LOGIN
โรงเรียนอนุบาลบ้านหมีสีชมพู
สนามหญ้าหลังโรงเรียนยามเย็น ในช่วงเวลาหลังเลิกเรียนยังคงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่กำลังวิ่งเล่น ระหว่างรอผู้ปกครองมารับกลับบ้าน
แต่ทว่าตรงมุมหนึ่งของสนาม กลับมีเสียงสะอื้นแผ่วเบาของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ในชุดกระโปรงสีแดง ตามแบบยูนิฟอร์มของโรงเรียนดังอยู่
เด็กผู้หญิงตัวเล็กผมสีดำยาวสลวย ถูกถักเป็นเปียยาวทั้งสองข้าง แล้วติดโบสีน้ำเงินน่ารัก แต่บนใบหน้ากลับเปียกชื้นไปด้วยคราบน้ำตา มือเรียวเล็กกำสร้อยรูปดาวที่ขาดครึ่งแนบอกไว้แน่นด้วยความรู้สึกเสียใจ
“ฮ่า ๆ ๆ เห็นมั้ย มันก็แค่ของเล่นเอง!”
เด็กผู้ชายตัวโต ร่างท้วมกว่าหัวเราะเสียงดังลั่น พร้อมกับยกเศษสร้อยที่ขาดอีกครึ่งในมือ ขึ้นแกว่งไปมาอย่างเย้ยหยัน ราวกับว่าการที่ได้ทำให้อีกฝ่ายร้องไห้เป็นเรื่องสนุกสำหรับเขา
“ไม่ใช่นะ! นี่มันสร้อยของหนู แม่บอกว่ามันคือดาวของแสงเหนือ!”
เด็กหญิงร้องปฏิเสธดังลั่น ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เพื่อบอกว่าสิ่งนั้นมันคือสร้อยของเธอ มันคือของสำคัญและมันก็ไม่ใช่ของเล่นเหมือนอย่างที่อีกฝ่ายกำลังพูดออกมา
ดวงตากลมโตพยายามรวบรวมความกล้า มองอีกฝ่ายอย่างไม่หลบเลี่ยง ทั้งที่ความจริงเธอกำลังหวาดกลัว จนแทบจะกลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้ไม่อยู่ ก่อนจะพยายามยื้อแย่งสร้อยที่มีจี้ดาวกลับคืนมา แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
“สร้อยของเธอแล้วไง ก็ฉันอยากได้ ยัยเตี้ยขี้แย!”
เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นอีกครั้ง มือเล็กอ้วนพีออกแรงกระชากสร้อยอีกครึ่งจากมือเธอแทบขาด ก่อนที่ทั้งสองจะพยายามออกแรงยื้อแย่งกันไปมา ทว่าทันใดนั้น เสียงตะโกนกึกก้องจากด้านหลังก็ดังขึ้น
“หยุดนะไอ้อ้วน! จะทำอะไร!”
เดย์วิ่งพรวดเข้ามาด้วยสีหน้าขึงขังเกินวัย เขาไม่ลังเลแม้เสี้ยววินาที มือข้างหนึ่งของเขาผลักหน้าอกเด็กผู้ชายคนนั้นเต็มแรง จนร่างอ้วนท้วมเซถอยหลังเสียหลัก ก่อนที่เดย์จะง้างหมัดและชกสวนเข้าไปที่ใบหน้านั้นอย่างจัง หมัดเล็ก ๆ กระแทกเข้าที่แก้มอีกฝ่ายดัง ปึ้ก! ทำเอาเสียงหัวเราะที่ดังก่อนหน้าเงียบหายไป
“โอ๊ย! ไอ้บ้า!”
เด็กอ้วนร้องลั่น ก่อนจะพุ่งตัวกลับมาผลักเดย์อย่างเต็มแรงเพื่อเอาคืน จนทั้งสองคนล้มกลิ้งไปบนสนามหญ้า มือเล็ก ๆ ทั้งสองฝ่ายสลับกัน ฟาดฟันกำปั้นใส่กันไปมาไม่ยั้ง เสียงร้องปนเสียงหอบดังระงมไปรอบ ๆ สนาม
“มันเจ็บนะเว้ย”
“คนที่ชอบรังแกคนอื่นมันต้องโดนแบบนี้”
ไนท์ที่ยืนมองเงียบ ๆ มาตลอดก็เดินก้าวเข้ามาช้า ๆ ดวงตาคมสีดำสนิทจับจ้องสถานการณ์นิ่ง ๆ ขณะที่ฝาแฝดของเขากำลังชกต่อยอีกฝ่ายบนพื้นหญ้าจนดูเหมือนเหตุการณ์จะเริ่มวุ่นวายมากขึ้นทุกที
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะปล่อยให้เดย์จัดการเพียงลำพังต่อไปไม่ได้ เพราะถ้ายังยืดเยื้อแบบนี้ครูประจำชั้นคงเข้ามาเห็นก่อนพอดี
เขาไม่พูดพร่ำ มือเล็กเดินตรงไปคว้าคอเสื้อเด็กอ้วนแล้วกระชากออกเต็มแรง จนร่างท้วมเซล้มไปด้านข้าง ก่อนหมัดเล็กของไนท์จะฟาดลงไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายหนึ่งที แล้วแย่งสร้อยที่อยู่ในมือนั้นมา เขาไม่เหมือนเดย์ที่ชอบทำทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก แค่รีบเอาสร้อยคืนมาให้มันจบไปก็พอ ไม่เห็นต้องเอาตัวเองลงไปคลุกฝุ่นคลุกดินเลยสักนิด
“เอาของยัยเปี๊ยกคืนมา”
น้ำเสียงแผ่วเบาแต่ดังชัดเจนบอกอีกฝ่ายอย่างใจเย็น ดวงตานิ่งจ้องมองอย่างไม่เกรงกลัว จนเด็กอ้วนชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเจอสายตาคู่นั้น ร่างท้วมสั่นเฮือก แล้วรีบวิ่งหนีไปทั้งน้ำตาเพราะรู้ว่าคงสู้สองฝาแฝดนี้ไม่ได้
สนามหญ้าที่เคยวุ่นวายกลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง มีเพียงเสียงหอบแรง ๆ ของเดย์ที่ยังนั่งพยุงตัวอยู่กับพื้น ด้วยเสื้อผ้าเลอะเปรอะเปื้อนมันเต็มไปด้วยเศษหญ้าและดิน
เดย์ก้มมองดูข้อมือของตัวเองที่แดงและถลอกจากแรงยื้อ ในขณะที่ไนท์ก้มลงเก็บเศษสร้อยอีกชิ้นขึ้นมาในมือ แล้วหันมายื่นให้เด็กผู้หญิงที่ยังสะอึกสะอื้นไม่หยุด
“นี่…ของเธอยัยเปี๊ยก”
เสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงด้วยความอ่อนโยนดังขึ้น แสงเหนือค่อย ๆ ยื่นมือออกไปรับ ดวงตาที่เปียกชื้นยังสั่นระริก ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย ก่อนคลี่ยิ้มบาง ๆ ออกมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ขอบคุณนะ…ทั้งสองคนเลย”
ไนท์พยักหน้ารับนิ่ง ๆ ต่างกับเดย์ที่หันมายิ้มกว้างให้กับคนตัวเล็ก อย่างภาคภูมิใจ แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยรอยช้ำเล็ก ๆ ก็ตาม ก่อนจะเริ่มปัดเนื้อปัดตัวให้เรียบร้อยแล้วเดินตรงเข้าไปหาเธอ
“ไม่ต้องกลัวนะ ต่อไปถ้าใครแกล้งอีก พวกพี่จะช่วยเอง”
“…”
เดย์บอกกับคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน พร้อมกับใช้ปลายนิ้วปาดซับน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบา ต่างกับไนท์ที่ไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงยกมือเล็กขึ้นลูบหัวเธอเบา ๆ เท่านั้น แต่แววตาที่เคยดูเย็นชากลับอบอุ่นขึ้นมาชั่วขณะ
“แล้วทำไมทั้งสองคนหน้าเหมือนกันจังค่ะ”
“เพราะเราเป็นฝาแฝดไง พี่ชื่อเดย์”
“พี่เหรอคะ”
ดวงตากลมโต เอียงคอมอง พลางคิดสงสัยว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าตัวเองเป็นพี่ หรืออาจจะเป็นเพราะส่วนสูงของพวกเขาที่มากกว่าเธอ พวกเขาเลยได้เป็นพี่ใช่ไหม
“ใช่ ถ้าดูจากดาวบนปกเสื้อ พวกเราโตกว่าหนึ่งปี”
ทว่าทุกการสนทนายังคงเป็นเดย์ที่ค่อยตอบทุกความสงสัยให้กับเธอ พร้อมกับเผยรอยยิ้มกว้างมองดูเด็กผู้หญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกเอ็นดู ก่อนจะเริ่มอธิบายสิ่งที่เธอสงสัยอย่างใจเย็น
“อ้อค่ะ หนูชื่อแสงเหนือ”
เด็กหญิงตัวเล็กยกมือขึ้นปาดซับน้ำตาอย่างลวก ๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างไร้เดียงสา หลังจากที่เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นพี่ของเธอ แสงเหนือที่ได้รู้ชื่อของเดย์รีบหันไปมองอีกคนที่เธอยังไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร
“แล้วพี่ชื่อเดย์เหมือนกันหรือเปล่าคะ”
“ไนท์”
เสียงเรียบนิ่งของไนท์ เอ่ยออกมาอย่างเงียบ ๆ เป็นการแนะนำตัวเองในแบบที่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร เขารู้เพียงแค่ว่าหากเขาไม่พูดอะไรออกไป ใบหน้าจิ้มลิ้มนี้อาจจะมีน้ำตาอีกครั้งหากถูกขัดใจ เพราะเด็กผู้หญิงมักจะอ่อนแอและร้องไห้เก่งที่สุด
“พี่เดย์ กับ พี่ไนท์”
“…”
“อ๊ะ! มือพวกพี่แดงหมดเลย เจ็บไหมคะ”
แสงเหนือมองรอยถลอกตามข้อมือของทั้งสองคน แล้วรีบวิ่งไปเปิดกระเป๋านักเรียนที่วางอยู่ไม่ไกล ก่อนจะควานหากล่องดินสอที่อยู่ในนั้น แล้วหยิบปลาสเตอร์ลายการ์ตูนที่พกติดตัวเอาไว้ตลอดมาติดให้ทั้งคู่ด้วยมือสั่นเทา แต่ก็พยายามตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่
“พี่เป็นฝาแฝดที่หน้าคล้ายกันมากเลยค่ะ แต่...ก็ไม่เหมือนกัน”
“นี่! ยัยตัวเล็กเป็นแฝดก็ต้องเหมือนกันสิ จะไม่เหมือนได้ไง”
ใบหน้าเล็กเงยขึ้นมองตามเสียงของเดย์อีกครั้ง ก่อนจะไล่สายตามองพวกเขาทีละคนอย่างตั้งใจ ดวงตากลมโตจ้องมองพวกเขาอย่างพิจารณา พร้อมกับใช้เรียวนิ้วบางเคาะที่ปลายคางตัวเอง ในขณะที่เอียงคอไปมาเพื่อสำรวจทั้งสองคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ
“ใบหน้าเหมือน แต่ดวงตากับความรู้สึกไม่เหมือนกันค่ะ”
“เธอนี้เก่ง สมกับเป็นยัยตัวเล็กของฉันจริง ๆ”
“หึ นี่มันยัยเปี๊ยกของฉันต่างหาก”
ทว่าระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังถกเถียงกัน น้ำตาของคนตัวเล็กก็เอ่อคลอขึ้นอีกครั้ง ทว่าคราวนี้มันไม่ใช่เพราะความกลัว แต่มันเป็นความเสียใจที่สร้อยเส้นโปรดของเธอขาดออกจากกัน
“เป็นอะไรอีกยัยตัวเล็ก”
“ฮึก ๆ สร้อยของแสงเหนือขาดหมดเลยค่ะ แม่ต้องดุแสงเหนือแน่ ๆ ที่ไม่รักษาของ”
เดย์กับไนท์หันมองหน้ากัน หลังได้ยินคำอธิบายของร่างเล็กตรงหน้า ก่อนจะรีบถอดสร้อยเส้นเล็ก ๆ ของตัวเองออกมา ทั้งที่สร้อยยังมีจี้รูปพระอาทิตย์และจี้พระจันทร์เสี้ยว ห้อยแกว่งบนมือเล็ก ๆ
สร้อยเส้นเล็กของทั้งสองคนถูกถอดออก พร้อมกับยื่นมาตรงหน้าพร้อมกัน เพื่อมอบให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่กำลังสะอื้นตัวโยน
“ไม่ต้องร้องนะยัยตัวเล็ก เอาสร้อยของพี่ไปแทนก็ได้”
เดย์พูดพลางยิ้มกว้าง อย่างใจเย็นก่อนจะเอื้อมมือเล็ก ๆ ของตัวเองไปปาดซับน้ำตาบนใบหน้าของแสงเหนือ
“ใช่ อย่าร้อง หนูเอาสร้อยของพี่ไปรวมกับของหนูก็ได้ มันจะได้กลายเป็นสร้อยเส้นใหม่ที่มีทั้งจี้ดวงดาว พระอาทิตย์และพระจันทร์ไงยัยเปี๊ยก”
ไนท์เอ่ยเสียงนิ่ง มั่นคง แสงเหนือก้มมองสร้อยสองเส้นในมือ น้ำตาใสหยดลงมาไม่ขาดสาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วเผยรอยยิ้มกว้างออกมาทั้งที่สะอื้นไม่หยุด
“หนูทำแบบนั้นได้ใช่ไหมคะ ถ้ามีสร้อยแม่ก็จะไม่ดุเหนือ”
“อือ/อืม”
“แต่หนูไม่มีอะไรให้พี่ ๆนะ”
“มีสิ คำสัญญาไง งั้นเรามาทำสัญญากัน ต่อไปนี้พี่สองคนจัดการคนที่มารังแกเธอเอง ส่วนเธอก็มีหน้าที่ตอบแทนพวกพี่ด้วยการคอยทำแผลให้พวกพี่แบบวันนี้ไง”
“ค่ะ...งั้นต่อไปหนูจะทำแผลให้พี่เดย์กับพี่ไนท์เอง แล้วพอหนูโตขึ้น หนูจะไปเป็นคุณหมอที่เก่งที่สุด แล้วจะเป็นคนดูแลพี่สองคน ค่อยดูนะโตขึ้นหนูต้องทำแผลเก่งกว่านี้แน่นอน”
เดย์หัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้าให้กับความไร้เดียงสาของแสงเหนือ ไม่ต่างกับไนท์ที่ยกยิ้มขึ้นตรงมุมปากเล็กน้อยด้วยท่าทีนิ่งสงบ และมองคนตัวเล็กที่ยังคงพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด ก่อนเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำกว่าทุกครั้ง
“เป็นแค่ยัยเปี๊ยกไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก แค่สัญญาว่าจะเป็นแสงเหนือของพวกพี่สองคนตลอดไปก็พอ”
“ใช่ แค่เป็นแสงเหนือที่ส่องแสงสวย ๆ ของเราก็พอ”
เด็กหญิงชะงักไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมึนงงและไม่เข้าใจ ว่าเธอเป็นคนจะส่องแสงออกมาได้ยังไง ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างไร้เดียงสา แล้วพยักหน้ารับคำอย่างหนักแน่น หลังจากที่คิดได้ว่า เธออาจจะส่องแสงได้แบบที่ทั้งสองคนบอกจริง ๆ ก็ได้หากเธอโตขึ้น
“ได้ค่ะ หนูสัญญา หนูจะเป็นแสงเหนือที่ส่องแสงสวย ๆ ของพี่สองคนเอง”
ปลายนิ้วก้อยเล็ก ๆ ทั้งสองข้างของแสงเหนือถูกยื่นไปตรงหน้าของทั้งสองคน ก่อนจะเกี่ยวก้อยกันไว้ภายใต้ท้องฟ้ายามเย็น เป็นสายสัมพันธ์และคำสัญญาจากนิ้วเรียวเล็ก ๆ ที่เชื่อมโยงพวกเขาเอาไว้ด้วยกันอย่างไม่มีวันเลือนหาย
“มึงจะมายืนดูคลิปโป๊ เหี้ยอะไรตอนนี้”เดย์หันกลับไปถามแฝดของตัวเองที่กำลังขมวดคิ้วมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ในระหว่างที่พวกเขากำลังรอขนมและเครื่องดื่มอย่างชาเขียวปั่นกับเค้กแครอทของโปรดแสงเหนือที่ต้องมาซื้อเป็นประจำ“ดูคลิปเหี้ยอะไร กูดูพิกัดแสงเหนือ กูว่ามันแปลก ๆ ว่ะ”เดย์ที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของตัวเองขึ้นมาทันที ก่อนจะเปิดดูพิกัดและการเคลื่อนไหวของแสงเหนือที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ“เหนือไปทำอะไรที่ตึกนิเทศ”เรียวคิ้วหนาของเดย์และไนท์ ขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ ความรู้สึกสงสัยและความร้อนใจก่อตัวขึ้นมาทันที เพราะคนตัวเล็กไม่เคยไปไหนมาไหนโดยที่ไม่บอกพวกเขาแบบนี้สักครั้ง“ไอ้ซัน เครื่องดื่มกับขนมของแสงเหนือกูไว้ก่อนนะ เดียวมาเอา”“มีอะไรวะ”“กูจะรีบไปหาแสงเหนือ”ไนท์บอกกับเพื่อนสนิทตัวเองที่เป็นเจ้าของร้านคาเฟ่แห่งนี้ แม้ชื่อและกรรมสิทธิ์จะเป็นของหญิงสาวรุ่นน้องอย่างไอริสก็ตาม ก่อนจะพากันวิ่งออกไปด้วยท่าทางร้อนรน เพราะสัญชาตญาณของเขามันกำลังบอกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับแสงเหนือแน่นอนตึกเก่าคณะนิเทศ“ยะ อย่าเข้ามานะ”“ชูว์ ไม่ต้องร้อง มันไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลยคนส
แสงเหนือยังคนก้มหน้าดูบางสิ่งบนหน้าจอไอแพดอย่างตั้งอกตั้งใจ หลังจากมีการแจ้งยกคลาสในช่วงบ่าย ทำให้เธอต้องมานั่งรอฝาแฝดที่ใต้ตึกพร้อมกับเพื่อนสนิทอย่างน้ำอุ่นที่อาสามานั่งรอเป็นเพื่อน“เหนือกำลังดูอะไรอยู่เหรอ”“อ้อ เหนือดูสูตรน้ำแซนวิส ว่ามีแบบไหนน่าสนใจบ้าง เมื่อคืนพวกพี่เขาบอกว่าอยากทานนะ”หญิงสาวตอบกลับเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างไม่ได้ใส่ใจ แต่ใบหน้ากลับเห่อร้อนจนเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ หลังจากพูดออกไปตามความคิดตัวเอง ก็อดจะนึกถึงตอนที่เขาร้องขอให้เธอทำแซนวิสให้ทานไม่ได้“แซนวิสเหรอ” “อือ”น้ำอุ่นที่ยังคงจ้องมองใบหน้าที่แดงระเรื่อของเพื่อนสนิท พร้อมความรู้สึกคับแค้นเต็มอก ที่ดูเหมือนว่าเธอจะทนไม่ไหวอีกต่อไป แค่ได้เห็นใบหน้านั่น เธอก็พอเดาออก ถึงที่มาคำขอนั่นว่ามันเกิดขึ้นในช่วงเวลาไหน เพราะไม่งั้นคนตรงหน้าเธอ คงไม่หน้าแดงระเรื่อแบบนี้หรอกหากแต่ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ ทำไมคนที่สมหวังต้องเป็นแสงเหนือเพียงแค่คนเดียว ทำไมคนนั้นถึงไม่ใช่เธอ ทำไมต้องเป็นหญิงสาวธรรมดา ๆ ที่ไม่ได้พิเศษอะไร ไม่รู้แม้กระทั่งความหมายของคำคำนั้นสุดท้ายน้ำอุ่นจึงได้ตัดสินใจส่งข้อความออกไปหาใครบางคนแ
“เหนือจะมีความสุขมากกว่าเดิมครับ พี่สัญญา”“อ่าส์ พี่เดย์ขามันเสียว”เรียวนิ้วแกร่งขยับเข้าออกช้า ๆ จากหนึ่งเปลี่ยนมาเป็นสองนิ้ว เพื่อค่อย ๆ ให้คนตัวเล็กได้ปรับตัว รับแก่นกายที่มีขนาดใหญ่ของเขาสายตาคมมองสบตาอย่างรู้กัน ไนท์ถอดถอนตัวตนแกร่งของตัวเองออก แล้วทาบริมฝีปากหนาประกบเข้ามาแทนที่ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคนตัวเล็กขณะมือหนายังทำหน้าที่กอบกุมก้อนเนื้อนุ่มนิ่มแล้วบีบเคล้นอย่างเพลินมือ ก่อนจะปรายตามองคู่แฝดของตัวเองที่บีบชโลมลำแกร่งด้วยเจลหล่อลื่นจนเปียกชุ่ม“อื้มมมมมมมมมม”เสียงหวีดร้องดังออกมาในลำคอ แม้ในขณะที่ริมฝีปากยังถูกทาบปิดอยู่ หยาดน้ำตาลเอ่อคลอทันที เมื่อร่างสูงดันแท่งเอ็นร้อนเข้าไปในรูรักด้านหลังที่ปิดสนิทช้า ๆ จนสุดลำ“อ่า ตอดเอ็นพี่แทบขาดแล้วยัยตัวเล็ก”“…”ร่างแกร่งเป่าผ่อนลมหายใจออกทางปาก เพื่อระบายความเสียวกระสันที่ทำเอาขนลุกไปทั้งตัว แล้วปล่อยในรูรักตอดรัดเอ็นร้อนที่กดแช่ค้างไว้จนปวดหนึบ“พี่อยากให้เหนือเห็นหน้าตัวเองตอนนี้จัง ว่ามันยั่วเอ็นพี่แค่ไหน”ไนท์ผละริมฝีปากออกช้า ๆ หลังจากที่เห็นร่างบางเริ่มปรับตัวได้ ก่อนจะกดจูบซับน้ำตาที่เอ่อคลอ เพื่อปลอบประโลมอย่างอ่
“ถ้างั้น พี่ ๆ ช่วยเหนือเปลี่ยนชุดนี้ให้หนูหน่อยได้ไหมคะ หนูอยากใส่มันกับพี่สองคน”เสียงเธอสั่นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งที่เธอก็พยายามบังคับน้ำเสียงพูดให้ดูเป็นปกติ แต่คนฟังกับยกยิ้มที่มุมปากอย่างถูกใจ“งั้นพี่คงต้องขอดูแล้วละ ว่าในกล่องนั้นนอกจากชุดแล้วมันมีอะไรให้พี่เล่นบ้าง”น้ำเสียงต่ำของไนท์ลากยาว จนคำสุดท้ายคล้ายคำล้อเลียน สายตาของเขามันเต็มไปด้วยอารมณ์และความต้องที่ฉายออกมาอย่างชัดเจนแสงเหนือกลืนน้ำลายเฮือก รู้สึกถึงจังหวะการบีบรัดตัวของหัวใจตัวเอง ที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากอกเธอขยับตัวถอยหลังช้า ๆ ด้วยความประหม่าจนแผ่นบางติดชิดขอบเตียง เพราะมันคือครั้งแรกที่เธอเป็นฝ่ายเชิญชวนพวกเขาก่อน“เหนือรู้ไหม ว่าพอพูดแบบนี้ มันเหมือนเหนือกำลังยั่วพี่”เสียงทุ้มต่ำราบเรียบ แต่แฝงแรงปรารถนาในทุกถ้อยคำ ทำให้หัวใจเธอสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ“รู้ค่ะ แล้วพวกพี่ไม่อยากรักหนูเหรอ”“เปลี่ยนชุดค่ะ แล้วหนูก็คลานมาหาพี่”คนตัวเล็กลุกขึ้นยืน ก่อนจะค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกทีละชิ้น ทั้งที่ดวงตากลมโตยังคงมองไปยังร่างสูงอย่างไม่คิดจะหลบสายตาในเมื่อเธออยากมัดใจเขา ถึงมันจะน่าอา
หลายวันต่อมา สายฝนโปรยบาง ๆ เคล้ากับสายลมเย็นของปลายเดือน แสงเหนือยังคงใช้ชีวิตเหมือนปกติ ตื่นแต่เช้า ออกไปเรียน กลับมาทำอ่านหนังสือ จิบชาเขียวแก้วโปรด และพูดเสียงหวานนุ่มทุกครั้งที่ฝาแฝดโทรมาหา แต่ถึงอย่างนั้น เดย์กับไนท์ก็เริ่มจับสังเกตได้ถึงบางอย่างที่ ไม่ปกติ อย่างเช้าวันนี้ เมื่อนิติบุคคลโทรขึ้นมาแจ้งว่ามีพัสดุมาส่งดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม เพื่อขออนุญาตนำของขึ้นไปส่ง ก่อนที่เดย์จะเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย“พัสดุของคุณแสงเหนือครับ เซ็นรับตรงนี้เลยครับ”เด็กส่งของยื่นกล่องกระดาษสีน้ำตาลขนาดกลางมาให้ พร้อมใบเซ็นชื่อ เพียงแต่สิ่งที่เขาเห็นทำเอาต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจทันที ก่อนจะรับของสิ่งนั้นมา“ขอบคุณครับ”เดย์เลิกคิ้ว สายตากวาดมองกล่องพัสดุสีน้ำตาลที่รับมาใบตรงหน้า เป็นอีกครั้งที่พัสดุปริศนาชิ้นนี้ที่ไม่มีชื่อร้านหรือสัญลักษณ์อะไรทั้งนั้น มีเพียงสติ๊กเกอร์เขียนตัวเล็ก ๆ ว่า ของใช้ส่วนตัว โปรดอย่าเปิดโดยพลการ“ของเหนืออีกแล้ว?”เขาพึมพำในลำคอ ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดมาก แต่ช่วงหลายวันมานี้ที่คอนโดของเขามีพัสดุมาส่งแทบทุกวัน ทั้งตอนเช้า และตอนเย็น และทุกครั้งมันจะไ
เสียงเครื่องยนต์ต่ำของ Porche Panamera 4E ดังสะท้อนก้องในลานจอดรถหลังคณะวิศวะฯ ขณะที่ทุกสายตาพากันหันมามองตามด้วยความสนใจรถยนต์หรูราคาเกือบสิบล้านที่ใครหลายคนหมายปองและใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของ หากแต่ครั้งนี้มันกลับไม่ใช่แค่รถที่ทุกคนกำลังสนใจ แต่กลับพ่วงด้วยเจ้าของรถ อย่างฝาแฝดแห่งวิศวะแสงเหนือในชุดนิสิตเรียบร้อยสะอาดตา เธอก้าวลงอย่างระมัดระวัง ข้าง ๆ แฟนหนุ่มทั้งสองคนเดย์ และ ไนท์ เปิดประตูลงมายืนรออยู่ก่อนพร้อมเอกสารเรียนของเธอ ทว่าในมือของทั้งคู่ยังถือถุงใส่รองเท้าคัทชูและแก้วชาเขียวที่เธอชอบติดมือมาให้อย่างใส่ใจท่ามกลางสายลมยามเช้า พัดผ่านสนามหญ้าเบา ๆ ขณะที่ทั้งสามคนเดินเคียงข้างกันไปยังตึกคณะแพทย์“เดียวเลิกเรียนพี่มารับนะครับ”ไนท์พูดเสียงเรียบแต่แฝงความอบอุ่น ก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้าเธอ แล้ววางรองเท้าคัทชูสีดำคู่เล็กตรงปลายเท้า ให้เธอเปลี่ยนจากรองเท้าผ้าใบเป็นรองเท้าคู่ที่เหมาะกับชุดนิสิตมากกว่า“ขอบคุณค่ะ”เสียงหวานของคนตัวเล็กเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ ด้วยความเขินอาย ทำให้หัวใจคนมองอ่อนยวบกับความน่ารักสดใสนั้น“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นหอมแก้มพี่สักทีได้ป่ะ”เดย์พูดแทรกขึ้นด้







