Share

บทที่ 7

Author: หออักษร
“องค์ องค์ชาย...?”

ฉางไป๋ซานถึงกับตกตะลึง

นี่มันไม่เหมือนกับบทที่เขาคาดคิดไว้เลยนี่นา

ในสถานการณ์เช่นนี้ องค์ชายไม่ควรจะพลิกสถานการณ์ กอบกู้การค้าของต้าเฉียนให้พ้นจากวิกฤต เพื่อได้รับคำชื่นชมจากราษฎรและรางวัลจากราชสำนักหรอกหรือ?

“พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ”

ฉินหมิงไม่รีบร้อนเรื่องของราชสำนัก แต่เรื่องระหว่างเขากับเสี่ยวชุ่ยนั้นรีบมาก

วันนี้จะสั่งสอนแม่นางน้อยคนนี้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เหลือเพียงแค่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว

แต่ฉางไป๋ซานกลับเป็นพวกหัวรั้นอย่างแท้จริง

เขาทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบ

“องค์ชาย หากท่านไม่ยื่นมือเข้าช่วย ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าต้าเฉียนจะต้องสูญเสียเงินนับสิบล้านตำลึงนะพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินหมิงจ้องมองเขา ในตอนนี้อยากจะชกหน้าฉางไป๋ซานสักหมัดจริง ๆ

ดูเหมือนจะรู้ว่าการที่ตนเองอยู่ที่นี่ จะรบกวนการสนทนาระหว่างฉินหมิงกับฉางไป๋ซาน

เสี่ยวชุ่ยรู้สึกกลัวเล็กน้อย

นางลุกขึ้นยืนอย่างขัดขืนเล็กน้อย คิดจะถอยไปอยู่ข้าง ๆ

ฉินหมิงปล่อยมือ แล้วประคองฉางไป๋ซานให้ลุกขึ้น

“เจ้าพูดถูก ไปสืบความเคลื่อนไหวที่ท่าเรือก่อน มีสถานการณ์ใด ๆ ให้รีบแจ้งข้าทันที”

ดวงตาของฉางไป๋ซานเป็นประกายขึ้นมา

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ในที่สุดก็ส่งเขาไปได้เสียที

ฉินหมิงก็ไม่มีอารมณ์จะหยอกล้อเสี่ยวชุ่ยอีกต่อไป เขาชงชาหนึ่งกา สายตามองไปยังทิศทางของวังหลวง

ฉางไป๋ซานพูดถูก

แต่เขารีบร้อนเกินไป

ในพระราชวังยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ

ตนเองกลับหน้าด้านรีบไป แบบนี้มันคืออะไรกัน?

...

ภายในพระราชวัง ขันทีสองสามคนกำลังหามเปลหาม บนนั้นมีจ้าวสี่ที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่ ข้างหลังตามมาด้วยลู่โหย่ว

คนกลุ่มหนึ่งรีบร้อนมุ่งหน้าไปยังตำหนักไท่เหอ

หลังจากเลิกประชุมราชสำนักในวันนี้ ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงหารือราชการแผ่นดินกับเหล่าขุนนางที่นี่มาโดยตลอด

แต่บัดนี้ ทั้งตำหนักไท่เหอกลับเงียบสงัดอย่างยิ่ง จนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตก

เกิดภาพเช่นนี้ขึ้น ก็เพราะข่าวที่เพิ่งส่งมาจากท่าเรือเมื่อครู่

จ้าวสี่เข้ารับตำแหน่งวันแรกก็เจรจาการค้าล่มพังไม่เป็นท่า!

อีกฝ่ายยื่นคำขาดมาแล้วว่าต้องการคำอธิบาย ส่วนตัวเขาเองก็ถูกตีจนบาดเจ็บสาหัส!

เมื่อฮ่องเต้เฉียนทรงได้ยินข่าวนี้ ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออย่างยิ่ง เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?

จ้าวสี่ไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรกับอีกฝ่าย เพียงแค่ไปเจรจาการค้าขาย ก็ถูกตีจนสลบไสลไม่ได้สติ แถมยังถูกโยนทิ้งไว้ที่ประตูทิศใต้ของเมืองหลวงอีก!

ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!

เฉินซื่อเม่าที่อยู่เบื้องล่างสายตาวูบไหว ดูเหมือนจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว

แต่เมื่อมองสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียน ท้ายที่สุดเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก

อย่างไรเสีย รอจนกระทั่งคนถูกพามาถึง แน่นอนว่าเรื่องราวก็ย่อมกระจ่างเอง

“ฝ่าบาท พาคนมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ไม่นานนัก ขันทีน้อยสองสามคนก็หามจ้าวสี่มา พร้อมกับพาตัวลู่โหย่วมาอยู่ต่อหน้าทุกคน

“ปลุกมันขึ้นมา!”

ความพิโรธที่ฮ่องเต้เฉียนทรงสะสมมานานกว่าหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ได้ระบายออกมา

ถึงกับไม่สนพระทัยอาการบาดเจ็บของจ้าวสี่ ให้คนปลุกเขาขึ้นมาก่อน

ขันทีน้อยสองสามคนหาน้ำชามาสองสามถ้วย สาดไปบนใบหน้าของจ้าวสี่

แต่เจ้าหมอนี่ก็ไม่รู้ว่าโดนซ้อมมาอย่างไร อาการบาดเจ็บหนักหนาสาหัสยิ่งนัก

ทำอยู่นานก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น

“ฝ่าบาท ปลุกไม่ตื่นพ่ะย่ะค่ะ...”

คนสองสามคนมองไปยังฮ่องเต้เฉียนอย่างลังเล

ฮ่องเต้เฉียนทรงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นสายพระเนตรก็จับจ้องไปที่ร่างของลู่โหย่ว

“ลู่โหย่ว! เจ้าในฐานะขุนนางผู้ดูแลการขนส่งทางน้ำ น่าจะรู้สถานการณ์ในตอนนั้นใช่หรือไม่!”

ลู่โหย่วลังเลเล็กน้อย

แม้ว่าเขาจะรับราชการอยู่บริเวณรอบ ๆ เมืองหลวง แต่จำนวนครั้งที่ได้เข้าวังนั้นค่อนข้างน้อย

โอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าต่อหน้าพระพักตร์ ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่

ครั้งล่าสุดที่ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้เฉียน ดูเหมือนจะเป็นเมื่อเก้าปีก่อน ตอนที่ตนเองเพิ่งจะสอบผ่านการสอบขุนนาง

เมื่อได้เข้าเฝ้าอีกครั้ง ก็ย่อมรู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง

แต่ด้วยความคิดที่จะปัดความรับผิดชอบ เขาก็ยังคงเอ่ยปาก

“ฝ่าบาท เช้าวันนี้ใต้เท้าจ้าวได้ไปเปลี่ยนราคาสินค้า เพิ่มราคาสินค้าหลายอย่างขึ้นเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

“ว่ากระไรนะ? เจ้าเดรัจฉานนี่!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงพิโรธจนแทบหมดสติ

แต่แล้วก็ทรงนึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ทันที

“เจ้าไม่ได้ห้ามเขาหรือ?”

“กระหม่อมได้ตักเตือนใต้เท้าจ้าวแล้ว แต่เขาไม่ฟัง สุดท้ายยังถูกเขาให้คนมาคุมตัวไปอีกพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา

ไม่ต้องเดาให้มากความ ทุกคนก็รู้แล้วว่าเหตุใดจ้าวสี่ถึงได้กลายเป็นเช่นนี้

ก็ไม่พ้นเรื่องที่แอบขึ้นราคาถูกจับได้ จึงโดนสั่งสอนไปครั้งหนึ่ง

“ฝ่าบาท แผนการในตอนนี้คือต้องทำให้กองคาราวานสินค้าหนานหยางสงบลงก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

สำหรับจ้าวสี่นั้น เฉินซื่อเม่าไม่ได้คาดหวังอะไรมากอยู่แล้ว

แต่กองคาราวานสินค้าหนานหยางพวกเขาจะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด

ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงทราบเหตุผลข้อนี้ดี

“อัครมหาเสนาบดีคิดว่า เรื่องนี้ควรจะแก้ไขอย่างไรดี?”

“ยอมรับความผิด ให้เงินชดเชยด้านภาษีบางส่วน จากนั้นก็จัดคนไปเจรจาการค้ากับพวกเขาใหม่พ่ะย่ะค่ะ”

สิ่งที่เฉินซื่อเม่าพูดคือวิธีที่ปกติที่สุด และก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในตอนนี้แล้ว

เหล่าอัครมหาเสนาบดีหกกรมและขุนนางคนสำคัญสองสามคนในราชสำนัก ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่เบื้องล่าง

“พูดน่ะง่าย ตอนนี้จะยังหาใครไปได้อีก?”

“จ้าวสี่นี่ช่างทำเรื่องอะไรก็ไม่สำเร็จ มีแต่จะทำให้เสียเรื่องโดยแท้! ฝ่าบาท มิสู้ประหารชีวิตจ้าวสี่เสียก่อน เพื่อระงับความโกรธของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง!”

...

“พอได้แล้ว!”

ฮ่องเต้เฉียนฟังพวกเขาพูดจาไร้สาระไม่ได้ความสักประโยคเดียว แต่กลับยังคงรบกวนจิตใจของพระองค์อยู่เบื้องล่าง ชั่วขณะหนึ่ง ก็ยิ่งรู้สึกสับสนวุ่นวายพระทัยมากขึ้น

“อัครมหาเสนาบดี เจ้าไปหาคนมาสักคน! รีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้น!”

ในใจของเฉินซื่อเม่าสั่นไหว แต่เขากลับส่ายหน้าเล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้น

“ฝ่าบาท กระหม่อมหาไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นเจ้ายังจะบอกให้หาคนมาจัดการอีกหรือ? จัดการอะไร?”

ฮ่องเต้เฉียนรู้สึกว่าตนเองถูกล้อเล่น ก็เตรียมจะพิโรธในทันที

เฉินซื่อเม่ารีบลุกขึ้นยืน กล่าวอย่างนอบน้อม

“ฝ่าบาท คนผู้นี้มีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่สามารถเรียกมาได้”

“เรา... เจ้าหมายถึงเจ้าเด็กนั่นหรือ?”

ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้เฉียนหรือเหล่าขุนนางที่อยู่ในที่นั้น ต่างก็เข้าใจแล้วว่าเขาหมายถึงใคร

แน่นอนว่าย่อมเป็นอดีตรัชทายาท ฉินอ๋ององค์ปัจจุบัน

แต่สถานะของฉินหมิงนั้นอ่อนไหวเกินไป

เพิ่งจะแตกหักกับฮ่องเต้เฉียนไป ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก

ฮ่องเต้เฉียนยังทรงยุบสามหน่วยพิทักษ์ของฉินหมิง และงดเบี้ยหวัดไปหลายปี

ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกลับต้องหน้าด้านไปหาเขา

อย่าว่าแต่ฮ่องเต้เฉียนจะทำไม่ได้เลย แม้แต่เหล่าขุนนางที่อยู่ในที่นั้นก็ทำไม่ได้เช่นกัน

“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เราเคยพูดแล้วว่า ราชสำนักไม่มีเขา ก็ยังคงสามารถจัดการเรื่องนี้ได้!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงตบโต๊ะ ตวาดลั่นอย่างเกรี้ยวกราด

แม้ว่าจะไม่มีใครโต้เถียงกับพระองค์

แต่พระองค์กลับเหมือนกำลังพยายามปกปิดความรู้สึกผิดของตนเอง โดยเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังทะเลาะกัน

เฉินซื่อเม่าทนไม่ไหวแล้ว

“ฝ่าบาท นี่คือการค้าขายมูลค่าหลายสิบล้านตำลึงเงินในอนาคตนะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดไตร่ตรองให้ดี”

“กระหม่อมเห็นว่า นอกจากองค์ชายแล้ว ใครไปก็ไม่มีประโยชน์”

“ทั่วทั้งราชสำนัก คนที่สามารถทำให้กองคาราวานสินค้าหนานหยางเชื่อใจได้ มีเพียงฉินอ๋องเท่านั้น”

นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เฉินซื่อเม่ากล้าขัดพระทัยฮ่องเต้เฉียน

เขาเคยดำรงตำแหน่งสหายร่วมเรียนขององค์รัชทายาท และต่อมาก็เป็นผู้ช่วยองค์รัชทายาท

เป็นคนที่เห็นฉินหมิงเติบโตมาด้วยตาของตนเอง

ย่อมรู้ว่าความสามารถของเขานั้น หาที่เปรียบมิได้ในใต้หล้า

น่าเสียดาย ผู้มีความสามารถเช่นนี้ กลับถูกเสด็จพ่อผู้นี้ ทำลายอนาคตหมดสิ้น

ในตอนที่เห็นฉินหมิงออกจากพระราชวังไปนั้น หัวใจของเฉินซื่อเม่าก็เจ็บปวดราวกับมีเลือดไหล

เช่นเดียวกับเฉียนไฉ เขาก็อยากจะแสดงความไม่พอใจของตนต่อฮ่องเต้เฉียนเช่นกัน

ดังนั้นวันนี้จึงอาศัยโอกาสนี้ กล่าววาจารุนแรงไปสักสองสามประโยค

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนมืดมนราวกับบ่อน้ำดำ

ไม่รู้ว่าเหตุใด พระองค์กลับรู้สึกว่าใบหน้าของตนร้อนผ่าว ในใจรู้สึกพลุ่งพล่านอย่างยิ่ง

หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดฮ่องเต้เฉียนก็ทรงเอ่ยปาก

“ให้เขาเข้าวัง”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 100

    “กระไรนะ?!”เมื่อเว่ยกว่างซวินลองคิดดู ก็พบว่ามีความเป็นไปได้นี้จริงๆเดิมหานหมิงรุ่ยก็ถูกปลดลงมาจากราชสำนักจะรู้จักฉินอ๋องก็ไม่แปลกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!ซุนเฉิงคาดเดาต่อไปว่า“ท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งก่อนตอนที่ฉินอ๋องพบว่าพวกเราหาคนมาช่วย ก็ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย”“ใช่แล้ว ที่แท้พวกเขารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วนี่เอง”ภายในใจของเว่ยกว่างซวินเย็นยะเยียบขึ้นมาดูท่ามีแต่พวกเขาสองพี่น้อง ที่ถูกปั่นหัวอยู่เล่นอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่น“เรื่องนี้อย่าได้พูดถึงอีก วันหลังพวกเราให้ถือเสียว่าไม่เคยเสียเปรียบเพราะฉินอ๋องแล้วกัน”เว่ยกว่างซวินได้วิธีการรับมืออย่างรวดเร็วซุนเฉิงก็พยักหนักอย่างหนักเช่นกันอย่างรวดเร็ว ความไม่พอใจแต่เดิมที่มีต่อฉินหมิงก็ถูกพวกเขาเก็บซ่อนไปเป็นอย่างดีภายหลังจากจินตนาการเรื่องราวออกมามากมาย พวกเขาสองคนก็รีบตามไปอย่างว่าง่ายมิได้สร้างปัญหาใดอีก…… ในฐานะผู้ที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉินหมิงนั้นไม่รู้ว่าซุนเฉิงและเว่ยกว่างซวินพูดคุยสิ่งใดกันเพียงพบว่าหลังพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต่างมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานราวดอกไม้บนใบหน้าก็ไม่พบร่องรอยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 99

    หานหมิงรุ่ยเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นดังนั้นคำพูดของเขา ย่อมแสดงถึงท่าทีของทางการฉินหมิงจึงมิได้ถกเถียงกับเขา แต่กล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับเป็นข้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว”“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีเจตนาดี เพียงแต่บรรดาทหารในกองทัพก็ต้องการความสมดุลระหว่างหน้าที่และการพักผ่อนเช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”เพราะอยากเล่นพนัน ท่าทีในการพูดจาของหานหมิงรุ่ยต่อฉินหมิงในยามนี้จึงดีขึ้นไม่น้อย“เช่นเดียวกันกับกระหม่อม ยามปกติก็ชอบเล่นตาสองตา การพนันเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มพูนความสุขและความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”หานหมิงรุ่ยมิได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นยามเกิดเรื่องในตอนนั้น ผู้ที่รู้จึงมีไม่มากยกตัวอย่างเช่นพวกเฉาชวน คนเหล่านี้ล้วนไม่รู้เลยโชคดีที่ครอบครัวของกวนเยว่กับเยว่โส่วเจียงเป็นเพื่อนเก่ากันมานานปกติแล้ว เมื่อแม่ทัพระดับสูงอย่างพวกเขาพูดคุยกันในยามว่าง ถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมาด้วยเหตุนี้ จนถึงตอนนี้หานหมิงรุ่ยจึงยังคงคิดว่า เรื่องของตนนั้นที่นี่น่าจะมีคนรู้ไม่มากดังนั้นต่อหน้าพวกฉินหมิง ตนจึงสามารถแสร้งแสดงเป็นผู้ทรงคุณธรรมไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 98

    พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร ปลอมตัวเป็นทหารที่กำลังพักผ่อนเล่นไพ่โกวกันอยู่ที่นี่เมื่อเห็นฉินหมิงเดินเข้ามา เหล่ามืออาชีพที่กำลังนั่งไข้วขาอยู่บนพื้นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก“ย๊าก! กิน!”“เพิ่มร้อยยี่สิบแปดเท่า! จ่ายเงินมา!”หานหมิงรุ่ยชะงักเท้าลงจริงๆ สายตาเหลือบมองไปที่การเรียงไพ่ด้านล่างอย่างอดไม่ได้ฉินหมิงไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเล่นของเจ้าสิ่งนี้นักรู้เพียงว่าไพ่โกวของต้าเฉียน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไพ่นกกระจอก ปกติเป็นแผ่นไม้ เพียงแต่รูปร่างจะแบนกว่ายาวกว่าในขณะที่กำลังกังวลว่าพวกเขาจะแสดงมากเกินไปจนโป๊ะแตกหานหมิงรุ่ยซึ่งเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็เห็นไพ่โกวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก็พยักหน้าแล้วพึมพำว่า“ร้อยยี่สิบแปดเท่า เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว…”ดูจากท่าทางแล้ว ต้องคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วเป็นแน่ฉินหมิงสบตากับซ่งติ้งเซิงคราหนึ่ง คนทั้งสองล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหานหมิงรุ่ยแต่การตกปลานั้นจะต้องมีความอดทนฝีเท้าของฉินหมิงมิได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังหันศีรษะไปมองหานหมิงรุ่ยที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังด้วยหานหมิงรุ่ยก็รู้ตัวว่าพลาดไป มองเกมไพ่เบื้องล่างทีหนึ่งอย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 97

    ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหานหมิงรุ่ยขาดความซื่อสัตย์ ผู้ที่รู้ถึงการกระทำในอดีตของเขาล้วนไม่มีทางมอบหมายงานสำคัญและเป็นเพราะอาศัยผลงานทางทหารที่สั่งสมมานานหลายปี เขาถึงสามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการในหลิ่งหนานได้ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายทหาร การมีตัวตนของเขายังคงประดุจสุนัขที่ไร้ผู้เหลียวแลเมื่อเวลาผ่านไป หนังหน้าหนาของเจ้าตัวนี้จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไร้ยางอายถึงขึ้นปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเหลวแหลกเสียเลยเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แบบใดสบายใจก็ทำแบบนั้น เห็นผู้ใดไม่ถูกใจก็ชักสีหน้าก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้แต่ฉินหมิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตานี่ค่อนข้างคล้ายพวกระดับผู้นำในองค์กรต่างๆ ที่ผ่านไปนานหลายปีก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่บ้างซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า อนาคตไร้หนทางก้าวหน้าแล้วจึงคร้านที่จะเสแสร้งอีก ทำตามอำเภอใจเสียเลยเฉาชวนมองความไม่สบอารมณ์ของฉินหมิงออก จึงเป็นตัวแทนเขาเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหานหมิงรุ่ยแทน“ยากนักที่ท่านแม่ทัพหานจะมาเยือนสักครั้ง นั่งลงสนทนากันก่อนเถอะขอรับ”“คุยอะไร? ท่านอ๋อง เรื่องนี้เดิมก็เป็นพวกท่านที่ทำไม่ถูก”หานหมิงรุ่ยเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 96

    ซ่งติ้งเซิงเดินไปที่ข้างกายฉินหมิงแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ทรงไม่ต้องสอนพวกเขาดอกพ่ะย่ะค่ะ”“คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกฝีมือแก่กล้ามากประสบการณ์ หากต้องการวางแผน พวกเขาสามารถทำได้เอง ไม่แน่ว่าผลงานที่ออกมายังอาจทำได้ดีกว่าที่ทรงกำกับอีกพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้เป็นเช่นนี้”มุมปากของฉินหมิงกระตุก เดิมคิดจะเตือนพวกเขาว่าควรเล่นอย่างไรตอนนี้ดูไปคงไม่จำเป็นแล้ว“งั้นก็ไปเถอะ อีกครู่เจ้ามอบผลประโยชน์ให้พวกเขาหน่อย ให้คนปิดปากให้สนิทขึ้น”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงก็ให้พวกเขาใส่เครื่องแบบทหาร แล้วนั่งอยู่ในบริเวณที่สะดุดตารอเหยื่อมาติดกับในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงยังเรียกหลิวฉ่วงมาด้วย“เหล่าหลิว เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนในค่ายทหาร”เรื่องอื่นไม่พูดถึง หากต้องการลงไม้ลงมือแล้วล่ะก็ หลิวฉ่วงนั้นเป็นพวกสายลุยตัวจริงมีบางครั้งหากไม่ทันระวัง เขากระทั่งทุบตีคนจนตายได้เมื่อเรียกแม่ทัพผู้ดุดันคนนี้มาเข้าร่วม ฉินหมิงก็ถือว่าได้ทำประกันเพิ่มให้ตนเองอีกชั้นหลิวฉ่วงรู้จักฉินหมิงเป็นอย่างดี เห็นเขาท่าทางมีลับลมคมใน จึงบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างว่า“ท่านอ๋อง ท่านเรียกกระหม่อมมาต้องไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 95

    “สร้างกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ใช่แล้ว เจ้ากินก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยออกมา เราไปทำธุระกันสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงดื่มโจ๊กข้าวกล้องหมดภายในไม่กี่คำ สวมชุดขุนนางเสร็จ ก็สาวเท้าออกจากประตูใหญ่ทันทีฉินหมิงที่รออยู่บริเวณมุมกำแพง กระซิบเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตของหานหมิงรุ่ยแก่เขาหลังฟังจบ ซ่งติ้งเซิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนใจอย่างอดไม่ได้ เรื่องสกปรกในราชสำนักช่างมีมากมายเสียจริงเขาถูกมือไปมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า“ท่านอ๋อง กระหม่อมมีคำถามข้อหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“คำถามอะไร?”“หานหมิงรุ่ยผู้นั้น คืนเงินท่านแม่ทัพเย่แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไร้สาระ ย่อมไม่น่ะสิ เจ้าคนไร้เมียนั่นตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะหวังให้เขาคืนเงิน?”ฉินหมิงค้อนเขาทีหนึ่งโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณธรรมจริยธรรมแม้น ‘ติดหนี้ต้องชดใช้’ จะเป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ก็ยังมีอีกคำกล่าวที่ว่า ‘เหาเยอะไม่กลัวคัน’ ด้วย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นหากพวกเรายังเล่นงานเขาเช่นนี้อีก มิเท่ากับไร้คุณธรรมอย่างยิ่งหรือพ่ะย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status