“รักแล้วมึงทำให้เขาเสียใจทำไม ให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าเขาทำไม ปล่อยมือเขาทำไม ไอ้เหนือนะไอ้เหนือ กูว่ามึงพลาดแล้วล่ะ”
“ยังไง” ผมถามไอ้ดินที่ยังคงพูดอะไรกำกวมในประโยคสุดท้าย แต่มันก็ไม่ยอมพูดอะไร ผมจึงเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง
“มึงคิดว่ากูอยากปล่อยมือเขาเหรอ เป็นเขาที่บอกเลิกกู เป็นเขาที่หันหลังให้กู ทุกวันนี้กูก็พยายามตามง้อขอคืนดีอยู่พวกมึงก็เห็น”ผมพูดออกมาอย่างอัดอั้น
ผมยอมรับว่าผมผิดที่ละเลยเธอ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่น้องดากลับเข้ามาในชีวิตผมใหม่ ๆ ด้วยความที่ผมไปอยู่คอนโดไม่ได้อยู่บ้าน บวกกับการที่ผมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ทำให้น้องดาติดต่อผมไม่ได้
แต่เมื่องานวันเกิดแม่ผมปีนั้นผมกลับไปหาท่านที่บ้าน จึงทำให้เจอน้องดาอยู่ที่นั่นด้วย น้องดาจึงขอแลกเปลี่ยนเบอร์กับผม ผมเห็นว่าเป็นน้องจึงให้ไปด้วยความที่ไม่คิดอะไร หลังจากวันนั้นเราสองคนก็ติดต่อกันบ่อยขึ้นและก็ทำให้ผมต้องทะเลาะกับน้ำทิพย์อย่างที่ทุกคนทราบนั่นแหละ
“กูถึงบอกไงว่ามึงพลาด” ไอ้ดินยังคงพูดประโยคเดิม
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ กูคงไม่ให้มันเป็นแบบนี้หรอก” ผมพูดเศร้า ๆ กับตัวเอง เพื่อน ๆ ผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก พวกมันนั่งเงียบ ๆ เท่านั้น
“แล้วมึงจะทำยังไงต่อไป” ไอ้วินเป็นคนพูด ซึ่งเพื่อนอีกสองคนที่เหลือก็มองผมด้วยสายตาตั้งคำถามไม่แพ้กัน
“ถามได้ กูก็จะไปทวงของของกูคืนสิ” ผมตอบพวกมันด้วยความไม่พอใจ ช่างกล้าตั้งคำถามกับผมจริง ๆ ถามไม่คิด!
“มึงมั่นใจว่าจะทวงคืนมาได้” ผมพยักหน้าให้ไอ้วิน
“แต่น้องทิพย์บอกเลิกมึงนะ”
“แล้วไง ของของกูยังไงก็เป็นของกูอยู่วันยังค่ำ แล้วที่สำคัญน้องมันบอกเลิกกูแต่ไม่ได้หมายความว่ากูจะเลิกด้วยสักหน่อยนี่” ผมตอบไอ้ดินไปตามที่คิด
“หน้าด้านจริง ๆ” ผมตวัดสายตาไปมองไอ้พายุแล้วสะบัดหน้าหนีมัน
เหอะ ผมควรน้อยใจไหม เพื่อนแต่ละคนช่างให้กำลังใจผมกันเหลือเกิน
“หวังว่าจะทันนะไอ้เหนือ” ผมขมวดคิ้วมองไอ้ดินด้วยความไม่เข้าใจกับคำพูดของมัน
“พวกมึงหมายความว่ายังไง มีอะไรก็บอกกูมาตรง ๆ ไม่ใช่พูดให้กูสงสัยและไม่เข้าใจแบบนี้”
ผมถามพวกมันด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เพราะพวกมันพูดกำกวมกับผมมาสองครั้งแล้ว เหมือนพวกมันรู้อะไรแต่พวกมันไม่บอกผม
“เอาไว้มึงจะรู้เอง พวกกูไม่พูดหรอก แล้วก็นะ หวังว่ามึงจะมีสติ กูกลับละ ฝันดีนะมึงไอ้เหนือ”
ไอ้วินพูดจบพวกมันก็ออกจากห้องผมไป
เข้าใจถูกแล้ว พวกเราทั้งหมดเข้ามาพูดคุยกันที่คอนโดของผม เมื่อพวกมันได้คำตอบที่มันอยากรู้แล้วก็แยกย้ายกลับไปหาคนที่พวกมันรัก เหอะ อิจฉาจริง!
ตอนนี้ภายในห้องจึงเหลือผมอยู่คนเดียว...
เมื่อไม่รู้จะทำอะไร จึงตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำก่อนจะกลับออกมานอนที่เตียงกว้างของผม มองไปที่ด้านข้างของเตียงที่เคยมีร่างของใครบางคนนอนอยู่ตรงนี้ก็ยิ่งคิดถึงคืนวันเก่า ๆ วันที่เรายังคบกันอยู่
แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะไม่ว่าอย่างไรผมก็จะทวงเธอกลับมาอยู่ข้างกายให้ได้ ต่อให้เธอจะบอกเลิกอีกกี่พันครั้งก็ตาม
ก็อย่างที่ผมเคยพูดกับเพื่อนไป เธอบอกเลิกผมใช่ว่าผมจะเลิกกับเธอสักหน่อย เป็นเธอที่คิดเองเออเอง
ตอนนี้ก็ให้เวลาเธอได้อิสระกับชีวิตบ้าง เพราะถ้าผมได้เธอคืนกลับมาเมื่อไหร่ วันนั้นผมจะขังเธอไว้ติดกับตัวเองแน่ ผมรับรอง!
คิดได้ดังนั้นจึงหลับไปด้วยความสบายใจ...
เช้าวันใหม่
ผมตื่นขึ้นมาด้วยความสบายใจและสดชื่นเป็นอย่างมาก เพราะผมมั่นใจว่าวันนี้ผมต้องเจอกับน้ำทิพย์อย่างแน่นอน
ผมอาบน้ำกินข้าวก่อนออกจากคอนโดและขับรถตรงไปที่มหาวิทยาลัยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ผมไม่ได้บ้า เพียงแต่ว่ามันมีความสุขที่กำลังจะได้เจอคนที่ผมรักและคิดถึงเท่านั้นเอง
ถามว่าทำไมผมถึงมั่นใจว่าวันนี้จะเจอเธอ เพราะวันนี้เธอลงเรียนวิชาเลือกไว้ และผมก็เลือกลงด้วยเช่นกัน แม้ว่าผมจะอยู่ปี 4 ที่ต้องออกฝึกงาน แต่อย่าลืมนะว่าปี 4 ก็ยังคงมีคาบวิชาที่ต้องเข้าเรียนเช่นกัน
คาบวิชาเรียนที่ว่าเป็นการเรียนรวมไม่จำกัดระดับชั้น เป็นวิชาเสรี และผมรู้มาว่าในเทอมสองนี้ น้ำทิพย์และเพื่อนได้ลงเรียนวิชานี้ด้วย ซึ่งผมก็ตัดสินใจลงตาม อ้อ ไม่ใช่แค่ผมหรอกนะที่ลงวิชานี้ เพื่อนอีกสามตัวของผมก็เช่นกัน ถึงบางคนคะแนนเกรดจะครบแล้วบ้าง แต่ก็ยังเลือกลงเรียนอยู่ดี
เพราะอะไร? คำตอบคือตามมาเฝ้าแฟน!
เมื่อถึงมหาวิทยาลัยแล้ว ผมจึงได้เดินไปที่ห้องเรียนดังกล่าว ภายในห้องยังเรียนมีนักศึกษาอยู่สามสี่คน เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาสอนคนยังไม่มาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ผมเลือกไปนั่งอยู่ด้านหลังห้องมุมลับสายตาสักหน่อย แต่จับจ้องไปทางเข้าประตูได้ง่าย เพื่อที่จะได้สะดวกต่อการมองหาคนที่ผมแสนคิดถึง
เวลาล่วงเลยเกือบจะถึงเวลาสอน ในที่สุดคนที่ผมเฝ้ารอก็มาถึง เธอเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนผมและเพื่อนเธอ แน่นอนว่าเธอไม่เห็นผม หรือเห็นแต่ไม่สนใจผมก็ไม่สามารถทราบได้
กลุ่มของพวกเธอทั้งหมดไปนั่งช่วงกลางห้อง ผมเห็นข้าง ๆ เธอมีโต๊ะว่างอยู่ จึงได้ทำเนียนเดินเข้าไปนั่งและรวมกลุ่มด้วย
แต่ถึงแม้ว่าผมจะมานั่งอยู่ข้าง ๆ เธอแล้ว เธอก็ยังคงไม่สนใจผมอยู่ดี ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกเสียใจนิดหน่อย ย้ำว่านิดหน่อย แค่รู้สึกน้อยใจเล็ก ๆ เท่านั้น
เวลาดำเนินไปเรื่อย ๆ จนอาจารย์ผู้สอนเข้ามาและสอนจนหมดคาบ ผมก็ยังไม่ได้รับความสนใจจากเธอ!
หมับ!
และเมื่อเห็นว่าเธอลุกจากโต๊ะและกำลังจะเดินออกไปหลังจากที่อาจารย์สอนจบแล้ว ผมจึงได้คว้าหมับที่ข้อมือของเธอ เธอหันมามองผมด้วยสายตาว่างเปล่าเรียบเฉย ใจผมกระตุกวูบ แต่ก็ยังพยายามทำใจดีสู้เสือ
จนกระทั่งสายตาเห็นบางอย่างสวมอยู่ที่นิ้วของเธอ นิ้วนางข้างซ้าย!
คำพูดที่กำลังจะเอ่ยออกไปกลับถูกกลืนลงลำคออย่างรวดเร็ว มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอสวมแหวนนิ้วนางข้างซ้าย นี่ผมพลาดอะไรไป...
ฉันผละออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพี่เหนือ ก่อนจะเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วยิ้มให้เขาอย่างมีความสุขที่สุดตอนแรกที่เขาบอกว่าอย่าร้อง ฉันก็กะว่าจะไม่ร้องไห้นั่นแหละ แต่ใครมันจะไปอดทนได้เล่า ในเมื่อเขาน่ารักขนาดนี้คิดดูสิบรรยากาศภายในร้าน และอะไรต่าง ๆ ที่เขาทำวันนี้เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงทั้งสิ้นว่าเขาจะทำ เพราะสิ่งที่เขาทำวันนี้มันตรงกันข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิญพี่เหนือไม่ใช่คนที่โรแมนติก เขาค่อนข้างที่จะเป็นคนที่มีนิสัยไม่ยอมคน สายเอาแต่ใจ ที่สำคัญเขาหื่นมาก เพราะฉะนั้นการจัดตกแต่งร้านแบบน่ารัก ๆ ที่ฉันเห็นนี่มันสวนทางกับพี่เหนืออย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ที่ฉันเดินลงจากรถและเดินเข้ามา สองข้างทางล้วนประดับประดาไปด้วยหลอดไฟเล็ก ๆ น่ารัก ๆ หน้าประตูถูกประดับไปด้วยดอกไม้ที่ฉันชื่นชอบ ยิ่งเปิดประตูเข้ามาในร้าน ฉันยิ่งรู้สึกประทับใจ เพราะมันเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง และรูปของเรา ที่ขาดไม่ได้เลยคือป้ายคำว่า‘Anniversary 2 years’หลังจากที่เห็นทุกอย่างแล้ว และคิดถึงนิสัยของเขามันเลยทำให้ฉันตื้นตันใจจนอยากร้องออกมาแต่ก็ต้องกลั้นไว้เมื่อเขาห้าม แต่พอฟังเขาพูดประโยคพวกนั้นจบฉันก็ไม่สามารถกักเก็บความรู้สึ
“พี่เหนือ นี่จะพาทิพย์ไปไหนคะ ไม่เห็นบอกเลยอยู่ดี ๆ ก็บอกให้แต่งตัว”น้ำทิพย์ถามผม เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของเรา ผมจึงจะพาเธอไปยังที่แห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้เราอยู่ที่คอนโดครับ ผมกับน้ำทิพย์กลับมาจากบ้านสวนได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว กลับมากรุงเทพเราก็ใช้ชีวิตไปตามปกติอ้อ ผมไม่ได้อยู่กับเธอตลอดเวลานะครับ เพื่อเป็นการให้เกียรติเธอและทางครอบครัว ผมจะมานอนกับเธอที่ห้องหรือให้เธอไปนอนที่ห้องกับผมแค่อาทิตย์ละสามวันเท่านั้นนอกจากนี้ผมยังให้คุณแม่ของผมคุยเรื่องการหมั้นหมายของผมกับเธอไปคร่าว ๆ ทางโทรศัพท์กับคุณพ่อคุณแม่ของเธอแล้วด้วยก่อนผมจะกลับกรุงเทพนั่นเองซึ่งผลจากการที่ผู้ใหญ่คุยกันเรื่องนี้นั้นได้ข้อสรุปว่า หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่กลับกรุงเทพแล้ว พวกท่านจะคุยเรื่องนี้และข้อตกลงกันต่าง ๆ กันอีกที ซึ่งผมและน้ำทิพย์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะถือว่าได้บอกความต้องการของตัวเองออกไปแล้ว ต่อไปก็ให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เขาคุยและตกลงกัน“อ้าวพี่เหนือถามไม่ได้ยินเหรอคะ จะไปไหน” น้ำทิพย์ถามผมหน้ายุ่ง“พาไปที่ที่สำคัญของเราสองคนไงครับ”ผมตอบเธอพร้อมกับยิ้ม น้ำทิพย์ย่นคิ้วคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า“จะพา
ระหว่างทาผมก็ถามพนักงานชายไปด้วยว่าทำแบบนี้ทำไม ซึ่งคำตอบที่ได้รับทำให้ผมตาโตด้วยความไม่เชื่อ เพราะพนักงานคนนั้นบอกว่าถ้าทาแป้งและขี้เถ้าแล้วมดแดงมันจะไม่กัด เป็นความเชื่อที่คนโบราณทำสืบต่อกันมา ซึ่งพอเวลาผ่านไปการทำแบบนี้ก็เริ่มไม่มีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพนักงานของที่นี่เขาค่อนข้างจะเชื่อคำคนโบราณจึงได้เอามาทำที่ไร่นี้ พอว่าที่พ่อตามาเห็นและรู้ว่าได้ผลจึงไม่ได้ห้ามตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะได้ผลจริง แต่พอขึ้นไปบนต้นมะม่วงแล้วก็ต้องชะงัก เพราะสิ่งที่ผมไม่เชื่อกลับสามารถได้ผลดี แต่ใช่ว่าจะไม่โดนกัดเลย มันก็มีกัดบ้างแต่ไม่เท่ากับสามต้นแรกที่ผมไม่ได้ทาพวกมันแล้วขึ้นไปเก็บเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคล สำหรับผมแล้วผมเชื่อครับเพราะมันใช้ได้จริงหลังจากเก็บมะม่วงสองต้นสุดท้ายเสร็จแล้วผมกับว่าที่พ่อตาก็กลับมาอาบน้ำที่บ้านก่อนจะมานั่งทานข้าวที่ถูกเตรียมไว้แล้วมื้ออาหารกลางวันเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ไม่มีเสียงกระทบกระทั่งกันไปมาของผมและคุณพ่อของน้ำทิพย์ถึงผมจะค่อนข้างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะไม่ต้องการจุดฉนวนให้ตัวเองโดนเล่นง
หลังจากที่เมื่อวานได้เปิดอกเปิดใจคุยกับคุณพ่อของน้ำทิพย์แล้ว วันนี้ผมก็ต้องมาทำงานใช้แรงงาน เพราะว่าที่พ่อตาท่านบอกว่าจะมานั่งกินนอนกินไม่ได้ จะมาอยู่ก็ต้องมาช่วยกันทำงาน แม้ว่าที่บ้านสวนจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของพวกท่านก็ตามแต่พวกท่านก็ไม่ได้พักอย่างที่ใครคิด การพักผ่อนของพวกท่านคือการใช้ชีวิตชาวสวน วันนี้ผมจึงต้องมายืนสอยมะม่วงบ้าง ปีนต้นมะม่วงจนมดแดงกัดอยู่แบบนี้ไงครับ“ใช่ ๆ พวงนั้นแหละ ลูกมันดก ขนาดกำลังกิน”เสียงของว่าที่พ่อตาตะโกนส่งมาไม่ขาดสาย ในขณะที่ผมทั้งตัดพวงมะม่วง ทั้งปัดป่ายมดแดงที่ขึ้นอยู่ตามตัวและก็ไอ้มดแดงที่กำลังกัดผมอยู่นี่แหละ ที่ผมกินไข่ของพวกมันเมื่อวานนี้เห็นแบบนี้ก็อดยอมรับนับถือคนงานไม่ได้ที่ต้องมายืนแหงนคอสอยรังของมดแดง เพื่อที่จะนำไข่ของมันไปประกอบอาหารขนาดผมปีนต้นไม้เพื่อเก็บมะม่วงยังโดนกัดขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่ากว่าพวกเขาจะสอยได้แต่ละรังกว่าจะได้ไข่มาต้องลำบากกันขนาดไหน“มัวคิดอะไรอยู่ บอกเอาพวงนั้น พวงนั้น”“ผมก็ตัดอยู่นี่ไงครับว่าที่พ่อตา อย่าเร่งสิครับ มดมันกัดผมอยู่” ผมตะโกนโต้กลับกับคนที่ยืนชี้นิ้วสั่งผมอยู่ด้านล่าง“ผิวหนังด้าน ๆ อย่าง
บ้านสวนของน้ำทิพย์มีคนอยู่ไม่มากนัก จะมีแค่คุณพ่อคุณแม่ของเธอที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจตามเวลาที่สะดวก มีน้ำทิพย์ และคนสวนที่ดูแลที่นี่เพียงสองคน คนดูแลบ้านอีกสองคน หลัก ๆ แล้วคนที่อยู่ที่นี่แค่สี่คนเท่านั้น ส่วนลุงเชิดกับป้าชมนั้นเป็นสามีภรรยากัน ลุงเชิดเป็นคนขับรถส่วนป้าชมเป็นหัวหน้าแม่บ้านและเป็นคนสนิทของคุณแม่ของน้ำทิพย์ด้วยเช่นกันอ้อ ผมลืมบอกไปที่เรียกว่าบ้านสวน เพราะบริเวณรอบบ้านของเธอล้วนปลูกผักผลไม้ทั้งสิ้น ยิ่งถ้าเป็นที่ดินด้านหลังบ้านที่ถัดออกไปอีกไม่ไกล มีเพียงคลองส่งน้ำเล็ก ๆ ขวางกั้นเท่านั้นเพียงก้าวข้าวสะพานไม้ที่ทำไว้ก็จะเจอกับสวนมะม่วงที่ให้คนงานลงปลูกไว้ขึ้นเต็มไปหมดผมโชคดีที่หน้านี้มะม่วงกำลังติดลูก คิดว่าคงจะได้เดินไปชมสวนของบ้านเธอแน่ ๆ ครับ เพราะนอกจากจะปลูกไว้กินแล้วเนี่ย ทางบ้านของน้ำทิพย์ยังส่งมะม่วงให้ตลาดในตัวอำเภอเพื่อขายอีกด้วย“เหม่ออะไรอยู่ ไปได้แล้วลูกเมียฉันรอ ไร้มารยาทจริง”ผมหลุดจากความนึกคิดของตัวเองแล้วเขม่นตามองว่าที่พ่อตาที่เดินนำออกไปไกลแล้ว จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามท่านไปบ้าง“ขอโทษที่มาช้าครับ” ผมรีบพูดทันที เพราะคุณแม่ของน้ำทิพย์กำลังนั่งรออยู่จ
“เจ้าบ้านเขาไม่ต้อนรับก็ยังจะหน้าด้านอยู่อีก” คำกล่าวทักทายแรกหลังจากที่ออกมาจากห้องพัก ก็โดนพ่อตากระแหนะกระแหนใส่ซะแล้ว“คุณพ่อครับ ถ้าไม่เต็มใจต้อนรับผมจะได้พักที่ห้องข้าง ๆ ทิพย์เหรอครับ”“ใครพ่อแก!”“อา... ลืมไปว่าไม่ใช่ งั้นคงต้องเรียกว่า...”“ว่าอะไร”“พ่อตา”“ไอ้เหนือ!”ผมพูดเสร็จก็รีบพาตัวเองเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านทันที โดยไม่สนใจคนที่กำลังทำหน้าราวกับจะฆ่าคนของคุณพ่อตาสักนิด แถมยังมียิ้มให้ก่อนจะเดินออกมาด้วย“คุณนทีเป็นอะไรคะ เสียงดังมาถึงข้างล่าง” คุณแม่ของน้ำทิพย์เดินมาชะเง้อขอถามตรงตีนบันได ซึ่งสวนกับที่ผมเดินลงไปพอดีผมยิ้มให้ท่านแล้วเดินจากมา แต่พอมาถึงโซฟาก็เจอน้ำทิพย์ยืนกอดอกขมวดคิ้วอยู่“เป็นอะไรครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”“ทิพย์ต่างหากที่ควรถามพี่เหนือว่าเป็นอะไรถึงได้กวนคุณพ่อ จนคุณพ่อเสียงดังแบบนี้”“พี่เปล่าทำอะไรสักหน่อยนะครับ” ผมตีหน้าซื่อตาใสไม่ยอมรับ“พี่เหนือ เราคบกันอยู่แล้วทำไมทิพย์จะไม่รู้สันดาน เอ๊ย!นิสัยของพี่เหนือล่ะคะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงหน่อยสิคะ”“โธ่... ที่รักก็คุณพ่อของทิพย์ท่านชอบว่าพี่นี่”“แต่ถ้าพี่เหนือยอมท่านปล่อยเวลาไปสักพัก ให้ท่านได้มีเวลายอมร