Share

บทที่ 13

Author: หออักษร
“เริ่มงานเลี้ยง!”

เมื่อฉินหมิงได้นั่งลงบนที่นั่งหลักของกองคาราวานสินค้าหนานหยางแล้ว

ขันทีน้อยที่อยู่ด้านหลังก็รีบตะโกนเสียงดังไปยังที่ไกล ๆ

สุราและอาหารเลิศรสนานาชนิดถูกยกขึ้นมา

เดิมทีหลังจากเริ่มงานเลี้ยงแล้ว จะต้องเป็นฮ่องเต้เฉียนที่กล่าวสรุปผลสำเร็จในครั้งนี้

แล้วถือโอกาสชื่นชมกองคาราวานสินค้าหนานหยาง กล่าวคำพูดตามมารยาท และแสดงความคาดหวังที่จะร่วมมือกับพวกเขาต่อไปในครั้งหน้า

แต่บรรยากาศในวันนี้มันผิดปกติไปนานแล้ว

ฉินหมิงนั่งอยู่บนที่นั่งหลักของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง

ฮ่องเต้เฉียนก็ย่อมไม่สามารถเอ่ยปากชื่นชมได้อีกต่อไป

พระองค์ทรงแค่นเสียงเย็น แล้วตรัสโดยตรงว่า

“เริ่มการประชันบทกวีได้!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ซุนเหลียนอิงรีบเดินออกมาข้างหน้า

“วันนี้เป็นวันมงคล การค้าขายระหว่างกองคาราวานสินค้าหนานหยางกับต้าเฉียนของเราได้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์”

“ในเมื่อจัดงานเลี้ยงแล้ว ก็ย่อมมีเงินรางวัลและการประลองเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเพิ่มบรรยากาศในการดื่มสุราให้แก่ทุกท่าน!”

“วันนี้ราชสำนักจะมอบเงินห้าหมื่นตำลึงเป็นรางวัล ทุกท่านสามารถประชันบทกวีและประลองยุทธ์ ผู้ที่คว้าตำแหน่งสุดยอดฝีมือฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ไปได้ จะได้รับรางวัลคนละสองหมื่นห้าพันตำลึงเงิน!”

ห้าหมื่นตำลึง!

ฉินหมิงประหลาดใจอยู่บ้าง นี่มันมากกว่าปีก่อน ๆ เสียอีก

ดูท่าราชสำนักก็คงจะรู้ว่า เรื่องราวในปีนี้จัดการได้ไม่ดีเท่าไรนัก

ดังนั้นจึงคิดจะใช้โอกาสในการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ กู้หน้ากลับคืนมาบ้าง

ซุนเหลียนอิงได้เตรียมการมานานแล้ว กล่าวต่อไปว่า

“ทุกท่าน วันนี้เป็นวันมงคลที่การค้าขายเสร็จสิ้นลง มิสู้เรามาใช้งานเลี้ยงมงคลเป็นหัวข้อ ให้ทุกท่านแต่งบทกวีกันดีหรือไม่?”

บัณฑิตไท่ฉางชิวปิงอวิ๋นเมื่อเห็นเช่นนั้น ก็รีบเดินออกมาทันที

“ข้าน้อยไร้ความสามารถ วันนี้ก็ขอเสนอบทกวีอันต่ำต้อยหนึ่งบท หวังว่าทุกท่านจะช่วยชี้แนะ”

“แสงโคมส่องสว่างทั่วฟ้ายามราตรี เสียงหัวเราะเริงร่าก้องกังวานเต็มห้องโถง

สุราดีอาหารเลิศรสนำขึ้นโต๊ะพร้อมเพรียง สหายจากหนานหยางร่วมสังสรรค์พร้อมหน้า

ท่วงท่าร่ายรำสง่างามดนตรีบรรเลง เสียงเพลงก้องกังวานไปทั่วสี่ทิศ

ยกจอกร่วมดื่มฉลองชัย เสียงหัวเราะเปี่ยมสุขสำราญ!”

ในเมื่อชิวปิงอวิ๋นสามารถเป็นถึงบัณฑิตไท่ฉางได้ แน่นอนว่าย่อมมีความสามารถอยู่บ้าง

หลังจากที่คนรอบข้างได้ฟังแล้ว ต่างพากันปรบมือ

“กลอนดี!”

ชิวปิงอวิ๋นมาพร้อมกับภารกิจ เพื่อที่จะข่มฉินหมิง

ในตอนที่ฉินหมิงยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว เขาก็ชิงเรียกกองคาราวานสินค้าหนานหยางก่อน

“กองคาราวานสินค้าหนานหยางครั้งนี้ได้เชิญองค์ฉินอ๋องมาเป็นพิเศษ ไม่ทราบว่าองค์ชายมีคำชี้แนะอันใดหรือไม่?”

ฉินหมิงวางจอกสุราลง ฉินหมิงวางจอกสุราลง

“คำชี้แนะคงไม่กล้ากล่าว เพียงแต่คงจะดีกว่าบทกวีบ้าน ๆ ของท่านเล็กน้อย”

“ดีกว่าเล็กน้อยหรือ?”

บนใบหน้าของชิวปิงอวิ๋นพลันปรากฏความโมโห

สามารถแต่งบทกวีหนึ่งบทได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้

เขาถือว่าความสามารถของตนเองนั้นเป็นหนึ่งในหมู่ขุนนางแล้ว

เหล่าขุนนางโดยรอบก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์

“ใต้เท้าชิวเป็นหนึ่งในผู้นำด้านวรรณกรรมของต้าเฉียนเชียวนะ องค์ชายพูดเช่นนี้ จะไม่ทำร้ายจิตใจเขาเกินไปหน่อยหรือ?”

“ท่านลืมไปแล้วหรือ องค์ชายก็มีความสามารถด้านวรรณศิลป์เป็นเลิศ ตั้งแต่เยาว์วัยก็ทรงศึกษากับท่านอัครมหาเสนาบดี...”

“ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายจะใช้บทกวีใดเอาชนะเขา”

บนที่ประทับสูงสุด ฮ่องเต้เฉียนทรงหรี่พระเนตรลง ดูเหมือนจะคาดเดาเจตนาที่ฉินหมิงมาในวันนี้ได้แล้ว

เจ้าเด็กคนนี้คิดจะมาเอาเงินจากกระเป๋าของราชสำนัก

วันนี้ที่มาในฐานะตัวแทนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางเป็นเรื่องหลอกลวง การเข้าร่วมการประลองบุ๋นบู๊ต่างหากที่เป็นเรื่องจริง

เมื่อทอดพระเนตรเห็นกวนเยว่ที่นั่งอยู่ข้างกายฉินหมิง ในพระทัยของฮ่องเต้เฉียนก็พลันเกิดความรู้สึกซับซ้อน

“เด็กสาวผู้นั้นไปอยู่ข้างกายเขาได้อย่างไร?”

ซุนเหลียนอิงก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ฝ่าบาท อาจเป็นเพราะใกล้จะเข้าพิธีสมรสแล้ว องค์ชายจึงพาตัวออกมาล่วงหน้ากระมัง”

“เหลวไหล!”

ในแผ่นดินต้าเฉียน ก่อนที่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะแต่งงานกัน ส่วนใหญ่แล้วจะไม่สามารถพบหน้ากันได้

แม้ว่าฉินหมิงจะเป็นการสมรสของราชวงศ์ แต่ก็ต้องรักษากฎระเบียบ

เมื่อทอดพระเนตรเห็นฉินหมิงทำตัวไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมเช่นนี้ ทัศนคติของฮ่องเต้เฉียนที่มีต่อเขาก็ยิ่งแย่ลงไปอีก

แต่ในตอนนี้นี่เอง ฉินหมิงกลับยิ่งทำตัวโดดเด่น เดินออกมาอยู่ต่อหน้าผู้คน

“งานเลี้ยงมงคลสินะ?”

มุมปากยกยิ้ม ฉินหมิงเอ่ยปากออกมาอย่างสบาย ๆ

“เทียนแดงส่องสว่างมงคลยิ่ง เสียงเพลงและเสียงหัวเราะเต็มห้องโถงงาม

ยกจอกร่วมดื่มพันจอกสุรา เปล่งเสียงหัวเราะฉลองหมื่นปียืนยาว

อาหารเลิศรสเต็มโต๊ะหอมฟุ้งทั่วสี่ทิศ ต้นหยกบุปผาแก้วสะท้อนแสงจันทร์

ทิวทัศน์เช่นนี้พึงมีแต่บนสวรรค์ ในแดนมนุษย์ยากนักจักได้ลิ้มลองกี่ครา”

“เป็นอย่างไร?”

ฉินหมิงหันหน้าไปมองชิวปิงอวิ๋น

บทกวีนี้เป็นสิ่งที่เขาผสมผสานความทรงจำของตนเอง และความทรงจำขององค์รัชทายาทผู้นี้เข้าด้วยกัน

ไม่เพียงแต่ฉันทลักษณ์จะถูกต้องสมบูรณ์ ไพเราะติดหู แต่ภาพที่พรรณนาก็งดงามอย่างยิ่ง

ดีกว่าบทกวีบ้าน ๆ ของชิวปิงอวิ๋นเมื่อครู่มากจริง ๆ

เฉินซื่อเม่านั่งอยู่เบื้องล่าง ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความตื่นเต้น

“พันจอกสุรา หมื่นปียืนยาว!”

“พึงมีแต่บนสวรรค์ จักได้ลิ้มลองกี่ครา!”

“กลอนดี กลอนดีจริง ๆ ...!”

เฉียนไฉตะโกนบอกขุนนางข้าง ๆ

“มัวเหม่ออะไรอยู่ ปรบมือสิ!”

แปะ ๆ ๆ

ขุนนางจำนวนไม่น้อยรีบปรบมือขึ้นมาทันที

หัวหน้ากองคาราวานสินค้าหนานหยางสองสามคน ในตอนนี้ก็ยกนิ้วโป้งให้ฉินหมิงด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง

“สมกับที่เป็นองค์ชาย!”

“ต้องเป็นองค์ชายเท่านั้นถึงจะมีความสามารถด้านวรรณศิลป์เช่นนี้ได้!”

มุมปากของชิวปิงอวิ๋นสั่นระริก

ในชั่วขณะหนึ่งก็ยังไม่สามารถยอมรับสถานการณ์นี้ได้

อันที่จริงเขาไม่ได้เพิ่งจะรู้หัวข้องานเลี้ยงมงคลในตอนนี้

ตรงกันข้าม เพื่อที่จะทำให้พวกเขาไม่ด้อยกว่าใครในด้านบทกวี

ซุนเหลียนอิงได้บอกหัวข้อแรกแก่เขาแล้ว ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มเสียอีก

ชิวปิงอวิ๋นต้องนั่งคิดอยู่นานครึ่งค่อนวัน ถึงจะได้บทกวีนั้นออกมา

แต่บทกวีที่เดิมทีถ่อมตนว่าเป็นผลงานอันต่ำต้อย บัดนี้กลับกลายเป็นผลงานอันต่ำต้อยจริง ๆ

“ซุนกงกง ต่อไปก็ถึงตาข้าออกหัวข้อแล้วใช่หรือไม่?”

ฉินหมิงไม่ได้สนใจชิวปิงอวิ๋นอีกต่อไป แต่เอ่ยปากถามซุนเหลียนอิง

ซุนเหลียนอิงพยักหน้า

“ต้าเฉียนออกหนึ่งหัวข้อ กองคาราวานสินค้าหนานหยางก็ออกหนึ่งหัวข้อ”

“เพียงแต่ไม่ทราบว่าองค์ชายคิดจะออกหัวข้ออันใดหรือ?”

มุมปากของฉินหมิงประดับด้วยรอยยิ้ม กล่าวออกมาอย่างสบาย ๆ ราวกับตั้งใจแต่ก็เหมือนจะไม่ตั้งใจ

“ก็แค่แต่งบทกวีเกี่ยวกับชายหลายใจสักบทหนึ่งเถิด”

เมื่อสิ้นเสียง สายตาของเขากลับจับจ้องไปที่ฮ่องเต้เฉียนอย่างไม่วางตา

ในวินาทีนี้ สีหน้าของทุกคนต่างเปลี่ยนไปอย่างมาก!

ชายหลายใจ... หมายถึงใครกัน?

หรือว่าจะเป็นฮ่องเต้เฉียนที่หลังจากฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ก็หันไปรักเซียวซูเฟย แล้วเริ่มลำเอียงต่อฉินหมิงอย่างยิ่ง?

เจ้าเด็กนี่บ้าไปแล้ว!

บ้าไปแล้วแน่ ๆ !

เซียวซูเฟยก็รีบลุกขึ้นยืนเช่นกัน แล้วกล่าวตำหนิฉินหมิง

“ท่านฉินอ๋อง!”

“วันนี้เป็นวันมงคล ท่านคิดจะทำอะไร!?”

ฉินหมิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง

“ก็แค่การประชันบทกวีเท่านั้น ท่านจะกลัวอะไร? หรือว่า...”

“พอแล้ว!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงตบโต๊ะอย่างแรง จ้องมองฉินหมิงอย่างโกรธเกรี้ยว

เจ้าเด็กนี่เห็นได้ชัดว่าวันนี้เตรียมการมาอย่างดี!

ไม่รู้ว่าวางแผนช่วงเวลานี้มานานเท่าไรแล้ว

ฮ่องเต้เฉียนทรงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

“ให้เราได้ฟังบทกวีที่เจ้าแต่งสักหน่อย”

มุมปากของฉินหมิงยกยิ้ม

“ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ดอกท้อร่วงโรยสิ้นวสันต์ผ่านพ้น ปุยหลิ่วลอยล่องแค้นพรากจากอาลัย

เคยสัญญาเคียงคู่ไปจนแก่เฒ่า บัดนี้นั่งเดียวดายในห้องว่างเปล่าหนาวเหน็บ

คำสาบานดั่งขุนเขาเป็นเพียงวาจาว่างเปล่า ทะเลแห้งหินกร่อนเป็นเพียงฝันไป

หวนนึกถึงครานั้นที่รักกันลึกซึ้ง เหลือเพียงหยาดน้ำตามองตะวันคล้อยลา”

“ทุกท่าน มีผู้ใดยินดีออกมาประลองกับข้าสักหน่อยหรือไม่?”

ฉินหมิงท่องบทกวีของตนเองจบ

แล้วกวาดสายตามองไปทั่วทั้งงานอย่างเรียบเฉย

ทุกคนต่างหดคอ ไม่กล้าพูดจา แอบเหลือบมองสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียน

แม้แต่ชิวปิงอวิ๋นที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ด้านวรรณกรรม ด้านหลังก็มีเหงื่อเย็นผุดซึมออกมา!

บทกวีนี้ของฉินหมิงกำลังพูดถึงใคร มันชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว!

ในตอนนี้สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนมืดมนจนน่ากลัว

ฉินหมิงกลับไม่สนใจไยดี กล่าวต่อไปว่า:

“ว่ากันว่าบทกวีที่ดี ย่อมสามารถดึงดูดผู้คนให้คล้อยตาม ทิ้งรสชาติที่ตราตรึงยาวนาน”

“เสด็จพ่อ ท่านว่าบทกวีของลูกเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 100

    “กระไรนะ?!”เมื่อเว่ยกว่างซวินลองคิดดู ก็พบว่ามีความเป็นไปได้นี้จริงๆเดิมหานหมิงรุ่ยก็ถูกปลดลงมาจากราชสำนักจะรู้จักฉินอ๋องก็ไม่แปลกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!ซุนเฉิงคาดเดาต่อไปว่า“ท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งก่อนตอนที่ฉินอ๋องพบว่าพวกเราหาคนมาช่วย ก็ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย”“ใช่แล้ว ที่แท้พวกเขารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วนี่เอง”ภายในใจของเว่ยกว่างซวินเย็นยะเยียบขึ้นมาดูท่ามีแต่พวกเขาสองพี่น้อง ที่ถูกปั่นหัวอยู่เล่นอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่น“เรื่องนี้อย่าได้พูดถึงอีก วันหลังพวกเราให้ถือเสียว่าไม่เคยเสียเปรียบเพราะฉินอ๋องแล้วกัน”เว่ยกว่างซวินได้วิธีการรับมืออย่างรวดเร็วซุนเฉิงก็พยักหนักอย่างหนักเช่นกันอย่างรวดเร็ว ความไม่พอใจแต่เดิมที่มีต่อฉินหมิงก็ถูกพวกเขาเก็บซ่อนไปเป็นอย่างดีภายหลังจากจินตนาการเรื่องราวออกมามากมาย พวกเขาสองคนก็รีบตามไปอย่างว่าง่ายมิได้สร้างปัญหาใดอีก…… ในฐานะผู้ที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉินหมิงนั้นไม่รู้ว่าซุนเฉิงและเว่ยกว่างซวินพูดคุยสิ่งใดกันเพียงพบว่าหลังพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต่างมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานราวดอกไม้บนใบหน้าก็ไม่พบร่องรอยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 99

    หานหมิงรุ่ยเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นดังนั้นคำพูดของเขา ย่อมแสดงถึงท่าทีของทางการฉินหมิงจึงมิได้ถกเถียงกับเขา แต่กล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับเป็นข้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว”“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีเจตนาดี เพียงแต่บรรดาทหารในกองทัพก็ต้องการความสมดุลระหว่างหน้าที่และการพักผ่อนเช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”เพราะอยากเล่นพนัน ท่าทีในการพูดจาของหานหมิงรุ่ยต่อฉินหมิงในยามนี้จึงดีขึ้นไม่น้อย“เช่นเดียวกันกับกระหม่อม ยามปกติก็ชอบเล่นตาสองตา การพนันเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มพูนความสุขและความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”หานหมิงรุ่ยมิได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นยามเกิดเรื่องในตอนนั้น ผู้ที่รู้จึงมีไม่มากยกตัวอย่างเช่นพวกเฉาชวน คนเหล่านี้ล้วนไม่รู้เลยโชคดีที่ครอบครัวของกวนเยว่กับเยว่โส่วเจียงเป็นเพื่อนเก่ากันมานานปกติแล้ว เมื่อแม่ทัพระดับสูงอย่างพวกเขาพูดคุยกันในยามว่าง ถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมาด้วยเหตุนี้ จนถึงตอนนี้หานหมิงรุ่ยจึงยังคงคิดว่า เรื่องของตนนั้นที่นี่น่าจะมีคนรู้ไม่มากดังนั้นต่อหน้าพวกฉินหมิง ตนจึงสามารถแสร้งแสดงเป็นผู้ทรงคุณธรรมไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 98

    พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร ปลอมตัวเป็นทหารที่กำลังพักผ่อนเล่นไพ่โกวกันอยู่ที่นี่เมื่อเห็นฉินหมิงเดินเข้ามา เหล่ามืออาชีพที่กำลังนั่งไข้วขาอยู่บนพื้นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก“ย๊าก! กิน!”“เพิ่มร้อยยี่สิบแปดเท่า! จ่ายเงินมา!”หานหมิงรุ่ยชะงักเท้าลงจริงๆ สายตาเหลือบมองไปที่การเรียงไพ่ด้านล่างอย่างอดไม่ได้ฉินหมิงไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเล่นของเจ้าสิ่งนี้นักรู้เพียงว่าไพ่โกวของต้าเฉียน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไพ่นกกระจอก ปกติเป็นแผ่นไม้ เพียงแต่รูปร่างจะแบนกว่ายาวกว่าในขณะที่กำลังกังวลว่าพวกเขาจะแสดงมากเกินไปจนโป๊ะแตกหานหมิงรุ่ยซึ่งเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็เห็นไพ่โกวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก็พยักหน้าแล้วพึมพำว่า“ร้อยยี่สิบแปดเท่า เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว…”ดูจากท่าทางแล้ว ต้องคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วเป็นแน่ฉินหมิงสบตากับซ่งติ้งเซิงคราหนึ่ง คนทั้งสองล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหานหมิงรุ่ยแต่การตกปลานั้นจะต้องมีความอดทนฝีเท้าของฉินหมิงมิได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังหันศีรษะไปมองหานหมิงรุ่ยที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังด้วยหานหมิงรุ่ยก็รู้ตัวว่าพลาดไป มองเกมไพ่เบื้องล่างทีหนึ่งอย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 97

    ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหานหมิงรุ่ยขาดความซื่อสัตย์ ผู้ที่รู้ถึงการกระทำในอดีตของเขาล้วนไม่มีทางมอบหมายงานสำคัญและเป็นเพราะอาศัยผลงานทางทหารที่สั่งสมมานานหลายปี เขาถึงสามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการในหลิ่งหนานได้ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายทหาร การมีตัวตนของเขายังคงประดุจสุนัขที่ไร้ผู้เหลียวแลเมื่อเวลาผ่านไป หนังหน้าหนาของเจ้าตัวนี้จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไร้ยางอายถึงขึ้นปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเหลวแหลกเสียเลยเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แบบใดสบายใจก็ทำแบบนั้น เห็นผู้ใดไม่ถูกใจก็ชักสีหน้าก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้แต่ฉินหมิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตานี่ค่อนข้างคล้ายพวกระดับผู้นำในองค์กรต่างๆ ที่ผ่านไปนานหลายปีก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่บ้างซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า อนาคตไร้หนทางก้าวหน้าแล้วจึงคร้านที่จะเสแสร้งอีก ทำตามอำเภอใจเสียเลยเฉาชวนมองความไม่สบอารมณ์ของฉินหมิงออก จึงเป็นตัวแทนเขาเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหานหมิงรุ่ยแทน“ยากนักที่ท่านแม่ทัพหานจะมาเยือนสักครั้ง นั่งลงสนทนากันก่อนเถอะขอรับ”“คุยอะไร? ท่านอ๋อง เรื่องนี้เดิมก็เป็นพวกท่านที่ทำไม่ถูก”หานหมิงรุ่ยเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 96

    ซ่งติ้งเซิงเดินไปที่ข้างกายฉินหมิงแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ทรงไม่ต้องสอนพวกเขาดอกพ่ะย่ะค่ะ”“คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกฝีมือแก่กล้ามากประสบการณ์ หากต้องการวางแผน พวกเขาสามารถทำได้เอง ไม่แน่ว่าผลงานที่ออกมายังอาจทำได้ดีกว่าที่ทรงกำกับอีกพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้เป็นเช่นนี้”มุมปากของฉินหมิงกระตุก เดิมคิดจะเตือนพวกเขาว่าควรเล่นอย่างไรตอนนี้ดูไปคงไม่จำเป็นแล้ว“งั้นก็ไปเถอะ อีกครู่เจ้ามอบผลประโยชน์ให้พวกเขาหน่อย ให้คนปิดปากให้สนิทขึ้น”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงก็ให้พวกเขาใส่เครื่องแบบทหาร แล้วนั่งอยู่ในบริเวณที่สะดุดตารอเหยื่อมาติดกับในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงยังเรียกหลิวฉ่วงมาด้วย“เหล่าหลิว เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนในค่ายทหาร”เรื่องอื่นไม่พูดถึง หากต้องการลงไม้ลงมือแล้วล่ะก็ หลิวฉ่วงนั้นเป็นพวกสายลุยตัวจริงมีบางครั้งหากไม่ทันระวัง เขากระทั่งทุบตีคนจนตายได้เมื่อเรียกแม่ทัพผู้ดุดันคนนี้มาเข้าร่วม ฉินหมิงก็ถือว่าได้ทำประกันเพิ่มให้ตนเองอีกชั้นหลิวฉ่วงรู้จักฉินหมิงเป็นอย่างดี เห็นเขาท่าทางมีลับลมคมใน จึงบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างว่า“ท่านอ๋อง ท่านเรียกกระหม่อมมาต้องไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 95

    “สร้างกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ใช่แล้ว เจ้ากินก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยออกมา เราไปทำธุระกันสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงดื่มโจ๊กข้าวกล้องหมดภายในไม่กี่คำ สวมชุดขุนนางเสร็จ ก็สาวเท้าออกจากประตูใหญ่ทันทีฉินหมิงที่รออยู่บริเวณมุมกำแพง กระซิบเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตของหานหมิงรุ่ยแก่เขาหลังฟังจบ ซ่งติ้งเซิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนใจอย่างอดไม่ได้ เรื่องสกปรกในราชสำนักช่างมีมากมายเสียจริงเขาถูกมือไปมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า“ท่านอ๋อง กระหม่อมมีคำถามข้อหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“คำถามอะไร?”“หานหมิงรุ่ยผู้นั้น คืนเงินท่านแม่ทัพเย่แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไร้สาระ ย่อมไม่น่ะสิ เจ้าคนไร้เมียนั่นตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะหวังให้เขาคืนเงิน?”ฉินหมิงค้อนเขาทีหนึ่งโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณธรรมจริยธรรมแม้น ‘ติดหนี้ต้องชดใช้’ จะเป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ก็ยังมีอีกคำกล่าวที่ว่า ‘เหาเยอะไม่กลัวคัน’ ด้วย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นหากพวกเรายังเล่นงานเขาเช่นนี้อีก มิเท่ากับไร้คุณธรรมอย่างยิ่งหรือพ่ะย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status