Share

บทที่ 14

Penulis: หออักษร
เหล่าขุนนางที่อยู่ในที่นั้นต่างพากันก้มหน้าลง แต่หางตาก็ยังคงเหลือบมองฮ่องเต้เฉียนอยู่ตลอดเวลา

เซียวซูเฟยนั่งอยู่ข้างกายฮ่องเต้เฉียน มองดูสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนที่เปลี่ยนจากเขียวเป็นแดงสลับกันไป ในใจก็รู้สึกซับซ้อน

การกระทำของฉินหมิง นางไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือว่าโกรธดี

ตามหลักแล้วนี่เป็นเรื่องที่ดี

สามารถทำให้สถานะของฉินหมิงในพระทัยของฮ่องเต้เฉียนตกต่ำลงไปอีก

แต่เหตุใด ตนเองกลับรู้สึกโกรธอย่างยิ่ง

ท่าทางของฉินหมิงดูเหมือนจะไม่ใส่ใจตำแหน่งองค์รัชทายาทนี้จริง ๆ

เพียงแค่มาที่นี่ เพื่อที่จะอ่านบทกวีนี้ให้ฮ่องเต้เฉียนฟัง...

ในที่สุด ฮ่องเต้เฉียนผู้มีสีพระพักตร์มืดมนก็ทรงเอ่ยปากขึ้น

“เอาแต่อยู่ในเรือนทั้งวัน ก็คงจะศึกษาแต่บทกวีน้ำเน่าพวกนี้กระมัง?”

“คนที่ไร้ความสามารถเช่นเจ้า ไม่ได้เป็นองค์รัชทายาท ก็ถือเป็นโชคดีของราชวงศ์นี้แล้ว!”

วาจาของฮ่องเต้เฉียนนั้นรุนแรงมาก

บทกวีของฉินหมิง ทำให้พระองค์ทรงนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่ไม่อยากจะเอ่ยถึง

สตรีผู้นั้น เขาลืมไปนานแล้ว

ในราชสำนักก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึง

ยกเว้นฉินหมิง

แคร่ก!

พร้อมกับเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น

แผ่นป้ายที่แขวนอยู่บนซุ้มประตูหน้าตำหนัก ซึ่งเขียนว่าต้อนรับกองคาราวานสินค้าหนานหยาง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของเหล่าขันทีหรือไม่ แขวนไว้ไม่ดี จนร่วงหล่นลงมาบนพื้น

แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ !

สีหน้าของทุกคนพลันดูย่ำแย่ลงในทันที!

ในใจของซุนเหลียนอิงหนักอึ้ง รีบเดินเข้าไปนำคนมาเก็บกวาด

วาจาที่ฮ่องเต้เฉียนทรงเตรียมจะตำหนิฉินหมิง ก็ติดอยู่ในลำคอ

พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ดวงพระเนตรสั่นไหว

หรือนี่จะเป็นลางบอกเหตุบางอย่างที่สวรรค์ส่งมาให้พระองค์?

หลังจากผ่านไปนาน ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงกัดฟันแล้วตรัสถามคนของกรมพิธีการว่า

“ผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบงานเลี้ยงครั้งนี้”

“ฝ่าบาท กระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวดังออกมาจากฝูงชน

เมื่อทอดพระเนตรเห็นคนที่พูด ฮ่องเต้เฉียนและเซียวซูเฟยต่างร่างกายแข็งทื่อ

เซียวผิงซานขุนนางผู้ช่วยกรมพิธีการ น้องชายแท้ ๆ ของเซียวซูเฟย!

หากว่ากันตามฐานะแล้ว เซียวผิงซานก็นับเป็นน้องเขยของฮ่องเต้เฉียน

“เหตุใดจึงเป็นเจ้ารับผิดชอบเรื่องนี้?”

“เดิมทีเป็นฉินอ๋องที่รับผิดชอบงานเลี้ยงพ่ะย่ะค่ะ ปีนี้ไม่มีใคร กระหม่อมก็เลยรับผิดชอบเองพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวผิงซานกลืนน้ำลาย เอ่ยปากอย่างลังเล

อันที่จริงงานเลี้ยงในวันนี้ เขาทุจริตไปไม่น้อย

แม้กระทั่งหมุดที่ใช้แขวนแผ่นป้าย เขาก็ยังเปลี่ยนเป็นของที่ห่วยที่สุด

มิใช่ว่าขันทีน้อยแขวนไม่ดี แต่เป็นเพราะของสิ่งนี้ โดยเนื้อแท้แล้วก็เป็นของชำรุด ทนอยู่ได้ไม่นาน

เดิมทีคิดว่าเป็นเพียงแค่งานเลี้ยง คงไม่มีใครสังเกตเห็น

แต่กลับมาเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในตอนที่ฮ่องเต้เฉียนทรงพระพิโรธที่สุด

เฉินซื่อเม่าที่นั่งอยู่เบื้องล่างส่ายหน้าเล็กน้อย

เฉียนไฉเบ้ปากแล้วกล่าวกับคนข้าง ๆ ว่า

“หากองค์ชายยังอยู่ในราชสำนัก ไหนเลยจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”

“ทำการค้าขายมาก็หลายปีแล้ว พอองค์ชายจากไป แม้แต่งานเลี้ยงพื้นฐานที่สุดก็ยังจัดให้ดีไม่ได้”

“ไม่รู้ว่านี่เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จทางการค้าขายแบบไหนกันแน่ คิดจะทำให้กองคาราวานสินค้าหนานหยางรังเกียจจนหนีไปหมดหรือไร?”

น้ำเสียงของเขาไม่ดังและไม่เบา

ส่งไปไม่ถึงพระกรรณของฮ่องเต้เฉียน แต่กลับสามารถส่งไปถึงหูของเหล่าขุนนางได้

ทันใดนั้น ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย

“ข้าได้ยินมาว่าการค้าขายครั้งนี้ ก็เป็นจ้าวสี่ที่ทำเรื่องราวให้มันใหญ่โตขึ้น องค์ชายต้องไปตามเช็ดก้นให้เขา”

“สองวันก่อนฝ่าบาทยังทรงหลงเชื่อจ้าวสี่ผิด ๆ สั่งยุบสามหน่วยพิทักษ์ขององค์ชายมิใช่หรือ?”

“นั่นมันเรื่องเมื่อสองสามวันก่อนแล้ว ภายหลังก็คืนให้แล้วยังมอบค่ายทหารอู่เวยให้อีก ไปขอร้องให้องค์ชายช่วยทำให้กองคาราวานสินค้าหนานหยางสงบลง”

“สุดท้ายก็ยังต้องให้องค์ชายยื่นมือเข้าช่วยมิใช่หรือ จะวุ่นวายไปมาทำไมกัน...”

แม้ว่าเสียงของเฉียนไฉจะส่งไปไม่ถึงพระกรรณของฮ่องเต้เฉียน

แต่การวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าขุนนาง กลับทำให้ฮ่องเต้เฉียนทรงได้ยินอย่างชัดเจน

พระองค์เพิ่งจะตรัสไปว่า ฉินหมิงไม่เหมาะกับตำแหน่งองค์รัชทายาทของราชวงศ์นี้

ก็เกิดเรื่องแผ่นป้ายร่วงหล่นขึ้นมาทันที เมื่อเปรียบเทียบกับงานเลี้ยงในปีก่อน ๆ แล้ว ก็เหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่

สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือ คนที่ทำผิดในปีนี้ กลับเป็นน้องชายแท้ ๆ ที่เซียวซูเฟยรักและตามใจอย่างยิ่ง

“เจ้าสารเลวนี่...”

ฮ่องเต้เฉียนทรงกัดฟันกรอดจนแทบแหลก พระอุระเจ็บปวดรวดร้าว มีความคิดที่จะสังหารเซียวผิงซานขึ้นมาเลยทีเดียว

เซียวซูเฟยตกใจจนตัวสั่น ตระกูลเซียวของพวกเขาในรุ่นนี้ มีเพียงเซียวผิงซานเป็นทายาทชายคนเดียว

มิเช่นนั้นนางก็คงไม่ทุ่มเทแรงกายแรงใจมากมายขนาดนั้น เพื่อผลักดันให้เซียวผิงซานได้เข้ารับตำแหน่งในกรมพิธีการ

หากฮ่องเต้เฉียนทรงสังหารเขาในวันนี้ ตระกูลเซียวก็เท่ากับสิ้นสุดวงศ์ตระกูล!

“ฝ่าบาท อย่าได้ทรงพิโรธเลยเพคะ...”

เซียวซูเฟยรีบเข้าไปปลอบโยน บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

แต่ก็ยังคงฝืนใจกล่าวต่อไปว่า

“ผิงซานเพิ่งจะเคยจัดงานเลี้ยงเช่นนี้เป็นครั้งแรก เร่งรีบเกินไป เกิดข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นบ้าง ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”

“เซียวผิงซาน ยังไม่รีบรับโทษด้วยตนเองอีก! หากมีครั้งหน้าอีก เจ้าก็จงลาออกจากตำแหน่งขุนนางนี้เถิด!”

เมื่อเห็นว่าเซียวซูเฟยหาทางลงให้ตนเองแล้ว

เซียวผิงซานก็พยักหน้ารัว ๆ คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบ

“กระหม่อมมีความผิด กระหม่อมขอรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”

พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วราวกับสายลม เตรียมจะวิ่งหนี

เหล่าขุนนางมองดูภาพนี้ ต่างพากันขมวดคิ้ว

ต่อหน้ากองคาราวานสินค้าหนานหยาง ทำให้ฮ่องเต้เฉียนเสียหน้า และยิ่งทำให้ราชสำนักเสียหน้าเข้าไปใหญ่

เซียวซูเฟยช่างดีนัก ไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี!

เพียงคำพูดไม่กี่ประโยคก็ทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กกลายเป็นไม่มีอะไร!

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งก็พลันดังออกมาจากฝูงชน

“พระสนม ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เรื่องในราชสำนักต้องให้ท่านเป็นคนตัดสินใจ?”

“ข้าจำได้ว่าฝ่ายในห้ามยุ่งเกี่ยวงานราชกิจมิใช่หรือ?”

ฉินหมิงก้าวออกมาข้างหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

สีหน้าของเซียวซูเฟยพลันดูย่ำแย่ลง

“ฉินอ๋องหมายความว่าอย่างไร?”

“ความหมายของข้าเรียบง่ายมาก เรื่องใหญ่อย่างงานเลี้ยง จะทำเป็นเรื่องเล่น ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?”

“งานเลี้ยงเป็นเรื่องเล่น ๆ ก็ช่างเถิด โทษที่ท่านกำหนดให้นี้ ก็ช่างไม่เห็นงานเลี้ยงนี้อยู่ในสายตาเอาเสียเลย!”

ฉินหมิงเห็นเซียวซูเฟยขัดหูขัดตามานานแล้ว

น่าเสียดายที่ฮ่องเต้เฉียนกลับหลงหัวปักหัวปำอยู่ใต้กระโปรงของสตรีผู้นี้จนโงหัวไม่ขึ้น ปกป้องนางอย่างยิ่ง

สิ่งนี้ทำให้แม้แต่ฉินหมิงก็ยากที่จะเล่นงานนางได้

แต่ก็ไม่เป็นไร ฉวยโอกาสนี้ เล่นงานทายาทชายคนเดียวของตระกูลเซียวของนางก็ได้

ฉินหมิงจำได้ว่า เมื่อหลายปีก่อนเซียวผิงซานผู้นี้ อาศัยที่พี่หญิงของตนเองเป็นที่โปรดปราน ก็เคยขัดขาตนเองมาไม่น้อย!

“ฝ่าบาท ฉินอ๋องเอาเรื่องเล็กมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ ช่างไร้มารยาทนักเพคะ”

เซียวซูเฟยเห็นสถานการณ์ไม่ดี รีบขอความช่วยเหลือจากฮ่องเต้เฉียน

ฮ่องเต้เฉียนทรงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทอดพระเนตรฉินหมิงอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง

“เอาละ เรื่องนี้ให้ดำเนินการไปตามนี้ก่อน”

เฉินซื่อเม่าและคนอื่น ๆ ต่างพากันขมวดคิ้ว

ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ยังจะลำเอียงเข้าข้างเซียวซูเฟยถึงเพียงนี้

เกรงว่าหลังจากนี้ไป คงจะมีขุนนางนับไม่ถ้วนด่าทอลับหลังเซียวซูเฟยอย่างสาดเสียเทเสียเป็นแน่

แต่เรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้ อันที่จริงก็ใกล้จะจบแล้ว

ในตอนที่เซียวผิงซานจ้องมองฉินหมิงอย่างเคียดแค้นแวบหนึ่ง เตรียมจะจากไป

ฉินหมิงกลับขวางเขาไว้ทันที

“เสด็จพ่อ เซียวกุ้ยเฟยไม่เข้าใจกฎหมายของราชวงศ์เรา ท่านคงจะไม่ทรงลืมใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ต้าเฉียนของเราเป็นแคว้นแห่งจารีตประเพณี ผู้ใดทำลายพิธีการ ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรง จะต้องถูกโบยสามสิบที!”

“เห็นแก่ที่เซียวผิงซานเป็นผู้กระทำผิดครั้งแรก กจะละเว้นให้เขาสักหน่อย โบยยี่สิบเก้าที เป็นอย่างไร?”

ขุนนางเบื้องล่างเมื่อได้ยินดังนั้น ต่างก็มุมปากกระตุก

ไม่อยากจะละเว้นก็ไม่ต้องละเว้น

เพียงแค่ละเว้นให้หนึ่งที นี่มิใช่ว่าจงใจจะกวนประสาทอีกฝ่ายหรอกหรือ?

“ท่านอย่าได้ทำเกินไปนัก!”

เซียวซูเฟยร้อนใจขึ้นมา

การลงโทษโบยของพวกเขานั้น โหดเหี้ยมเป็นพิเศษ

โบยไม่กี่ทีก็สามารถทำให้คนลุกจากเตียงไม่ได้ไปครึ่งเดือน

โบยสามสิบที สามารถทำให้คนพิการได้โดยตรง!

ตอนนี้ฮ่องเต้เฉียนก็ถูกมัดมือชกเช่นกัน

พระองค์เพิ่งจะทรงตระหนักได้ในตอนนี้เองว่า บุตรชายที่พระองค์ไม่เคยให้ความสำคัญมาโดยตลอด

กลับรู้กฎหมายของราชสำนักอย่างทะลุปรุโปร่ง

เมื่อกฎหมายของบรรพชนวางอยู่ตรงนี้ พระองค์จะช่วยเซียวผิงซานได้อย่างไร?
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 257

    เมื่อฟังคำอธิบายของฉินหมิงจบ ฟางชิงหย่วนก็เดินไปยังป้ายบอกทางของโรงทอผ้าหลังก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่ง โรงทอผ้าก็มีพื้นที่กว้างขวางมากแล้วยามมีคนงานซึ่งไม่คุ้นเคยกับสถานที่เดินทางมาจากอำเภอต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งป้ายและแผนที่คอยนำทาง“เอาเป็นสองที่นี้ก็แล้วกัน ขนาดเท่ากันพอดี”“ส่วนจำนวนคนเดี๋ยวข้าจะจัดสรรให้พวกท่าน เชิญพวกท่านไปเลือกคนกันได้ตามสบาย”ฟางชิงหย่วนพูดเนิบนาบตามความคิดของเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรชวนให้เดือดดาลใจในเมื่อทุกคนอยากดู ก็แค่แข่งขันกันให้รู้แล้วรู้รอดไปความจริงย่อมมีน้ำหนักกว่าคำพูด เขาเชื่อมั่นในทฤษฎีของตนเองยิ่งนัก“ประเสริฐ”ฉินหมิงกับหลี่เอ้อร์หนิวต่างพยักหน้า“พวกเจ้า ไปแย่งคนมาก่อนเลย”เมื่อตกลงกันเรียบร้อย หลี่เอ้อร์หนิวก็สั่งลูกน้อง ให้เริ่มไปชิงตัวสาวชาวบ้านที่ทำงานคล่องแคล่วในโรงทอผ้ามาก่อนล่วงหน้าฉินหมิงกลับไม่ได้ทำอะไร ด้วยความที่ตนมีคนน้อยกว่าหลี่เอ้อร์หนิวถึงครึ่งหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็นำกลุ่มคนงานของตนไปเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วฉินหมิงเลือกคนมาสามกลุ่มแบบเดาสุ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทุกคนทำตามกฎระเบียบเดิม ติ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 256

    ถ้าต้องรับมือกับคนนอก ฉินหมิงย่อมเลือกใช้วิธีทางกายภาพอันรวดเร็วที่สุดเพื่อกำจัดอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลแต่คนในโรงงานเวลานี้ ล้วนแต่เป็นคนของฉินหมิงทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากให้ซ่งติ้งเซิงลงมือ ไม่เพียงแต่จะทำให้กลุ่มคนงานหมดความภักดี แม้แต่ภาพลักษณ์ก็คงเสียหายย่อยยับเช่นกัน“ท่านอ๋อง โปรดอธิบายให้พวกเราฟังแต่โดยดีเถิด มิเช่นนั้นทุกคนคงไม่เชื่อท่านแล้ว”หลี่เอ้อร์หนิวเห็นสถานการณ์พลิกผัน ก็ได้ทีรุกคืบด้วยความลำพองใจบัดนี้ทุกคนต่างกำลังรอคอยคำตอบจากฉินหมิงฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความจนปัญญาว่า“หลี่เอ้อร์หนิว เจ้าเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยการผลิต ใช่หรือไม่?”“ใช่ขอรับ”หลี่เอ้อร์หนิวยักไหล่ มองฉินหมิงด้วยความกังขา“เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนแก่เจ้ามากกว่าของข้าหนึ่งเท่า ในเวลาสามวัน พวกเรามาแข่งกันเรื่องผลผลิต ดีหรือไม่?”“ท่านจะแข่งเรื่องประสิทธิภาพการผลิตกับข้างั้นรึ? ซ้ำยังใช้คนเพียงครึ่งเดียวอีก?”หลี่เอ้อร์หนิวแทบไม่เชื่อหูตนเอง“ถูกต้อง ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า บางครั้งมีคนเยอะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี หลักการที่ว่ามากคนก็มากความ ดูท่าจะมีผ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 255

    ทั้งสองคนเดินมาถึงเบื้องหน้าฝูงชนหลี่เอ้อร์หนิวยังคงพูดความคิดของตนอย่างออกรส ขัดขวางการจัดสรรคนงานของโรงทอผ้าโดยไม่มีคำว่าเกรงใจ“ท่านอ๋องมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในฝูงชนที่ตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เมื่อฉินหมิงเดินเข้ามาจากนอกวง หลี่เอ้อร์หนิวก็พลันมีท่าทีอ่อนลงไปกว่าครึ่งเมื่อครู่เขายังส่งเสียงดังลั่น แต่บัดนี้กลับเงียบเสียงลงแล้ว“ขอถามหน่อยเถิด ผู้ใดบอกว่าจะลดค่าจ้างพวกเจ้ารึ?”เสียงของฉินหมิงถามขึ้นอย่างแช่มช้าทุกคนต่างเหลือบมองไปที่หลี่เอ้อร์หนิวผู้ซึ่งเมื่อครู่ยังทำตัวหยิ่งผยองส่วนหลี่เอ้อร์หนิวนั้น ยามนี้ก็ได้แต่พูดอึกอักว่า“ก็ในประกาศมีความหมายเช่นนั้นมิใช่หรือ…”เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองเหตุผลที่ไม่อยากให้มีการย้ายคนงานเกิดขึ้น ก็เพราะเขามีลูกน้องหลายคนมาจากต่างพื้นที่กันบางคนมีบ้านอยู่ใกล้โรงช่าง บ้างก็อยู่ใกล้โรงย้อมผ้า ล้วนแต่ร้องขออยากย้ายที่ทำงานกันทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าลูกน้องอยากย้ายที่ทำงานกันเหลือเกิน หลี่เอ้อร์หนิวก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือตัวเขาอุตส่าห์ฝึกฝนลูกน้องจนกลายเป็นคนสนิท ถึงขั้นทำตัววางอำนาจใน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 254

    เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิต และคนงานจำนวนมากที่ไม่รู้หนังสือดังนั้น ฟางชิงหย่วนจึงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงนำข้อสรุปไปติดประกาศไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวแต่คนงานหลายพันคนในโรงทอผ้า อยู่ดี ๆ จะให้พวกเขาย้ายที่ทำงานอย่างกะทันหัน ย่อมมีบางส่วนไม่พอใจเป็นธรรมดาสิ้นเสียงของฉินหมิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในฝูงชน“ให้ตายเถิด คิดจะลดค่าจ้างกับสวัสดิการของพวกเราใช่หรือไม่? อย่างไรข้าก็ไม่ไป!”คนที่พูด มีนามว่าหลี่เอ้อร์หนิวเขาเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านกว่างสุ่ยทางตอนเหนือของเมืองหลินเจียง ว่ากันว่ามีชื่อเสียงในหมู่บ้านพอสมควรหลังมาถึงโรงทอผ้า เนื่องจากมีผลงานโดดเด่น และผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยในเวลาไม่นาน“บังอาจนัก!”ซ่งติ้งเซิงขมวดคิ้ว โบกมือเรียกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ข้างกาย ให้เตรียมเข้าไปจับตัวหลี่เอ้อร์หนิวในยามที่โรงทอผ้ากำลังจะจัดสรรจำนวนคนงาน เพื่อไปส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ หากมีคนเสนอหน้าออกมาขัดขวางย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของโรงทอผ้าอย่างใหญ่หลวงนัก!ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 253

    “ตอนแรกเมื่อเริ่มใช้คนงานเยอะขึ้น ปริมาณการผลิตก็เพิ่มขึ้นเร็ว แต่พอเพิ่มคนเข้าไปเรื่อย ๆ ปริมาณการผลิตกลับเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟางชิงหย่วนหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา อธิบายการค้นพบของตนให้ฉินหมิงฟังด้วยความเคร่งเครียด“นี่คงเรียกว่ากฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่ม”ฉินหมิงใช้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เท่าหางอึ่งของตน รำพึงออกมาโดยไม่รู้ตัว“อะไรคือกฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่มรึพ่ะย่ะค่ะ?”ฟางชิงหย่วนรั้งฉินหมิงไว้ ขณะถามบนขั้นบันได“ก็คือการลงทุนลงแรงไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้ว”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าที่กระหม่อมศึกษามาจะถูกต้องแล้ว”ฟางชิงหย่วนผงกศีรษะ หยิบแท่งถ่านสีดำยาวออกมาจากอกเสื้อ แล้วเริ่มขีดเขียนลงบนสมุดเล่มเล็กที่เย็บเล่มอย่างประณีตตรงหน้าในยุคนี้มีเพียงพู่กัน ซึ่งใช้งานค่อนข้างลำบากหากอยากจดบันทึกทุกที่ทุกเวลาเช่นเขา ก็ต้องใช้แท่งถ่านกับสมุดเล่มเล็กเท่านั้น“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่อยากขยายการผลิตของโรงงานแล้ว รักษาสภาพเดิมไว้ก็พอ สิ่งที่เราต้องคิดในตอนนี้คือ จะรักษาระดับการเติบโตให้เร็วขึ้นได้อย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 252

    “จับได้กี่คน?”“สองคนพ่ะย่ะค่ะ ประตูเมืองทิศอื่น ๆ ก็น่าจะมีเช่นกัน”เมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า“จับต่อไป ไว้ชีวิตแค่จำนวนหนึ่งก็พอ เอาไว้เค้นถามกำลังคนที่แน่ชัดในภายหลัง ถือโอกาสที่ฝนตกหลายวันมานี้ คนเดินถนนมีน้อย ปิดล้อมอำเภอไว้ก่อน รอให้สังหารองครักษ์เงาหมดสิ้นเมื่อใด ค่อยเปิดประตูเมือง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงรับคำสั่ง พลางมองอู๋สื่อจงที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่พูดคำใด ในใจพลันรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง“อะแฮ่ม!”เขากระตุกชายเสื้ออู๋สื่อจงตอนนั้นเอง อู๋สื่อจงถึงได้สติ“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”หลังปิดล้อมสังหารคนอยู่สองวันครึ่ง ฉางไป๋ซานก็นำกองกำลังองครักษ์ของฉินหมิง สังหารองครักษ์เงาทั้งยี่สิบเจ็ดคนที่มาถึงอำเภออินซานจนหมดสิ้นขณะมองดูรายชื่อผู้เสียชีวิตที่เขียนด้วยหมึกสีแดงสด ฉินหมิงก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกซ่งติ้งเซิงผู้ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า“ท่านอ๋อง โรงทอผ้าส่งข่าวมา บอกว่าพวกเขาสร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว สามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ทันที เวลานี้อยากให้ท่านส่งคนงานไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”อุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับการยกระดับอีกครั้ง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status