เข้าสู่ระบบมนต์สิงหาเอ่ยออกมาเสียงเรียบ เป็นเหตุให้ทุกคนในที่นี่พร้อมใจกันเงียบเสียงของตัวเองลงไป ก่อนมีสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาแทนที่
รวมไปถึงคนแกล้งนอนหลับอยู่บนเตียงคนป่วยนี้ด้วยอีกคน….
มนต์พยัคฆ์คิดคนเดียวในใจว่า...เขาโดนของอย่างงั้นเหรอ ของที่ว่านี่สมัยนี้มันยังมีอยู่จริงใช่ไหม..แล้วใครมันช่างกล้าทำใส่เขาวะ..ห่าเอ้ย!อย่าให้กูรู้นะว่าใคร...จะเหยียบให้ตายคาตีนแม่งเลย...สัด!
กรรวียืนฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย...ไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกอะไรออกมาเลยสักนิด เธอคิดไว้แล้วว่าต้องใช่ ตอนอยู่ที่วัดใครต่อใครต่างก็มาขอให้หลวงตาของเธอแก้ให้...
ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน จนถึงตอนนี้ก็ยังมีคนเล่นของแบบนี้อยู่ทั่วไป แต่แค่ไม่มีใครรู้เท่านั้นเอง
การทำคุณไสย์ใส่กันมันเป็นการฆ่าคนโดยใช้วิธีสกปรก ถึงแม้ไม่ผิดกฎหมายแต่ก็ผิดกฎแห่งกรรมอย่างรุนแรง
สายมูตัวแม่อย่างมนต์สิงหา ย่อมรู้อยู่แก่ใจแต่ไม่เคยคิดว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของเธอได้ ในเมื่อมันได้เกิดขึ้นกับคนเป็นลูกชาย คนเป็นแม่ก็ต้องหาทางแก้ไขให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปให้ได้...ส่วนคนเป็นพ่อของเจ้าพวกนี้ก็ไม่อยู่ช่วยเสียด้วยสิ
ธรากรต้องไปดูงานของสาขาที่อยู่ในต่างประเทศถึงครึ่งเดือน ทีแรกมนต์สิงหาจะตามไปด้วยนั่นแหละ แต่เธอมีลางสังหรณ์ในตอนนั้นจึงทำให้เธอรู้สึกอยากอยู่กับลูกที่นี่ ทั้งที่โดยปกติแล้วเธอต้องตามไปช่วยงานของสามีตลอด
ลางสังหรณ์ของความเป็นแม่ย่อมแม่นยำเสมอ แล้วเวลานี้ก็มีเพียงบุตรสาวบุญธรรมของเธอเท่านั้นที่สามารถช่วยได้
“พี่เสือโดนทำของใส่ ใช่ไหมลูกกวาง?”
มนต์สิงหาหันมาเอ่ยถามเอากับลูกสาวคนเล็ก...เบนความสนใจของทุกคนให้มากองรวมกันที่กรรวีแค่เพียงคนเดียว…
กรรวีอึกอัก เมื่อมารดาบุญธรรมโยนคำถามนี้มาที่เธอตรงๆ
“เอ๊ะ!..เอ่อ..คะแม่” กรรวีตีหน้าซื่อเพราะไม่แน่ใจว่า จะตอบรับหรือปฏิเสธกลับไปดี…
ปฏิเสธคนอื่นยังพอได้ แต่กับมารดาท่านย่อมรู้ดีทุกอย่างที่กรรวีทำได้นั่นแหละ
และมนต์สิงหาก็เคยเห็นกรรวีเป็นผู้ช่วยหลวงตา ในการแก้คุณไสย์เวลาที่มีคนมาขอให้ท่านช่วยอยู่บ่อยครั้ง...
มนต์สิงหามักไปทำบุญที่วัดป่าของหลวงตาบ่อย ๆ จนได้พบกับเด็กน้อยกรรวีถึงรับเธอมาเลี้ยงดูไว้เป็นลูกอีกคน
“แม่ถามลูกกวางทำไมเหรอครับ...น้องรู้เหรอ” วาสุกรีย่นคิ้วเข้าหากัน...แล้วหันมองมารดาตอนถาม สลับกับมองหน้าของน้องสาวอย่างรู้สึกสงสัย
ในเมื่อน้องสาวของเขาเพิ่งมีอายุแค่เพียงสิบแปดปี...เธอจะรู้เรื่องแบบนี้ได้ยังไง...
หนุมานที่นั่งฟังยังอยู่นิ่งไม่ได้..ชายหนุ่มหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินมารวมกลุ่มอยู่กับพี่น้อง…
เฮอะ!น้องสาวของเขาคนนี้ มีอะไรให้อึ้งอีกแล้วละสิ...
“เอ่อ...ลูกกวาง...กวางว่า...แม่พาคุณเสือไปหาหลวงตาดีกว่า ท่านน่าจะช่วยได้นะคะ”
กรรวีไม่ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ เพียงแต่โยนทุกอย่างไปทางหลวงตา..เพื่อให้ห่างจากตัวเองมากที่สุด..
ถึงแม้เธอจะรู้ว่าสามารถช่วยเขาได้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อเจ้าตัวเขาเกลียดเธอมากมายซะขนาดนั้น
“ลูกกวาง...”
มนต์สิงหาเอ่ยเรียกกรรวีเสียงอ่อน...ก่อนจับมือลูกสาวที่เธอรักเหมือนลูกแท้ ๆ ขึ้นมากุมไว้ เธอมองประสายสายตากับคนตรงหน้าด้วยแววตาอบอุ่นจนคนเป็นลูกรู้สึกได้...
“แม่โทรไปหาแม่ชีมาแล้ว ท่านบอกว่าหลวงตาออกธุดงค์สามเดือนถึงจะกลับ ก่อนไปท่านได้สั่งแม่ชีไว้ว่า...ให้ลูกกวางใช้ตาที่สามช่วยพี่เสือได้”
“ตาที่สาม!!!”
ทั้งวาสุกรีและหนุมานต่างอุทานออกมาพร้อมกัน รวมไปถึงคนที่แกล้งหลับอยู่บนเตียงนั่นด้วย
มนต์พยัคฆ์รู้สึกตกใจตั้งแต่รู้ว่าตนโดนคนทำของใส่ แต่ครั้งนี้ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่า เมื่อได้ยินคำพูดของมารดาว่ากรรวีมีตาที่สาม
“แม่คะ...แต่ลูกกวาง”
“...แม่ขอร้อง..ลูกกวางช่วยพี่เสือนะ”
สิ่งที่กรรวีปิดบังทุกคนเอาไว้ อาจถูกเปิดเผยได้ในวันนี้ เพราะมนต์สิงหายังรู้อีกด้วยว่า กรรวีไม่ได้มีแค่ตาที่สามติดตัวมาแค่เพียงอย่างเดียว
เรื่องเหลือเชื่อขนาดนี้ มีเหรอคนขี้สงสัยแบบหนุมานจะอยู่เฉยได้...เขาจับไหล่น้องสาวทั้งสองข้างให้หันมาหา แล้วกวาดสายตามองไปทั่วใบหน้าของน้องสาวอย่างเอาเป็นเอาตาย
พลั้วะ!
นั่นจึงถูกฝ่ามือหนาของวาสุกรีตบกบาลเข้าให้ไปหนึ่งทีเพื่อเรียกสติ และด่าน้องชายตามมาให้อีกนิดหน่อย
“ไอ้ฟายลิง...แกมองหาห่าอะไรบนหน้าของน้องวะ”
“มองหาตาที่สามไงพี่...” เขาหันไปตอบพี่ชายสลับกับหันมาถามน้องสาว “ อยู่ตรงไหนเหรอลูกกวาง มีจริงใช่ป่ะวะ...” แล้วเลื่อนกลับไปหาพี่ชายอีกที “.ตบหัวผมอีกทีดิพี่ ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมครับ”
พลั้วะ!ๆ
วาสุกรีตบไปให้อีกสองทีมากกว่าคำที่ขอ....พอเป็นอย่างนั้นทำเอาหนุมานถึงกับมึนงง...
ส่วนมนต์พยัคฆ์ที่นอนหลับตา กลับกำลังครุ่นคิดว่า...
ตาที่สามอะไรนั่นเขาก็เคยได้ยินมาบ้างนั่นแหละ แต่เขาไม่สนใจและไม่เคยคิดว่ามันจะมีจริงเลยด้วยซ้ำ...ยิ่งกับเด็กคนนี้มันยิ่งไม่น่าเป็นไปได้...
“ลูกกวาง..มีน้ำมนต์ของหลวงตาในห้องพระ แม่อธิฐานแล้วลองให้คุณเสือดื่มก่อน...อาจจะช่วยได้นะคะ”
หญิงสาวแนะนำซึ่งเธอก็รู้อยู่แล้วแหละว่า น้ำมนต์ของหลวงตาสามารถช่วยได้แค่เพียงบรรเทาเท่านั้นเอง
“แม่รู้ว่ามันช่วยแค่บรรเทา...จะให้พี่เสือรอหลวงตา..ถึงตอนนั้นคงไปเฝ้ายมบาลก่อนแล้ว...คงไม่ทันแล้ว”
เสียงสั่นเครือของมนต์สิงหา บีบหัวใจของกรรวีอย่างหนัก…
ตาที่สามของเธอถูกสะกดปิดไว้ด้วยอักขระยันต์ของหลวงตา..มีเพียงเจ้าของเท่านั้นจึงจะเปิดและปิดมันได้ ซึ่งเรื่องนี้มนต์สิงหาก็รู้ดี แต่ไม่เคยเอ่ยให้ใครฟัง
กรรวีเพิ่งอายุได้สิบแปดปี หญิงสาวอยากใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป... ตั้งแต่ปิดตาที่สามไว้คราวนั้น เธอก็ไม่เคยเปิดมันอีกเลย
เธอไม่อยากรู้..ไม่อยากเห็น...ไม่อยากสัมผัสอะไรได้ทั้งนั้น ปิดตลอดชีวิตไปเลยได้ยิ่งดี ไม่อยากมีมันเลยให้ตายเถอะ!
“ลูกกวาง..มีตาที่สามจริงเหรอ...พี่ถามจริ้ง!”
หนุมานเอ่ยถามกรรวีเสียงสูง...ขณะประสานสายตากับน้องสาวเพื่อรอเอาคำตอบ...
คำตอบที่พี่ชายอีกสองคนต่างก็รอฟังเธออยู่เช่นกัน
ฟู่!
กรรวีพรูลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกหนักใจ...เรื่องเหนือธรรมชาติขนาดนั้นเธอจะพิสูจน์มันได้อย่างไร ถ้าคนๆ นั้นไม่ได้สัมผัสกับมันด้วยตัวเอง
หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถามของพี่ชาย แต่หันองศาหน้ามาเอ่ยกับมารดาเสียงอ่อย
“แม่คะ...คุณเสือเกลียดลูกกวางยังกับใส้เดือนกิ้งกือ ต่อให้เธอต้องตายก็คงไม่ยอมให้ลูกกวางช่วยหรอกมั้งคะ”
“ใช่!ฉันเกลียดเธอ...ออกไป!...โอ๊ยแม่!”
มนต์พยัคฆ์ตวาดไล่กรรวีแทรกขึ้นมา...ก่อนร้องลั่นหามารดาด้วยความเจ็บปวดในช่องท้องของตน จนนอนดิ้นทุรนทุรายแทบขาดใจอยู่บนเตียง
23.50 น.“พี่เสือ...” เสียงหวานเรียกหาเขาดังแว่วมาแต่ไกล...“หืม...เธอมาหาพี่อีกเหรอ?”มนต์พยัคฆ์ขานรับกับเอ่ยถามกลับแบบกึ่งหลับกึ่งตื่น“มารับลูกกวางสิคะ...ใกล้ถึงเวลาของเราแล้วค่ะ”“ที่ไหน...จะให้พี่ไปรับเธอได้ที่ไหน?”“พี่เสือรู้ว่าลูกกวางอยู่ที่ไหน?”สิ้นเสียงของกรรวี มนต์พยัคฆ์ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหน้าของต้นสาละ ที่ด้านบนของต้นมีดอกของมันดอกหนึ่ง กำลังมีแสงสีทองเปล่งประกายระยิบระยับสว่างวาบ ๆ และกำลังจะผละจากกิ่งลอยลงมาอย่างช้า ๆ ก่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม...เขารู้สึกตื่นเต้น ระคนประหลาดใจ แล้วก็อยากจะร้องไห้ เมื่อดอกไม้ดอกนั้นหายไป แล้วกลายเป็นหญิงสาวที่เขาโหยหามาแสนนาน..และไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้เธอคืนกลับมาอีกครั้ง“ลูกกวาง!”กรรวีโผเข้ากอดร่างสูงที่มัวแต่ยืนอึ้ง แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะกอดร่างเล็กของเธอเอาไว้อย่างแนบแน่นด้วยเช่นกันกอดกันอยู่อย่างนั้น...โดยไม่รู้ว่ามีสายตาอีกสองคู่แอบมองอยู่อย่างตกใจ...จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกของเพื่อนรัก ดังขึ้นมาจากด้านหลัง เพราะทนแอบดูอยู่ต่อไปไม่ไหว...“ไอ้เสือ!...มึงถูกผีต้นไม้นี่หลอกเอาแล้วนะ มันไม่ไช่ลูกกวางของมึงหรอก...”ชนธั
มนต์พยัคฆ์ยืนกอดอก ขณะแหงนคอมองต้นสาละที่มีความสูงราวยี่สิบเมตร ลำต้นที่มีดอกของมันทั้งตูมและผลิบานประดับอยู่ล้อมรอบจนถึงโคนต้น ส่งกลิ่นหอมละมุนชวนหลงไหล..คล้ายกับเชิญชวนให้เดินเข้าไปใกล้“ถ้ามึงคิดจะโค่นทิ้ง งั้นกูขอ”มนต์พยัคฆ์เอี้ยวคอหันมาพูดกับชนธัญ...ที่ยืนมองเขาอยู่ข้างหลัง...ก่อนจะหันกลับไปมองดอกสาละดอกหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนกับดอกนั้นที่มันหายไปมนต์พยัคฆ์กำลังจะเอื้อมมือขึ้นไปจับ แต่กิ่งของดอกไม้กลับโน้มลงมาหาเขาซะเอง“เฮ้ย!เล่นกูซะกลางวันเลย สัสเอ้ย!” ชนธัญสบถใส่ ในจังหวะที่ก้าวถอยหลังมาสองสามก้าว เพราะรู้สึกไม่ค่อยจะไว้ใจกับต้นไม้ต้นนี้ที่เขาคิดว่ามันมีผีสิง…ยิ่งเขาต่อต้านมันเท่าไหร่ ดูเหมือนกับต้นไม้ต้นนี้จะรู้ และพยายามโต้กลับมาทุกครั้ง แล้วก็ชอบทำให้เขาเห็นอะไรแปลก ๆ แบบนี้ทุกที“แต่กูชอบ..ไหนมึงบอกจะเล่า..กูรอฟังอยู่...”เมื่อถูกมนต์พยัคฆ์ทวงถาม ชนธัญจึงเริ่มเล่าให้เพื่อนฟังต่อจากนั้นว่า“เมื่อสักสองเดือนก่อน..อยู่ ๆ มันก็โผล่ขึ้นมาเอง โดยใช้ระยะเวลาเจ็ดวันในการเจริญเติบโตเป็นต้นเท่านี้ได้...ขนกูลุกไปยันขนตูด..มึงเชื่อกูมั๊ย!”มนต์พยัคฆ์เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นรับ อีกคนจึ
ต่อให้เกลียดแค่ไหน...ยังไงก็ต้องรัก...สุดท้ายก็ต้องจาก...ในที่สุดเวลาที่มนต์พยัคฆ์รู้สึกกลัวก็เดินทางมาถึง…ชายหนุ่มนั่งกุมมือของหญิงสาวอันเป็นที่รัก ไม่จากไปไหนเลยนานเป็นเวลาหลายชั่วโมง รวมไปถึงทุกคนที่พร้อมใจมารวมตัวกันอยู่ภายในห้องของกรรวี ที่ตอนนี้ดูแคบไปถนัดหญิงสาวนอนเหยียดยาวอยู่บนที่นอนนุ่ม สีหน้าดูดีขึ้นหลังจากที่พูดคุยเข้าใจกันดีแล้วทุกอย่าง รวมไปถึงการจากไปของเธอที่ใกล้จะถึงเวลาอีกในไม่กี่นาทีข้างหน้า...การจุติเป็นมนุษย์ของกรรวีไม่ได้ผ่านครรภ์ของมารดา แต่เกิดจากการสร้างกายหยาบของมนุษย์ขึ้นมา ด้วยมนตราชั้นสูงของผู้ที่มีฤทธิ์มาก...แล้วฝังดวงจิตของเธอเข้าไปไว้ในนั้น...เธอจึงไม่มีพ่อแม่...และไม่เคยถูกใครนำมาทิ้ง…มันเป็นความตั้งใจของเธอเองทั้งสิ้น...การจากไปก็เช่นกัน...มนต์พยัคฆ์ฟุบหน้าลงร้องไห้กับที่นอน เมื่อร่างบางที่เขากำลังกุมมืออยู่เริ่มสลายหายไปจนหมด และตรงตามเวลาที่เธอได้บอกเอาไว้ เหลือเพียงดอกไม้ดอกเดียวที่เธอให้เขาได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก ดอกไม้ประจำตัวของเธอ ที่มีสีชมพูอมเหลืองหรือแดง ด้านในสีม่วงอ่อนอมชมพู มีกลิ่นหอมมาก...หอมอบอวลไปทั่วห้อง ดอกไม้ที่มีเขาเป็นเจ
วาสุกรีเข้าไปรับร่างบางทันที ที่เห็นเธอก้าวเท้าออกมาจากห้องพระ ในสภาพอ่อนแรง ใบหน้าน่ารักปราศจากสีเลือด หน้าผากมนเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ บ่งบอกว่าหญิงสาวเหมือนจะไม่ไหวแต่ก็ยังฝืนใจเอ่ยกับพี่ชายทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงพร่าเครือ“คนพวกนั้นคงไม่มารบกวนครอบครัวของเราแล้วนะคะ”“ลูกกวางไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะ พี่จะเราไปพัก”หนุมานเอ่ยออกมาอย่างตะหนก เพราะเคยเห็นอาการของน้องสาวมีสภาพเดียวกันกับที่เขาเคยเห็นเธอที่บ้านโบราณในคืนนั้น…“ลูกกวางอยากไปหาพี่เสือ...พาลูกกวางไปหาพี่เสือนะคะ”วาสุกรีมองสบตากับหนุมาน ก่อนเลื่อนสายตามามองหน้าน้องสาว ที่กำลังมองเขาอยู่ก่อนแล้ว“ไอ้เสือมันสั่งไว้ว่าไม่อยากจะเจอเรา มันจะไม่ออกมาจากห้องถ้าลูกกวางยังอยู่ ”คำพูดตรง ๆ ที่ออกมาจากปากของวาสุกรีทำร้ายจิตใจกรรวีอย่างที่สุด...มนต์พยัคฆ์ไม่อยากเห็นหน้าเธอ ถึงแม้จะรู้ว่า...นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเขาและเธออย่างงั้นเหรอ?แรงสั่นไหวของน้องสาวในอ้อมแขน...บอกเขาได้ว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ มันทำให้คนเป็นพี่ชายรู้สึกปวดหัวใจแทน แอบไปรักกันลึกซึ้งขนาดนี้โดยที่ไม่มีใครรู้ แล้วจู่ ๆ ก็มารับรู้เรื่องราวของทั้งคู่เอาตอนที่ต้อง
ความเงียบถูกปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณอย่าว่าแต่มนต์พยัคฆ์ตัวชาเลย วาสุกรีกับหนุมานก็รู้สึกไม่ต่างกัน...อยากจะเดินหนีแล้วหายตัวเข้าห้องตัวเองเหมือนกับที่พี่ชายทำ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เมื่อน้องสาวยืนร้องไห้จนตัวโยน ก่อนร่างเล็กจะทรุดตัวลงนั่งยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้อยู่คนเดียววาสุกรีหันมามองหน้าน้องชายพยักหน้าให้กันอย่างทำใจ ก่อนจะพากันเดินเขาไปนั่งข้างกันกับน้องสาว เขายกมือหนาขึ้นลูบผมเธออย่างแผ่วเบา พยายามบังคับตัวเองไม่ให้อ่อนไหวมากไปกว่านี้ แล้วเอ่ยกับน้องสาวที่น่ารักเพียงคนเดียวของบ้านคนนี้ว่า“เสือมันคงยังทำใจไม่ได้ เดี๋ยวพ่อกับแม่คงไปคุยกับมันเองนั่นแหละ ว่าแต่เราเถอะ ไม่ร้องไห้แล้วได้มั๊ย?...ไหน ๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็จะไปแล้ว ”ถึงตรงนี้เสียงของวาสุกรีเริ่มสั่น...เขาหยุดพูดกับกระพริบตาถี่..เพื่อไล่รื้นน้ำตาให้ออกไป แล้วจึงเค้นสียงพูดให้เป็นคำต่อจากนั้นว่า...“เราควรจะกอดกัน ก่อนที่จะไม่มีเวลาให้กอด...เราควรจะ....”หยุด...เพื่อบังคับน้ำตาตัวเองด้วยการเงยหน้าขึ้น ให้มันไหลกลับเข้าไปในอก แล้วจึงเค้นสียงพูดให้เป็นคำต่อจนจบประโยคว่า“...เราควรจะบอกรักกัน...ก่อนจะไม่ได้พบกันอีกแล้วว่า
ธรากรทำทุกอย่างตามที่บุตรสาวแนะนำอย่างเร่งด่วน ถึงแม้จะกะทันหัน แต่พนักทุกคนต่างก็ช่วยกันอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะฉุกละหุกไปสักหน่อย แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้เหตุผลว่าทำไม? ย่างเข้าวันที่สาม สาขาในเครือของธรากรกรุ๊ปทุกที่ทั่วประเทศได้ทำบุญใหญ่เสร็จสิ้นไปแล้วทุกคนต่างเหนื่อยล้า แต่ก็รู้สึกดีใจที่ทำทุกอย่างให้แล้วเสร็จได้ทันตามเวลา และกลับมารวมตัวกันที่บ้านเหมือนเคยโดยที่ยังไม่มีใครได้รู้ว่าเหลือเวลาอีกเพียงสองวันเท่านั้น สองวันสุดท้ายที่น้องน้อยของบ้านต้องจากไปอย่างที่ไม่มีวันกลับมาวาสุกรีไม่ได้ไปกองถ่าย เขาช่วยงานบุญที่บริษัทร่วมกับพี่ ๆ อย่างเต็มที่จนสุดกำลังความสามารถมนต์พยัคฆ์แทบไม่มีเวลาได้พูดหรือคุยกับกรรวีเลยทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ ๆ ได้แต่มองตากันอย่างเข้าใจ เพราะต้องคอยหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ใครรู้หรือจับได้สิ่งที่มนุษย์ทุกคนไม่สามารถหยุดได้..นั่นก็คือเวลา...เวลาที่ต้องพลัดพรากจากกันมันใกล้เข้ามาทุกที...สีหน้าที่ดูเศร้าหมองของกรรวี ทำให้มนต์พยัคฆ์จับสังเกตุได้ เขาอยากจะถามว่าเธอกำลังทุกข์อะไร ในเมื่อสามวันที่แล้วเขายังเห็นเธอยิ้มได้อยู่เลยชายหนุ่มได้จังหวะในตอนที่เธอข