Share

บทที่ 15

Author: หออักษร
“เจ้าออกจากราชสำนักไปแล้ว ก็อย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของราชสำนักอีก”

“เซียวผิงซานจัดงานเลี้ยงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ครั้งแรกย่อมเกิดข้อผิดพลาดได้...”

ฮ่องเต้เฉียนทรงเตรียมที่จะประนีประนอม

ฉินหมิงคุ้นเคยกับลูกไม้เช่นนี้ดีอยู่แล้ว

ตาเฒ่านี่ ตอนนี้รู้จักรุกด้วยการถอยแล้วหรือ?

ฝันไปเถอะ!

“ลูกเห็นว่า นี่เป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ควรจะทำผิดพลาด!”

“แต่ในเมื่อทำผิดพลาดแล้ว ก็ต้องยอมรับ หากไม่ลงโทษอย่างหนัก มิใช่ว่าจะทำให้ต้าเฉียนของเราต้องเสียทั้งหน้าตาเสียทั้งชื่อเสียงต่อหน้าแคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางหรอกหรือ!”

เซียวซูเฟยโมโหอย่างยิ่ง

“ใครบ้างจะไม่เคยทำผิดพลาด? เจ้าอย่าได้จู้จี้จุกจิกกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ยอมปล่อย!”

“ท่านว่าใครบ้างจะไม่เคยทำผิดพลาดหรือ?”

ช่างถามถูกคนจริง ๆ !

ฉินหมิงแสยะยิ้มแล้วกล่าวว่า

“บังเอิญนัก ข้าทำงานมาหลายปีขนาดนี้ ยังไม่เคยทำผิดพลาดเลย”

เซียวซูเฟยเงียบไป

ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงเงียบไปเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ไม่เคยสังเกตเลยว่า เจ้าเด็กนี่รับมือยากถึงเพียงนี้

นับตั้งแต่ที่ฉินหมิงสละตำแหน่งองค์รัชทายาทไป ก็เหมือนกับได้ปลดปล่อยตัวเองออกมา

ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ คำพูดของเขากลับมีเหตุผลอยู่ไม่น้อย

“ในเมื่อขุนนางทั้งหลายก็อยู่ที่นี่แล้ว ข้าขอเสนอให้ลงโทษโบยต่อหน้าธารกำนัล ถือเป็นการตักเตือนทุกท่าน! และยังเป็นการให้คำอธิบายแก่กองคาราวานสินค้าหนานหยางอีกด้วย!”

“ทุกท่านคิดว่าเป็นอย่างไร?”

สิ้นเสียงของฉินหมิง เหล่าขุนนางที่อยู่ในที่นั้นต่างยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ไม่กล้ารับคำ

พูดตามตรง ในใจของหลาย ๆ คนต่างก็สนับสนุนฉินหมิง

แต่ฮ่องเต้เฉียนและเซียวซูเฟยนั่งอยู่ที่นั่น พวกเขาก็ยากที่จะแสดงความรู้สึกในใจออกมา

เว้นเสียแต่ว่าในอนาคตไม่อยากจะอยู่ในราชสำนักอีกต่อไปแล้ว

ฉินหมิงเห็นเช่นนั้นก็ส่ายหน้าเล็กน้อย

นี่แหละคือขุนนาง คิดหน้าคิดหลัง ไม่ได้เรื่องได้ราวเลยจริง ๆ

โชคดีที่เขายังมีแผนสำรอง

เขาส่งสายตาให้สมาชิกกองคาราวานสินค้าสองสามคนที่อยู่ไกลออกไป อีกฝ่ายก็เข้าใจในทันที

“ดี!”

“ต้าเฉียนช่างเป็นแคว้นแห่งจารีตประเพณีโดยแท้ มีความกล้าหาญดุจนักรบที่ยอมตัดข้อมือของตนเองทิ้ง!”

“ทำให้พวกข้าเลื่อมใสอย่างยิ่ง!”

ฉินหมิงและพวกเขารับส่งกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“ทุกท่าน นี่ก็เป็นการให้คำอธิบายแก่พวกท่านเช่นกัน!”

“ต้าเฉียนของเราจะไม่ปกป้องขุนนางที่มีปัญหาคนใดเด็ดขาด จ้าวสี่ก็นับเป็นหนึ่งคน เซียวผิงซานในวันนี้ก็นับเป็นอีกหนึ่งคน!”

บรรยากาศได้ถูกสร้างขึ้นมาถึงขั้นนี้แล้ว

หากไม่ลงมือ ก็คงจะไม่ได้

ฉินหมิงจ้องมองฮ่องเต้เฉียนด้วยสายตาเป็นประกาย

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง

มีเพียงการยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉินหมิงเท่านั้น ถึงจะรู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้รับมือยากเพียงใด

เซียวซูเฟยร้อนใจราวกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน

รออยู่นานครึ่งค่อนวัน ก็ไม่เห็นฮ่องเต้เฉียนตรัสอะไรออกมา

“เชิญเถิด”

หัวหน้าองครักษ์ในวังที่อยู่ในที่นั้น ก็มีเพียงจางหมิงคนเดียว

ฉินหมิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็พบเขาแล้ว

จางหมิงตกใจจนตัวสั่น มองไปยังเซียวซูเฟย กลับพบว่าอีกฝ่ายมีสีหน้ามืดมน ไม่พูดไม่จา

น้องชายแท้ ๆ ของเซียวซูเฟย จางหมิงย่อมไม่กล้าตี

“วันนี้ข้าป่วยเป็นไข้หวัด ลงมือไม่ได้ ท่านไปหาคนอื่นมาทำแทนเถิด”

จางหมิงหลบไปไกล ๆ

กลัวว่าเรื่องนี้จะมาถึงตนเอง

ทหารสองสามคนที่อยู่ไกลออกไป ก็ถอยไปอยู่หลังเสาของตำหนักตั้งนานแล้ว ไม่กล้าให้ฉินหมิงเรียกตนเอง

บนใบหน้าของเซียวซูเฟยแสดงความหยิ่งยโส

คนที่มีความสามารถก็ทำอะไรไม่ได้ หากขาดเครื่องมือที่จำเป็น

ฉินหมิงคิดจะตีเซียวผิงซาน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น

แต่ในขณะที่ในใจของนางเพิ่งจะผ่อนคลายลงได้เล็กน้อย

ฉินหมิงก็พลันยิ้มออกมา

“ก็รู้อยู่แล้วว่าในวังนี้มีแต่พวกขี้ขลาดตาขาว ฉางไป๋ซาน!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

“ลงมือ!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

คราวนี้ ทุกคนต่างตกตะลึงจนตาค้าง

ความคิดของฉินอ๋องช่างลึกล้ำจริง ๆ

กลับคำนวณมาถึงขั้นนี้ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

หากจางหมิงเป็นคนลงมือ ไม่แน่ว่าอาจจะยังให้โอกาสเซียวผิงซานอยู่บ้าง ออกแรงน้อยลงหน่อย

แต่เมื่อบีบให้ทุกคนถอยไป แล้วเปลี่ยนเป็นฉางไป๋ซานขึ้นมาแทน

เจ้าหมอนี่ไม่มีทางออมมือแม้แต่น้อย!

“เจ้า... เจ้ากล้าแตะต้องข้าหรือ!”

เซียวผิงซานถอยหลังไปสองสามก้าว

กลับถูกฉางไป๋ซานเตะจนล้มลง

“นอนลงไปดี ๆ ! ข้าจะตีเจ้าแล้ว!”

เขาคว้าอาวุธมาจากในมือของขุนนางฝ่ายพิธีการสองสามคนที่ถือไม้โบยอยู่ไกล ๆ

แล้วฟาดลงไปบนร่างของเซียวผิงซานทีละไม้ ๆ

ทันใดนั้น เสียงร้องโหยหวนราวกับหมูถูกเชือดก็ดังลั่นไปทั่วตำหนัก

สายตาที่เซียวซูเฟยมองไปยังฉินหมิง แทบจะพ่นไฟออกมาได้

ในพระทัยของฮ่องเต้เฉียนก็ทรงพิโรธอย่างยิ่ง

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่งานเลี้ยงครั้งนี้ ดำเนินไปตามความคิดของฉินหมิงโดยสิ้นเชิง

มีเพียงเฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉสองสามคนเท่านั้น ที่บนใบหน้าเผยความพึงพอใจออกมา

สมกับที่เป็นองค์ชาย!

ไม่นานนัก การลงโทษโบยก็สิ้นสุดลง

เซียวผิงซานที่ถูกตีจนเกือบตาย สลบไสลไม่ได้สติก็ถูกลากออกไป

ฉินหมิงปรบมือ

ตอนท้าย ก็ยังคงทำให้เซียวซูเฟยเจ็บใจอีกครั้ง

“ต้าเฉียนของเราช่างมีกฎหมายที่เข้มงวดและเที่ยงธรรมจริง ๆ มีราชสำนักเช่นนี้ ช่างเป็นโชคดีของราษฎรต้าเฉียนยิ่งนัก!”

“ซุนกงกง ในเมื่อข้าชนะการประลองฝ่ายบุ๋นแล้ว ต่อไปก็ควรจะเป็นการประลองยุทธ์แล้วใช่หรือไม่?”

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครกล้ารับคำ ฉินหมิงก็ถือโอกาสสถาปนาตนเองขึ้นเป็นผู้ชนะเลิศฝ่ายบุ๊นโดยปริยาย

แล้วหยิบยกเรื่องการประลองยุทธ์ขึ้นมาต่อ

เมื่อเห็นเช่นนั้น ซุนเหลียนอิงก็มองไปยังฮ่องเต้เฉียนด้วยความลังเล

กลับพบว่าอีกฝ่ายโบกพระหัตถ์ด้วยความรำคาญ

งานเลี้ยงในวันนี้วุ่นวายมาถึงขั้นนี้แล้ว ฮ่องเต้เฉียนไหนเลยจะยังมีอารมณ์เสวยพระกระยาหารอีก

เพียงแค่จะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้น แล้วกลับไปพักผ่อน

เบื้องล่าง กวนเยว่ที่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดมาโดยตลอดก็เตรียมพร้อมแล้ว

นางไม่เข้าใจการต่อสู้ในราชสำนัก

แต่เมื่อเห็นฉินหมิงสามารถทำให้สถานการณ์ปั่นป่วนได้ด้วยกำลังของตนเอง ในใจก็พลันเกิดความรู้สึกซับซ้อนขึ้นมา

ในเมื่อฉินหมิงสามารถคว้าตำแหน่งผู้ชนะเลิศมาได้แล้ว

ตนเองก็ต้องไม่ย่อท้อเช่นกัน จะต้องเอาเงินอีกสองหมื่นห้าพันตำลึงที่เหลือมาให้ได้

มีเงินแล้ว ท่านอาทั้งหลายในค่ายทหารก็คงจะไม่พูดอะไรมาก ยอมไปหลิ่งหนานพร้อมกับตนเอง

กวนเยว่กำหมัดแน่น ให้กำลังใจตัวเองในใจอย่างเงียบ ๆ

ซุนเหลียนอิงเดินออกมาข้างหน้าแล้วเอ่ยขึ้น

“ทุกท่าน การประลองยุทธ์ในวันนี้ มีผู้ใดจะเข้าร่วมหรือไม่?”

เซียวซูเฟยเดาได้ว่าที่ฉินหมิงมาในวันนี้ก็เพื่อต้องการเงิน

เพิ่งจะเสียท่าให้ฉินหมิงไปหมาด ๆ นางก็รีบส่งสายตาให้จางหมิง ให้เขาขึ้นไปประลองทันที

เรื่องอื่นไม่พูดถึง แต่ฝีมือหมัดมวยของจางหมิงในวังก็ถือว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ

มิเช่นนั้น ก็คงจะไม่ถูกเซียวซูเฟยต้องตาและส่งเสริมขึ้นมา

แต่เมื่อสายตาของนางจับจ้องไปที่จางหมิง กลับพบว่าจางหมิงมีสีหน้าลังเล

อิดออดอยู่นานก็ไม่ยอมขึ้นไป

เซียวซูเฟยขมวดคิ้ว จ้องมองจางหมิงแวบหนึ่ง

ช่วยไม่ได้ จางหมิงจึงต้องเดินออกมาแล้วกล่าวว่า

“กองคาราวานสินค้าหนานหยางโปรดชี้แนะ”

กวนเยว่เพิ่งจะคิดจะขึ้นไป ก็ถูกฉินหมิงดึงไว้

เขายิ้มแล้วลุกขึ้นยืน เอ่ยถามจางหมิงว่า

“ผู้บัญชาการจาง ท่านเป็นอะไรไป? เมื่อครู่มิใช่ว่ายังป่วยอยู่หรอกหรือ?”

“ไม่ใช่ว่ารู้ความสัมพันธ์ระหว่างเซียวซูเฟยกับเซียวผิงซาน กลัวว่าจะล่วงเกินคน จึงแกล้งบอกว่าตนเองป่วยหรอกกระมัง?”

คำพูดของฉินหมิง ราวกับเป็นการฉีกหน้ากากชั้นสุดท้ายของจางหมิงออก

ทำให้จางหมิงยังไม่ทันจะได้ลงมือ ทำให้จางหมิงยังไม่ทันจะได้ลงมือ

“ข้า ข้ามิใช่ ข้าไม่ได้...”

ทุกคนต่างเป็นขุนนาง ให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรี

ปกติทำเรื่องสกปรก ประจบสอพลอเบื้องบน ข่มเหงเบื้องล่าง ทุกคนต่างรู้กันในใจก็พอแล้ว

แต่บัดนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ จางหมิงกลับถูกฉินหมิงวิเคราะห์ความคิดในใจออกมา

ตอนนี้เขาอยากจะหาที่มุดดินหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอด

ในตอนนี้เอง เซียวซูเฟยถึงได้เข้าใจว่า เหตุใดเมื่อครู่จางหมิงจึงไม่ยอมขึ้นประลอง

“ในเมื่อมิใช่ เช่นนั้นเหตุใดจึงฝืนร่างกายที่ป่วยขึ้นประลอง? นี่จะไม่เป็นการทำให้กองคาราวานสินค้าหนานหยางชนะอย่างไม่น่าภาคภูมิใจหรอกหรือ?”

ฉินหมิงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

จางหมิงแก้ตัวอย่างลนลานสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นสายตาที่คนอื่นมองมาที่ตนเองแล้ว

ในใจเขาก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้น สุดท้ายก็อิดออดอยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง แล้วก็เดินลงไป

เมื่อเห็นว่าฉินหมิงกำลังจะได้เปรียบอีกครั้ง

ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงแค่นเสียงเย็น แล้วเริ่มเรียกชื่อโดยตรง

“แม่ทัพใหญ่เจิ้งเต๋อ เจ้าขึ้นไป!”

เมื่อได้ยินที่ฮ่องเต้เฉียนตรัส ทุกคนต่างสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

ฉินหมิงก็ค่อย ๆ ขมวดคิ้วเช่นกัน

ตาเฒ่าฮ่องเต้เฉียนนี่ ช่างไม่ยอมหยุดพักแม้แต่ครู่เดียวจริง ๆ

ก็แค่ไม่อยากจะให้ตนเองได้เงินอีกสองหมื่นห้าพันตำลึงนี้ไปใช่หรือไม่?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 100

    “กระไรนะ?!”เมื่อเว่ยกว่างซวินลองคิดดู ก็พบว่ามีความเป็นไปได้นี้จริงๆเดิมหานหมิงรุ่ยก็ถูกปลดลงมาจากราชสำนักจะรู้จักฉินอ๋องก็ไม่แปลกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!ซุนเฉิงคาดเดาต่อไปว่า“ท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งก่อนตอนที่ฉินอ๋องพบว่าพวกเราหาคนมาช่วย ก็ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย”“ใช่แล้ว ที่แท้พวกเขารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วนี่เอง”ภายในใจของเว่ยกว่างซวินเย็นยะเยียบขึ้นมาดูท่ามีแต่พวกเขาสองพี่น้อง ที่ถูกปั่นหัวอยู่เล่นอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่น“เรื่องนี้อย่าได้พูดถึงอีก วันหลังพวกเราให้ถือเสียว่าไม่เคยเสียเปรียบเพราะฉินอ๋องแล้วกัน”เว่ยกว่างซวินได้วิธีการรับมืออย่างรวดเร็วซุนเฉิงก็พยักหนักอย่างหนักเช่นกันอย่างรวดเร็ว ความไม่พอใจแต่เดิมที่มีต่อฉินหมิงก็ถูกพวกเขาเก็บซ่อนไปเป็นอย่างดีภายหลังจากจินตนาการเรื่องราวออกมามากมาย พวกเขาสองคนก็รีบตามไปอย่างว่าง่ายมิได้สร้างปัญหาใดอีก…… ในฐานะผู้ที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉินหมิงนั้นไม่รู้ว่าซุนเฉิงและเว่ยกว่างซวินพูดคุยสิ่งใดกันเพียงพบว่าหลังพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต่างมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานราวดอกไม้บนใบหน้าก็ไม่พบร่องรอยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 99

    หานหมิงรุ่ยเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นดังนั้นคำพูดของเขา ย่อมแสดงถึงท่าทีของทางการฉินหมิงจึงมิได้ถกเถียงกับเขา แต่กล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับเป็นข้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว”“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีเจตนาดี เพียงแต่บรรดาทหารในกองทัพก็ต้องการความสมดุลระหว่างหน้าที่และการพักผ่อนเช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”เพราะอยากเล่นพนัน ท่าทีในการพูดจาของหานหมิงรุ่ยต่อฉินหมิงในยามนี้จึงดีขึ้นไม่น้อย“เช่นเดียวกันกับกระหม่อม ยามปกติก็ชอบเล่นตาสองตา การพนันเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มพูนความสุขและความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”หานหมิงรุ่ยมิได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นยามเกิดเรื่องในตอนนั้น ผู้ที่รู้จึงมีไม่มากยกตัวอย่างเช่นพวกเฉาชวน คนเหล่านี้ล้วนไม่รู้เลยโชคดีที่ครอบครัวของกวนเยว่กับเยว่โส่วเจียงเป็นเพื่อนเก่ากันมานานปกติแล้ว เมื่อแม่ทัพระดับสูงอย่างพวกเขาพูดคุยกันในยามว่าง ถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมาด้วยเหตุนี้ จนถึงตอนนี้หานหมิงรุ่ยจึงยังคงคิดว่า เรื่องของตนนั้นที่นี่น่าจะมีคนรู้ไม่มากดังนั้นต่อหน้าพวกฉินหมิง ตนจึงสามารถแสร้งแสดงเป็นผู้ทรงคุณธรรมไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 98

    พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร ปลอมตัวเป็นทหารที่กำลังพักผ่อนเล่นไพ่โกวกันอยู่ที่นี่เมื่อเห็นฉินหมิงเดินเข้ามา เหล่ามืออาชีพที่กำลังนั่งไข้วขาอยู่บนพื้นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก“ย๊าก! กิน!”“เพิ่มร้อยยี่สิบแปดเท่า! จ่ายเงินมา!”หานหมิงรุ่ยชะงักเท้าลงจริงๆ สายตาเหลือบมองไปที่การเรียงไพ่ด้านล่างอย่างอดไม่ได้ฉินหมิงไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเล่นของเจ้าสิ่งนี้นักรู้เพียงว่าไพ่โกวของต้าเฉียน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไพ่นกกระจอก ปกติเป็นแผ่นไม้ เพียงแต่รูปร่างจะแบนกว่ายาวกว่าในขณะที่กำลังกังวลว่าพวกเขาจะแสดงมากเกินไปจนโป๊ะแตกหานหมิงรุ่ยซึ่งเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็เห็นไพ่โกวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก็พยักหน้าแล้วพึมพำว่า“ร้อยยี่สิบแปดเท่า เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว…”ดูจากท่าทางแล้ว ต้องคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วเป็นแน่ฉินหมิงสบตากับซ่งติ้งเซิงคราหนึ่ง คนทั้งสองล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหานหมิงรุ่ยแต่การตกปลานั้นจะต้องมีความอดทนฝีเท้าของฉินหมิงมิได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังหันศีรษะไปมองหานหมิงรุ่ยที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังด้วยหานหมิงรุ่ยก็รู้ตัวว่าพลาดไป มองเกมไพ่เบื้องล่างทีหนึ่งอย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 97

    ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหานหมิงรุ่ยขาดความซื่อสัตย์ ผู้ที่รู้ถึงการกระทำในอดีตของเขาล้วนไม่มีทางมอบหมายงานสำคัญและเป็นเพราะอาศัยผลงานทางทหารที่สั่งสมมานานหลายปี เขาถึงสามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการในหลิ่งหนานได้ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายทหาร การมีตัวตนของเขายังคงประดุจสุนัขที่ไร้ผู้เหลียวแลเมื่อเวลาผ่านไป หนังหน้าหนาของเจ้าตัวนี้จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไร้ยางอายถึงขึ้นปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเหลวแหลกเสียเลยเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แบบใดสบายใจก็ทำแบบนั้น เห็นผู้ใดไม่ถูกใจก็ชักสีหน้าก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้แต่ฉินหมิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตานี่ค่อนข้างคล้ายพวกระดับผู้นำในองค์กรต่างๆ ที่ผ่านไปนานหลายปีก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่บ้างซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า อนาคตไร้หนทางก้าวหน้าแล้วจึงคร้านที่จะเสแสร้งอีก ทำตามอำเภอใจเสียเลยเฉาชวนมองความไม่สบอารมณ์ของฉินหมิงออก จึงเป็นตัวแทนเขาเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหานหมิงรุ่ยแทน“ยากนักที่ท่านแม่ทัพหานจะมาเยือนสักครั้ง นั่งลงสนทนากันก่อนเถอะขอรับ”“คุยอะไร? ท่านอ๋อง เรื่องนี้เดิมก็เป็นพวกท่านที่ทำไม่ถูก”หานหมิงรุ่ยเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 96

    ซ่งติ้งเซิงเดินไปที่ข้างกายฉินหมิงแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ทรงไม่ต้องสอนพวกเขาดอกพ่ะย่ะค่ะ”“คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกฝีมือแก่กล้ามากประสบการณ์ หากต้องการวางแผน พวกเขาสามารถทำได้เอง ไม่แน่ว่าผลงานที่ออกมายังอาจทำได้ดีกว่าที่ทรงกำกับอีกพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้เป็นเช่นนี้”มุมปากของฉินหมิงกระตุก เดิมคิดจะเตือนพวกเขาว่าควรเล่นอย่างไรตอนนี้ดูไปคงไม่จำเป็นแล้ว“งั้นก็ไปเถอะ อีกครู่เจ้ามอบผลประโยชน์ให้พวกเขาหน่อย ให้คนปิดปากให้สนิทขึ้น”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงก็ให้พวกเขาใส่เครื่องแบบทหาร แล้วนั่งอยู่ในบริเวณที่สะดุดตารอเหยื่อมาติดกับในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงยังเรียกหลิวฉ่วงมาด้วย“เหล่าหลิว เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนในค่ายทหาร”เรื่องอื่นไม่พูดถึง หากต้องการลงไม้ลงมือแล้วล่ะก็ หลิวฉ่วงนั้นเป็นพวกสายลุยตัวจริงมีบางครั้งหากไม่ทันระวัง เขากระทั่งทุบตีคนจนตายได้เมื่อเรียกแม่ทัพผู้ดุดันคนนี้มาเข้าร่วม ฉินหมิงก็ถือว่าได้ทำประกันเพิ่มให้ตนเองอีกชั้นหลิวฉ่วงรู้จักฉินหมิงเป็นอย่างดี เห็นเขาท่าทางมีลับลมคมใน จึงบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างว่า“ท่านอ๋อง ท่านเรียกกระหม่อมมาต้องไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 95

    “สร้างกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ใช่แล้ว เจ้ากินก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยออกมา เราไปทำธุระกันสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงดื่มโจ๊กข้าวกล้องหมดภายในไม่กี่คำ สวมชุดขุนนางเสร็จ ก็สาวเท้าออกจากประตูใหญ่ทันทีฉินหมิงที่รออยู่บริเวณมุมกำแพง กระซิบเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตของหานหมิงรุ่ยแก่เขาหลังฟังจบ ซ่งติ้งเซิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนใจอย่างอดไม่ได้ เรื่องสกปรกในราชสำนักช่างมีมากมายเสียจริงเขาถูกมือไปมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า“ท่านอ๋อง กระหม่อมมีคำถามข้อหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“คำถามอะไร?”“หานหมิงรุ่ยผู้นั้น คืนเงินท่านแม่ทัพเย่แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไร้สาระ ย่อมไม่น่ะสิ เจ้าคนไร้เมียนั่นตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะหวังให้เขาคืนเงิน?”ฉินหมิงค้อนเขาทีหนึ่งโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณธรรมจริยธรรมแม้น ‘ติดหนี้ต้องชดใช้’ จะเป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ก็ยังมีอีกคำกล่าวที่ว่า ‘เหาเยอะไม่กลัวคัน’ ด้วย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นหากพวกเรายังเล่นงานเขาเช่นนี้อีก มิเท่ากับไร้คุณธรรมอย่างยิ่งหรือพ่ะย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status