Share

บทที่ 8

Author: หออักษร
“พ่ะย่ะค่ะ”

หัวหน้าขันทีซุนเหลียนอิงรับคำ

แล้วรีบหันหลังเดินซอยเท้าถี่ ๆ นำคนออกจากวังไปเชิญฉินหมิง

ฉินหมิงในฐานะองค์รัชทายาท เดิมทีที่พำนักของเขาควรจะอยู่ที่ตำหนักบูรพา

แต่เมื่อหลายปีก่อนเพราะลมปากของเซียวซูเฟย

ฮ่องเต้เฉียนจึงลำเอียง โดยอ้างเหตุผลว่าองค์รัชทายาทโตแล้ว ไม่จำเป็นต้องศึกษาเล่าเรียนในวังอีกต่อไป

ให้เขาย้ายออกจากตำหนักบูรพา เพื่อให้องค์ชายเก้า จิ้นอ๋องฉินเยว่ที่ยังทรงพระเยาว์ได้ประทับอยู่แทน

อ้างว่าเพื่อความสะดวกในการศึกษาเล่าเรียน

แต่ใคร ๆ ก็รู้ดีว่า ต่อให้องค์ชายจะยังทรงพระเยาว์และต้องศึกษาเล่าเรียน ราชวงศ์ก็มีที่พำนักเฉพาะจัดเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว

เหตุใดจะต้องไปใช้ตำหนักบูรพาด้วย?

ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมย่อมมองออกว่า นี่เป็นเพียงการหยั่งเชิงเหล่าขุนนางของเซียวซูเฟยผู้มีจิตใจคับแคบเท่านั้น

องค์รัชทายาทในตอนนั้นช่างโอบอ้อมอารี ไม่ได้ใส่ใจกับขนบธรรมเนียมอันซับซ้อนเหล่านี้

จึงได้สละตำหนักบูรพาให้อย่างใจกว้าง

ส่วนตนเองก็ไปหาจวนแห่งหนึ่งในเมืองหลวง

ซึ่งก็คือสถานที่ที่ฉินหมิงอาศัยอยู่หลังจากที่มาถึงโลกใบนี้

ก็เพราะการจัดการเช่นนี้ จึงทำให้การรอคอยในวันนี้ยาวนานเป็นพิเศษ

เหล่าขุนนางนั่งอยู่ในที่นั้นจนพากันง่วงเหงาหาวนอน

หลังจากผ่านไปเกือบสองชั่วยาม ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว

ฉินหมิงจึงได้เดินโซซัดโซเซเข้ามาในตำหนัก พร้อมกับหัวหน้าขันทีซุนเหลียนอิง

แต่หลังจากที่เข้ามาแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยืนอยู่ข้าง ๆ สองมือกอดอก

ทำท่าทางเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน

ซุนเหลียนอิงเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างน่าอึดอัด จึงก้าวออกมาข้างหน้าแล้วกล่าวว่า

“ฝ่าบาท ฉินอ๋องเสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เฉียนจ้องเขม็งไปยังฉินหมิงแล้วตรัสว่า

“เจ้าช่างทำตัวใหญ่โตขึ้นทุกวันแล้ว! ปล่อยให้เราและพวกขุนนางเหล่านี้ต้องรอนาน!”

“หลังจากไม่ได้ทำงานในราชสำนักแล้ว นิสัยก็ปล่อยปละละเลยเช่นนี้แล้วหรือ!”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำตำหนิของเขา ฉินหมิงก็ยักไหล่ กล่าวอย่างมีความหมายแอบแฝง

“เสด็จพ่อ ใคร ๆ ก็รู้ว่า จวนของลูกอยู่ห่างจากพระราชวังมาก การเดินทางย่อมใช้เวลานานหน่อย ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ความหมายของฉินหมิงชัดเจนมาก หากมิใช่เพราะฮ่องเต้เฒ่าอย่างท่านให้ข้าย้ายออกจากตำหนักบูรพา วันนี้จะปล่อยให้ท่านรอจนเหงือกแห้งได้หรือ?

มิใช่ว่าท่านทำตัวเองหรอกหรือ?

เรื่องที่เหล่าขุนนางต่างก็รู้กันดี ท่านยังมีหน้ามาอ้าปากพูดอีก?

เป็นไปตามคาด หลังจากที่ฉินหมิงพูดประโยคนี้ออกมา พระขนงของฮ่องเต้เฉียนก็ขมวดลึกยิ่งขึ้น

แต่เมื่อทรงคิดดูแล้ว ในตอนนั้นก็เป็นพระองค์เองที่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเซียวซูเฟย

ในตอนนี้พระองค์จึงไม่ได้ตรัสอะไรมาก เข้าประเด็นหลักทันที

“เรื่องของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง เจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่?”

“ไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินหมิงส่ายหน้า ทำท่าทีราวกับว่าทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับตน

เฉินซื่อเม่าที่อยู่เบื้องล่างเมื่อเห็นภาพนี้ ก็พยักหน้าเล็กน้อย

คนเราย่อมมีโทสะอยู่สามส่วน เห็นได้ชัดว่าในใจของฉินหมิงไม่พอใจ ไม่อยากจะสนใจฮ่องเต้เฉียน

ดูท่าวันนี้คงจะได้ยืมมือของฉินหมิงมาระบายความอัดอั้นตันใจแทนทุกคนแล้ว

“ซุนเหลียนอิง เจ้าบอกเขา”

เวลาที่ฮ่องเต้เฉียนตรัสกับฉินหมิง จะรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพระองค์พิโรธได้ง่าย

ดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมที่จะตรัสกับเขาต่อ เปลี่ยนให้ขันทีข้างกายมาพูดแทน

“พ่ะย่ะค่ะ”

ซุนเหลียนอิงเล่ารายละเอียดทั้งหมดอย่างละเอียด

หลังจากที่เปรียบเทียบกับข้อมูลที่ตนเองรู้แล้ว ฉินหมิงก็ปรบมือเห็นดีเห็นงาม

“ไอ้สารเลวจ้าวสี่นั่น เหตุใดถึงไม่โดนกระทืบให้ตายไปเลยล่ะ?”

“บังอาจ! พูดจาอะไรของเจ้า!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงตบโต๊ะ ตวาดฉินหมิงอย่างเกรี้ยวกราด

ขุนนางสองสามคนโดยรอบก็มองฉินหมิงอย่างตกตะลึง

องค์รัชทายาทปากคอเราะรายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เอ่ยปากพูดเรื่องกองคาราวานสินค้าหนานหยางต่อ

ฉินหมิงก็หยิบฎีกาเล่มหนึ่งออกมาจากอกเสียก่อน

“เสด็จพ่อ สองวันก่อนจ้าวสี่ได้ใส่ร้ายคู่หมั้นของลูก ดูหมิ่นพระเกียรติของราชวงศ์ และยังทะเลาะวิวาทกับลูกกลางถนน ทำให้การสัญจรในเมืองหลวงติดขัด”

“หลังจากนั้นยังมาเข้าเฝ้ากลับดำเป็นขาว ใส่ร้ายป้ายสีลูก ทำให้ท่านทรงลงโทษผิดพลาด ขอฝ่าบาททรงโปรดพิจารณาใหม่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้า...!”

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนดูย่ำแย่ลง เรื่องของพระองค์ยังพูดไม่จบเลย

ฉินหมิงกลับมายื่นฎีกาฟ้องร้องก่อนแล้วหรือ?

เฉินซื่อเม่าเอ่ยปากขึ้นทันที

“ฝ่าบาท เมื่อพิจารณาจากเรื่องในวันนี้แล้ว จ้าวสี่ผู้นี้มีจิตใจไม่บริสุทธิ์ มีความประพฤติเสื่อมทราม”

“องค์ชายทรงให้ความสำคัญกับหน้าตาของราชวงศ์อย่างยิ่ง การกระทำใด ๆ ล้วนรู้จักขอบเขตมาโดยตลอด หากมิใช่เพราะจ้าวสี่เก็บความแค้นไว้ในใจ ยั่วยุหลายครั้งหลายครา จนถึงขั้นลามปามไปถึงคุณหนูตระกูลกวน องค์ชายก็คงไม่กระทำเช่นนี้”

“ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว จ้าวสี่ผู้นี้ก็นับว่าสมควรแล้วที่ได้รับผลกรรมเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”

เหล่าขุนนางเบื้องล่าง ในตอนนี้ต่างพากันสนับสนุนฉินหมิง

ช่วยไม่ได้ หลายปีมานี้ นอกจากปัญหาบางอย่างที่เป็นเรื่องหลักการแล้ว ฉินหมิงจะไม่ยอมถอยให้เลย

เรื่องอื่น ๆ ส่วนใหญ่แล้ว เขาก็จะเน้นการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างใจกว้าง สะสมชื่อเสียงที่ดีงามไว้มากมาย

คนที่นั่งอยู่ในที่นี้ ก็มีคนของเซียวซูเฟยอยู่ไม่กี่คน

แน่นอนว่าใครที่ช่วยพูดได้ ก็จะช่วยพูดสักประโยคหนึ่ง

ฮ่องเต้เฉียนอ้าพระโอษฐ์ แต่กลับไม่รู้ว่าจะตรัสเรื่องใดก่อนดี

รู้สึกเพียงแค่ว่า เรื่องราวดูเหมือนจะเกินกว่าที่พระองค์ทรงคาดการณ์ไว้แล้ว

“รวมกับความผิดที่ทำการค้าในวันนี้ล่มด้วย เสด็จพ่อ โปรดลงโทษจ้าวสี่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินหมิงก็กล่าวต่อไปว่า

“รวมความผิดหลายข้อหา ตัดสินประหารชีวิตก็ไม่นับว่าเกินเลย”

“หยุด!”

เมื่อเห็นว่าหากฉินหมิงสาธยายต่อไปอีก คงจะลากไปถึงเก้าชั่วโคตรได้

ฮ่องเต้เฉียนจึงรีบห้ามเขาไว้

“เรื่องของเจ้า เอาไว้ค่อยพูดทีหลัง!”

“ตอนนี้กองคาราวานสินค้าหนานหยางก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นแล้ว เจ้าไปจัดการปลอบโยนพวกเขาก่อน แล้วจัดการปิดการค้าครั้งนี้ให้เรียบร้อย”

เมื่อเห็นว่าเขาคิดจะตบตาตนเอง

ฉินหมิงก็ยิ้มออกมา ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ คิดว่าข้าเป็นแรงงานฟรีของท่านหรือ?

คนที่เป็นขุนนางยังมีเบี้ยหวัดเลย แต่ข้าไม่มีอะไรเลยสักอย่าง

จะทำไปทำพระแสงอะไร!

“เสด็จพ่อ ลูกป่วยพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินหมิงเอ่ยปากออกมาอย่างหน้าตาเฉย

“เจ้าป่วยหรือ?”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินหมิงกล่าวอย่างจริงใจและจริงจัง

จากนั้นร่างกายก็โซเซไปมา ทันใดนั้นก็ทรงตัวไม่อยู่ ล้มลงนั่งกับพื้นเสียงดังตุบ

“สองวันนี้ร่างกายไม่ค่อยสบายจริง ๆ ท่านไปหาคนอื่นที่เก่งกว่านี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”

...

ทุกคนต่างเงียบกริบ

คนตรงหน้านี้ ไหนเลยจะเป็นองค์รัชทายาท

นี่มันอันธพาลชัด ๆ มิใช่หรือ?

ความหมายของเขา ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างเข้าใจดี

หากไม่จัดการปัญหา เช่นนั้นก็จะยื้อกันอยู่อย่างนี้ต่อไป

เมื่อเห็นว่าเรื่องราวได้มาถึงขั้นนี้แล้ว ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตรัสว่า

“ซุนเหลียนอิง!”

“บ่าวอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

“ส่งจ้าวสี่ไปยังกรมอาญาเพื่อรับการไต่สวน และให้ยกเลิกการลงโทษต่อฉินอ๋อง”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

จ้าวสี่กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว แถมยังทำผิดมหันต์อีก

จะเสียแรงไปปกป้องเขาก็ไม่มีประโยชน์อันใด

มิสู้ให้เขาได้ทำประโยชน์เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้ฉินหมิงได้ระบายความโกรธ แล้วรีบไปจัดการเรื่องราวให้เสร็จสิ้น

“อ๊ะ... ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินหมิงนั่งกุมหน้าอกอยู่บนพื้น ฉินหมิงนั่งกุมหน้าอกอยู่บนพื้น

“ไปได้แล้วใช่หรือไม่?”

ฮ่องเต้เฉียนทรงแค่นเสียงเย็น ตรัสถามด้วยความรังเกียจอย่างเต็มเปี่ยม

อย่างไรเสียความสัมพันธ์พ่อลูกก็มาถึงขั้นนี้แล้ว

ฉินหมิงหน้าด้านหน้าทน ไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกต่อไปแล้ว

“เสด็จพ่อ ลูกมิใช่องค์รัชทายาท เป็นเพียงแค่อ๋องผู้ครองหัวเมือง ไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? อย่าได้ได้คืบจะเอาศอก!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงตบโต๊ะ จ้องมองเขาเขม็งด้วยความพิโรธ

ในใจของเฉินซื่อเม่ารู้สึกยินดี

หรือว่าองค์รัชทายาทจะคิดได้แล้ว

อยากจะฉวยโอกาสนี้ทวงตำแหน่งองค์รัชทายาทกลับคืน?

ฮ่องเต้เฉียนและขุนนางคนอื่น ๆ ก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน สีหน้าแต่ละคนแตกต่างกันไป

“ท่านอย่าเพิ่งกริ้วเลย ลูกไม่ได้ต้องการตำแหน่งองค์รัชทายาทคืน เพียงแต่การเดินทางไปยังหลิ่งหนานครั้งนี้ มีเพียงสามหน่วยพิทักษ์นั้นน้อยเกินไปจริง ๆ ”

“ลูกอยากจะได้ค่ายทหารอู่เวยเพิ่มอีก ขอเสด็จพ่อโปรดประทานให้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินหมิงเอ่ยปากอย่างเรียบเฉย แต่กลับทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต้องตกตะลึงจนตาค้าง!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 100

    “กระไรนะ?!”เมื่อเว่ยกว่างซวินลองคิดดู ก็พบว่ามีความเป็นไปได้นี้จริงๆเดิมหานหมิงรุ่ยก็ถูกปลดลงมาจากราชสำนักจะรู้จักฉินอ๋องก็ไม่แปลกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!ซุนเฉิงคาดเดาต่อไปว่า“ท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งก่อนตอนที่ฉินอ๋องพบว่าพวกเราหาคนมาช่วย ก็ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย”“ใช่แล้ว ที่แท้พวกเขารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วนี่เอง”ภายในใจของเว่ยกว่างซวินเย็นยะเยียบขึ้นมาดูท่ามีแต่พวกเขาสองพี่น้อง ที่ถูกปั่นหัวอยู่เล่นอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่น“เรื่องนี้อย่าได้พูดถึงอีก วันหลังพวกเราให้ถือเสียว่าไม่เคยเสียเปรียบเพราะฉินอ๋องแล้วกัน”เว่ยกว่างซวินได้วิธีการรับมืออย่างรวดเร็วซุนเฉิงก็พยักหนักอย่างหนักเช่นกันอย่างรวดเร็ว ความไม่พอใจแต่เดิมที่มีต่อฉินหมิงก็ถูกพวกเขาเก็บซ่อนไปเป็นอย่างดีภายหลังจากจินตนาการเรื่องราวออกมามากมาย พวกเขาสองคนก็รีบตามไปอย่างว่าง่ายมิได้สร้างปัญหาใดอีก…… ในฐานะผู้ที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉินหมิงนั้นไม่รู้ว่าซุนเฉิงและเว่ยกว่างซวินพูดคุยสิ่งใดกันเพียงพบว่าหลังพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต่างมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานราวดอกไม้บนใบหน้าก็ไม่พบร่องรอยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 99

    หานหมิงรุ่ยเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นดังนั้นคำพูดของเขา ย่อมแสดงถึงท่าทีของทางการฉินหมิงจึงมิได้ถกเถียงกับเขา แต่กล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับเป็นข้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว”“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีเจตนาดี เพียงแต่บรรดาทหารในกองทัพก็ต้องการความสมดุลระหว่างหน้าที่และการพักผ่อนเช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”เพราะอยากเล่นพนัน ท่าทีในการพูดจาของหานหมิงรุ่ยต่อฉินหมิงในยามนี้จึงดีขึ้นไม่น้อย“เช่นเดียวกันกับกระหม่อม ยามปกติก็ชอบเล่นตาสองตา การพนันเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มพูนความสุขและความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”หานหมิงรุ่ยมิได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นยามเกิดเรื่องในตอนนั้น ผู้ที่รู้จึงมีไม่มากยกตัวอย่างเช่นพวกเฉาชวน คนเหล่านี้ล้วนไม่รู้เลยโชคดีที่ครอบครัวของกวนเยว่กับเยว่โส่วเจียงเป็นเพื่อนเก่ากันมานานปกติแล้ว เมื่อแม่ทัพระดับสูงอย่างพวกเขาพูดคุยกันในยามว่าง ถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมาด้วยเหตุนี้ จนถึงตอนนี้หานหมิงรุ่ยจึงยังคงคิดว่า เรื่องของตนนั้นที่นี่น่าจะมีคนรู้ไม่มากดังนั้นต่อหน้าพวกฉินหมิง ตนจึงสามารถแสร้งแสดงเป็นผู้ทรงคุณธรรมไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 98

    พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร ปลอมตัวเป็นทหารที่กำลังพักผ่อนเล่นไพ่โกวกันอยู่ที่นี่เมื่อเห็นฉินหมิงเดินเข้ามา เหล่ามืออาชีพที่กำลังนั่งไข้วขาอยู่บนพื้นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก“ย๊าก! กิน!”“เพิ่มร้อยยี่สิบแปดเท่า! จ่ายเงินมา!”หานหมิงรุ่ยชะงักเท้าลงจริงๆ สายตาเหลือบมองไปที่การเรียงไพ่ด้านล่างอย่างอดไม่ได้ฉินหมิงไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเล่นของเจ้าสิ่งนี้นักรู้เพียงว่าไพ่โกวของต้าเฉียน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไพ่นกกระจอก ปกติเป็นแผ่นไม้ เพียงแต่รูปร่างจะแบนกว่ายาวกว่าในขณะที่กำลังกังวลว่าพวกเขาจะแสดงมากเกินไปจนโป๊ะแตกหานหมิงรุ่ยซึ่งเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็เห็นไพ่โกวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก็พยักหน้าแล้วพึมพำว่า“ร้อยยี่สิบแปดเท่า เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว…”ดูจากท่าทางแล้ว ต้องคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วเป็นแน่ฉินหมิงสบตากับซ่งติ้งเซิงคราหนึ่ง คนทั้งสองล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหานหมิงรุ่ยแต่การตกปลานั้นจะต้องมีความอดทนฝีเท้าของฉินหมิงมิได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังหันศีรษะไปมองหานหมิงรุ่ยที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังด้วยหานหมิงรุ่ยก็รู้ตัวว่าพลาดไป มองเกมไพ่เบื้องล่างทีหนึ่งอย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 97

    ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหานหมิงรุ่ยขาดความซื่อสัตย์ ผู้ที่รู้ถึงการกระทำในอดีตของเขาล้วนไม่มีทางมอบหมายงานสำคัญและเป็นเพราะอาศัยผลงานทางทหารที่สั่งสมมานานหลายปี เขาถึงสามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการในหลิ่งหนานได้ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายทหาร การมีตัวตนของเขายังคงประดุจสุนัขที่ไร้ผู้เหลียวแลเมื่อเวลาผ่านไป หนังหน้าหนาของเจ้าตัวนี้จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไร้ยางอายถึงขึ้นปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเหลวแหลกเสียเลยเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แบบใดสบายใจก็ทำแบบนั้น เห็นผู้ใดไม่ถูกใจก็ชักสีหน้าก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้แต่ฉินหมิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตานี่ค่อนข้างคล้ายพวกระดับผู้นำในองค์กรต่างๆ ที่ผ่านไปนานหลายปีก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่บ้างซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า อนาคตไร้หนทางก้าวหน้าแล้วจึงคร้านที่จะเสแสร้งอีก ทำตามอำเภอใจเสียเลยเฉาชวนมองความไม่สบอารมณ์ของฉินหมิงออก จึงเป็นตัวแทนเขาเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหานหมิงรุ่ยแทน“ยากนักที่ท่านแม่ทัพหานจะมาเยือนสักครั้ง นั่งลงสนทนากันก่อนเถอะขอรับ”“คุยอะไร? ท่านอ๋อง เรื่องนี้เดิมก็เป็นพวกท่านที่ทำไม่ถูก”หานหมิงรุ่ยเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 96

    ซ่งติ้งเซิงเดินไปที่ข้างกายฉินหมิงแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ทรงไม่ต้องสอนพวกเขาดอกพ่ะย่ะค่ะ”“คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกฝีมือแก่กล้ามากประสบการณ์ หากต้องการวางแผน พวกเขาสามารถทำได้เอง ไม่แน่ว่าผลงานที่ออกมายังอาจทำได้ดีกว่าที่ทรงกำกับอีกพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้เป็นเช่นนี้”มุมปากของฉินหมิงกระตุก เดิมคิดจะเตือนพวกเขาว่าควรเล่นอย่างไรตอนนี้ดูไปคงไม่จำเป็นแล้ว“งั้นก็ไปเถอะ อีกครู่เจ้ามอบผลประโยชน์ให้พวกเขาหน่อย ให้คนปิดปากให้สนิทขึ้น”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงก็ให้พวกเขาใส่เครื่องแบบทหาร แล้วนั่งอยู่ในบริเวณที่สะดุดตารอเหยื่อมาติดกับในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงยังเรียกหลิวฉ่วงมาด้วย“เหล่าหลิว เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนในค่ายทหาร”เรื่องอื่นไม่พูดถึง หากต้องการลงไม้ลงมือแล้วล่ะก็ หลิวฉ่วงนั้นเป็นพวกสายลุยตัวจริงมีบางครั้งหากไม่ทันระวัง เขากระทั่งทุบตีคนจนตายได้เมื่อเรียกแม่ทัพผู้ดุดันคนนี้มาเข้าร่วม ฉินหมิงก็ถือว่าได้ทำประกันเพิ่มให้ตนเองอีกชั้นหลิวฉ่วงรู้จักฉินหมิงเป็นอย่างดี เห็นเขาท่าทางมีลับลมคมใน จึงบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างว่า“ท่านอ๋อง ท่านเรียกกระหม่อมมาต้องไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 95

    “สร้างกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ใช่แล้ว เจ้ากินก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยออกมา เราไปทำธุระกันสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงดื่มโจ๊กข้าวกล้องหมดภายในไม่กี่คำ สวมชุดขุนนางเสร็จ ก็สาวเท้าออกจากประตูใหญ่ทันทีฉินหมิงที่รออยู่บริเวณมุมกำแพง กระซิบเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตของหานหมิงรุ่ยแก่เขาหลังฟังจบ ซ่งติ้งเซิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนใจอย่างอดไม่ได้ เรื่องสกปรกในราชสำนักช่างมีมากมายเสียจริงเขาถูกมือไปมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า“ท่านอ๋อง กระหม่อมมีคำถามข้อหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“คำถามอะไร?”“หานหมิงรุ่ยผู้นั้น คืนเงินท่านแม่ทัพเย่แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไร้สาระ ย่อมไม่น่ะสิ เจ้าคนไร้เมียนั่นตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะหวังให้เขาคืนเงิน?”ฉินหมิงค้อนเขาทีหนึ่งโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณธรรมจริยธรรมแม้น ‘ติดหนี้ต้องชดใช้’ จะเป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ก็ยังมีอีกคำกล่าวที่ว่า ‘เหาเยอะไม่กลัวคัน’ ด้วย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นหากพวกเรายังเล่นงานเขาเช่นนี้อีก มิเท่ากับไร้คุณธรรมอย่างยิ่งหรือพ่ะย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status