Share

บทที่ 13

Author: หออักษร
“เริ่มงานเลี้ยง!”

เมื่อฉินหมิงได้นั่งลงบนที่นั่งหลักของกองคาราวานสินค้าหนานหยางแล้ว

ขันทีน้อยที่อยู่ด้านหลังก็รีบตะโกนเสียงดังไปยังที่ไกล ๆ

สุราและอาหารเลิศรสนานาชนิดถูกยกขึ้นมา

เดิมทีหลังจากเริ่มงานเลี้ยงแล้ว จะต้องเป็นฮ่องเต้เฉียนที่กล่าวสรุปผลสำเร็จในครั้งนี้

แล้วถือโอกาสชื่นชมกองคาราวานสินค้าหนานหยาง กล่าวคำพูดตามมารยาท และแสดงความคาดหวังที่จะร่วมมือกับพวกเขาต่อไปในครั้งหน้า

แต่บรรยากาศในวันนี้มันผิดปกติไปนานแล้ว

ฉินหมิงนั่งอยู่บนที่นั่งหลักของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง

ฮ่องเต้เฉียนก็ย่อมไม่สามารถเอ่ยปากชื่นชมได้อีกต่อไป

พระองค์ทรงแค่นเสียงเย็น แล้วตรัสโดยตรงว่า

“เริ่มการประชันบทกวีได้!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ซุนเหลียนอิงรีบเดินออกมาข้างหน้า

“วันนี้เป็นวันมงคล การค้าขายระหว่างกองคาราวานสินค้าหนานหยางกับต้าเฉียนของเราได้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์”

“ในเมื่อจัดงานเลี้ยงแล้ว ก็ย่อมมีเงินรางวัลและการประลองเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเพิ่มบรรยากาศในการดื่มสุราให้แก่ทุกท่าน!”

“วันนี้ราชสำนักจะมอบเงินห้าหมื่นตำลึงเป็นรางวัล ทุกท่านสามารถประชันบทกวีและประลองยุทธ์ ผู้ที่คว้าตำแหน่งสุดยอดฝีมือฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ไปได้ จะได้รับรางวัลคนละสองหมื่นห้าพันตำลึงเงิน!”

ห้าหมื่นตำลึง!

ฉินหมิงประหลาดใจอยู่บ้าง นี่มันมากกว่าปีก่อน ๆ เสียอีก

ดูท่าราชสำนักก็คงจะรู้ว่า เรื่องราวในปีนี้จัดการได้ไม่ดีเท่าไรนัก

ดังนั้นจึงคิดจะใช้โอกาสในการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ กู้หน้ากลับคืนมาบ้าง

ซุนเหลียนอิงได้เตรียมการมานานแล้ว กล่าวต่อไปว่า

“ทุกท่าน วันนี้เป็นวันมงคลที่การค้าขายเสร็จสิ้นลง มิสู้เรามาใช้งานเลี้ยงมงคลเป็นหัวข้อ ให้ทุกท่านแต่งบทกวีกันดีหรือไม่?”

บัณฑิตไท่ฉางชิวปิงอวิ๋นเมื่อเห็นเช่นนั้น ก็รีบเดินออกมาทันที

“ข้าน้อยไร้ความสามารถ วันนี้ก็ขอเสนอบทกวีอันต่ำต้อยหนึ่งบท หวังว่าทุกท่านจะช่วยชี้แนะ”

“แสงโคมส่องสว่างทั่วฟ้ายามราตรี เสียงหัวเราะเริงร่าก้องกังวานเต็มห้องโถง

สุราดีอาหารเลิศรสนำขึ้นโต๊ะพร้อมเพรียง สหายจากหนานหยางร่วมสังสรรค์พร้อมหน้า

ท่วงท่าร่ายรำสง่างามดนตรีบรรเลง เสียงเพลงก้องกังวานไปทั่วสี่ทิศ

ยกจอกร่วมดื่มฉลองชัย เสียงหัวเราะเปี่ยมสุขสำราญ!”

ในเมื่อชิวปิงอวิ๋นสามารถเป็นถึงบัณฑิตไท่ฉางได้ แน่นอนว่าย่อมมีความสามารถอยู่บ้าง

หลังจากที่คนรอบข้างได้ฟังแล้ว ต่างพากันปรบมือ

“กลอนดี!”

ชิวปิงอวิ๋นมาพร้อมกับภารกิจ เพื่อที่จะข่มฉินหมิง

ในตอนที่ฉินหมิงยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว เขาก็ชิงเรียกกองคาราวานสินค้าหนานหยางก่อน

“กองคาราวานสินค้าหนานหยางครั้งนี้ได้เชิญองค์ฉินอ๋องมาเป็นพิเศษ ไม่ทราบว่าองค์ชายมีคำชี้แนะอันใดหรือไม่?”

ฉินหมิงวางจอกสุราลง ฉินหมิงวางจอกสุราลง

“คำชี้แนะคงไม่กล้ากล่าว เพียงแต่คงจะดีกว่าบทกวีบ้าน ๆ ของท่านเล็กน้อย”

“ดีกว่าเล็กน้อยหรือ?”

บนใบหน้าของชิวปิงอวิ๋นพลันปรากฏความโมโห

สามารถแต่งบทกวีหนึ่งบทได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้

เขาถือว่าความสามารถของตนเองนั้นเป็นหนึ่งในหมู่ขุนนางแล้ว

เหล่าขุนนางโดยรอบก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์

“ใต้เท้าชิวเป็นหนึ่งในผู้นำด้านวรรณกรรมของต้าเฉียนเชียวนะ องค์ชายพูดเช่นนี้ จะไม่ทำร้ายจิตใจเขาเกินไปหน่อยหรือ?”

“ท่านลืมไปแล้วหรือ องค์ชายก็มีความสามารถด้านวรรณศิลป์เป็นเลิศ ตั้งแต่เยาว์วัยก็ทรงศึกษากับท่านอัครมหาเสนาบดี...”

“ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายจะใช้บทกวีใดเอาชนะเขา”

บนที่ประทับสูงสุด ฮ่องเต้เฉียนทรงหรี่พระเนตรลง ดูเหมือนจะคาดเดาเจตนาที่ฉินหมิงมาในวันนี้ได้แล้ว

เจ้าเด็กคนนี้คิดจะมาเอาเงินจากกระเป๋าของราชสำนัก

วันนี้ที่มาในฐานะตัวแทนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางเป็นเรื่องหลอกลวง การเข้าร่วมการประลองบุ๋นบู๊ต่างหากที่เป็นเรื่องจริง

เมื่อทอดพระเนตรเห็นกวนเยว่ที่นั่งอยู่ข้างกายฉินหมิง ในพระทัยของฮ่องเต้เฉียนก็พลันเกิดความรู้สึกซับซ้อน

“เด็กสาวผู้นั้นไปอยู่ข้างกายเขาได้อย่างไร?”

ซุนเหลียนอิงก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ฝ่าบาท อาจเป็นเพราะใกล้จะเข้าพิธีสมรสแล้ว องค์ชายจึงพาตัวออกมาล่วงหน้ากระมัง”

“เหลวไหล!”

ในแผ่นดินต้าเฉียน ก่อนที่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะแต่งงานกัน ส่วนใหญ่แล้วจะไม่สามารถพบหน้ากันได้

แม้ว่าฉินหมิงจะเป็นการสมรสของราชวงศ์ แต่ก็ต้องรักษากฎระเบียบ

เมื่อทอดพระเนตรเห็นฉินหมิงทำตัวไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมเช่นนี้ ทัศนคติของฮ่องเต้เฉียนที่มีต่อเขาก็ยิ่งแย่ลงไปอีก

แต่ในตอนนี้นี่เอง ฉินหมิงกลับยิ่งทำตัวโดดเด่น เดินออกมาอยู่ต่อหน้าผู้คน

“งานเลี้ยงมงคลสินะ?”

มุมปากยกยิ้ม ฉินหมิงเอ่ยปากออกมาอย่างสบาย ๆ

“เทียนแดงส่องสว่างมงคลยิ่ง เสียงเพลงและเสียงหัวเราะเต็มห้องโถงงาม

ยกจอกร่วมดื่มพันจอกสุรา เปล่งเสียงหัวเราะฉลองหมื่นปียืนยาว

อาหารเลิศรสเต็มโต๊ะหอมฟุ้งทั่วสี่ทิศ ต้นหยกบุปผาแก้วสะท้อนแสงจันทร์

ทิวทัศน์เช่นนี้พึงมีแต่บนสวรรค์ ในแดนมนุษย์ยากนักจักได้ลิ้มลองกี่ครา”

“เป็นอย่างไร?”

ฉินหมิงหันหน้าไปมองชิวปิงอวิ๋น

บทกวีนี้เป็นสิ่งที่เขาผสมผสานความทรงจำของตนเอง และความทรงจำขององค์รัชทายาทผู้นี้เข้าด้วยกัน

ไม่เพียงแต่ฉันทลักษณ์จะถูกต้องสมบูรณ์ ไพเราะติดหู แต่ภาพที่พรรณนาก็งดงามอย่างยิ่ง

ดีกว่าบทกวีบ้าน ๆ ของชิวปิงอวิ๋นเมื่อครู่มากจริง ๆ

เฉินซื่อเม่านั่งอยู่เบื้องล่าง ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความตื่นเต้น

“พันจอกสุรา หมื่นปียืนยาว!”

“พึงมีแต่บนสวรรค์ จักได้ลิ้มลองกี่ครา!”

“กลอนดี กลอนดีจริง ๆ ...!”

เฉียนไฉตะโกนบอกขุนนางข้าง ๆ

“มัวเหม่ออะไรอยู่ ปรบมือสิ!”

แปะ ๆ ๆ

ขุนนางจำนวนไม่น้อยรีบปรบมือขึ้นมาทันที

หัวหน้ากองคาราวานสินค้าหนานหยางสองสามคน ในตอนนี้ก็ยกนิ้วโป้งให้ฉินหมิงด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง

“สมกับที่เป็นองค์ชาย!”

“ต้องเป็นองค์ชายเท่านั้นถึงจะมีความสามารถด้านวรรณศิลป์เช่นนี้ได้!”

มุมปากของชิวปิงอวิ๋นสั่นระริก

ในชั่วขณะหนึ่งก็ยังไม่สามารถยอมรับสถานการณ์นี้ได้

อันที่จริงเขาไม่ได้เพิ่งจะรู้หัวข้องานเลี้ยงมงคลในตอนนี้

ตรงกันข้าม เพื่อที่จะทำให้พวกเขาไม่ด้อยกว่าใครในด้านบทกวี

ซุนเหลียนอิงได้บอกหัวข้อแรกแก่เขาแล้ว ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มเสียอีก

ชิวปิงอวิ๋นต้องนั่งคิดอยู่นานครึ่งค่อนวัน ถึงจะได้บทกวีนั้นออกมา

แต่บทกวีที่เดิมทีถ่อมตนว่าเป็นผลงานอันต่ำต้อย บัดนี้กลับกลายเป็นผลงานอันต่ำต้อยจริง ๆ

“ซุนกงกง ต่อไปก็ถึงตาข้าออกหัวข้อแล้วใช่หรือไม่?”

ฉินหมิงไม่ได้สนใจชิวปิงอวิ๋นอีกต่อไป แต่เอ่ยปากถามซุนเหลียนอิง

ซุนเหลียนอิงพยักหน้า

“ต้าเฉียนออกหนึ่งหัวข้อ กองคาราวานสินค้าหนานหยางก็ออกหนึ่งหัวข้อ”

“เพียงแต่ไม่ทราบว่าองค์ชายคิดจะออกหัวข้ออันใดหรือ?”

มุมปากของฉินหมิงประดับด้วยรอยยิ้ม กล่าวออกมาอย่างสบาย ๆ ราวกับตั้งใจแต่ก็เหมือนจะไม่ตั้งใจ

“ก็แค่แต่งบทกวีเกี่ยวกับชายหลายใจสักบทหนึ่งเถิด”

เมื่อสิ้นเสียง สายตาของเขากลับจับจ้องไปที่ฮ่องเต้เฉียนอย่างไม่วางตา

ในวินาทีนี้ สีหน้าของทุกคนต่างเปลี่ยนไปอย่างมาก!

ชายหลายใจ... หมายถึงใครกัน?

หรือว่าจะเป็นฮ่องเต้เฉียนที่หลังจากฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ก็หันไปรักเซียวซูเฟย แล้วเริ่มลำเอียงต่อฉินหมิงอย่างยิ่ง?

เจ้าเด็กนี่บ้าไปแล้ว!

บ้าไปแล้วแน่ ๆ !

เซียวซูเฟยก็รีบลุกขึ้นยืนเช่นกัน แล้วกล่าวตำหนิฉินหมิง

“ท่านฉินอ๋อง!”

“วันนี้เป็นวันมงคล ท่านคิดจะทำอะไร!?”

ฉินหมิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง

“ก็แค่การประชันบทกวีเท่านั้น ท่านจะกลัวอะไร? หรือว่า...”

“พอแล้ว!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงตบโต๊ะอย่างแรง จ้องมองฉินหมิงอย่างโกรธเกรี้ยว

เจ้าเด็กนี่เห็นได้ชัดว่าวันนี้เตรียมการมาอย่างดี!

ไม่รู้ว่าวางแผนช่วงเวลานี้มานานเท่าไรแล้ว

ฮ่องเต้เฉียนทรงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

“ให้เราได้ฟังบทกวีที่เจ้าแต่งสักหน่อย”

มุมปากของฉินหมิงยกยิ้ม

“ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ดอกท้อร่วงโรยสิ้นวสันต์ผ่านพ้น ปุยหลิ่วลอยล่องแค้นพรากจากอาลัย

เคยสัญญาเคียงคู่ไปจนแก่เฒ่า บัดนี้นั่งเดียวดายในห้องว่างเปล่าหนาวเหน็บ

คำสาบานดั่งขุนเขาเป็นเพียงวาจาว่างเปล่า ทะเลแห้งหินกร่อนเป็นเพียงฝันไป

หวนนึกถึงครานั้นที่รักกันลึกซึ้ง เหลือเพียงหยาดน้ำตามองตะวันคล้อยลา”

“ทุกท่าน มีผู้ใดยินดีออกมาประลองกับข้าสักหน่อยหรือไม่?”

ฉินหมิงท่องบทกวีของตนเองจบ

แล้วกวาดสายตามองไปทั่วทั้งงานอย่างเรียบเฉย

ทุกคนต่างหดคอ ไม่กล้าพูดจา แอบเหลือบมองสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียน

แม้แต่ชิวปิงอวิ๋นที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ด้านวรรณกรรม ด้านหลังก็มีเหงื่อเย็นผุดซึมออกมา!

บทกวีนี้ของฉินหมิงกำลังพูดถึงใคร มันชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว!

ในตอนนี้สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนมืดมนจนน่ากลัว

ฉินหมิงกลับไม่สนใจไยดี กล่าวต่อไปว่า:

“ว่ากันว่าบทกวีที่ดี ย่อมสามารถดึงดูดผู้คนให้คล้อยตาม ทิ้งรสชาติที่ตราตรึงยาวนาน”

“เสด็จพ่อ ท่านว่าบทกวีของลูกเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 426

    “ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็รายงานขึ้นไปเถิด แต่ค่ายทหารในมือข้าไม่มีทางมอบให้ราชสำนักเด็ดขาด”คำพูดของพวกเขา อันที่จริงฉินหมิงคาดการณ์ได้นานแล้วแต่ค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงเป็นคนสร้างขึ้นมากับมือไม่ว่าจะเป็นโรงช่าง โรงทอผ้า ร้านขายผ้า หรือโรงผลิตเกลือ ต่างก็เป็นของเขาทั้งสิ้น“ท่านอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เหรินโซ่วผู้อยู่ด้านข้างเพิ่งได้ยินฉินหมิงกล่าวตอบ ก็คัดค้านขึ้นทันทีแต่ฟู่เจิ้งเซวียนกลับห้ามเขาไว้“ท่านอ๋อง ท่านจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่พวกกระหม่อมจะรายงานต่อราชสำนักตามความเป็นจริงพ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เจิ้งเซวียนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับฉินหมิงให้มากความที่พวกเขามาครั้งนี้ก็แค่ทำตามขั้นตอนเท่านั้นส่วนความผิดที่แท้จริงของฉินหมิงนั้น ถูกกำหนดไว้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเสียอีก“ย่อมได้”ฉินหมิงพยักหน้าเชื่องช้าระยะนี้ โรงช่างของพวกเขาเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง สามารถติดอาวุธให้ทั้งค่ายทหารได้อย่างทั่วถึงแม้แต่จำนวนปืนคาบศิลา ก็มีถึงหนึ่งพันกว่ากระบอกยาเม็ดยิ่งเตรียมไว้นับไม่ถ้วนถ้าราชสำนักมาจริงก็พร้อมสู้นับตั้งแต่ที่ฉินหมิงมาถึงโลกใบนี้ เขาก็ตระหนักดีว่า ไม่ว่ายุคใดสมัยใดควา

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 425

    อีกด้านหนึ่ง ภายในจวนของฉินหมิงหลิ่วเยว่หลีกำลังรายงานตำแหน่งของเหล่าองครักษ์เงา“ท่านอ๋อง ครั้งนี้ตรวจพบสิบกว่าคน พวกเขารวมตัวกันอยู่ที่อำเภอซี ในสังกัดเมืองเฉียนถังเพคะ”“ข้ารู้แล้ว”ฉินหมิงพยักหน้าแช่มช้า จากนั้นจึงเหน็บดาบยาวไว้ข้างเอว ก่อนขี่ม้าตรงไปที่อำเภอซีด้วยตนเองไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าครั้งนี้ ฉินหมิงจะไปกำจัดเหล่าองครักษ์เงาเพียงลำพัง!กลุ่มข่าวกรองของหลิ่วเยว่หลี เพียงระบุตำแหน่งให้เขารู้เท่านั้นการลงมือฉายเดี่ยวของฉินหมิงนั้นทั้งรวดเร็ว แม่นยำ และเด็ดขาด โดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสตั้งตัวสักนิด!ฉินหมิงมีความสามารถถึงขั้นนั้นแล้วแม้การออกกระบวนท่าต่าง ๆ จะยังไม่ชำนาญนัก แต่สิ่งที่เขาขาดในยามนี้ก็คือการฝึกฝน“หวังว่าคู่ซ้อมในวันนี้จะทำให้ข้าพอใจก็แล้วกัน”ขณะนั่งอยู่บนหลังม้า ฉินหมิงก็พึมพำกับตนเองอาศัยพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ฉินหมิงย่อมต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างสูสีแม้จะมีเพียงตัวคนเดียว แต่เขาก็สามารถสังหารหมู่กลุ่มคนขนาดเล็กของฝ่ายตรงข้ามได้ถึงสิบกว่ากลุ่มเขาลงมือเพียงลำพัง ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือต่อให้พบเห็น พวกเขาก็คงไม่คิดว่าฉินหมิงผู้ควบม้าอยู่ด้านนอกเพียงลำพ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 424

    พวกเขาล้วนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักเดิมทีฟางชิงหย่วนก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่หลังถูกลดตำแหน่งมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีอำนาจเหมือนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งใหญ่อีกต่อไปย่อมทำให้บรรดาเพื่อนขุนนางที่เคยร่วมงานกัน คิดดูแคลนเล็กน้อยประกอบกับจุดยืนของพวกเขาในยามนี้แตกต่างกันขุนนางส่วนใหญ่ล้วนยืนอยู่ข้างเซียวซูเฟย จึงไม่คิดเปิดโอกาสให้ฉินหมิงกับฟางชิงหย่วนได้แข็งข้อส่วนหลี่เหรินโซ่วผู้เป็นถึงรองเจ้ากรมกลาโหม ด้วยความที่กรมกลาโหมมักไปเบิกเงินและเสบียงจากกรมคลังอยู่บ่อยครั้งแต่ฟางชิงหย่วนเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการจึงปฏิเสธคำขอของหลี่เหรินโซ่วเป็นประจำ ทำให้หลี่เหรินโซ่วแค้นฝังใจในเวลานี้เมื่อเห็นเขาตกต่ำ หลี่เหรินโซ่วจึงต้องเข้ามาเหยียบย่ำซ้ำเติมเป็นธรรมดาเมื่อได้ยินคำพูดดูแคลนของอีกฝ่าย บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของฉินหมิงอย่างซ่งติ้งเซิงและหลิวฉ่วง ต่างก็รู้สึกไม่พอใจฟางชิงหย่วนเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมผู้ใดโดยง่าย จึงกล่าวขึ้นทันที“ใต้เท้าหลี่ หากท่านไม่เข้าใจบัญชีของกรมกลาโหม ก็มากราบข้าเป็นอาจารย์สิ เดี๋ยวข้าสอนท่านเอง”“จะให้ข้ากราบเจ้าเป็นอาจารย์น่ะหรือ?”หลี่เหรินโซ่วเบะปากด้วยคว

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 423

    “รับบัญชาเพคะ!”หลิ่วเยว่หลีพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนหันหลังเตรียมตัวเดินจากไปนางจะนำกลุ่มองครักษ์ลับ ไปสืบหาร่องรอยขององครักษ์เงาเหล่านั้นส่วนฉินหมิง ช่วงนี้คงต้องลบล้างอิทธิพลที่เกิดจากสำนักหลัวให้ได้ก่อนรัตติกาลมาเยือน กวนเยว่ต้มชาโสมถ้วยหนึ่ง นำมาวางลงตรงหน้าฉินหมิงฉินหมิงสวมเสื้อคลุมตัวหนึ่ง นั่งรับลมฤดูใบไม้ร่วงอยู่ในศาลา“หากราชสำนักใช้เรื่องสำนักหลัวเป็นข้ออ้าง นำทัพเข้ามาในหลิ่งหนาน พวกเราจะทำอย่างไร?”กวนเยว่กังวลใจเรื่องค่ายทหารอู่เวยยิ่งนักเนื่องจากนี่คือกองทัพสำคัญที่บิดานางทิ้งไว้ให้ฉินหมิงเคยกล่าวไว้ว่า จะฟื้นฟูมันขึ้นมาใหม่บัดนี้ เขาทำได้แล้ว แต่ก็มีแรงกดดันจากราชสำนักตามมาติด ๆ เช่นกัน“กองทัพเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ราชสำนักจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ รอให้พวกเขาเคลื่อนไหวก่อนค่อยว่ากัน”“อืม”หลายวันต่อมา คณะผู้ตรวจสอบจากราชสำนักก็เดินทางมาถึงหลิ่งหนานคนที่มาในครั้งนี้คือ หัวหน้าผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายแห่งสำนักตรวจสอบ ฟู่เจิ้งเซวียนผู้ช่วยของเขาคือรองเจ้ากรมกลาโหม หลี่เหรินโซ่วนอกจากนี้ยังมีลู่เหยียนเหนียนจากกรมทหารม้า เริ่นหลิงอวิ๋นจากกรมโยธาธิการและผู้คน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 422

    ในอดีตครั้งที่เฉินซื่อเม่าอยู่ในราชสำนัก เขายังพอจะกดข่มคำพูดว่าร้ายฉินหมิงจากฝ่ายพระสนมเซียวซูเฟยได้บ้างแต่เมื่อเขาออกมาจากเมืองหลวง พระสนมเซียวซูเฟยและเหล่าขุนนางใต้สังกัดนางก็สบโอกาสลงมือพวกเขาอาศัยจังหวะนี้ เริ่มโจมตีฉินหมิงทันทีเมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนสอบถาม“แล้วศึกทางเหนือเล่า พวกเขาไม่สนใจแล้วหรือ?”“ได้ข่าวว่ายังรบกันอยู่ แต่ฝ่ายต้าเฉียนน่าจะใกล้ขอเจรจาสงบศึกสำเร็จแล้วเพคะ”“เจรจาสงบศึก!?”ฉินหมิงถึงกับตกตะลึงแม้ชนเผ่าทางเหนือจะมีกำลังรบที่แข็งแกร่ง แต่กำลังรบของต้าเฉียนก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ต้าเฉียนเป็นเพียงฝ่ายตั้งรับรอโต้กลับ แต่บัดนี้กลับคิดยอมจำนนนี่ช่างน่าอัปยศเสียจริงหากเป็นฝ่ายเริ่มขอเจรจาสงบศึก เมื่อถึงเวลาก็ต้องชดใช้ด้วยเงินมหาศาล มิหนำซ้ำอาจต้องยกดินแดนให้อีกฝ่ายต้าเฉียนก่อตั้งประเทศมาหลายชั่วอายุคน ยังไม่เคยปรากฏสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน!“จากการสืบสวนของกองเงาทมิฬ ราชสำนักคงอยากถอนตัวโดยเร็ว เพื่อมาจัดการกับท่านอ๋องเพคะ”หลิ่วเยว่หลีกล่าวถึงการคาดเดาของนางด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและนี่ก็สอดคล้องกับวิธีการทำงานของราช

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 421

    เมื่อเห็นดังนั้น ฉินหมิงก็รีบชักมือกลับทันทีเฉาชวนกับหลิวฉ่วงจึงทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น พลางหอบหายใจหนักหน่วง“สำนักหลัวช่างน่าสะพรึงกลัวโดยแท้!”ยามนี้บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงพูดตามตรง พลังลมปราณของฉินหมิงเวลานี้ หากบอกว่าเป็นอันดับสองในใต้หล้า ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าตนเป็นอันดับหนึ่งแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อมจะไปรวบรวมตำราวรยุทธ์ให้ท่านเองพ่ะย่ะค่ะ!”แม้หลิวฉ่วงจะพ่ายแพ้ให้แก่ฉินหมิง แต่เมื่อฟื้นตัวแล้ว เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งหากฉินหมิงมีพลังต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ หลังฝึกฝนวรยุทธ์ ก็สามารถขึ้นเป็นยอดแม่ทัพอีกคนหนึ่งของค่ายทหาร และเข้าร่วมสงครามได้อย่างแน่นอนและการค้าขายของพวกเขาขณะนี้ก็เป็นไปด้วยดี กิจการทุกประเภทล้วนได้รับผลกำไรมากมายกระทั่งเงินที่เคยหยิบยืมจากหอการค้าหลิ่งหนาน ก็ชดใช้คืนหมดสิ้นและเมื่อมีเงินแล้ว ก็ซื้อตำราฝึกวรยุทธ์เหล่านั้นได้ไม่มีปัญหา“จะลำบากเช่นนั้นไปไย”ฉางไป๋ซานพลันขวางเขาไว้ และโบกมือเบา ๆจากนั้นก็ชี้ไปที่หน้าผากของตนเองพลางกล่าว“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาจากที่ใด?”“ตอนแรกที่ข้าติดตามท่านอ๋องนั้น ความจริงก็เพื่อฝึ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status