Share

บทที่ 7

Penulis: หออักษร
“องค์ องค์ชาย...?”

ฉางไป๋ซานถึงกับตกตะลึง

นี่มันไม่เหมือนกับบทที่เขาคาดคิดไว้เลยนี่นา

ในสถานการณ์เช่นนี้ องค์ชายไม่ควรจะพลิกสถานการณ์ กอบกู้การค้าของต้าเฉียนให้พ้นจากวิกฤต เพื่อได้รับคำชื่นชมจากราษฎรและรางวัลจากราชสำนักหรอกหรือ?

“พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ”

ฉินหมิงไม่รีบร้อนเรื่องของราชสำนัก แต่เรื่องระหว่างเขากับเสี่ยวชุ่ยนั้นรีบมาก

วันนี้จะสั่งสอนแม่นางน้อยคนนี้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เหลือเพียงแค่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว

แต่ฉางไป๋ซานกลับเป็นพวกหัวรั้นอย่างแท้จริง

เขาทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบ

“องค์ชาย หากท่านไม่ยื่นมือเข้าช่วย ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าต้าเฉียนจะต้องสูญเสียเงินนับสิบล้านตำลึงนะพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินหมิงจ้องมองเขา ในตอนนี้อยากจะชกหน้าฉางไป๋ซานสักหมัดจริง ๆ

ดูเหมือนจะรู้ว่าการที่ตนเองอยู่ที่นี่ จะรบกวนการสนทนาระหว่างฉินหมิงกับฉางไป๋ซาน

เสี่ยวชุ่ยรู้สึกกลัวเล็กน้อย

นางลุกขึ้นยืนอย่างขัดขืนเล็กน้อย คิดจะถอยไปอยู่ข้าง ๆ

ฉินหมิงปล่อยมือ แล้วประคองฉางไป๋ซานให้ลุกขึ้น

“เจ้าพูดถูก ไปสืบความเคลื่อนไหวที่ท่าเรือก่อน มีสถานการณ์ใด ๆ ให้รีบแจ้งข้าทันที”

ดวงตาของฉางไป๋ซานเป็นประกายขึ้นมา

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ในที่สุดก็ส่งเขาไปได้เสียที

ฉินหมิงก็ไม่มีอารมณ์จะหยอกล้อเสี่ยวชุ่ยอีกต่อไป เขาชงชาหนึ่งกา สายตามองไปยังทิศทางของวังหลวง

ฉางไป๋ซานพูดถูก

แต่เขารีบร้อนเกินไป

ในพระราชวังยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ

ตนเองกลับหน้าด้านรีบไป แบบนี้มันคืออะไรกัน?

...

ภายในพระราชวัง ขันทีสองสามคนกำลังหามเปลหาม บนนั้นมีจ้าวสี่ที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่ ข้างหลังตามมาด้วยลู่โหย่ว

คนกลุ่มหนึ่งรีบร้อนมุ่งหน้าไปยังตำหนักไท่เหอ

หลังจากเลิกประชุมราชสำนักในวันนี้ ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงหารือราชการแผ่นดินกับเหล่าขุนนางที่นี่มาโดยตลอด

แต่บัดนี้ ทั้งตำหนักไท่เหอกลับเงียบสงัดอย่างยิ่ง จนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตก

เกิดภาพเช่นนี้ขึ้น ก็เพราะข่าวที่เพิ่งส่งมาจากท่าเรือเมื่อครู่

จ้าวสี่เข้ารับตำแหน่งวันแรกก็เจรจาการค้าล่มพังไม่เป็นท่า!

อีกฝ่ายยื่นคำขาดมาแล้วว่าต้องการคำอธิบาย ส่วนตัวเขาเองก็ถูกตีจนบาดเจ็บสาหัส!

เมื่อฮ่องเต้เฉียนทรงได้ยินข่าวนี้ ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออย่างยิ่ง เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?

จ้าวสี่ไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรกับอีกฝ่าย เพียงแค่ไปเจรจาการค้าขาย ก็ถูกตีจนสลบไสลไม่ได้สติ แถมยังถูกโยนทิ้งไว้ที่ประตูทิศใต้ของเมืองหลวงอีก!

ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!

เฉินซื่อเม่าที่อยู่เบื้องล่างสายตาวูบไหว ดูเหมือนจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว

แต่เมื่อมองสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียน ท้ายที่สุดเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก

อย่างไรเสีย รอจนกระทั่งคนถูกพามาถึง แน่นอนว่าเรื่องราวก็ย่อมกระจ่างเอง

“ฝ่าบาท พาคนมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ไม่นานนัก ขันทีน้อยสองสามคนก็หามจ้าวสี่มา พร้อมกับพาตัวลู่โหย่วมาอยู่ต่อหน้าทุกคน

“ปลุกมันขึ้นมา!”

ความพิโรธที่ฮ่องเต้เฉียนทรงสะสมมานานกว่าหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ได้ระบายออกมา

ถึงกับไม่สนพระทัยอาการบาดเจ็บของจ้าวสี่ ให้คนปลุกเขาขึ้นมาก่อน

ขันทีน้อยสองสามคนหาน้ำชามาสองสามถ้วย สาดไปบนใบหน้าของจ้าวสี่

แต่เจ้าหมอนี่ก็ไม่รู้ว่าโดนซ้อมมาอย่างไร อาการบาดเจ็บหนักหนาสาหัสยิ่งนัก

ทำอยู่นานก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น

“ฝ่าบาท ปลุกไม่ตื่นพ่ะย่ะค่ะ...”

คนสองสามคนมองไปยังฮ่องเต้เฉียนอย่างลังเล

ฮ่องเต้เฉียนทรงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นสายพระเนตรก็จับจ้องไปที่ร่างของลู่โหย่ว

“ลู่โหย่ว! เจ้าในฐานะขุนนางผู้ดูแลการขนส่งทางน้ำ น่าจะรู้สถานการณ์ในตอนนั้นใช่หรือไม่!”

ลู่โหย่วลังเลเล็กน้อย

แม้ว่าเขาจะรับราชการอยู่บริเวณรอบ ๆ เมืองหลวง แต่จำนวนครั้งที่ได้เข้าวังนั้นค่อนข้างน้อย

โอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าต่อหน้าพระพักตร์ ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่

ครั้งล่าสุดที่ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้เฉียน ดูเหมือนจะเป็นเมื่อเก้าปีก่อน ตอนที่ตนเองเพิ่งจะสอบผ่านการสอบขุนนาง

เมื่อได้เข้าเฝ้าอีกครั้ง ก็ย่อมรู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง

แต่ด้วยความคิดที่จะปัดความรับผิดชอบ เขาก็ยังคงเอ่ยปาก

“ฝ่าบาท เช้าวันนี้ใต้เท้าจ้าวได้ไปเปลี่ยนราคาสินค้า เพิ่มราคาสินค้าหลายอย่างขึ้นเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

“ว่ากระไรนะ? เจ้าเดรัจฉานนี่!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงพิโรธจนแทบหมดสติ

แต่แล้วก็ทรงนึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ทันที

“เจ้าไม่ได้ห้ามเขาหรือ?”

“กระหม่อมได้ตักเตือนใต้เท้าจ้าวแล้ว แต่เขาไม่ฟัง สุดท้ายยังถูกเขาให้คนมาคุมตัวไปอีกพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา

ไม่ต้องเดาให้มากความ ทุกคนก็รู้แล้วว่าเหตุใดจ้าวสี่ถึงได้กลายเป็นเช่นนี้

ก็ไม่พ้นเรื่องที่แอบขึ้นราคาถูกจับได้ จึงโดนสั่งสอนไปครั้งหนึ่ง

“ฝ่าบาท แผนการในตอนนี้คือต้องทำให้กองคาราวานสินค้าหนานหยางสงบลงก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

สำหรับจ้าวสี่นั้น เฉินซื่อเม่าไม่ได้คาดหวังอะไรมากอยู่แล้ว

แต่กองคาราวานสินค้าหนานหยางพวกเขาจะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด

ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงทราบเหตุผลข้อนี้ดี

“อัครมหาเสนาบดีคิดว่า เรื่องนี้ควรจะแก้ไขอย่างไรดี?”

“ยอมรับความผิด ให้เงินชดเชยด้านภาษีบางส่วน จากนั้นก็จัดคนไปเจรจาการค้ากับพวกเขาใหม่พ่ะย่ะค่ะ”

สิ่งที่เฉินซื่อเม่าพูดคือวิธีที่ปกติที่สุด และก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในตอนนี้แล้ว

เหล่าอัครมหาเสนาบดีหกกรมและขุนนางคนสำคัญสองสามคนในราชสำนัก ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่เบื้องล่าง

“พูดน่ะง่าย ตอนนี้จะยังหาใครไปได้อีก?”

“จ้าวสี่นี่ช่างทำเรื่องอะไรก็ไม่สำเร็จ มีแต่จะทำให้เสียเรื่องโดยแท้! ฝ่าบาท มิสู้ประหารชีวิตจ้าวสี่เสียก่อน เพื่อระงับความโกรธของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง!”

...

“พอได้แล้ว!”

ฮ่องเต้เฉียนฟังพวกเขาพูดจาไร้สาระไม่ได้ความสักประโยคเดียว แต่กลับยังคงรบกวนจิตใจของพระองค์อยู่เบื้องล่าง ชั่วขณะหนึ่ง ก็ยิ่งรู้สึกสับสนวุ่นวายพระทัยมากขึ้น

“อัครมหาเสนาบดี เจ้าไปหาคนมาสักคน! รีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้น!”

ในใจของเฉินซื่อเม่าสั่นไหว แต่เขากลับส่ายหน้าเล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้น

“ฝ่าบาท กระหม่อมหาไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นเจ้ายังจะบอกให้หาคนมาจัดการอีกหรือ? จัดการอะไร?”

ฮ่องเต้เฉียนรู้สึกว่าตนเองถูกล้อเล่น ก็เตรียมจะพิโรธในทันที

เฉินซื่อเม่ารีบลุกขึ้นยืน กล่าวอย่างนอบน้อม

“ฝ่าบาท คนผู้นี้มีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่สามารถเรียกมาได้”

“เรา... เจ้าหมายถึงเจ้าเด็กนั่นหรือ?”

ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้เฉียนหรือเหล่าขุนนางที่อยู่ในที่นั้น ต่างก็เข้าใจแล้วว่าเขาหมายถึงใคร

แน่นอนว่าย่อมเป็นอดีตรัชทายาท ฉินอ๋ององค์ปัจจุบัน

แต่สถานะของฉินหมิงนั้นอ่อนไหวเกินไป

เพิ่งจะแตกหักกับฮ่องเต้เฉียนไป ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก

ฮ่องเต้เฉียนยังทรงยุบสามหน่วยพิทักษ์ของฉินหมิง และงดเบี้ยหวัดไปหลายปี

ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกลับต้องหน้าด้านไปหาเขา

อย่าว่าแต่ฮ่องเต้เฉียนจะทำไม่ได้เลย แม้แต่เหล่าขุนนางที่อยู่ในที่นั้นก็ทำไม่ได้เช่นกัน

“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เราเคยพูดแล้วว่า ราชสำนักไม่มีเขา ก็ยังคงสามารถจัดการเรื่องนี้ได้!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงตบโต๊ะ ตวาดลั่นอย่างเกรี้ยวกราด

แม้ว่าจะไม่มีใครโต้เถียงกับพระองค์

แต่พระองค์กลับเหมือนกำลังพยายามปกปิดความรู้สึกผิดของตนเอง โดยเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังทะเลาะกัน

เฉินซื่อเม่าทนไม่ไหวแล้ว

“ฝ่าบาท นี่คือการค้าขายมูลค่าหลายสิบล้านตำลึงเงินในอนาคตนะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดไตร่ตรองให้ดี”

“กระหม่อมเห็นว่า นอกจากองค์ชายแล้ว ใครไปก็ไม่มีประโยชน์”

“ทั่วทั้งราชสำนัก คนที่สามารถทำให้กองคาราวานสินค้าหนานหยางเชื่อใจได้ มีเพียงฉินอ๋องเท่านั้น”

นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เฉินซื่อเม่ากล้าขัดพระทัยฮ่องเต้เฉียน

เขาเคยดำรงตำแหน่งสหายร่วมเรียนขององค์รัชทายาท และต่อมาก็เป็นผู้ช่วยองค์รัชทายาท

เป็นคนที่เห็นฉินหมิงเติบโตมาด้วยตาของตนเอง

ย่อมรู้ว่าความสามารถของเขานั้น หาที่เปรียบมิได้ในใต้หล้า

น่าเสียดาย ผู้มีความสามารถเช่นนี้ กลับถูกเสด็จพ่อผู้นี้ ทำลายอนาคตหมดสิ้น

ในตอนที่เห็นฉินหมิงออกจากพระราชวังไปนั้น หัวใจของเฉินซื่อเม่าก็เจ็บปวดราวกับมีเลือดไหล

เช่นเดียวกับเฉียนไฉ เขาก็อยากจะแสดงความไม่พอใจของตนต่อฮ่องเต้เฉียนเช่นกัน

ดังนั้นวันนี้จึงอาศัยโอกาสนี้ กล่าววาจารุนแรงไปสักสองสามประโยค

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนมืดมนราวกับบ่อน้ำดำ

ไม่รู้ว่าเหตุใด พระองค์กลับรู้สึกว่าใบหน้าของตนร้อนผ่าว ในใจรู้สึกพลุ่งพล่านอย่างยิ่ง

หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดฮ่องเต้เฉียนก็ทรงเอ่ยปาก

“ให้เขาเข้าวัง”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 257

    เมื่อฟังคำอธิบายของฉินหมิงจบ ฟางชิงหย่วนก็เดินไปยังป้ายบอกทางของโรงทอผ้าหลังก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่ง โรงทอผ้าก็มีพื้นที่กว้างขวางมากแล้วยามมีคนงานซึ่งไม่คุ้นเคยกับสถานที่เดินทางมาจากอำเภอต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งป้ายและแผนที่คอยนำทาง“เอาเป็นสองที่นี้ก็แล้วกัน ขนาดเท่ากันพอดี”“ส่วนจำนวนคนเดี๋ยวข้าจะจัดสรรให้พวกท่าน เชิญพวกท่านไปเลือกคนกันได้ตามสบาย”ฟางชิงหย่วนพูดเนิบนาบตามความคิดของเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรชวนให้เดือดดาลใจในเมื่อทุกคนอยากดู ก็แค่แข่งขันกันให้รู้แล้วรู้รอดไปความจริงย่อมมีน้ำหนักกว่าคำพูด เขาเชื่อมั่นในทฤษฎีของตนเองยิ่งนัก“ประเสริฐ”ฉินหมิงกับหลี่เอ้อร์หนิวต่างพยักหน้า“พวกเจ้า ไปแย่งคนมาก่อนเลย”เมื่อตกลงกันเรียบร้อย หลี่เอ้อร์หนิวก็สั่งลูกน้อง ให้เริ่มไปชิงตัวสาวชาวบ้านที่ทำงานคล่องแคล่วในโรงทอผ้ามาก่อนล่วงหน้าฉินหมิงกลับไม่ได้ทำอะไร ด้วยความที่ตนมีคนน้อยกว่าหลี่เอ้อร์หนิวถึงครึ่งหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็นำกลุ่มคนงานของตนไปเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วฉินหมิงเลือกคนมาสามกลุ่มแบบเดาสุ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทุกคนทำตามกฎระเบียบเดิม ติ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 256

    ถ้าต้องรับมือกับคนนอก ฉินหมิงย่อมเลือกใช้วิธีทางกายภาพอันรวดเร็วที่สุดเพื่อกำจัดอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลแต่คนในโรงงานเวลานี้ ล้วนแต่เป็นคนของฉินหมิงทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากให้ซ่งติ้งเซิงลงมือ ไม่เพียงแต่จะทำให้กลุ่มคนงานหมดความภักดี แม้แต่ภาพลักษณ์ก็คงเสียหายย่อยยับเช่นกัน“ท่านอ๋อง โปรดอธิบายให้พวกเราฟังแต่โดยดีเถิด มิเช่นนั้นทุกคนคงไม่เชื่อท่านแล้ว”หลี่เอ้อร์หนิวเห็นสถานการณ์พลิกผัน ก็ได้ทีรุกคืบด้วยความลำพองใจบัดนี้ทุกคนต่างกำลังรอคอยคำตอบจากฉินหมิงฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความจนปัญญาว่า“หลี่เอ้อร์หนิว เจ้าเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยการผลิต ใช่หรือไม่?”“ใช่ขอรับ”หลี่เอ้อร์หนิวยักไหล่ มองฉินหมิงด้วยความกังขา“เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนแก่เจ้ามากกว่าของข้าหนึ่งเท่า ในเวลาสามวัน พวกเรามาแข่งกันเรื่องผลผลิต ดีหรือไม่?”“ท่านจะแข่งเรื่องประสิทธิภาพการผลิตกับข้างั้นรึ? ซ้ำยังใช้คนเพียงครึ่งเดียวอีก?”หลี่เอ้อร์หนิวแทบไม่เชื่อหูตนเอง“ถูกต้อง ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า บางครั้งมีคนเยอะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี หลักการที่ว่ามากคนก็มากความ ดูท่าจะมีผ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 255

    ทั้งสองคนเดินมาถึงเบื้องหน้าฝูงชนหลี่เอ้อร์หนิวยังคงพูดความคิดของตนอย่างออกรส ขัดขวางการจัดสรรคนงานของโรงทอผ้าโดยไม่มีคำว่าเกรงใจ“ท่านอ๋องมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในฝูงชนที่ตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เมื่อฉินหมิงเดินเข้ามาจากนอกวง หลี่เอ้อร์หนิวก็พลันมีท่าทีอ่อนลงไปกว่าครึ่งเมื่อครู่เขายังส่งเสียงดังลั่น แต่บัดนี้กลับเงียบเสียงลงแล้ว“ขอถามหน่อยเถิด ผู้ใดบอกว่าจะลดค่าจ้างพวกเจ้ารึ?”เสียงของฉินหมิงถามขึ้นอย่างแช่มช้าทุกคนต่างเหลือบมองไปที่หลี่เอ้อร์หนิวผู้ซึ่งเมื่อครู่ยังทำตัวหยิ่งผยองส่วนหลี่เอ้อร์หนิวนั้น ยามนี้ก็ได้แต่พูดอึกอักว่า“ก็ในประกาศมีความหมายเช่นนั้นมิใช่หรือ…”เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองเหตุผลที่ไม่อยากให้มีการย้ายคนงานเกิดขึ้น ก็เพราะเขามีลูกน้องหลายคนมาจากต่างพื้นที่กันบางคนมีบ้านอยู่ใกล้โรงช่าง บ้างก็อยู่ใกล้โรงย้อมผ้า ล้วนแต่ร้องขออยากย้ายที่ทำงานกันทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าลูกน้องอยากย้ายที่ทำงานกันเหลือเกิน หลี่เอ้อร์หนิวก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือตัวเขาอุตส่าห์ฝึกฝนลูกน้องจนกลายเป็นคนสนิท ถึงขั้นทำตัววางอำนาจใน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 254

    เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิต และคนงานจำนวนมากที่ไม่รู้หนังสือดังนั้น ฟางชิงหย่วนจึงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงนำข้อสรุปไปติดประกาศไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวแต่คนงานหลายพันคนในโรงทอผ้า อยู่ดี ๆ จะให้พวกเขาย้ายที่ทำงานอย่างกะทันหัน ย่อมมีบางส่วนไม่พอใจเป็นธรรมดาสิ้นเสียงของฉินหมิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในฝูงชน“ให้ตายเถิด คิดจะลดค่าจ้างกับสวัสดิการของพวกเราใช่หรือไม่? อย่างไรข้าก็ไม่ไป!”คนที่พูด มีนามว่าหลี่เอ้อร์หนิวเขาเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านกว่างสุ่ยทางตอนเหนือของเมืองหลินเจียง ว่ากันว่ามีชื่อเสียงในหมู่บ้านพอสมควรหลังมาถึงโรงทอผ้า เนื่องจากมีผลงานโดดเด่น และผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยในเวลาไม่นาน“บังอาจนัก!”ซ่งติ้งเซิงขมวดคิ้ว โบกมือเรียกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ข้างกาย ให้เตรียมเข้าไปจับตัวหลี่เอ้อร์หนิวในยามที่โรงทอผ้ากำลังจะจัดสรรจำนวนคนงาน เพื่อไปส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ หากมีคนเสนอหน้าออกมาขัดขวางย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของโรงทอผ้าอย่างใหญ่หลวงนัก!ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 253

    “ตอนแรกเมื่อเริ่มใช้คนงานเยอะขึ้น ปริมาณการผลิตก็เพิ่มขึ้นเร็ว แต่พอเพิ่มคนเข้าไปเรื่อย ๆ ปริมาณการผลิตกลับเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟางชิงหย่วนหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา อธิบายการค้นพบของตนให้ฉินหมิงฟังด้วยความเคร่งเครียด“นี่คงเรียกว่ากฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่ม”ฉินหมิงใช้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เท่าหางอึ่งของตน รำพึงออกมาโดยไม่รู้ตัว“อะไรคือกฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่มรึพ่ะย่ะค่ะ?”ฟางชิงหย่วนรั้งฉินหมิงไว้ ขณะถามบนขั้นบันได“ก็คือการลงทุนลงแรงไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้ว”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าที่กระหม่อมศึกษามาจะถูกต้องแล้ว”ฟางชิงหย่วนผงกศีรษะ หยิบแท่งถ่านสีดำยาวออกมาจากอกเสื้อ แล้วเริ่มขีดเขียนลงบนสมุดเล่มเล็กที่เย็บเล่มอย่างประณีตตรงหน้าในยุคนี้มีเพียงพู่กัน ซึ่งใช้งานค่อนข้างลำบากหากอยากจดบันทึกทุกที่ทุกเวลาเช่นเขา ก็ต้องใช้แท่งถ่านกับสมุดเล่มเล็กเท่านั้น“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่อยากขยายการผลิตของโรงงานแล้ว รักษาสภาพเดิมไว้ก็พอ สิ่งที่เราต้องคิดในตอนนี้คือ จะรักษาระดับการเติบโตให้เร็วขึ้นได้อย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 252

    “จับได้กี่คน?”“สองคนพ่ะย่ะค่ะ ประตูเมืองทิศอื่น ๆ ก็น่าจะมีเช่นกัน”เมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า“จับต่อไป ไว้ชีวิตแค่จำนวนหนึ่งก็พอ เอาไว้เค้นถามกำลังคนที่แน่ชัดในภายหลัง ถือโอกาสที่ฝนตกหลายวันมานี้ คนเดินถนนมีน้อย ปิดล้อมอำเภอไว้ก่อน รอให้สังหารองครักษ์เงาหมดสิ้นเมื่อใด ค่อยเปิดประตูเมือง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงรับคำสั่ง พลางมองอู๋สื่อจงที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่พูดคำใด ในใจพลันรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง“อะแฮ่ม!”เขากระตุกชายเสื้ออู๋สื่อจงตอนนั้นเอง อู๋สื่อจงถึงได้สติ“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”หลังปิดล้อมสังหารคนอยู่สองวันครึ่ง ฉางไป๋ซานก็นำกองกำลังองครักษ์ของฉินหมิง สังหารองครักษ์เงาทั้งยี่สิบเจ็ดคนที่มาถึงอำเภออินซานจนหมดสิ้นขณะมองดูรายชื่อผู้เสียชีวิตที่เขียนด้วยหมึกสีแดงสด ฉินหมิงก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกซ่งติ้งเซิงผู้ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า“ท่านอ๋อง โรงทอผ้าส่งข่าวมา บอกว่าพวกเขาสร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว สามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ทันที เวลานี้อยากให้ท่านส่งคนงานไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”อุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับการยกระดับอีกครั้ง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status