่โปรดปราน ก็เคยขัดขาตนเองมาไม่น้อย!

“ฝ่าบาท ฉินอ๋องเอาเรื่องเล็กมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ ช่างไร้มารยาทนักเพคะ”

เซียวซูเฟยเห็นสถานการณ์ไม่ดี รีบขอความช่วยเหลือจากฮ่องเต้เฉียน

ฮ่องเต้เฉียนทรงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทอดพระเนตรฉินหมิงอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง

“เอาละ เรื่องนี้ให้ดำเนินการไปตามนี้ก่อน”

เฉินซื่อเม่าและคนอื่น ๆ ต่างพากันขมวดคิ้ว

ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ยังจะลำเอียงเข้าข้างเซียวซูเฟยถึงเพียงนี้

เกรงว่าหลังจากนี้ไป คงจะมีขุนนางนับไม่ถ้วนด่าทอลับหลังเซียวซูเฟยอย่างสาดเสียเทเสียเป็นแน่

แต่เรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้ อันที่จริงก็ใกล้จะจบแล้ว

ในตอนที่เซียวผิงซานจ้องมองฉินหมิงอย่างเคียดแค้นแวบหนึ่ง เตรียมจะจากไป

ฉินหมิงกลับขวางเขาไว้ทันที

“เสด็จพ่อ เซียวกุ้ยเฟยไม่เข้าใจกฎหมายของราชวงศ์เรา ท่านคงจะไม่ทรงลืมใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ต้าเฉียนของเราเป็นแคว้นแห่งจารีตประเพณี ผู้ใดทำลายพิธีการ ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรง จะต้องถูกโบยสามสิบที!”

“เห็นแก่ที่เซียวผิงซานเป็นผู้กระทำผิดครั้งแรก กจะละเว้นให้เขาสักหน่อย โบยยี่สิบเก้าที เป็นอย่างไร?”

ขุนนางเบื้องล่างเมื่อได้ยินดังนั้น ต่างก็มุมปากกระตุก

ไม่อยากจะละเว้นก็ไม่ต้องละเว้น

เพียงแค่ละเว้นให้หนึ่งที นี่มิใช่ว่าจงใจจะกวนประสาทอีกฝ่ายหรอกหรือ?

“ท่านอย่าได้ทำเกินไปนัก!”

เซียวซูเฟยร้อนใจขึ้นมา

การลงโทษโบยของพวกเขานั้น โหดเหี้ยมเป็นพิเศษ

โบยไม่กี่ทีก็สามารถทำให้คนลุกจากเตียงไม่ได้ไปครึ่งเดือน

โบยสามสิบที สามารถทำให้คนพิการได้โดยตรง!

ตอนนี้ฮ่องเต้เฉียนก็ถูกมัดมือชกเช่นกัน

พระองค์เพิ่งจะทรงตระหนักได้ในตอนนี้เองว่า บุตรชายที่พระองค์ไม่เคยให้ความสำคัญมาโดยตลอด

กลับรู้กฎหมายของราชสำนักอย่างทะลุปรุโปร่ง

เมื่อกฎหมายของบรรพชนวางอยู่ตรงนี้ พระองค์จะช่วยเซียวผิงซานได้อย่างไร?
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 100

    “กระไรนะ?!”เมื่อเว่ยกว่างซวินลองคิดดู ก็พบว่ามีความเป็นไปได้นี้จริงๆเดิมหานหมิงรุ่ยก็ถูกปลดลงมาจากราชสำนักจะรู้จักฉินอ๋องก็ไม่แปลกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!ซุนเฉิงคาดเดาต่อไปว่า“ท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งก่อนตอนที่ฉินอ๋องพบว่าพวกเราหาคนมาช่วย ก็ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย”“ใช่แล้ว ที่แท้พวกเขารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วนี่เอง”ภายในใจของเว่ยกว่างซวินเย็นยะเยียบขึ้นมาดูท่ามีแต่พวกเขาสองพี่น้อง ที่ถูกปั่นหัวอยู่เล่นอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่น“เรื่องนี้อย่าได้พูดถึงอีก วันหลังพวกเราให้ถือเสียว่าไม่เคยเสียเปรียบเพราะฉินอ๋องแล้วกัน”เว่ยกว่างซวินได้วิธีการรับมืออย่างรวดเร็วซุนเฉิงก็พยักหนักอย่างหนักเช่นกันอย่างรวดเร็ว ความไม่พอใจแต่เดิมที่มีต่อฉินหมิงก็ถูกพวกเขาเก็บซ่อนไปเป็นอย่างดีภายหลังจากจินตนาการเรื่องราวออกมามากมาย พวกเขาสองคนก็รีบตามไปอย่างว่าง่ายมิได้สร้างปัญหาใดอีก…… ในฐานะผู้ที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉินหมิงนั้นไม่รู้ว่าซุนเฉิงและเว่ยกว่างซวินพูดคุยสิ่งใดกันเพียงพบว่าหลังพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต่างมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานราวดอกไม้บนใบหน้าก็ไม่พบร่องรอยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 99

    หานหมิงรุ่ยเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นดังนั้นคำพูดของเขา ย่อมแสดงถึงท่าทีของทางการฉินหมิงจึงมิได้ถกเถียงกับเขา แต่กล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับเป็นข้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว”“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีเจตนาดี เพียงแต่บรรดาทหารในกองทัพก็ต้องการความสมดุลระหว่างหน้าที่และการพักผ่อนเช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”เพราะอยากเล่นพนัน ท่าทีในการพูดจาของหานหมิงรุ่ยต่อฉินหมิงในยามนี้จึงดีขึ้นไม่น้อย“เช่นเดียวกันกับกระหม่อม ยามปกติก็ชอบเล่นตาสองตา การพนันเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มพูนความสุขและความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”หานหมิงรุ่ยมิได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นยามเกิดเรื่องในตอนนั้น ผู้ที่รู้จึงมีไม่มากยกตัวอย่างเช่นพวกเฉาชวน คนเหล่านี้ล้วนไม่รู้เลยโชคดีที่ครอบครัวของกวนเยว่กับเยว่โส่วเจียงเป็นเพื่อนเก่ากันมานานปกติแล้ว เมื่อแม่ทัพระดับสูงอย่างพวกเขาพูดคุยกันในยามว่าง ถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมาด้วยเหตุนี้ จนถึงตอนนี้หานหมิงรุ่ยจึงยังคงคิดว่า เรื่องของตนนั้นที่นี่น่าจะมีคนรู้ไม่มากดังนั้นต่อหน้าพวกฉินหมิง ตนจึงสามารถแสร้งแสดงเป็นผู้ทรงคุณธรรมไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 98

    พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร ปลอมตัวเป็นทหารที่กำลังพักผ่อนเล่นไพ่โกวกันอยู่ที่นี่เมื่อเห็นฉินหมิงเดินเข้ามา เหล่ามืออาชีพที่กำลังนั่งไข้วขาอยู่บนพื้นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก“ย๊าก! กิน!”“เพิ่มร้อยยี่สิบแปดเท่า! จ่ายเงินมา!”หานหมิงรุ่ยชะงักเท้าลงจริงๆ สายตาเหลือบมองไปที่การเรียงไพ่ด้านล่างอย่างอดไม่ได้ฉินหมิงไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเล่นของเจ้าสิ่งนี้นักรู้เพียงว่าไพ่โกวของต้าเฉียน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไพ่นกกระจอก ปกติเป็นแผ่นไม้ เพียงแต่รูปร่างจะแบนกว่ายาวกว่าในขณะที่กำลังกังวลว่าพวกเขาจะแสดงมากเกินไปจนโป๊ะแตกหานหมิงรุ่ยซึ่งเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็เห็นไพ่โกวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก็พยักหน้าแล้วพึมพำว่า“ร้อยยี่สิบแปดเท่า เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว…”ดูจากท่าทางแล้ว ต้องคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วเป็นแน่ฉินหมิงสบตากับซ่งติ้งเซิงคราหนึ่ง คนทั้งสองล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหานหมิงรุ่ยแต่การตกปลานั้นจะต้องมีความอดทนฝีเท้าของฉินหมิงมิได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังหันศีรษะไปมองหานหมิงรุ่ยที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังด้วยหานหมิงรุ่ยก็รู้ตัวว่าพลาดไป มองเกมไพ่เบื้องล่างทีหนึ่งอย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 97

    ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหานหมิงรุ่ยขาดความซื่อสัตย์ ผู้ที่รู้ถึงการกระทำในอดีตของเขาล้วนไม่มีทางมอบหมายงานสำคัญและเป็นเพราะอาศัยผลงานทางทหารที่สั่งสมมานานหลายปี เขาถึงสามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการในหลิ่งหนานได้ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายทหาร การมีตัวตนของเขายังคงประดุจสุนัขที่ไร้ผู้เหลียวแลเมื่อเวลาผ่านไป หนังหน้าหนาของเจ้าตัวนี้จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไร้ยางอายถึงขึ้นปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเหลวแหลกเสียเลยเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แบบใดสบายใจก็ทำแบบนั้น เห็นผู้ใดไม่ถูกใจก็ชักสีหน้าก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้แต่ฉินหมิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตานี่ค่อนข้างคล้ายพวกระดับผู้นำในองค์กรต่างๆ ที่ผ่านไปนานหลายปีก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่บ้างซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า อนาคตไร้หนทางก้าวหน้าแล้วจึงคร้านที่จะเสแสร้งอีก ทำตามอำเภอใจเสียเลยเฉาชวนมองความไม่สบอารมณ์ของฉินหมิงออก จึงเป็นตัวแทนเขาเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหานหมิงรุ่ยแทน“ยากนักที่ท่านแม่ทัพหานจะมาเยือนสักครั้ง นั่งลงสนทนากันก่อนเถอะขอรับ”“คุยอะไร? ท่านอ๋อง เรื่องนี้เดิมก็เป็นพวกท่านที่ทำไม่ถูก”หานหมิงรุ่ยเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 96

    ซ่งติ้งเซิงเดินไปที่ข้างกายฉินหมิงแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ทรงไม่ต้องสอนพวกเขาดอกพ่ะย่ะค่ะ”“คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกฝีมือแก่กล้ามากประสบการณ์ หากต้องการวางแผน พวกเขาสามารถทำได้เอง ไม่แน่ว่าผลงานที่ออกมายังอาจทำได้ดีกว่าที่ทรงกำกับอีกพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้เป็นเช่นนี้”มุมปากของฉินหมิงกระตุก เดิมคิดจะเตือนพวกเขาว่าควรเล่นอย่างไรตอนนี้ดูไปคงไม่จำเป็นแล้ว“งั้นก็ไปเถอะ อีกครู่เจ้ามอบผลประโยชน์ให้พวกเขาหน่อย ให้คนปิดปากให้สนิทขึ้น”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงก็ให้พวกเขาใส่เครื่องแบบทหาร แล้วนั่งอยู่ในบริเวณที่สะดุดตารอเหยื่อมาติดกับในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงยังเรียกหลิวฉ่วงมาด้วย“เหล่าหลิว เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนในค่ายทหาร”เรื่องอื่นไม่พูดถึง หากต้องการลงไม้ลงมือแล้วล่ะก็ หลิวฉ่วงนั้นเป็นพวกสายลุยตัวจริงมีบางครั้งหากไม่ทันระวัง เขากระทั่งทุบตีคนจนตายได้เมื่อเรียกแม่ทัพผู้ดุดันคนนี้มาเข้าร่วม ฉินหมิงก็ถือว่าได้ทำประกันเพิ่มให้ตนเองอีกชั้นหลิวฉ่วงรู้จักฉินหมิงเป็นอย่างดี เห็นเขาท่าทางมีลับลมคมใน จึงบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างว่า“ท่านอ๋อง ท่านเรียกกระหม่อมมาต้องไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 95

    “สร้างกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ใช่แล้ว เจ้ากินก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยออกมา เราไปทำธุระกันสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงดื่มโจ๊กข้าวกล้องหมดภายในไม่กี่คำ สวมชุดขุนนางเสร็จ ก็สาวเท้าออกจากประตูใหญ่ทันทีฉินหมิงที่รออยู่บริเวณมุมกำแพง กระซิบเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตของหานหมิงรุ่ยแก่เขาหลังฟังจบ ซ่งติ้งเซิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนใจอย่างอดไม่ได้ เรื่องสกปรกในราชสำนักช่างมีมากมายเสียจริงเขาถูกมือไปมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า“ท่านอ๋อง กระหม่อมมีคำถามข้อหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“คำถามอะไร?”“หานหมิงรุ่ยผู้นั้น คืนเงินท่านแม่ทัพเย่แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไร้สาระ ย่อมไม่น่ะสิ เจ้าคนไร้เมียนั่นตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะหวังให้เขาคืนเงิน?”ฉินหมิงค้อนเขาทีหนึ่งโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณธรรมจริยธรรมแม้น ‘ติดหนี้ต้องชดใช้’ จะเป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ก็ยังมีอีกคำกล่าวที่ว่า ‘เหาเยอะไม่กลัวคัน’ ด้วย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นหากพวกเรายังเล่นงานเขาเช่นนี้อีก มิเท่ากับไร้คุณธรรมอย่างยิ่งหรือพ่ะย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status