“เฮ้ ยายทิพย์มองเพลินเลยนะ”
“กว่าจะมา”
“อย่าให้พูดเลย นู่น!” ฉันมองไปตามสายตาของน้ำพิ้งค์ ก่อนจะเห็นพี่วินเดินเข้ามา
“ทำไมมาด้วยล่ะ บอกแล้วนี่ว่าแค่สองคน” ฉันถามเพื่อนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
“ขืนไม่ให้มาด้วยกลับไปฉันก็ตายน่ะสิ”
“...”
“ไม่ต้องทำหน้ายุ่งหรอก ฉันคุยแล้วเขาไม่บอกพี่เหนือหรอกน่า” คำพูดของยายพิ้งค์ทำให้ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นมานิดหนึ่ง แค่นิดเดียวจริง ๆ
“สวัสดีครับน้องทิพย์ ไม่ชวนเลยนะ”
“หึ นี่ขนาดไม่ชวนพี่วินยังมาเลยค่ะ”
“เจ็บนะครับเนี่ย” หลังถูกพี่วินตัดพ้อ ฉันก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะสั่งพนักงานให้เอาแก้วมาเพิ่ม
เราทั้งสามคนนั่งดื่มเบียร์สามขวดหมดไปอย่างรวดเร็ว และสั่งมาเพิ่มอีกสองถึงสามชุด ต่างคนก็ต่างคุย ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องจิปาถะในชีวิตซะมากกว่า
“แล้วนี่ขึ้นปีสองเป็นยังไงบ้างครับ เรียนหนักไหม”
“ไม่เท่าไหร่ค่ะพี่วิน ยังสบาย ๆ อยู่”
“แล้วพี่วินล่ะคะ ขึ้นปีสี่แล้วแถมยังต้องฝึกงานมีเวลามาเฝ้าเพื่อนทิพย์เหรอคะ”
“คนของใจนี่ครับ ไม่มีก็หาเวลามีจนได้แหละ” พี่วินตอบฉันยิ้ม ๆ พลางหันไปมองหน้าน้ำพิ้งค์ด้วยสายตาที่อบอุ่นอ่อนโยน
“...”
ฉันมองเขาทั้งสองคนด้วยแววตาเศร้าเล็กน้อย ทำไมเพื่อนฉันทั้งสามคนถึงมีแฟนที่น่ารักจังนะ แล้วทำไมแฟนฉันถึงได้แตกต่างออกไปแบบนี้
เพียะ!
“นี่แน่ะ พูดอะไรไม่คิด”
“เจ็บนะครับ ตีพี่ทำไมเนี่ย พี่พูดความจริงนะ”
“ก็พี่...”
“ไม่เป็นไรหรอกน่ายายพิ้งค์ พี่วินเขาก็พูดถูกของเขา” ฉันเอ่ยห้ามเมื่อเพื่อนตัวดีดูท่าจะไม่พอใจที่พี่วินพูดออกมาแบบนั้น ในใจมันคงดีใจแหละ แต่ด้วยสถานการณ์ของฉันตอนนี้ทำให้มันแสดงอาการมากไม่ได้
“พี่ขอโทษนะครับ คือพี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“คิดมากน่าพี่วิน แกก็ด้วยเลิกเขม่นพี่วินได้แล้ว” ฉันพูดยิ้ม ๆ เพื่อให้ทั้งสองคนสบายใจ
“ทิพย์ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ”
“คะ?” ฉันมองพี่วินด้วยความสงสัย
“ไอ้เหนือเพื่อนพี่มันผิดนัดเราอีกแล้วเหรอ”
“ค่ะ อีกแล้ว”
“พี่ขอโทษแทนมันด้วยนะ มันคงยุ่ง”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ พี่ไม่ได้ผิดอะไร และเจ้าตัวคงจะยุ่งมากถึงได้มีเวลาพาน้องข้างบ้านไปเดินห้าง”
“น้องข้างบ้าน ดาริน?”
“ค่ะ เด็กคนนั้นแหละ ที่ทำให้เขาผิดนัดทิพย์” จบคำพูดฉันพี่วินก็เงียบไป ส่วนฉันก็กินเบียร์หมดไปอีกแก้ว
“แล้วทิพย์รู้ได้ยังไงว่ามันพาดารินไปเดินห้าง”
“จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะคะ ก็เด็กนั่นส่งคลิปเสียงมาให้วันนี้แบบสด ๆ
ร้อน ๆ เลย”“เฮ้อ! มันคงไม่ได้คิดอะไรหรอกมั้งครับ น่าจะเอ็นดูเหมือนน้องเหมือนนุ่ง”
“แต่จะเอ็นดูแค่ไหนก็ไม่ควรเทนัดแฟนตัวเองแล้วไปกับคนอื่นไหม” น้ำพิ้งค์ว่าให้อย่างฉุน ๆ กับการกระทำของพี่เหนือ
“ช่างเขาเถอะค่ะ เขาบอกว่าเป็นน้องก็เป็นน้อง ที่สำคัญทิพย์เชื่อใจเขา แต่ถ้าวันไหนเขาทำให้ทิพย์หมดความเชื่อใจ ทิพย์ก็จะไม่เอาเขาแล้วเหมือนกัน จะรักชอบแค่ไหนทิพย์ก็จะตัดทิ้ง”
“เอ่อ...ครับ”
“กินเบียร์เถอะค่ะ วันนี้เรามาปลดปล่อย อย่าให้เรื่องไร้สาระพาเรากร่อยเลย”
หลังจากจบคำพูดฉันก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก รู้สึกว่าน้ำพิ้งค์กับพี่วินจะ พยายามชวนฉันคุยแต่เรื่องตลก ๆ นะ ซึ่งมันก็ดี เพราะมันทำให้ฉันลืมเรื่องพี่เหนือไปได้ชั่วคราวเหมือนกัน
“จะเที่ยงคืนแล้วเรากลับกันเลยไหมครับ เดี๋ยวจะดึกไปกว่านี้”
“ดีค่ะ”
เวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะเที่ยงคืน เราใช้เวลาอยู่ที่ร้านเกือบสามชั่วโมง เพราะตอนฉันมาถึงก็สามทุ่มแล้ว เมื่อได้เวลาสมควรแล้วพี่วินก็ชวนกลับ ฉันแยกย้ายกับทั้งสองคนเพราะขับรถมาเอง
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงคอนโด ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องก็ต้องแปลกใจเพราะไฟในห้องถูกเปิดอยู่ ห้องทั้งห้องสว่างจ้า แปลกใจได้ไม่นานก็รู้เหตุผลว่าทำไมไฟถูกเปิดอยู่เช่นนี้
ร่างหนาที่คุ้นเคยของผู้ชายที่ฉันรัก ที่เป็นแฟนของฉันนั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง พร้อมหันมามองฉันด้วยสายตาเยือกเย็นก่อนจะเปลี่ยนเป็นโทสะ สายตาที่ทอดมาราวกับมีเปลวเพลิงลุกโชติช่วงอยู่ในนั้น หากแต่ฉันไม่สนใจยังคงถอดรองเท้าไปเก็บเข้าชั้นอย่างปกติ ก่อนจะเดินแยกเข้าห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำ
“อย่าเดินหนีพี่นะทิพย์ ไปไหนมา” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ กับคำถามของคนที่เดินตามเข้ามาทีหลัง
“ตอบสิ ไม่ใช่ถอนหายใจแบบนี้”
“ไปเที่ยวค่ะ”
“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามไปเที่ยวกลางคืน ทำไมไม่ฟังกันบ้างวะ แล้วดูสิเนี่ย ไปก็ไม่บอก รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงแค่ไหน”
“แล้วทีพี่ล่ะคะ เทนัดเราทำไมพี่ไม่บอกทิพย์ ปล่อยให้ทิพย์นั่งรอเป็นชั่วโมง แล้วตัวเองพาผู้หญิงคนอื่นไปเดินห้าง แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนคะ”
ฉันกับเขาต่างฝ่ายต่างจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่หรอกนะแต่ฉันจะไม่ยอมถูกว่าฝ่ายเดียวแน่ ถ้าผิดมันก็ผิดที่เขานั่นแหละ
“พี่ขอโทษ แต่มันจำเป็น ที่สำคัญแบตโทรศัพท์พี่หมด”
“ค่ะ” ฉันตอบรับก่อนจะเดินหนี
“ทิพย์อย่าเดินหนีพี่ มาคุยกันให้รู้เรื่อง”
“เฮ้อ! มีอะไรก็ว่ามาค่ะ ทิพย์เหนื่อยอยากนอนพัก”
“ต่อไปนี้ห้ามไปเที่ยวกลางคืนอีก ถ้าไปต้องบอกพี่ก่อนทุกครั้ง”
“ไม่จำเป็น”
“ทิพย์!”
“ถ้าพี่เหนืออยากให้ทิพย์บอกและเลิกเที่ยว พี่เหนือก็เลิกยุ่งกับเด็กคนนั้นสิคะ ทำได้ไหมล่ะ” ฉันตอบเขาก่อนจะมองเขาด้วยความท้าทาย
“นั่นน้องพี่นะทิพย์ อย่ามาหึงไม่รู้เรื่อง”
“น้องเหรอคะ ถามเด็กนั่นหรือยังว่าอยากเป็นแค่น้องหรือเปล่า พี่ก็ไม่ใช่คนโง่นะทำไมแค่นี้ดูไม่ออก”
“ทิพย์!”
“ทำไมคะ หรือว่ามันเด็กกว่า พี่ถึงยอมผิดนัดทิพย์หลาย ๆ ครั้ง เพื่อไปอยู่กับมัน” บอกตรง ๆ ว่าตอนนี้อารมณ์ฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว คิดว่าจะทนได้ แต่พอพูดขึ้นมามันก็ใจเย็นไม่ได้จริง ๆ
“พี่บอกแล้วไงว่าเป็นแค่น้อง ไม่ไว้ใจกันเลยหรือไง”
“น้องบ้าอะไร จะไปไหนมาไหนบ่อยด้วยกันขนาดนั้น เทนัดแฟนตัวเองเพื่อไปกับคนที่เรียกว่าน้องเหรอ แบบนี้คงไม่เรียกน้องแล้วมั้ง น่าจะพี่น้องท้องชนกันมากกว่า”
“ทิพย์!”
“ทำไม พูดความจริงแล้วรับไม่ได้เหรอคะ ถ้าพี่อยากให้ทิพย์เลิกเที่ยว พี่ก็ต้องเลิกยุ่งกับเด็กนั่น พี่ควรรู้ว่าควรให้ความสำคัญกับใครนะคะ ระหว่างแฟนอย่างทิพย์ หรือน้องอย่างมัน!”
“...”
“แต่ถ้าติดใจยังอยากคั่วมันอยู่ก็ได้นะคะ ทิพย์จะได้ไปเอง ทิพย์เหนื่อยที่ต้องมาคอยตามพี่แบบนี้”
“ไปกันใหญ่แล้วทิพย์ มันไม่ใช่แบบนั้น”
“ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหนล่ะคะ ในเมื่อการกระทำของพี่มันทำให้ทิพย์คิดแบบนั้นอะ หรือพี่จะปฏิเสธว่าที่ทิพย์พูดมันไม่จริง อ้อ พี่ควรจะรู้เอาไว้อย่างนะคะ เด็กนั่นมันไม่ได้ใสอย่างที่พี่คิดหรอก เลิกโอ๋มันได้แล้ว!”
“ทิพย์! ถ้ายังใจร้อนอยู่แบบนี้พี่ว่าเราอย่าเพิ่งคุยกันเลยดีกว่า ไว้ใจเย็นเมื่อไหร่เราค่อยมาคุยกัน” พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป คงกลับไปห้องเขานั่นแหละ แต่อยู่ชั้นบนสุด
ใช่ค่ะ เราอยู่คอนโดเดียวกันแต่คนละห้อง บางวันเราก็นอนที่ห้องฉันบางวันเราก็ไปนอนที่ห้องเขา แต่คราวนี้คงนอนกันคนละห้อง
พูดแล้วก็โมโห ปากบอกไม่ได้คิดอะไรเป็นแค่น้องสาว แต่การกระทำของเขาโคตรจะสวนทางกับสิ่งที่เขาพูดเลย ใครใจเย็นลงก็บ้าแล้ว
ที่สำคัญตัวเขาก็ฉลาด ดูไม่ออกบ้างหรือไงว่าเด็กนั่นมันคิดอะไรอยู่ เหอะ หมั่นไส้!
ทำเฉยไปเถอะ ถ้าฉันทนไม่ไหวเมื่อไหร่แล้วจะรู้สึก
ฉันผละออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพี่เหนือ ก่อนจะเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วยิ้มให้เขาอย่างมีความสุขที่สุดตอนแรกที่เขาบอกว่าอย่าร้อง ฉันก็กะว่าจะไม่ร้องไห้นั่นแหละ แต่ใครมันจะไปอดทนได้เล่า ในเมื่อเขาน่ารักขนาดนี้คิดดูสิบรรยากาศภายในร้าน และอะไรต่าง ๆ ที่เขาทำวันนี้เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงทั้งสิ้นว่าเขาจะทำ เพราะสิ่งที่เขาทำวันนี้มันตรงกันข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิญพี่เหนือไม่ใช่คนที่โรแมนติก เขาค่อนข้างที่จะเป็นคนที่มีนิสัยไม่ยอมคน สายเอาแต่ใจ ที่สำคัญเขาหื่นมาก เพราะฉะนั้นการจัดตกแต่งร้านแบบน่ารัก ๆ ที่ฉันเห็นนี่มันสวนทางกับพี่เหนืออย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ที่ฉันเดินลงจากรถและเดินเข้ามา สองข้างทางล้วนประดับประดาไปด้วยหลอดไฟเล็ก ๆ น่ารัก ๆ หน้าประตูถูกประดับไปด้วยดอกไม้ที่ฉันชื่นชอบ ยิ่งเปิดประตูเข้ามาในร้าน ฉันยิ่งรู้สึกประทับใจ เพราะมันเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง และรูปของเรา ที่ขาดไม่ได้เลยคือป้ายคำว่า‘Anniversary 2 years’หลังจากที่เห็นทุกอย่างแล้ว และคิดถึงนิสัยของเขามันเลยทำให้ฉันตื้นตันใจจนอยากร้องออกมาแต่ก็ต้องกลั้นไว้เมื่อเขาห้าม แต่พอฟังเขาพูดประโยคพวกนั้นจบฉันก็ไม่สามารถกักเก็บความรู้สึ
“พี่เหนือ นี่จะพาทิพย์ไปไหนคะ ไม่เห็นบอกเลยอยู่ดี ๆ ก็บอกให้แต่งตัว”น้ำทิพย์ถามผม เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของเรา ผมจึงจะพาเธอไปยังที่แห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้เราอยู่ที่คอนโดครับ ผมกับน้ำทิพย์กลับมาจากบ้านสวนได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว กลับมากรุงเทพเราก็ใช้ชีวิตไปตามปกติอ้อ ผมไม่ได้อยู่กับเธอตลอดเวลานะครับ เพื่อเป็นการให้เกียรติเธอและทางครอบครัว ผมจะมานอนกับเธอที่ห้องหรือให้เธอไปนอนที่ห้องกับผมแค่อาทิตย์ละสามวันเท่านั้นนอกจากนี้ผมยังให้คุณแม่ของผมคุยเรื่องการหมั้นหมายของผมกับเธอไปคร่าว ๆ ทางโทรศัพท์กับคุณพ่อคุณแม่ของเธอแล้วด้วยก่อนผมจะกลับกรุงเทพนั่นเองซึ่งผลจากการที่ผู้ใหญ่คุยกันเรื่องนี้นั้นได้ข้อสรุปว่า หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่กลับกรุงเทพแล้ว พวกท่านจะคุยเรื่องนี้และข้อตกลงกันต่าง ๆ กันอีกที ซึ่งผมและน้ำทิพย์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะถือว่าได้บอกความต้องการของตัวเองออกไปแล้ว ต่อไปก็ให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เขาคุยและตกลงกัน“อ้าวพี่เหนือถามไม่ได้ยินเหรอคะ จะไปไหน” น้ำทิพย์ถามผมหน้ายุ่ง“พาไปที่ที่สำคัญของเราสองคนไงครับ”ผมตอบเธอพร้อมกับยิ้ม น้ำทิพย์ย่นคิ้วคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า“จะพา
ระหว่างทาผมก็ถามพนักงานชายไปด้วยว่าทำแบบนี้ทำไม ซึ่งคำตอบที่ได้รับทำให้ผมตาโตด้วยความไม่เชื่อ เพราะพนักงานคนนั้นบอกว่าถ้าทาแป้งและขี้เถ้าแล้วมดแดงมันจะไม่กัด เป็นความเชื่อที่คนโบราณทำสืบต่อกันมา ซึ่งพอเวลาผ่านไปการทำแบบนี้ก็เริ่มไม่มีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพนักงานของที่นี่เขาค่อนข้างจะเชื่อคำคนโบราณจึงได้เอามาทำที่ไร่นี้ พอว่าที่พ่อตามาเห็นและรู้ว่าได้ผลจึงไม่ได้ห้ามตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะได้ผลจริง แต่พอขึ้นไปบนต้นมะม่วงแล้วก็ต้องชะงัก เพราะสิ่งที่ผมไม่เชื่อกลับสามารถได้ผลดี แต่ใช่ว่าจะไม่โดนกัดเลย มันก็มีกัดบ้างแต่ไม่เท่ากับสามต้นแรกที่ผมไม่ได้ทาพวกมันแล้วขึ้นไปเก็บเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคล สำหรับผมแล้วผมเชื่อครับเพราะมันใช้ได้จริงหลังจากเก็บมะม่วงสองต้นสุดท้ายเสร็จแล้วผมกับว่าที่พ่อตาก็กลับมาอาบน้ำที่บ้านก่อนจะมานั่งทานข้าวที่ถูกเตรียมไว้แล้วมื้ออาหารกลางวันเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ไม่มีเสียงกระทบกระทั่งกันไปมาของผมและคุณพ่อของน้ำทิพย์ถึงผมจะค่อนข้างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะไม่ต้องการจุดฉนวนให้ตัวเองโดนเล่นง
หลังจากที่เมื่อวานได้เปิดอกเปิดใจคุยกับคุณพ่อของน้ำทิพย์แล้ว วันนี้ผมก็ต้องมาทำงานใช้แรงงาน เพราะว่าที่พ่อตาท่านบอกว่าจะมานั่งกินนอนกินไม่ได้ จะมาอยู่ก็ต้องมาช่วยกันทำงาน แม้ว่าที่บ้านสวนจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของพวกท่านก็ตามแต่พวกท่านก็ไม่ได้พักอย่างที่ใครคิด การพักผ่อนของพวกท่านคือการใช้ชีวิตชาวสวน วันนี้ผมจึงต้องมายืนสอยมะม่วงบ้าง ปีนต้นมะม่วงจนมดแดงกัดอยู่แบบนี้ไงครับ“ใช่ ๆ พวงนั้นแหละ ลูกมันดก ขนาดกำลังกิน”เสียงของว่าที่พ่อตาตะโกนส่งมาไม่ขาดสาย ในขณะที่ผมทั้งตัดพวงมะม่วง ทั้งปัดป่ายมดแดงที่ขึ้นอยู่ตามตัวและก็ไอ้มดแดงที่กำลังกัดผมอยู่นี่แหละ ที่ผมกินไข่ของพวกมันเมื่อวานนี้เห็นแบบนี้ก็อดยอมรับนับถือคนงานไม่ได้ที่ต้องมายืนแหงนคอสอยรังของมดแดง เพื่อที่จะนำไข่ของมันไปประกอบอาหารขนาดผมปีนต้นไม้เพื่อเก็บมะม่วงยังโดนกัดขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่ากว่าพวกเขาจะสอยได้แต่ละรังกว่าจะได้ไข่มาต้องลำบากกันขนาดไหน“มัวคิดอะไรอยู่ บอกเอาพวงนั้น พวงนั้น”“ผมก็ตัดอยู่นี่ไงครับว่าที่พ่อตา อย่าเร่งสิครับ มดมันกัดผมอยู่” ผมตะโกนโต้กลับกับคนที่ยืนชี้นิ้วสั่งผมอยู่ด้านล่าง“ผิวหนังด้าน ๆ อย่าง
บ้านสวนของน้ำทิพย์มีคนอยู่ไม่มากนัก จะมีแค่คุณพ่อคุณแม่ของเธอที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจตามเวลาที่สะดวก มีน้ำทิพย์ และคนสวนที่ดูแลที่นี่เพียงสองคน คนดูแลบ้านอีกสองคน หลัก ๆ แล้วคนที่อยู่ที่นี่แค่สี่คนเท่านั้น ส่วนลุงเชิดกับป้าชมนั้นเป็นสามีภรรยากัน ลุงเชิดเป็นคนขับรถส่วนป้าชมเป็นหัวหน้าแม่บ้านและเป็นคนสนิทของคุณแม่ของน้ำทิพย์ด้วยเช่นกันอ้อ ผมลืมบอกไปที่เรียกว่าบ้านสวน เพราะบริเวณรอบบ้านของเธอล้วนปลูกผักผลไม้ทั้งสิ้น ยิ่งถ้าเป็นที่ดินด้านหลังบ้านที่ถัดออกไปอีกไม่ไกล มีเพียงคลองส่งน้ำเล็ก ๆ ขวางกั้นเท่านั้นเพียงก้าวข้าวสะพานไม้ที่ทำไว้ก็จะเจอกับสวนมะม่วงที่ให้คนงานลงปลูกไว้ขึ้นเต็มไปหมดผมโชคดีที่หน้านี้มะม่วงกำลังติดลูก คิดว่าคงจะได้เดินไปชมสวนของบ้านเธอแน่ ๆ ครับ เพราะนอกจากจะปลูกไว้กินแล้วเนี่ย ทางบ้านของน้ำทิพย์ยังส่งมะม่วงให้ตลาดในตัวอำเภอเพื่อขายอีกด้วย“เหม่ออะไรอยู่ ไปได้แล้วลูกเมียฉันรอ ไร้มารยาทจริง”ผมหลุดจากความนึกคิดของตัวเองแล้วเขม่นตามองว่าที่พ่อตาที่เดินนำออกไปไกลแล้ว จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามท่านไปบ้าง“ขอโทษที่มาช้าครับ” ผมรีบพูดทันที เพราะคุณแม่ของน้ำทิพย์กำลังนั่งรออยู่จ
“เจ้าบ้านเขาไม่ต้อนรับก็ยังจะหน้าด้านอยู่อีก” คำกล่าวทักทายแรกหลังจากที่ออกมาจากห้องพัก ก็โดนพ่อตากระแหนะกระแหนใส่ซะแล้ว“คุณพ่อครับ ถ้าไม่เต็มใจต้อนรับผมจะได้พักที่ห้องข้าง ๆ ทิพย์เหรอครับ”“ใครพ่อแก!”“อา... ลืมไปว่าไม่ใช่ งั้นคงต้องเรียกว่า...”“ว่าอะไร”“พ่อตา”“ไอ้เหนือ!”ผมพูดเสร็จก็รีบพาตัวเองเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านทันที โดยไม่สนใจคนที่กำลังทำหน้าราวกับจะฆ่าคนของคุณพ่อตาสักนิด แถมยังมียิ้มให้ก่อนจะเดินออกมาด้วย“คุณนทีเป็นอะไรคะ เสียงดังมาถึงข้างล่าง” คุณแม่ของน้ำทิพย์เดินมาชะเง้อขอถามตรงตีนบันได ซึ่งสวนกับที่ผมเดินลงไปพอดีผมยิ้มให้ท่านแล้วเดินจากมา แต่พอมาถึงโซฟาก็เจอน้ำทิพย์ยืนกอดอกขมวดคิ้วอยู่“เป็นอะไรครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”“ทิพย์ต่างหากที่ควรถามพี่เหนือว่าเป็นอะไรถึงได้กวนคุณพ่อ จนคุณพ่อเสียงดังแบบนี้”“พี่เปล่าทำอะไรสักหน่อยนะครับ” ผมตีหน้าซื่อตาใสไม่ยอมรับ“พี่เหนือ เราคบกันอยู่แล้วทำไมทิพย์จะไม่รู้สันดาน เอ๊ย!นิสัยของพี่เหนือล่ะคะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงหน่อยสิคะ”“โธ่... ที่รักก็คุณพ่อของทิพย์ท่านชอบว่าพี่นี่”“แต่ถ้าพี่เหนือยอมท่านปล่อยเวลาไปสักพัก ให้ท่านได้มีเวลายอมร