Share

บทที่ 7

Author: หออักษร
“องค์ องค์ชาย...?”

ฉางไป๋ซานถึงกับตกตะลึง

นี่มันไม่เหมือนกับบทที่เขาคาดคิดไว้เลยนี่นา

ในสถานการณ์เช่นนี้ องค์ชายไม่ควรจะพลิกสถานการณ์ กอบกู้การค้าของต้าเฉียนให้พ้นจากวิกฤต เพื่อได้รับคำชื่นชมจากราษฎรและรางวัลจากราชสำนักหรอกหรือ?

“พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ”

ฉินหมิงไม่รีบร้อนเรื่องของราชสำนัก แต่เรื่องระหว่างเขากับเสี่ยวชุ่ยนั้นรีบมาก

วันนี้จะสั่งสอนแม่นางน้อยคนนี้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เหลือเพียงแค่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว

แต่ฉางไป๋ซานกลับเป็นพวกหัวรั้นอย่างแท้จริง

เขาทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบ

“องค์ชาย หากท่านไม่ยื่นมือเข้าช่วย ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าต้าเฉียนจะต้องสูญเสียเงินนับสิบล้านตำลึงนะพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินหมิงจ้องมองเขา ในตอนนี้อยากจะชกหน้าฉางไป๋ซานสักหมัดจริง ๆ

ดูเหมือนจะรู้ว่าการที่ตนเองอยู่ที่นี่ จะรบกวนการสนทนาระหว่างฉินหมิงกับฉางไป๋ซาน

เสี่ยวชุ่ยรู้สึกกลัวเล็กน้อย

นางลุกขึ้นยืนอย่างขัดขืนเล็กน้อย คิดจะถอยไปอยู่ข้าง ๆ

ฉินหมิงปล่อยมือ แล้วประคองฉางไป๋ซานให้ลุกขึ้น

“เจ้าพูดถูก ไปสืบความเคลื่อนไหวที่ท่าเรือก่อน มีสถานการณ์ใด ๆ ให้รีบแจ้งข้าทันที”

ดวงตาของฉางไป๋ซานเป็นประกายขึ้นมา

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ในที่สุดก็ส่งเขาไปได้เสียที

ฉินหมิงก็ไม่มีอารมณ์จะหยอกล้อเสี่ยวชุ่ยอีกต่อไป เขาชงชาหนึ่งกา สายตามองไปยังทิศทางของวังหลวง

ฉางไป๋ซานพูดถูก

แต่เขารีบร้อนเกินไป

ในพระราชวังยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ

ตนเองกลับหน้าด้านรีบไป แบบนี้มันคืออะไรกัน?

...

ภายในพระราชวัง ขันทีสองสามคนกำลังหามเปลหาม บนนั้นมีจ้าวสี่ที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่ ข้างหลังตามมาด้วยลู่โหย่ว

คนกลุ่มหนึ่งรีบร้อนมุ่งหน้าไปยังตำหนักไท่เหอ

หลังจากเลิกประชุมราชสำนักในวันนี้ ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงหารือราชการแผ่นดินกับเหล่าขุนนางที่นี่มาโดยตลอด

แต่บัดนี้ ทั้งตำหนักไท่เหอกลับเงียบสงัดอย่างยิ่ง จนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตก

เกิดภาพเช่นนี้ขึ้น ก็เพราะข่าวที่เพิ่งส่งมาจากท่าเรือเมื่อครู่

จ้าวสี่เข้ารับตำแหน่งวันแรกก็เจรจาการค้าล่มพังไม่เป็นท่า!

อีกฝ่ายยื่นคำขาดมาแล้วว่าต้องการคำอธิบาย ส่วนตัวเขาเองก็ถูกตีจนบาดเจ็บสาหัส!

เมื่อฮ่องเต้เฉียนทรงได้ยินข่าวนี้ ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออย่างยิ่ง เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?

จ้าวสี่ไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรกับอีกฝ่าย เพียงแค่ไปเจรจาการค้าขาย ก็ถูกตีจนสลบไสลไม่ได้สติ แถมยังถูกโยนทิ้งไว้ที่ประตูทิศใต้ของเมืองหลวงอีก!

ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!

เฉินซื่อเม่าที่อยู่เบื้องล่างสายตาวูบไหว ดูเหมือนจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว

แต่เมื่อมองสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียน ท้ายที่สุดเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก

อย่างไรเสีย รอจนกระทั่งคนถูกพามาถึง แน่นอนว่าเรื่องราวก็ย่อมกระจ่างเอง

“ฝ่าบาท พาคนมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ไม่นานนัก ขันทีน้อยสองสามคนก็หามจ้าวสี่มา พร้อมกับพาตัวลู่โหย่วมาอยู่ต่อหน้าทุกคน

“ปลุกมันขึ้นมา!”

ความพิโรธที่ฮ่องเต้เฉียนทรงสะสมมานานกว่าหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ได้ระบายออกมา

ถึงกับไม่สนพระทัยอาการบาดเจ็บของจ้าวสี่ ให้คนปลุกเขาขึ้นมาก่อน

ขันทีน้อยสองสามคนหาน้ำชามาสองสามถ้วย สาดไปบนใบหน้าของจ้าวสี่

แต่เจ้าหมอนี่ก็ไม่รู้ว่าโดนซ้อมมาอย่างไร อาการบาดเจ็บหนักหนาสาหัสยิ่งนัก

ทำอยู่นานก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น

“ฝ่าบาท ปลุกไม่ตื่นพ่ะย่ะค่ะ...”

คนสองสามคนมองไปยังฮ่องเต้เฉียนอย่างลังเล

ฮ่องเต้เฉียนทรงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นสายพระเนตรก็จับจ้องไปที่ร่างของลู่โหย่ว

“ลู่โหย่ว! เจ้าในฐานะขุนนางผู้ดูแลการขนส่งทางน้ำ น่าจะรู้สถานการณ์ในตอนนั้นใช่หรือไม่!”

ลู่โหย่วลังเลเล็กน้อย

แม้ว่าเขาจะรับราชการอยู่บริเวณรอบ ๆ เมืองหลวง แต่จำนวนครั้งที่ได้เข้าวังนั้นค่อนข้างน้อย

โอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าต่อหน้าพระพักตร์ ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่

ครั้งล่าสุดที่ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้เฉียน ดูเหมือนจะเป็นเมื่อเก้าปีก่อน ตอนที่ตนเองเพิ่งจะสอบผ่านการสอบขุนนาง

เมื่อได้เข้าเฝ้าอีกครั้ง ก็ย่อมรู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง

แต่ด้วยความคิดที่จะปัดความรับผิดชอบ เขาก็ยังคงเอ่ยปาก

“ฝ่าบาท เช้าวันนี้ใต้เท้าจ้าวได้ไปเปลี่ยนราคาสินค้า เพิ่มราคาสินค้าหลายอย่างขึ้นเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

“ว่ากระไรนะ? เจ้าเดรัจฉานนี่!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงพิโรธจนแทบหมดสติ

แต่แล้วก็ทรงนึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ทันที

“เจ้าไม่ได้ห้ามเขาหรือ?”

“กระหม่อมได้ตักเตือนใต้เท้าจ้าวแล้ว แต่เขาไม่ฟัง สุดท้ายยังถูกเขาให้คนมาคุมตัวไปอีกพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา

ไม่ต้องเดาให้มากความ ทุกคนก็รู้แล้วว่าเหตุใดจ้าวสี่ถึงได้กลายเป็นเช่นนี้

ก็ไม่พ้นเรื่องที่แอบขึ้นราคาถูกจับได้ จึงโดนสั่งสอนไปครั้งหนึ่ง

“ฝ่าบาท แผนการในตอนนี้คือต้องทำให้กองคาราวานสินค้าหนานหยางสงบลงก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

สำหรับจ้าวสี่นั้น เฉินซื่อเม่าไม่ได้คาดหวังอะไรมากอยู่แล้ว

แต่กองคาราวานสินค้าหนานหยางพวกเขาจะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด

ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงทราบเหตุผลข้อนี้ดี

“อัครมหาเสนาบดีคิดว่า เรื่องนี้ควรจะแก้ไขอย่างไรดี?”

“ยอมรับความผิด ให้เงินชดเชยด้านภาษีบางส่วน จากนั้นก็จัดคนไปเจรจาการค้ากับพวกเขาใหม่พ่ะย่ะค่ะ”

สิ่งที่เฉินซื่อเม่าพูดคือวิธีที่ปกติที่สุด และก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในตอนนี้แล้ว

เหล่าอัครมหาเสนาบดีหกกรมและขุนนางคนสำคัญสองสามคนในราชสำนัก ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่เบื้องล่าง

“พูดน่ะง่าย ตอนนี้จะยังหาใครไปได้อีก?”

“จ้าวสี่นี่ช่างทำเรื่องอะไรก็ไม่สำเร็จ มีแต่จะทำให้เสียเรื่องโดยแท้! ฝ่าบาท มิสู้ประหารชีวิตจ้าวสี่เสียก่อน เพื่อระงับความโกรธของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง!”

...

“พอได้แล้ว!”

ฮ่องเต้เฉียนฟังพวกเขาพูดจาไร้สาระไม่ได้ความสักประโยคเดียว แต่กลับยังคงรบกวนจิตใจของพระองค์อยู่เบื้องล่าง ชั่วขณะหนึ่ง ก็ยิ่งรู้สึกสับสนวุ่นวายพระทัยมากขึ้น

“อัครมหาเสนาบดี เจ้าไปหาคนมาสักคน! รีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้น!”

ในใจของเฉินซื่อเม่าสั่นไหว แต่เขากลับส่ายหน้าเล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้น

“ฝ่าบาท กระหม่อมหาไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นเจ้ายังจะบอกให้หาคนมาจัดการอีกหรือ? จัดการอะไร?”

ฮ่องเต้เฉียนรู้สึกว่าตนเองถูกล้อเล่น ก็เตรียมจะพิโรธในทันที

เฉินซื่อเม่ารีบลุกขึ้นยืน กล่าวอย่างนอบน้อม

“ฝ่าบาท คนผู้นี้มีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่สามารถเรียกมาได้”

“เรา... เจ้าหมายถึงเจ้าเด็กนั่นหรือ?”

ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้เฉียนหรือเหล่าขุนนางที่อยู่ในที่นั้น ต่างก็เข้าใจแล้วว่าเขาหมายถึงใคร

แน่นอนว่าย่อมเป็นอดีตรัชทายาท ฉินอ๋ององค์ปัจจุบัน

แต่สถานะของฉินหมิงนั้นอ่อนไหวเกินไป

เพิ่งจะแตกหักกับฮ่องเต้เฉียนไป ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก

ฮ่องเต้เฉียนยังทรงยุบสามหน่วยพิทักษ์ของฉินหมิง และงดเบี้ยหวัดไปหลายปี

ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกลับต้องหน้าด้านไปหาเขา

อย่าว่าแต่ฮ่องเต้เฉียนจะทำไม่ได้เลย แม้แต่เหล่าขุนนางที่อยู่ในที่นั้นก็ทำไม่ได้เช่นกัน

“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เราเคยพูดแล้วว่า ราชสำนักไม่มีเขา ก็ยังคงสามารถจัดการเรื่องนี้ได้!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงตบโต๊ะ ตวาดลั่นอย่างเกรี้ยวกราด

แม้ว่าจะไม่มีใครโต้เถียงกับพระองค์

แต่พระองค์กลับเหมือนกำลังพยายามปกปิดความรู้สึกผิดของตนเอง โดยเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังทะเลาะกัน

เฉินซื่อเม่าทนไม่ไหวแล้ว

“ฝ่าบาท นี่คือการค้าขายมูลค่าหลายสิบล้านตำลึงเงินในอนาคตนะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดไตร่ตรองให้ดี”

“กระหม่อมเห็นว่า นอกจากองค์ชายแล้ว ใครไปก็ไม่มีประโยชน์”

“ทั่วทั้งราชสำนัก คนที่สามารถทำให้กองคาราวานสินค้าหนานหยางเชื่อใจได้ มีเพียงฉินอ๋องเท่านั้น”

นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เฉินซื่อเม่ากล้าขัดพระทัยฮ่องเต้เฉียน

เขาเคยดำรงตำแหน่งสหายร่วมเรียนขององค์รัชทายาท และต่อมาก็เป็นผู้ช่วยองค์รัชทายาท

เป็นคนที่เห็นฉินหมิงเติบโตมาด้วยตาของตนเอง

ย่อมรู้ว่าความสามารถของเขานั้น หาที่เปรียบมิได้ในใต้หล้า

น่าเสียดาย ผู้มีความสามารถเช่นนี้ กลับถูกเสด็จพ่อผู้นี้ ทำลายอนาคตหมดสิ้น

ในตอนที่เห็นฉินหมิงออกจากพระราชวังไปนั้น หัวใจของเฉินซื่อเม่าก็เจ็บปวดราวกับมีเลือดไหล

เช่นเดียวกับเฉียนไฉ เขาก็อยากจะแสดงความไม่พอใจของตนต่อฮ่องเต้เฉียนเช่นกัน

ดังนั้นวันนี้จึงอาศัยโอกาสนี้ กล่าววาจารุนแรงไปสักสองสามประโยค

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนมืดมนราวกับบ่อน้ำดำ

ไม่รู้ว่าเหตุใด พระองค์กลับรู้สึกว่าใบหน้าของตนร้อนผ่าว ในใจรู้สึกพลุ่งพล่านอย่างยิ่ง

หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดฮ่องเต้เฉียนก็ทรงเอ่ยปาก

“ให้เขาเข้าวัง”
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 426

    “ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็รายงานขึ้นไปเถิด แต่ค่ายทหารในมือข้าไม่มีทางมอบให้ราชสำนักเด็ดขาด”คำพูดของพวกเขา อันที่จริงฉินหมิงคาดการณ์ได้นานแล้วแต่ค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงเป็นคนสร้างขึ้นมากับมือไม่ว่าจะเป็นโรงช่าง โรงทอผ้า ร้านขายผ้า หรือโรงผลิตเกลือ ต่างก็เป็นของเขาทั้งสิ้น“ท่านอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เหรินโซ่วผู้อยู่ด้านข้างเพิ่งได้ยินฉินหมิงกล่าวตอบ ก็คัดค้านขึ้นทันทีแต่ฟู่เจิ้งเซวียนกลับห้ามเขาไว้“ท่านอ๋อง ท่านจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่พวกกระหม่อมจะรายงานต่อราชสำนักตามความเป็นจริงพ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เจิ้งเซวียนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับฉินหมิงให้มากความที่พวกเขามาครั้งนี้ก็แค่ทำตามขั้นตอนเท่านั้นส่วนความผิดที่แท้จริงของฉินหมิงนั้น ถูกกำหนดไว้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเสียอีก“ย่อมได้”ฉินหมิงพยักหน้าเชื่องช้าระยะนี้ โรงช่างของพวกเขาเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง สามารถติดอาวุธให้ทั้งค่ายทหารได้อย่างทั่วถึงแม้แต่จำนวนปืนคาบศิลา ก็มีถึงหนึ่งพันกว่ากระบอกยาเม็ดยิ่งเตรียมไว้นับไม่ถ้วนถ้าราชสำนักมาจริงก็พร้อมสู้นับตั้งแต่ที่ฉินหมิงมาถึงโลกใบนี้ เขาก็ตระหนักดีว่า ไม่ว่ายุคใดสมัยใดควา

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 425

    อีกด้านหนึ่ง ภายในจวนของฉินหมิงหลิ่วเยว่หลีกำลังรายงานตำแหน่งของเหล่าองครักษ์เงา“ท่านอ๋อง ครั้งนี้ตรวจพบสิบกว่าคน พวกเขารวมตัวกันอยู่ที่อำเภอซี ในสังกัดเมืองเฉียนถังเพคะ”“ข้ารู้แล้ว”ฉินหมิงพยักหน้าแช่มช้า จากนั้นจึงเหน็บดาบยาวไว้ข้างเอว ก่อนขี่ม้าตรงไปที่อำเภอซีด้วยตนเองไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าครั้งนี้ ฉินหมิงจะไปกำจัดเหล่าองครักษ์เงาเพียงลำพัง!กลุ่มข่าวกรองของหลิ่วเยว่หลี เพียงระบุตำแหน่งให้เขารู้เท่านั้นการลงมือฉายเดี่ยวของฉินหมิงนั้นทั้งรวดเร็ว แม่นยำ และเด็ดขาด โดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสตั้งตัวสักนิด!ฉินหมิงมีความสามารถถึงขั้นนั้นแล้วแม้การออกกระบวนท่าต่าง ๆ จะยังไม่ชำนาญนัก แต่สิ่งที่เขาขาดในยามนี้ก็คือการฝึกฝน“หวังว่าคู่ซ้อมในวันนี้จะทำให้ข้าพอใจก็แล้วกัน”ขณะนั่งอยู่บนหลังม้า ฉินหมิงก็พึมพำกับตนเองอาศัยพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ฉินหมิงย่อมต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างสูสีแม้จะมีเพียงตัวคนเดียว แต่เขาก็สามารถสังหารหมู่กลุ่มคนขนาดเล็กของฝ่ายตรงข้ามได้ถึงสิบกว่ากลุ่มเขาลงมือเพียงลำพัง ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือต่อให้พบเห็น พวกเขาก็คงไม่คิดว่าฉินหมิงผู้ควบม้าอยู่ด้านนอกเพียงลำพ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 424

    พวกเขาล้วนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักเดิมทีฟางชิงหย่วนก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่หลังถูกลดตำแหน่งมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีอำนาจเหมือนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งใหญ่อีกต่อไปย่อมทำให้บรรดาเพื่อนขุนนางที่เคยร่วมงานกัน คิดดูแคลนเล็กน้อยประกอบกับจุดยืนของพวกเขาในยามนี้แตกต่างกันขุนนางส่วนใหญ่ล้วนยืนอยู่ข้างเซียวซูเฟย จึงไม่คิดเปิดโอกาสให้ฉินหมิงกับฟางชิงหย่วนได้แข็งข้อส่วนหลี่เหรินโซ่วผู้เป็นถึงรองเจ้ากรมกลาโหม ด้วยความที่กรมกลาโหมมักไปเบิกเงินและเสบียงจากกรมคลังอยู่บ่อยครั้งแต่ฟางชิงหย่วนเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการจึงปฏิเสธคำขอของหลี่เหรินโซ่วเป็นประจำ ทำให้หลี่เหรินโซ่วแค้นฝังใจในเวลานี้เมื่อเห็นเขาตกต่ำ หลี่เหรินโซ่วจึงต้องเข้ามาเหยียบย่ำซ้ำเติมเป็นธรรมดาเมื่อได้ยินคำพูดดูแคลนของอีกฝ่าย บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของฉินหมิงอย่างซ่งติ้งเซิงและหลิวฉ่วง ต่างก็รู้สึกไม่พอใจฟางชิงหย่วนเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมผู้ใดโดยง่าย จึงกล่าวขึ้นทันที“ใต้เท้าหลี่ หากท่านไม่เข้าใจบัญชีของกรมกลาโหม ก็มากราบข้าเป็นอาจารย์สิ เดี๋ยวข้าสอนท่านเอง”“จะให้ข้ากราบเจ้าเป็นอาจารย์น่ะหรือ?”หลี่เหรินโซ่วเบะปากด้วยคว

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 423

    “รับบัญชาเพคะ!”หลิ่วเยว่หลีพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนหันหลังเตรียมตัวเดินจากไปนางจะนำกลุ่มองครักษ์ลับ ไปสืบหาร่องรอยขององครักษ์เงาเหล่านั้นส่วนฉินหมิง ช่วงนี้คงต้องลบล้างอิทธิพลที่เกิดจากสำนักหลัวให้ได้ก่อนรัตติกาลมาเยือน กวนเยว่ต้มชาโสมถ้วยหนึ่ง นำมาวางลงตรงหน้าฉินหมิงฉินหมิงสวมเสื้อคลุมตัวหนึ่ง นั่งรับลมฤดูใบไม้ร่วงอยู่ในศาลา“หากราชสำนักใช้เรื่องสำนักหลัวเป็นข้ออ้าง นำทัพเข้ามาในหลิ่งหนาน พวกเราจะทำอย่างไร?”กวนเยว่กังวลใจเรื่องค่ายทหารอู่เวยยิ่งนักเนื่องจากนี่คือกองทัพสำคัญที่บิดานางทิ้งไว้ให้ฉินหมิงเคยกล่าวไว้ว่า จะฟื้นฟูมันขึ้นมาใหม่บัดนี้ เขาทำได้แล้ว แต่ก็มีแรงกดดันจากราชสำนักตามมาติด ๆ เช่นกัน“กองทัพเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ราชสำนักจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ รอให้พวกเขาเคลื่อนไหวก่อนค่อยว่ากัน”“อืม”หลายวันต่อมา คณะผู้ตรวจสอบจากราชสำนักก็เดินทางมาถึงหลิ่งหนานคนที่มาในครั้งนี้คือ หัวหน้าผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายแห่งสำนักตรวจสอบ ฟู่เจิ้งเซวียนผู้ช่วยของเขาคือรองเจ้ากรมกลาโหม หลี่เหรินโซ่วนอกจากนี้ยังมีลู่เหยียนเหนียนจากกรมทหารม้า เริ่นหลิงอวิ๋นจากกรมโยธาธิการและผู้คน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 422

    ในอดีตครั้งที่เฉินซื่อเม่าอยู่ในราชสำนัก เขายังพอจะกดข่มคำพูดว่าร้ายฉินหมิงจากฝ่ายพระสนมเซียวซูเฟยได้บ้างแต่เมื่อเขาออกมาจากเมืองหลวง พระสนมเซียวซูเฟยและเหล่าขุนนางใต้สังกัดนางก็สบโอกาสลงมือพวกเขาอาศัยจังหวะนี้ เริ่มโจมตีฉินหมิงทันทีเมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนสอบถาม“แล้วศึกทางเหนือเล่า พวกเขาไม่สนใจแล้วหรือ?”“ได้ข่าวว่ายังรบกันอยู่ แต่ฝ่ายต้าเฉียนน่าจะใกล้ขอเจรจาสงบศึกสำเร็จแล้วเพคะ”“เจรจาสงบศึก!?”ฉินหมิงถึงกับตกตะลึงแม้ชนเผ่าทางเหนือจะมีกำลังรบที่แข็งแกร่ง แต่กำลังรบของต้าเฉียนก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ต้าเฉียนเป็นเพียงฝ่ายตั้งรับรอโต้กลับ แต่บัดนี้กลับคิดยอมจำนนนี่ช่างน่าอัปยศเสียจริงหากเป็นฝ่ายเริ่มขอเจรจาสงบศึก เมื่อถึงเวลาก็ต้องชดใช้ด้วยเงินมหาศาล มิหนำซ้ำอาจต้องยกดินแดนให้อีกฝ่ายต้าเฉียนก่อตั้งประเทศมาหลายชั่วอายุคน ยังไม่เคยปรากฏสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน!“จากการสืบสวนของกองเงาทมิฬ ราชสำนักคงอยากถอนตัวโดยเร็ว เพื่อมาจัดการกับท่านอ๋องเพคะ”หลิ่วเยว่หลีกล่าวถึงการคาดเดาของนางด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและนี่ก็สอดคล้องกับวิธีการทำงานของราช

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 421

    เมื่อเห็นดังนั้น ฉินหมิงก็รีบชักมือกลับทันทีเฉาชวนกับหลิวฉ่วงจึงทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น พลางหอบหายใจหนักหน่วง“สำนักหลัวช่างน่าสะพรึงกลัวโดยแท้!”ยามนี้บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงพูดตามตรง พลังลมปราณของฉินหมิงเวลานี้ หากบอกว่าเป็นอันดับสองในใต้หล้า ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าตนเป็นอันดับหนึ่งแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อมจะไปรวบรวมตำราวรยุทธ์ให้ท่านเองพ่ะย่ะค่ะ!”แม้หลิวฉ่วงจะพ่ายแพ้ให้แก่ฉินหมิง แต่เมื่อฟื้นตัวแล้ว เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งหากฉินหมิงมีพลังต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ หลังฝึกฝนวรยุทธ์ ก็สามารถขึ้นเป็นยอดแม่ทัพอีกคนหนึ่งของค่ายทหาร และเข้าร่วมสงครามได้อย่างแน่นอนและการค้าขายของพวกเขาขณะนี้ก็เป็นไปด้วยดี กิจการทุกประเภทล้วนได้รับผลกำไรมากมายกระทั่งเงินที่เคยหยิบยืมจากหอการค้าหลิ่งหนาน ก็ชดใช้คืนหมดสิ้นและเมื่อมีเงินแล้ว ก็ซื้อตำราฝึกวรยุทธ์เหล่านั้นได้ไม่มีปัญหา“จะลำบากเช่นนั้นไปไย”ฉางไป๋ซานพลันขวางเขาไว้ และโบกมือเบา ๆจากนั้นก็ชี้ไปที่หน้าผากของตนเองพลางกล่าว“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาจากที่ใด?”“ตอนแรกที่ข้าติดตามท่านอ๋องนั้น ความจริงก็เพื่อฝึ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status