Share

บทที่ 13

Penulis: หออักษร
“เริ่มงานเลี้ยง!”

เมื่อฉินหมิงได้นั่งลงบนที่นั่งหลักของกองคาราวานสินค้าหนานหยางแล้ว

ขันทีน้อยที่อยู่ด้านหลังก็รีบตะโกนเสียงดังไปยังที่ไกล ๆ

สุราและอาหารเลิศรสนานาชนิดถูกยกขึ้นมา

เดิมทีหลังจากเริ่มงานเลี้ยงแล้ว จะต้องเป็นฮ่องเต้เฉียนที่กล่าวสรุปผลสำเร็จในครั้งนี้

แล้วถือโอกาสชื่นชมกองคาราวานสินค้าหนานหยาง กล่าวคำพูดตามมารยาท และแสดงความคาดหวังที่จะร่วมมือกับพวกเขาต่อไปในครั้งหน้า

แต่บรรยากาศในวันนี้มันผิดปกติไปนานแล้ว

ฉินหมิงนั่งอยู่บนที่นั่งหลักของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง

ฮ่องเต้เฉียนก็ย่อมไม่สามารถเอ่ยปากชื่นชมได้อีกต่อไป

พระองค์ทรงแค่นเสียงเย็น แล้วตรัสโดยตรงว่า

“เริ่มการประชันบทกวีได้!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ซุนเหลียนอิงรีบเดินออกมาข้างหน้า

“วันนี้เป็นวันมงคล การค้าขายระหว่างกองคาราวานสินค้าหนานหยางกับต้าเฉียนของเราได้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์”

“ในเมื่อจัดงานเลี้ยงแล้ว ก็ย่อมมีเงินรางวัลและการประลองเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเพิ่มบรรยากาศในการดื่มสุราให้แก่ทุกท่าน!”

“วันนี้ราชสำนักจะมอบเงินห้าหมื่นตำลึงเป็นรางวัล ทุกท่านสามารถประชันบทกวีและประลองยุทธ์ ผู้ที่คว้าตำแหน่งสุดยอดฝีมือฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ไปได้ จะได้รับรางวัลคนละสองหมื่นห้าพันตำลึงเงิน!”

ห้าหมื่นตำลึง!

ฉินหมิงประหลาดใจอยู่บ้าง นี่มันมากกว่าปีก่อน ๆ เสียอีก

ดูท่าราชสำนักก็คงจะรู้ว่า เรื่องราวในปีนี้จัดการได้ไม่ดีเท่าไรนัก

ดังนั้นจึงคิดจะใช้โอกาสในการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ กู้หน้ากลับคืนมาบ้าง

ซุนเหลียนอิงได้เตรียมการมานานแล้ว กล่าวต่อไปว่า

“ทุกท่าน วันนี้เป็นวันมงคลที่การค้าขายเสร็จสิ้นลง มิสู้เรามาใช้งานเลี้ยงมงคลเป็นหัวข้อ ให้ทุกท่านแต่งบทกวีกันดีหรือไม่?”

บัณฑิตไท่ฉางชิวปิงอวิ๋นเมื่อเห็นเช่นนั้น ก็รีบเดินออกมาทันที

“ข้าน้อยไร้ความสามารถ วันนี้ก็ขอเสนอบทกวีอันต่ำต้อยหนึ่งบท หวังว่าทุกท่านจะช่วยชี้แนะ”

“แสงโคมส่องสว่างทั่วฟ้ายามราตรี เสียงหัวเราะเริงร่าก้องกังวานเต็มห้องโถง

สุราดีอาหารเลิศรสนำขึ้นโต๊ะพร้อมเพรียง สหายจากหนานหยางร่วมสังสรรค์พร้อมหน้า

ท่วงท่าร่ายรำสง่างามดนตรีบรรเลง เสียงเพลงก้องกังวานไปทั่วสี่ทิศ

ยกจอกร่วมดื่มฉลองชัย เสียงหัวเราะเปี่ยมสุขสำราญ!”

ในเมื่อชิวปิงอวิ๋นสามารถเป็นถึงบัณฑิตไท่ฉางได้ แน่นอนว่าย่อมมีความสามารถอยู่บ้าง

หลังจากที่คนรอบข้างได้ฟังแล้ว ต่างพากันปรบมือ

“กลอนดี!”

ชิวปิงอวิ๋นมาพร้อมกับภารกิจ เพื่อที่จะข่มฉินหมิง

ในตอนที่ฉินหมิงยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว เขาก็ชิงเรียกกองคาราวานสินค้าหนานหยางก่อน

“กองคาราวานสินค้าหนานหยางครั้งนี้ได้เชิญองค์ฉินอ๋องมาเป็นพิเศษ ไม่ทราบว่าองค์ชายมีคำชี้แนะอันใดหรือไม่?”

ฉินหมิงวางจอกสุราลง ฉินหมิงวางจอกสุราลง

“คำชี้แนะคงไม่กล้ากล่าว เพียงแต่คงจะดีกว่าบทกวีบ้าน ๆ ของท่านเล็กน้อย”

“ดีกว่าเล็กน้อยหรือ?”

บนใบหน้าของชิวปิงอวิ๋นพลันปรากฏความโมโห

สามารถแต่งบทกวีหนึ่งบทได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้

เขาถือว่าความสามารถของตนเองนั้นเป็นหนึ่งในหมู่ขุนนางแล้ว

เหล่าขุนนางโดยรอบก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์

“ใต้เท้าชิวเป็นหนึ่งในผู้นำด้านวรรณกรรมของต้าเฉียนเชียวนะ องค์ชายพูดเช่นนี้ จะไม่ทำร้ายจิตใจเขาเกินไปหน่อยหรือ?”

“ท่านลืมไปแล้วหรือ องค์ชายก็มีความสามารถด้านวรรณศิลป์เป็นเลิศ ตั้งแต่เยาว์วัยก็ทรงศึกษากับท่านอัครมหาเสนาบดี...”

“ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายจะใช้บทกวีใดเอาชนะเขา”

บนที่ประทับสูงสุด ฮ่องเต้เฉียนทรงหรี่พระเนตรลง ดูเหมือนจะคาดเดาเจตนาที่ฉินหมิงมาในวันนี้ได้แล้ว

เจ้าเด็กคนนี้คิดจะมาเอาเงินจากกระเป๋าของราชสำนัก

วันนี้ที่มาในฐานะตัวแทนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางเป็นเรื่องหลอกลวง การเข้าร่วมการประลองบุ๋นบู๊ต่างหากที่เป็นเรื่องจริง

เมื่อทอดพระเนตรเห็นกวนเยว่ที่นั่งอยู่ข้างกายฉินหมิง ในพระทัยของฮ่องเต้เฉียนก็พลันเกิดความรู้สึกซับซ้อน

“เด็กสาวผู้นั้นไปอยู่ข้างกายเขาได้อย่างไร?”

ซุนเหลียนอิงก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ฝ่าบาท อาจเป็นเพราะใกล้จะเข้าพิธีสมรสแล้ว องค์ชายจึงพาตัวออกมาล่วงหน้ากระมัง”

“เหลวไหล!”

ในแผ่นดินต้าเฉียน ก่อนที่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะแต่งงานกัน ส่วนใหญ่แล้วจะไม่สามารถพบหน้ากันได้

แม้ว่าฉินหมิงจะเป็นการสมรสของราชวงศ์ แต่ก็ต้องรักษากฎระเบียบ

เมื่อทอดพระเนตรเห็นฉินหมิงทำตัวไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมเช่นนี้ ทัศนคติของฮ่องเต้เฉียนที่มีต่อเขาก็ยิ่งแย่ลงไปอีก

แต่ในตอนนี้นี่เอง ฉินหมิงกลับยิ่งทำตัวโดดเด่น เดินออกมาอยู่ต่อหน้าผู้คน

“งานเลี้ยงมงคลสินะ?”

มุมปากยกยิ้ม ฉินหมิงเอ่ยปากออกมาอย่างสบาย ๆ

“เทียนแดงส่องสว่างมงคลยิ่ง เสียงเพลงและเสียงหัวเราะเต็มห้องโถงงาม

ยกจอกร่วมดื่มพันจอกสุรา เปล่งเสียงหัวเราะฉลองหมื่นปียืนยาว

อาหารเลิศรสเต็มโต๊ะหอมฟุ้งทั่วสี่ทิศ ต้นหยกบุปผาแก้วสะท้อนแสงจันทร์

ทิวทัศน์เช่นนี้พึงมีแต่บนสวรรค์ ในแดนมนุษย์ยากนักจักได้ลิ้มลองกี่ครา”

“เป็นอย่างไร?”

ฉินหมิงหันหน้าไปมองชิวปิงอวิ๋น

บทกวีนี้เป็นสิ่งที่เขาผสมผสานความทรงจำของตนเอง และความทรงจำขององค์รัชทายาทผู้นี้เข้าด้วยกัน

ไม่เพียงแต่ฉันทลักษณ์จะถูกต้องสมบูรณ์ ไพเราะติดหู แต่ภาพที่พรรณนาก็งดงามอย่างยิ่ง

ดีกว่าบทกวีบ้าน ๆ ของชิวปิงอวิ๋นเมื่อครู่มากจริง ๆ

เฉินซื่อเม่านั่งอยู่เบื้องล่าง ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความตื่นเต้น

“พันจอกสุรา หมื่นปียืนยาว!”

“พึงมีแต่บนสวรรค์ จักได้ลิ้มลองกี่ครา!”

“กลอนดี กลอนดีจริง ๆ ...!”

เฉียนไฉตะโกนบอกขุนนางข้าง ๆ

“มัวเหม่ออะไรอยู่ ปรบมือสิ!”

แปะ ๆ ๆ

ขุนนางจำนวนไม่น้อยรีบปรบมือขึ้นมาทันที

หัวหน้ากองคาราวานสินค้าหนานหยางสองสามคน ในตอนนี้ก็ยกนิ้วโป้งให้ฉินหมิงด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง

“สมกับที่เป็นองค์ชาย!”

“ต้องเป็นองค์ชายเท่านั้นถึงจะมีความสามารถด้านวรรณศิลป์เช่นนี้ได้!”

มุมปากของชิวปิงอวิ๋นสั่นระริก

ในชั่วขณะหนึ่งก็ยังไม่สามารถยอมรับสถานการณ์นี้ได้

อันที่จริงเขาไม่ได้เพิ่งจะรู้หัวข้องานเลี้ยงมงคลในตอนนี้

ตรงกันข้าม เพื่อที่จะทำให้พวกเขาไม่ด้อยกว่าใครในด้านบทกวี

ซุนเหลียนอิงได้บอกหัวข้อแรกแก่เขาแล้ว ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มเสียอีก

ชิวปิงอวิ๋นต้องนั่งคิดอยู่นานครึ่งค่อนวัน ถึงจะได้บทกวีนั้นออกมา

แต่บทกวีที่เดิมทีถ่อมตนว่าเป็นผลงานอันต่ำต้อย บัดนี้กลับกลายเป็นผลงานอันต่ำต้อยจริง ๆ

“ซุนกงกง ต่อไปก็ถึงตาข้าออกหัวข้อแล้วใช่หรือไม่?”

ฉินหมิงไม่ได้สนใจชิวปิงอวิ๋นอีกต่อไป แต่เอ่ยปากถามซุนเหลียนอิง

ซุนเหลียนอิงพยักหน้า

“ต้าเฉียนออกหนึ่งหัวข้อ กองคาราวานสินค้าหนานหยางก็ออกหนึ่งหัวข้อ”

“เพียงแต่ไม่ทราบว่าองค์ชายคิดจะออกหัวข้ออันใดหรือ?”

มุมปากของฉินหมิงประดับด้วยรอยยิ้ม กล่าวออกมาอย่างสบาย ๆ ราวกับตั้งใจแต่ก็เหมือนจะไม่ตั้งใจ

“ก็แค่แต่งบทกวีเกี่ยวกับชายหลายใจสักบทหนึ่งเถิด”

เมื่อสิ้นเสียง สายตาของเขากลับจับจ้องไปที่ฮ่องเต้เฉียนอย่างไม่วางตา

ในวินาทีนี้ สีหน้าของทุกคนต่างเปลี่ยนไปอย่างมาก!

ชายหลายใจ... หมายถึงใครกัน?

หรือว่าจะเป็นฮ่องเต้เฉียนที่หลังจากฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ก็หันไปรักเซียวซูเฟย แล้วเริ่มลำเอียงต่อฉินหมิงอย่างยิ่ง?

เจ้าเด็กนี่บ้าไปแล้ว!

บ้าไปแล้วแน่ ๆ !

เซียวซูเฟยก็รีบลุกขึ้นยืนเช่นกัน แล้วกล่าวตำหนิฉินหมิง

“ท่านฉินอ๋อง!”

“วันนี้เป็นวันมงคล ท่านคิดจะทำอะไร!?”

ฉินหมิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง

“ก็แค่การประชันบทกวีเท่านั้น ท่านจะกลัวอะไร? หรือว่า...”

“พอแล้ว!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงตบโต๊ะอย่างแรง จ้องมองฉินหมิงอย่างโกรธเกรี้ยว

เจ้าเด็กนี่เห็นได้ชัดว่าวันนี้เตรียมการมาอย่างดี!

ไม่รู้ว่าวางแผนช่วงเวลานี้มานานเท่าไรแล้ว

ฮ่องเต้เฉียนทรงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

“ให้เราได้ฟังบทกวีที่เจ้าแต่งสักหน่อย”

มุมปากของฉินหมิงยกยิ้ม

“ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ดอกท้อร่วงโรยสิ้นวสันต์ผ่านพ้น ปุยหลิ่วลอยล่องแค้นพรากจากอาลัย

เคยสัญญาเคียงคู่ไปจนแก่เฒ่า บัดนี้นั่งเดียวดายในห้องว่างเปล่าหนาวเหน็บ

คำสาบานดั่งขุนเขาเป็นเพียงวาจาว่างเปล่า ทะเลแห้งหินกร่อนเป็นเพียงฝันไป

หวนนึกถึงครานั้นที่รักกันลึกซึ้ง เหลือเพียงหยาดน้ำตามองตะวันคล้อยลา”

“ทุกท่าน มีผู้ใดยินดีออกมาประลองกับข้าสักหน่อยหรือไม่?”

ฉินหมิงท่องบทกวีของตนเองจบ

แล้วกวาดสายตามองไปทั่วทั้งงานอย่างเรียบเฉย

ทุกคนต่างหดคอ ไม่กล้าพูดจา แอบเหลือบมองสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียน

แม้แต่ชิวปิงอวิ๋นที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ด้านวรรณกรรม ด้านหลังก็มีเหงื่อเย็นผุดซึมออกมา!

บทกวีนี้ของฉินหมิงกำลังพูดถึงใคร มันชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว!

ในตอนนี้สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนมืดมนจนน่ากลัว

ฉินหมิงกลับไม่สนใจไยดี กล่าวต่อไปว่า:

“ว่ากันว่าบทกวีที่ดี ย่อมสามารถดึงดูดผู้คนให้คล้อยตาม ทิ้งรสชาติที่ตราตรึงยาวนาน”

“เสด็จพ่อ ท่านว่าบทกวีของลูกเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 257

    เมื่อฟังคำอธิบายของฉินหมิงจบ ฟางชิงหย่วนก็เดินไปยังป้ายบอกทางของโรงทอผ้าหลังก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่ง โรงทอผ้าก็มีพื้นที่กว้างขวางมากแล้วยามมีคนงานซึ่งไม่คุ้นเคยกับสถานที่เดินทางมาจากอำเภอต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งป้ายและแผนที่คอยนำทาง“เอาเป็นสองที่นี้ก็แล้วกัน ขนาดเท่ากันพอดี”“ส่วนจำนวนคนเดี๋ยวข้าจะจัดสรรให้พวกท่าน เชิญพวกท่านไปเลือกคนกันได้ตามสบาย”ฟางชิงหย่วนพูดเนิบนาบตามความคิดของเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรชวนให้เดือดดาลใจในเมื่อทุกคนอยากดู ก็แค่แข่งขันกันให้รู้แล้วรู้รอดไปความจริงย่อมมีน้ำหนักกว่าคำพูด เขาเชื่อมั่นในทฤษฎีของตนเองยิ่งนัก“ประเสริฐ”ฉินหมิงกับหลี่เอ้อร์หนิวต่างพยักหน้า“พวกเจ้า ไปแย่งคนมาก่อนเลย”เมื่อตกลงกันเรียบร้อย หลี่เอ้อร์หนิวก็สั่งลูกน้อง ให้เริ่มไปชิงตัวสาวชาวบ้านที่ทำงานคล่องแคล่วในโรงทอผ้ามาก่อนล่วงหน้าฉินหมิงกลับไม่ได้ทำอะไร ด้วยความที่ตนมีคนน้อยกว่าหลี่เอ้อร์หนิวถึงครึ่งหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็นำกลุ่มคนงานของตนไปเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วฉินหมิงเลือกคนมาสามกลุ่มแบบเดาสุ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทุกคนทำตามกฎระเบียบเดิม ติ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 256

    ถ้าต้องรับมือกับคนนอก ฉินหมิงย่อมเลือกใช้วิธีทางกายภาพอันรวดเร็วที่สุดเพื่อกำจัดอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลแต่คนในโรงงานเวลานี้ ล้วนแต่เป็นคนของฉินหมิงทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากให้ซ่งติ้งเซิงลงมือ ไม่เพียงแต่จะทำให้กลุ่มคนงานหมดความภักดี แม้แต่ภาพลักษณ์ก็คงเสียหายย่อยยับเช่นกัน“ท่านอ๋อง โปรดอธิบายให้พวกเราฟังแต่โดยดีเถิด มิเช่นนั้นทุกคนคงไม่เชื่อท่านแล้ว”หลี่เอ้อร์หนิวเห็นสถานการณ์พลิกผัน ก็ได้ทีรุกคืบด้วยความลำพองใจบัดนี้ทุกคนต่างกำลังรอคอยคำตอบจากฉินหมิงฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความจนปัญญาว่า“หลี่เอ้อร์หนิว เจ้าเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยการผลิต ใช่หรือไม่?”“ใช่ขอรับ”หลี่เอ้อร์หนิวยักไหล่ มองฉินหมิงด้วยความกังขา“เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนแก่เจ้ามากกว่าของข้าหนึ่งเท่า ในเวลาสามวัน พวกเรามาแข่งกันเรื่องผลผลิต ดีหรือไม่?”“ท่านจะแข่งเรื่องประสิทธิภาพการผลิตกับข้างั้นรึ? ซ้ำยังใช้คนเพียงครึ่งเดียวอีก?”หลี่เอ้อร์หนิวแทบไม่เชื่อหูตนเอง“ถูกต้อง ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า บางครั้งมีคนเยอะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี หลักการที่ว่ามากคนก็มากความ ดูท่าจะมีผ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 255

    ทั้งสองคนเดินมาถึงเบื้องหน้าฝูงชนหลี่เอ้อร์หนิวยังคงพูดความคิดของตนอย่างออกรส ขัดขวางการจัดสรรคนงานของโรงทอผ้าโดยไม่มีคำว่าเกรงใจ“ท่านอ๋องมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในฝูงชนที่ตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เมื่อฉินหมิงเดินเข้ามาจากนอกวง หลี่เอ้อร์หนิวก็พลันมีท่าทีอ่อนลงไปกว่าครึ่งเมื่อครู่เขายังส่งเสียงดังลั่น แต่บัดนี้กลับเงียบเสียงลงแล้ว“ขอถามหน่อยเถิด ผู้ใดบอกว่าจะลดค่าจ้างพวกเจ้ารึ?”เสียงของฉินหมิงถามขึ้นอย่างแช่มช้าทุกคนต่างเหลือบมองไปที่หลี่เอ้อร์หนิวผู้ซึ่งเมื่อครู่ยังทำตัวหยิ่งผยองส่วนหลี่เอ้อร์หนิวนั้น ยามนี้ก็ได้แต่พูดอึกอักว่า“ก็ในประกาศมีความหมายเช่นนั้นมิใช่หรือ…”เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองเหตุผลที่ไม่อยากให้มีการย้ายคนงานเกิดขึ้น ก็เพราะเขามีลูกน้องหลายคนมาจากต่างพื้นที่กันบางคนมีบ้านอยู่ใกล้โรงช่าง บ้างก็อยู่ใกล้โรงย้อมผ้า ล้วนแต่ร้องขออยากย้ายที่ทำงานกันทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าลูกน้องอยากย้ายที่ทำงานกันเหลือเกิน หลี่เอ้อร์หนิวก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือตัวเขาอุตส่าห์ฝึกฝนลูกน้องจนกลายเป็นคนสนิท ถึงขั้นทำตัววางอำนาจใน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 254

    เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิต และคนงานจำนวนมากที่ไม่รู้หนังสือดังนั้น ฟางชิงหย่วนจึงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงนำข้อสรุปไปติดประกาศไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวแต่คนงานหลายพันคนในโรงทอผ้า อยู่ดี ๆ จะให้พวกเขาย้ายที่ทำงานอย่างกะทันหัน ย่อมมีบางส่วนไม่พอใจเป็นธรรมดาสิ้นเสียงของฉินหมิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในฝูงชน“ให้ตายเถิด คิดจะลดค่าจ้างกับสวัสดิการของพวกเราใช่หรือไม่? อย่างไรข้าก็ไม่ไป!”คนที่พูด มีนามว่าหลี่เอ้อร์หนิวเขาเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านกว่างสุ่ยทางตอนเหนือของเมืองหลินเจียง ว่ากันว่ามีชื่อเสียงในหมู่บ้านพอสมควรหลังมาถึงโรงทอผ้า เนื่องจากมีผลงานโดดเด่น และผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยในเวลาไม่นาน“บังอาจนัก!”ซ่งติ้งเซิงขมวดคิ้ว โบกมือเรียกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ข้างกาย ให้เตรียมเข้าไปจับตัวหลี่เอ้อร์หนิวในยามที่โรงทอผ้ากำลังจะจัดสรรจำนวนคนงาน เพื่อไปส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ หากมีคนเสนอหน้าออกมาขัดขวางย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของโรงทอผ้าอย่างใหญ่หลวงนัก!ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 253

    “ตอนแรกเมื่อเริ่มใช้คนงานเยอะขึ้น ปริมาณการผลิตก็เพิ่มขึ้นเร็ว แต่พอเพิ่มคนเข้าไปเรื่อย ๆ ปริมาณการผลิตกลับเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟางชิงหย่วนหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา อธิบายการค้นพบของตนให้ฉินหมิงฟังด้วยความเคร่งเครียด“นี่คงเรียกว่ากฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่ม”ฉินหมิงใช้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เท่าหางอึ่งของตน รำพึงออกมาโดยไม่รู้ตัว“อะไรคือกฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่มรึพ่ะย่ะค่ะ?”ฟางชิงหย่วนรั้งฉินหมิงไว้ ขณะถามบนขั้นบันได“ก็คือการลงทุนลงแรงไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้ว”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าที่กระหม่อมศึกษามาจะถูกต้องแล้ว”ฟางชิงหย่วนผงกศีรษะ หยิบแท่งถ่านสีดำยาวออกมาจากอกเสื้อ แล้วเริ่มขีดเขียนลงบนสมุดเล่มเล็กที่เย็บเล่มอย่างประณีตตรงหน้าในยุคนี้มีเพียงพู่กัน ซึ่งใช้งานค่อนข้างลำบากหากอยากจดบันทึกทุกที่ทุกเวลาเช่นเขา ก็ต้องใช้แท่งถ่านกับสมุดเล่มเล็กเท่านั้น“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่อยากขยายการผลิตของโรงงานแล้ว รักษาสภาพเดิมไว้ก็พอ สิ่งที่เราต้องคิดในตอนนี้คือ จะรักษาระดับการเติบโตให้เร็วขึ้นได้อย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 252

    “จับได้กี่คน?”“สองคนพ่ะย่ะค่ะ ประตูเมืองทิศอื่น ๆ ก็น่าจะมีเช่นกัน”เมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า“จับต่อไป ไว้ชีวิตแค่จำนวนหนึ่งก็พอ เอาไว้เค้นถามกำลังคนที่แน่ชัดในภายหลัง ถือโอกาสที่ฝนตกหลายวันมานี้ คนเดินถนนมีน้อย ปิดล้อมอำเภอไว้ก่อน รอให้สังหารองครักษ์เงาหมดสิ้นเมื่อใด ค่อยเปิดประตูเมือง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงรับคำสั่ง พลางมองอู๋สื่อจงที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่พูดคำใด ในใจพลันรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง“อะแฮ่ม!”เขากระตุกชายเสื้ออู๋สื่อจงตอนนั้นเอง อู๋สื่อจงถึงได้สติ“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”หลังปิดล้อมสังหารคนอยู่สองวันครึ่ง ฉางไป๋ซานก็นำกองกำลังองครักษ์ของฉินหมิง สังหารองครักษ์เงาทั้งยี่สิบเจ็ดคนที่มาถึงอำเภออินซานจนหมดสิ้นขณะมองดูรายชื่อผู้เสียชีวิตที่เขียนด้วยหมึกสีแดงสด ฉินหมิงก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกซ่งติ้งเซิงผู้ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า“ท่านอ๋อง โรงทอผ้าส่งข่าวมา บอกว่าพวกเขาสร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว สามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ทันที เวลานี้อยากให้ท่านส่งคนงานไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”อุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับการยกระดับอีกครั้ง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status