“ทำให้ผู้หญิงคนนั้นค้างกับกูที่นี่คืนหนึ่ง” สายตามาดร้ายยังไม่ละไปจากตำแหน่งเดิม แก้วเหล้าในมือณภัทรยกขึ้นดื่มหมดในครั้งเดียว
“กูไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม! ไอ้ภัทรมันขอเอง” ทิวปากไวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
ผลัวะ!
เสียงฝ่ามือฟาดลงไปบนหลังของคนขี้สงสัยฉาดใหญ่ ส่วนน้ำหนักคงไม่ต้องพูดถึงเพราะสามารถทำให้ทิวน้ำตาคลอออกมาได้
“ไอ้เหี้ยกูเจ็บ” ทิวยกแขนขึ้นคลำหลังตัวเองปรอย ๆ
“งั้นก็ช่วยหุบปากของมึงสักที” เสียงเข้มบอกอย่างเหลืออด
“เออ!”
“คนไหน?” ธาดายังมองไม่เห็นว่าจะมีผู้หญิงคนไหน พอจะตรงสเปคเพื่อนได้ จึงถามเพื่อหาพิกัดที่แน่นอน
“โต๊ะริมในสุดโซนB ใส่เดรสสีดำนั่งอยู่กับเพื่อนใส่เกาะอกสีเดียวกัน ใกล้กับลูกน้องมึงยืนอยู่”
ธาดาเพ่งสายตาไปยังจุดนั้น เมื่อได้เห็นคิ้วเข้มก็ขมวดด้วยความไม่เข้าใจ ท่าทางหรือแม้แต่จริตจะก้านของหล่อน ไม่มีจุดไหนพอจะดึงดูดเพื่อนได้เลย
‘หรือรสนิยมของมันเปลี่ยนไป?’
“เปลี่ยนรสนิยม?”
ไม่ได้มีแค่ธาดาที่แปลกใจ ทิวเองก็เช่นกัน
“นั่นดิ ไม่ใช่แบบที่มึงชอบเลยนะ”
“กูไม่ได้จะเอาเพราะชอบ นั่นเป็นลูกของผู้ชายคนนั้นต่างหาก!” ณภัทรไม่แม้อยากจะเอ่ยชื่ออีกฝ่าย
น้ำเสียงแข็งกร้าวยามเอ่ยถึงบุคคล ‘ต้องห้าม’ รวมถึงสายตาวาวโรจน์ ทำให้ธาดาและทิวเข้าใจในทันทีว่าเป็นใคร
“มั่นใจเหรอวะว่าใช่ผู้หญิงคนนี้” ทิวถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ทั้งสถานที่แล้วเพื่อนยังดื่มไปด้วย จึงกลัวว่าจะเกิดความผิดพลาดในภายหลัง
“ทุกคนในครอบครัวนั้นกูจำได้หมด” น้ำเสียงดุดันเอ่ยออกมาอย่างเคียดแค้น
นัยน์ตาเรียวคมหันไปหาเพื่อนอีกคนในทันที การสูญเสียบุพการีอันเป็นที่รักอย่างกะทันหัน จึงทำให้ณภัทรโกรธแค้น
‘ถึงขั้นหันมาลงกับลูกสาวอีกฝ่ายแทน!’
“เดี๋ยวจัดการให้” เจ้าของนัยน์ตาเรียวรับปาก อย่างไม่ทำให้เพื่อนผิดหวัง
ณภัทรไม่คิดว่าจะได้เจอกับลูกสาวสุดที่รักของศัตรูในสถานที่แบบนี้ โชคช่างเข้าข้างเขาเหลือเกิน
หนึ่งชั่วโมงต่อมาภายในห้องพัก VVIP
ร้อน! เป็นความรู้สึกจากข้างใน ในเมื่อลมที่เป่ากระทบผิวนั้นเย็นเฉียบ แพรวพรรณกวาดสายตามองไปรอบ ๆ หลังจากถูกพาตัวมายังห้องนี้สมองก็เริ่มตื้อตัน
เหตุการณ์ก่อนหน้าทำให้ตื่นตกใจ ในขณะกำลังสนุกอยู่กับเพื่อนจู่ ๆ ทางร้านก็มีการตรวจสารเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายขึ้น โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า
ด้วยความบริสุทธิ์ใจพวกเธอก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ทว่ากลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน เมื่อหนึ่งในการ์ดเจอสิ่งผิดกฎหมายในกระเป๋าของตนเอง
ตอนนั้นทั้งเธอและเขมจิราต่างก็ช็อกจนไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ หากจะผิดก็คงเป็นเรื่องมีแอลกอฮอล์ในร่างกายมากเกินขีดจำกัดเท่านั้น แล้ว ‘สิ่งนั้น’ มันเข้ามาอยู่ในกระเป๋าได้อย่างไร
จากนั้นการ์ดคนเดิมก็แตะที่แขน!
ชายหนุ่มบอกหากเป็นเรื่องเข้าใจผิด ทางร้านก็พอจะช่วยได้แต่ต้องมาหาเจ้านายพวกเขา แน่นอนว่าเขมจิราไม่ยอมเธอเองก็เช่นกัน แต่ตอนนั้นหลักฐานมันชัดเจนจนไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้ และเพื่อไม่ให้เขมจิราต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
จำเป็นต้องตอบตกลง
แล้วอาการร้อน ๆ หนาว ๆ มันเกิดจากอะไร ด้วยความตื่นกลัว ดวงตากลมโตกวาดมองไปโดยรอบอีกครั้ง คำว่า ‘คุย’ จากทางคลับจะเป็นแบบไหน ยิ่งคิดความหวั่นวิตกก็เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายปรับตามไปด้วย มือประสานกันเริ่มมีเหงื่อซึมจนชื้นไปหมด
“ความรู้สึกนี้มันคืออะไร” เธอหลุบตามองมือเริ่มสั่นขึ้นเรื่อย ๆ หรือนี่จะเป็นอาการของคนถูกวางยาอย่างนั้นหรือ! แต่ก็มั่นใจว่าไม่ได้ดื่มอะไรเข้าไปหลังจากเกิดเรื่องแล้วจะโดนมันเข้าได้ยังไง
จิตใจจดจ่อครุ่นคิดอยู่กับอาการของตนเอง ถึงกับสะดุ้งสุดตัวเมื่อประตูถูกผลักเข้ามาอย่างแรง ผู้เข้ามาใหม่รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายจมูกโด่งรับกับคิ้วเข้ม เขาก้าวเข้ามาภายในห้องด้วยสายตาไม่เหมือนกับคนจะเข้ามาช่วยเลยสักนิด แววตาดุราวกับเสือร้ายแลดูน่าหวาดกลัว ทำให้ขนตั้งชันไปทั้งตัว
ด้วยสัญชาตญาณทำให้หญิงสาวต้องล่าถอยไปด้านหลัง แต่ก็ชนเข้ากับผนังอันเย็นเฉียบ
ณภัทรเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ซึ่งนั่งอยู่มุมประจำ หลังจากไม่ได้เข้ามาหาท่านเสียหลายวัน ทางด้านอารยาเมื่อเห็นดังนั้นก็ยิ้มตอบรับบุตรชายด้วยใบหน้าแช่มชื่น วงแขนเล็กยื่นออกไปหาร่างสูงของเขาในทันที“กลับบ้านถูกแล้วสินะลูกคนนี้”“ทางยังเหมือนเดิมอยู่นะครับแม่”“เดี๋ยวนี้รู้จักโต้ตอบแม่แล้วนะ”เขายิ้มให้กับถ้อยคำของท่านเพียงเท่านั้นก็นั่งลงข้าง ๆ กัน“ขนมขายดีไหมครับ”“ได้เรื่อย ๆ นั่นแหละ”ณภัทรก้มหน้ามองมือนุ่มเริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น หลายวันมานี้เขาคิดมาตลอดว่าจะเริ่มต้นบอกเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นแม่ได้เข้าใจอย่างไรดี“มีอะไรหรือเปล่า” สายตาของลูกชายทำให้อารยาต้องเอ่ยถาม“ผมมีเรื่องจะคุยกับแม่ครับ”“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจอย่างนั้นเหรอ หรือเพราะไม่ได้งานใหญ่นั้น”“ไม่ใช่ครับ แต่ถึงไม่ได้งานแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ บริษัทยังมีสินค้าตัวอื่นอยู่ ที่ผมจะบอก คือ...ผมรักผู้หญิงคนหนึ่งครับ” หลังจากที่พูดจบณภัทรก็เริ่มมองปฏิกิริยาของผู้เป็นแม่ว่าจะแสดงออกมาอย่างไร“จริงเหรอลูก จริงจังหรือเปล่า เธอเป็นใคร พาเข้ามาหาแม่หน่อยสิ” ความตื่นเต้นทำให้อารยาตั้งคำถามมากมาย เป็
ธาดาเดินขึ้นมายังชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ด้วยความเหนื่อยอ่อน คำพูดของชาทำให้นึกเป็นห่วงเขมจิรา เธอไม่ยอมทานข้าวอีกแล้วเขาหมุนลูกบิดประตูเปิดเข้าไปในห้องของเธอนัยน์ตาราบเรียบทอดมองเรือนร่างใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งข้างเจ้าของเตียงกว้างใบหน้าเหนื่อยล้าก้มต่ำ ต้องการพลังจากริมฝีปากหยักสวยของคนตรงหน้าเหลือเกินแต่ทว่ายังไม่ทันได้สัมผัสเรียวปากนุ่ม เขมจิราก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน“ชู่ว์...ผมเอง” เสียงแผ่วเบากระซิบบอก“คุณ...มาตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงสั่นเอ่ยถามหลังจากเรียกขวัญตนเองกลับมา คิดว่าโดนผีหลอกเข้าให้แล้ว“สักพักนี่เอง ชาบอกว่าคุณไม่กินข้าวทำไมดื้ออีกแล้วล่ะ” ธาดาล้มตัวลงนอนเคียงข้างเธอ“ชาไม่ได้บอกเหรอว่าฉันยังกินนม”“แค่นมมันจะไปอิ่มท้องอะไร ที่รัก” ธาดาขยับตัวแนบชิดเรือนร่างนุ่มนิ่ม‘ที่รัก’คำนี้ทำให้หัวใจเต้นแรงเมื่อก่อนไม่เห็นเคยเป็นอย่างนี้นี่น่า“เอ่อ...ฉันไม่หิว คุณพึ่งกลับมาเหนื่อย ๆ กลับไปนอนห้องคุณดีกว่าไหม” พูดออกไปแล้วก็อยากจะตีตัวเองแรงสักที“คุณไล่ผม?” ธาดาขยับตัวออกห่างแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“เปล่า แค่เห็นว่าคุณมาน่าจะเหนื่อยมากนอนห้องใหญ่น่าจะดีกว่
เหนือน่านฟ้าภายในห้องผู้โดยสารธาดาและดิวกำลังปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด เวลานี้มีเพียงบุคคลเดียวที่สามารถเรียกคืนอำนาจกลับมาให้พวกเขาได้“พวกมันรู้เห็นกันหมดเลยสินะ” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นลูกน้องของดิวส่งข่าวมาบอกตอนนี้อีกฝ่ายได้ดึงผู้ร่วมลงทุนไปได้เกินครึ่งแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้มีผลต่อหุ้นมากนักแต่หากเสียงเอนเอียงไปมากขนาดนี้ก็มีสิทธิ์ที่อีกฝ่ายจะเอาข้อนี้ มาทวงตำแหน่งคืนจากเขาได้“กูถึงบอกมึงไงว่าพวกนั้นมันเขี้ยวลากดินกันทั้งนั้น” ที่ผ่านมาเขาคอยสอดส่องพฤติกรรมของเจ้าของกาสิโนคนเก่าอยู่เสมอ เพราะไม่เคยไว้ใจพวกจิ้งจอกนี้เลยแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเพลี่ยงพล้ำจนได้“มันลงมือได้เร็วแบบนี้แสดงว่าได้วางแผนกันไว้แล้วตั้งแต่แรก”“ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ที่มันยอมเซ็นให้เราเพราะคิดไว้อยู่แล้วถ้าเป็นมัน คนอื่นต้องยอมแน่”“แล้วลูกน้องมึงว่าไงบ้าง”“ไม่ต้องห่วงพวกนั้น กูผิดเองที่ไม่จัดการขั้นเด็ดขาดกับมันไปซะ” นึกมาถึงจุดนี้ ดิวถึงกับขบกรามแน่น ตัวเองตีงูแค่พอหลังหักผลสุดท้ายมันก็แว้งกลับมาทำร้ายธาดาละจากเครื่องมือสื่อสารหันไปมองเพื่อนด้วยสีหน้าอ่อนลง“มึงไม่ได้ผิด พวกมันแค่ไม่ยอมรับความจริงต่างหาก บริหาร
ณภัทรขยับตัวเมื่อรู้สึกถึงความเมื่อยล้าของท่อนแขน สายตาคมเหลือบมองด้านข้างจากนั้นมุมปากก็ยกขึ้นเมื่อเห็นใบหน้านวลเนียนเป็นเพราะมีหัวเล็กหนุนอยู่นี่เองถึงได้รู้สึกชาอย่างนี้ เขาดันตัวขึ้นนั่งดึงแขนออกมาโดยไม่ให้รบกวนอีกคน อยากตื่นขึ้นมาแล้วเห็นแพรวพรรณนอนเคียงข้างแบบนี้ทุกวันเหลือเกิน“คงเหนื่อยมากเลยสินะ พี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับ” เสียงทุ้มบอกกับคนที่ยังหลับสนิท หย่อนขาลงจากเตียง หยัดกายลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป“อืม...” เสียงแผ่วเบาครางผ่านลำคอเมื่อเริ่มรู้สึกตัว เธอมองหาอีกคนว่าหายไปไหน ได้คำตอบเมื่อเขาเปลือยท่อนบนเดินออกมาจากห้องน้ำ“ตื่นแล้วเหรอครับ”“ค่ะ พี่ตื่นนานแล้วเหรอ”“สักพักนี่เอง ทำไมตื่นเร็วนักล่ะ” ณภัทรหย่อนตัวลงนั่งข้างเจ้าของใบหน้าหวาน เขาก้มไปหอมแพรวพรรณฟอดใหญ่“จะนอนต่อหรือลุกไปอาบน้ำ” เมื่อยังเห็นร่องรอยความอ่อนเพลียเขาจึงเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงนุ่มนวล“อาบน้ำ บ่ายนัดกับเขมไว้จะไปคุยเรื่องงานกันค่ะ”“ทำงานต่อเลยเหรอ ไหวหรือเปล่า”พอได้ยินอย่างนั้นแพรวพรรณก็ขยับตัว ผุดลุกนั่งเคียงคู่กับณภัทรก็ถูกลำแขนใหญ่โอบกอดทันทีเช่นกัน“ดื่มได้ก็ต้องทำงานได้สิ หรือพี่ไม่เชื่อ?” เธอ
ท่ามกลางความมืดมิดของถนนหนทาง รถยนต์หรูคันหนึ่งกำลังขับเคลื่อนทะยานมุ่งหน้าไปสู่ถนนสายเล็ก แสงไฟจากสองฟากฝั่งสะท้อนเข้ามาภายใน เห็นเรือนร่างชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอิงแอบกันอยู่ด้านหลังแพขนตางอนยาวปิดลงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์สร้างความมึนเมาจนร่างกายเอนเอียงยังดีมีลำแขนแข็งแกร่งโอบกอดพยุงไม่ให้ล้มไปกองที่เบาะแม้ว่าสติจะเลือนรางทว่าก็พอจำเส้นทางนี้ได้เป็นอย่างดี ณภัทรไม่ได้จะพาเธอกลับไปส่งบ้านนั่นเพราะได้มุ่งหน้าไปยังบ้านพักส่วนตัวของเขาต่างหากตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอซ่อนความรู้สึกถวิลหาณภัทรเอาไว้จนลึกสุดใจ ต่อให้รักเขามากแค่ไหนก็ไม่อาจทรยศพ่อผู้ล่วงลับไปได้แล้วยังมีแม่และอาสาวยังคงเจ็บปวด ใครเลยจะล่วงรู้ทุกค่ำคืนในความทรงจำมันย้อนกลับมาทำร้ายเธอเจ็บปวดมากแค่ไหนหรือแม้แต่การพบเห็นณภัทรผ่านสื่องานสังคมซึ่งเลี่ยงไม่ได้ยิ่งก่อให้เกิดความโหยหาเขามากขึ้นแพรวพรรณขยับร่างกายเมื่อความรู้สึกเหล่านั้นสะท้อนเข้ามาเกาะกุมหัวใจอีกครั้ง“เมื่อยหรือเปล่า” โทนเสียงอบอุ่นเอ่ยถาม สายตาพิสมัยมองใบหน้าหวาน“ไม่”“ไม่โกรธใช่ไหมที่พี่ไม่พากลับบ้าน พาแพรวมาที่นี่”“แล้วถ้าแพรวบอกว่าโกรธพี่จะพาแพรวกลับไหม”“ไม่อย
คล้อยหลังพ่อเลี้ยงเมธาไป เขมจิราก็หันมามองค้อนคนที่ยืนอยู่ด้านข้างวงแขนกว้างยังโอบกอดเธอไว้ไม่ห่าง เข้าใจอยู่หรอกว่าหวงมากแต่เมื่อครู่ไม่เกินไปหน่อยเหรอน่าจะรู้หากเกี่ยวกับงานตนเองจริงจังมากแค่ไหน ทำไมถึงไม่อะลุ่มอล่วยให้กันบ้าง พ่อเลี้ยงเมธาก็ไม่ได้มีท่าทีหยาบคายกับพวกเธอสักหน่อย พอคิดมาถึงจุดนี้ดวงตากลมโตก็ยิ่งทอแสงวาวโรจน์มากขึ้นไปอีกทว่าเพียงไม่นานเขมจิราก็สะบัดหน้าหลบสายตาเรียวคมไปอีกทาง ในแววตาคู่นั้นพอจ้องนานทำหัวใจหวั่นไหวอย่างไม่น่าให้อภัยเลยจริง ๆ!และดูเหมือนว่าไม่ได้มีแค่ตนเองหรอกที่ถูกคุมเข้มแพรวพรรณก็ไม่ต่างกัน ชายหนุ่มข้างกายทั้งตีหน้าเคร่งขรึม แล้วยังเอ่ยพึมพำอยู่เนือง ๆ อีกด้วยครั้นจะเข้าไปช่วยแก้ต่างให้แค่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ดังนั้นเขมจิราจึงเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งอยู่ตำแหน่งเดิมโดยมีธาดาเดินตามมาหย่อนสะโพกนั่งตรงขอบพนักโซฟาด้านข้างครึ่งชั่วโมงให้หลัง“จะกลับหรือยังคุณเมาแล้วนะเขม”“คุณอยากกลับก็กลับไปก่อนสิฉันกลับกับชาก็ได้”“ไม่เอาน่าที่รัก” เขาก้มลงไปกระซิบข้างใบหูสวยสายตาเรียวคมกวาดมองไปโดยรอบเวลานี้ผู้คนเริ่มบางตาไปมากจนกระทั่งมาหยุดที่ณภัทร มาเฟียหนุ่