ตอนที่ 2
น้องสาวผู้เป็นที่รักของบิดา
ระหว่างนั้นเมย์ในร่างถังซูเจียวก็นั่งรอสาวใช้อยู่ที่ห้องหนังสืออย่างเชื่อฟัง ไม่นานลี่ลี่ก็กลับมาพร้อมหมอแต่ตรวจแล้วก็ไม่เจออะไร
ก็แน่ละสินางไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย แค่ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของคนอื่นแค่นั้นเอง
หมอบอกว่าร่างกายนี้น่าจะเพลียจากการอดนอน และมีความเครียด หมอจึงจัดยาบำรุงให้เอาไว้ต้มกินแล้วหมอก็กลับไป ลี่ลี่จึงพานายสาวกลับเรือน
“คุณหนูซูเจียว!!!! คุณหนูซูเจียว!!!!” เสียงเรียกจากหน้าเรือนทำให้ถังซูเจียวคนใหม่กับลี่ลี่มองหน้ากัน นี่นางเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเองนะ
“ลี่ลี่เจ้าออกไปดูหน่อยว่าใครมา” นางบอกลี่ลี่ บ่าวตัวน้อยจึงเดินออกไปดู
ต่อไปนี้คงต้องทิ้งตัวตนเก่าไปให้หมดแล้วใช้ชีวิตเป็นถังซูเจียวแทน แต่เรื่องความแค้นเก่าก่อนก็ไม่ได้ละทิ้งนะ ถังซูเจียวคนใหม่นี้จะแก้แค้นให้เอง
“คุณหนูรองให้มาเชิญคุณหนูไปจิบน้ำชาชมดอกไม้ที่สวนด้วยกันเจ้าค่ะ” ลี่ลี่กลับเข้ามารายงาน
“หืม...ปกตินางไม่ชวนข้านี่” จากความทรงจำทุกครั้งถ้าถังซูเจินจะจิบน้ำชาที่สวน นางจะให้บ่าวคอยกันพื้นที่ไว้ไม่ให้ใครเข้าโดยเฉพาะเจ้าของร่างคนเก่า แต่วันนี้มาแปลกคงต้องไปดูเสียหน่อยแล้ว
“บ่าวว่าคุณหนูอย่าไปเลยเจ้าค่ะ” ลี่ลี่พูดอย่างเป็นห่วง
“นาน ๆ น้องสาวจะชวนสักทีข้าจะไม่ไปได้อย่างไร เจ้าเอาชุดสีเขียวอ่อนออกมาให้ข้า ข้าจะแต่งหน้าใหม่” ถังซูเจียวเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม แต่สาวใช้กลับแสดงสีหน้าหนักใจอย่างเห็นได้ชัด
โอกาสแก้แค้นแรกมาแล้วจะพลาดได้อย่างไร เมื่อแต่งตัวเสร็จทั้งนายและบ่าวก็ตรงไปที่สวนด้วยกัน
ศาลาแปดเหลี่ยมกลางสวนตอนนี้มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างหวานชื่น
ทั้งสองจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องสาวสุดที่รักถังซูเจินกับอดีตคู่หมั้นเหยียนป๋อเหวิน คุณชายรองของจวนเสนาบดีกรมโยธา
เมื่อถังซูเจียวเข้าไปใกล้ทั้งสองก็หันมามองพร้อมกัน ก่อนจะตะลึงค้าง
“คารวะคุณชายรองเหยียน เป็นเกียรติยิ่งที่ได้มาร่วมดื่มน้ำชากับคุณชายวันนี้” เอ่ยพลางย่อกายเล็กน้อย กิริยาทุกอย่างอ่อนช้อยจนคนมองไม่อาจละสายตาได้
“น้องซูเจียวลุกขึ้นเถอะคนกันเองทั้งนั้น” คุณชายรองเหยียนเอ่ย
“พี่หญิงใหญ่ไม่สบายหรือเจ้าคะ เมื่อเช้าข้าเห็นท่านหมอเข้าไปที่เรือนพี่หญิง” ถังซูเจินเอ่ยด้วยใบหน้าที่พยายามเก็บความไม่พอใจเอาไว้ขั้นสุด
“ข้าสบายดี น้องรองไม่ต้องเป็นห่วง” ถังซูเจียวตอบพลางยิ้มให้เล็กน้อย
“วันนี้น้องซูเจียวงามเป็นพิเศษเลยนะ” เหยียนป๋อเหวินเอ่ยชม ทำให้ถังซูเจินกำมือแน่นจนเล็บแทบจิกเข้าไปในเนื้อ
“คิก คิก คุณชายรองเหยียนกล่าวชมเกินไปแล้ว เดี๋ยวน้องรองของข้าจะน้อยใจเอานะเจ้าคะ” ถังซูเจียวเอ่ยแกมหัวเราะอย่างมีจริต
ทำให้คุณชายรองเหยียนหัวเราะอย่างชอบใจ เหตุใดก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้ว่าถังซูเจียวน่ารักเช่นนี้นะ ไม่เช่นนั้นคงไม่ขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเป็นถังซูเจินหรอก
“พี่หญิงใหญ่ลองดื่มชานี้ดูมั้ยเจ้าคะ ท่านอาเพิ่งได้มาจากเมืองเหนือหอมกลมกล่อมยิ่งนัก พี่หญิงคงไม่เคยดื่มชาดี ๆ เช่นนี้แน่ ”
ถังซูเจินกำลังด่าว่านางไม่มีปัญญาซื้อชาราคาแพงแบบนี้มาดื่มได้สินะ เหตุการณ์แบบนี้มันนางร้ายในซีรีย์ชัด ๆ
ลืมบอกไปว่าบ้านเดิมของฮูหยินรองเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ในเมืองหลวง แต่ก็ไม่ได้ถือว่าติดอันดับหนึ่งในห้านะ
แล้วเวลาบ้านเดินฮูหยินรองได้ของแปลกใหม่มา ก็มักจะเอามาให้ฮูหยินรองกับบุตรสาวก่อน
ตั้งแต่เด็กจนโตถังซูเจียวจึงถูกน้องสาวต่างมารดาคนนี้เอาของมาอวดต่าง ๆ นานา
ทั้งของเล่นแปลกใหม่ เสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือสิ่งของที่ราคาแพง และมักจะลงท้ายว่าเจ้าของร่างนี้ไม่มีปัญญาซื้อใช้หรอก
มารดาของร่างนี้ที่เป็นบุตรสาวขุนนางในกรมอาลักษณ์ก็ไม่มีปัญญาซื้อให้จริง ๆ นั่นแหละ ถังซูเจียวจึงได้แต่อิจฉาน้องสาวมาตลอด ช่วงหลังมาจึงทำใจได้แล้วปล่อยผ่านไป ไม่มีก็ไม่ใช้แค่นั้น
งานเลี้ยงน้ำชาในเมืองก็ไม่ได้ไป เพราะฮูหยินรองมักบอกว่านางไปจะทำให้จวนขายขี้หน้า เพราะไม่เคยเรียนเรื่องมารยาททางสังคม แต่ก็ไม่เคยจ้างครูมาสอนสักครั้ง
“ชานี้หอมจริง ๆ ข้าคงต้องหาซื้อมาไว้ดื่มบ้างแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยหลังลองจิบชาตรงหน้า
“เดี๋ยวน้องให้คนเอาไปให้ที่เรือนดีกว่าเจ้าค่ะ ท่านอาให้มาเยอะ เก็บไว้นานชาคงไม่หอมเท่าชาเก็บใหม่ แบ่งให้พี่หญิงไปบางก็ดีที่เรือนพี่หญิงคงไม่ค่อยมีชาดี ๆ ดื่มมากนัก”
“ไม่ลำบากน้องรองหรอก เจ้าเก็บเอาไว้เถอะ” ถังซูเจียวเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย ดูจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าเจ้าหลอกด่าข้าทุกคำ
“ฮึก!! ที่พี่หญิงไม่รับชาของข้าเป็นเพราะยังโกรธเรื่องที่พี่เหวินเปลี่ยนตัวคู่หมั้นเป็นข้าหรือเจ้าคะ” ถังซูเจินเอ่ยพลางสะอื้น น้ำตาก็ไหลอาบแก้มราวกับสั่งได้
ทำเอาถังซูเจียวมองอย่างทึ่งในความสามารถ แบบนี้ไปแสดงละครได้สบายเลยนะเนี่ย
“เป็นข้าที่ผิดเอง เจ้าอย่าโทษน้องซูเจินเลยนะ หากเจ้าจะโกรธก็มาลงที่ข้าเถิด” เหยียนป๋อเหวินรีบออกหน้าแก้ตัวให้คู่หมั้นตัวเองทันที อันนี้ก็อีกคนปกป้องกันอย่างกับพระเอกในซีรี่ย์
“พี่เหวินอย่าเลยเจ้าค่ะ ถ้าพี่หญิงจะโกรธข้าก็สมควรแล้ว ข้าเป็นคนที่แย่งคู่หมั้นพี่สาวเอง ฮึก! ฮื่อ!!” ถังซูเจินยังคงก้มหน้าก้มตาร้องไห้ต่อ
“น้องซูเจินอย่าร้องเลย เจ้าอภัยให้น้องสาวไม่ได้หรือ ข้าผิดเองที่ขอเปลี่ยนตัวคู่หมั้น แต่เจ้าเป็นพี่สาวแท้ ๆ จะทำให้น้องสบายใจก่อนแต่งออกไปไม่ได้เชียวหรือ” เหยียนป๋อเหวินเอ่ยตำหนิที่ถังซูเจียวใจแคบ แค่เพียงให้อภัยน้องสาวในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ยังทำไม่ได้
เมื่อครู่เขาหลงคิดว่านางน่ารักได้อย่างไร เขาคิดถูกจริง ๆ ที่ขอเปลี่ยนตัวคู่หมั้นเป็นถังซูเจินแทน
สายตาที่ใช้มองถังซูเจียวนั้นเต็มไปด้วยความตำหนิ แต่หญิงสาวยังคงนั่งนิ่งมองดูทั้งสองขอรับผิดแทนกัน
“เกิดอะไรขึ้นเหตุใดเจินเอ๋อร์ของพ่อถึงร้องไห้เช่นนี้” เสียงของรองเจ้ากรมพิธีการดังขึ้น พร้อมกับตัวคนที่เดินมาทางนี้
“ท่านพ่อไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ลูกแค่เชิญพี่หญิงมาร่วมดื่มชาด้วยกันเท่านั้นแต่วันนี้พี่เหวินมาหาลูกด้วย พวกเราจึงนั่งดื่มชาด้วยกันเจ้าค่ะ”
ถังซูเจินรีบเอ่ย แต่ใบหน้านั่นเศร้าหมองจนผู้เป็นบิดาไม่อาจเชื่อในสิ่งที่บุตรสาวกล่าวได้
“แล้วอย่างไร เหตุใดเจ้าถึงร้องไห้เช่นนี้ได้” รองเจ้ากรมพิธีการยังถามบุตรสาวคนรองต่อ แต่สายตากลับมองมาที่ถังซูเจียวด้วยสายตาหงุดหงิด
“มะ ไม่ ไม่มีแล้วเจ้าค่ะ” ถังซูเจินเอ่ยสายตาก็มองมาที่ถังซูเจียว ก่อนจะรีบหลบตาอย่างหวาดกลัว
“เจ้าทำอะไรน้อง!!!” แค่สายตาของบุตรสาวคนรอง ถังซีฮั่นก็เข้าใจแล้วว่าบุตรสาวคนโตกลั่นแกล้งน้อง
“ลูกเปล่าเจ้าค่ะ” นางตอบเสียงเรียบ บิดาเช่นนี้สมควรเป็นบิดาผู้อื่นด้วยหรือลำเอียงมาก ยังไม่ทันฟังความอีกข้างเลยก็ตัดสินความเสียแล้ว
“บังอาจ!! ไม่เช่นนั้นน้องสาวเจ้าจะร้องไห้หรือ!” เอ่ยพลางชี้หน้าบุตรสาวคนโตไปด้วย
“เรื่องมันเป็นเช่นนี้ขอรับ น้องซูเจินจะเอาชาที่ท่านอานางให้มามอบให้น้องซูเจียวแต่นางปฏิเสธ น้องซูเจินจึงเข้าใจผิดคิดว่าน้องซูเจียวยังโกรธที่ข้าขอเปลี่ยนตัวคู่หมั้นขอรับ น้องซูเจินเสียใจจึงได้ร้องไห้ออกมา”
“ข้าผิดเองท่านพ่อ เป็นเพราะข้าอ่อนไหวมากเกินไป แต่ข้ากลัวว่าพี่หญิงจะเกลียดข้า เลยอยากปรับความเข้าใจถึงได้ชวนมาดื่มชาด้วยกัน แต่ข้าเข้าใจแล้วว่าพี่หญิงเกลียดข้าจริง ๆ และคงไม่ให้อภัยข้าแล้วล่ะเจ้าค่ะ” เอ่ยจบก็ซุกหน้ากับอกบิดาแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวสั่นเทา
“ท่านอาข้าผิดเองขอรับที่เป็นสาเหตุให้พี่น้องต้องผิดใจกัน ตัวข้าพร้อมยอมรับโทษทุกอย่างแต่ข้ารักน้องซูเจินจริง ๆ นะขอรับ” เหยียนป๋อเหวินเอ่ยพลางคุกเข่าตรงหน้าท่านรองเจ้ากรมพิธีการ
ถังซูเจียวมองเห็นความพอใจในแววตาของบิดาไม่น้อย ท่านพ่อคงคาดหวังกับว่าที่บุตรเขยผู้นี้มากเลยสินะ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะท่านพี่” ฮูหยินรองที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาเอ่ยถามสามี คงมีคนไปฟ้องละสิเนี่ย
“ท่านแม่เป็นความผิดของลูกเองเจ้าค่ะ” ถังซูเจินเข้าไปกอดมารดาพร้อมกับร้องไห้อีกครั้ง
“ไม่ขอรับ เป็นข้าที่ผิดเองไม่เกี่ยวกับน้องซูเจินแม้แต่น้อย”
เหยียนป๋อเหวินเอ่ย
“นี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าคะท่านพี่ แล้วเหตุใดคุณชายรองเหยียนถึงไปนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้นกัน” ฮูหยินรองเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
ถังซูเจียวมองงิ้วฉากตรงหน้าด้วยสีหน้าอารมณ์ดี เชิญพวกท่านร้องขอรับความผิดกันไปเถอะ
“ยังมีหน้ามายิ้มอีก เจ้าไม่เห็นหรือว่าน้องสาวเจ้าเสียใจเพียงใด แค่อภัยให้น้องเรื่องเล็กน้อยเท่านี้จะทำไม่ได้เลยเชียวหรือ!!” ผู้เป็นบิดาเอ่ยต่อว่าถังซูเจียว
“ท่านพ่อ...ข้ายังไม่ได้ยิ้มเลยนะเจ้าคะ อีกอย่างข้ายังไม่เคยพูดสักคำว่าข้าไม่พอใจที่คุณชายรองเหยียนขอถอนหมั้นข้า แล้วไปหมั้นหมายกับน้องสาวแทน มีแต่พวกเขาสองคนที่พูดกันไปเองทั้งนั้น”
ตอนพิเศษ5งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ราวกับงานประจำปี มีการจัดเลี้ยงถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน จัดตั้งโรงทานนานถึงหนึ่งเดือนเต็ม เรียกได้ว่าคนกองธงนั้นไม่ต้องทำอาหารกินกันเป็นเดือนเลยก็ว่าได้ฮ่องเต้ ฮองเฮาและไทเฮาไม่อาจเดินทางมาร่วมงานเลี้ยงได้ จึงได้ส่งของขวัญมาแทน โดยมีตัวแทนเป็นอ๋องเจิ้งหู่เดินทางมาส่งมอบให้ฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน เพราะเข้าฝึกตนไม่อาจรับรู้เรื่องภายนอกได้ ผู้เป็นอาจารย์ที่ได้รับจดหมายจึงอาสามาแทน ความจริงคือหาเรื่องออกมาเที่ยวเล่นขนอกภูเขาท่านั้น“ข้าเป็นตัวแทนของฮองไทเฮามาร่วมแสดงความยินดีกับพระชายาและชินอ๋อง นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากข้า”หลี่ซินเหมยผู้เป็นอาจารย์ของฮองไทเฮาเอ่ยพลางยื่นกล่องไม้เรียบ ๆ ให้ถังซูเจียว“ขอบคุณนายหญิงหลี่ที่อุตส่าห์เดินทางมา ไม่ทราบว่าท่านมี ที่พักหรือยังเจ้าคะ หากไม่รังเกียจข้าจะจัดที่พักในจวนให้ท่าน” ถังซูเจียวเอ่ยพลางยิ้มให้ผู้มีพระคุณตรงหน้านางรู้ว่าสตรีตรงหน้าเป็นอาจารย์ของแม่สามีตัวเอง และที่มาในวันนี้นอกจากมาแทนฮองไทเฮาแล้วคงมีธุระอย่างอื่นด้วย“เช่นนั้นรบกวนพระชายาด้วย”“อย่าใช้คำราชาศัพท์กับพวกข้าเลยขอรับ ข้าไม่ได้เป็นชินอ๋
ตอนพิเศษ4หลังจากทิ้งจดหมายไว้ให้ฮ่องเต้แล้ว หวงเฟยหมิงกับถังซูเจียวก็ออกเดินทางท่องเที่ยวตามแผนที่วางไว้ทันทีโดยทิ้งปัญหาทุกอย่างเอาไว้ข้างหลังแบบที่ไม่คิดจะรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิน“ท่านพี่เจ้าคะ เราจจะไปที่ใดก่อนดี ข้าอยากกินอาหารทะเลอีกแล้ว อยากไปเดินเล่นเก็บเปลือกหอยด้วย” นางเอ่ยออดอ้อนสามี ที่ตนกำลังพิงอกเขาอยู่ “เช่นนั้นเราไปเมืองหมิงเว่ยที่กองธงที่หกดีหรือไม่ ที่นั้นมีชายหาดให้เจ้าเดินเล่นด้วย แถมยังมีพระอาทิตย์ตกดินที่งามนัก สามีว่าเจ้าต้องชอบมาก ๆ แน่” เขาตอบอย่างเอาใจนาง แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อ ก็มีเสียงตะโกนมาจากนอกรถม้าเสียก่อน เสียงนั่นฟังดูอาฆาตแค้นอย่างมาก“พวกท่านจะหนีไปโดยทิ้งปัญหาไว้เช่นนี้จริง ๆ หรือ ท่านอาออกมามาคุยกับข้าก่อนเลยนะ!!!” เป็นอ๋องเจิ้งหู่นั้นเองทั้งสองหัมมามองหน้ากันทันที นี่นางเดินทางออกจากเมืองหลวงมาไกลตั้งหลายลี้แล้วนะ เหตุใดยังตามมาทันอีก“หยุดรถม้า!!” หวงเฟยหมิงเอ่ยสั่งคนขับรถม้า ขบวนเดินทางของพวกเขาเลยถือโอกาสแวะพักข้างทางไปด้วย“เจียวเจียว เจ้าต้องช่วยข้านะ!!!” เมื่อนางลงจากรถม้าอ๋องเจิ้งหู่ก็ตรงมากอดขานางแน่นทันที พลางร้องห
ตอนพิเศษ3.2ฮองไทเฮาเริ่มแผนการโดยให้คนไปเชิญถังซูเจียวมาพบ ทั้งที่ในใจตนเองนั้นตื่นเต้นราวกับกำลังจะได้พบหน้าบุรุษที่ตนเองรักก็ไม่ปาน“ฮองไทเฮาเพคะ ท่านหญิงถังซูเจียวมาถึงแล้วเพคะ” พระนางมองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ใบหน้าจะซีดเซียวจากพิษไข้ไปบ้าง แต่ก็ยังมองออกถึงความงดงาม"คารวะฮองไทเฮาเพคะ" หญิงสาวตรงหน้าคารวะแบบเต็มพิธีการ พระนางมองคนตรงหน้าเพลินไปหน่อยจนคนของตนเอ่ยทัก“ฮองไทเฮานางไม่สบายอยู่นะเพคะ” นางกำนัลคนสนิทเอ่ยเตือนเบา ๆ พระนางจึงมองค้อนมามาคนสนิทไปเล็กน้อย“ลุกขึ้นเถอะ” เสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้น ถังซูเจียวจึงลุกขึ้นแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ว่าง"ขอบพระทัยเพคะ"ระหว่างนั้นมามาคนสนิทก็แสร้งโน้มตัวลงมารินชาให้พระนาง ก่อนจะกระซิบ ข่าวลือ เมืองหลวง"เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่เมืองหลวงพูดถึงเจ้าว่าอย่างไรบ้าง" ฮองไทเฮาเอ่ยขึ้นทันทีที่นางนั่งลง“ไม่ทราบเพคะ”"หึ!! เช่นนั้นเปิ่นกงจะบอกให้ก็ได้ คนเขาพูดกันทั่วว่าเจ้าเป็นสตรีแพศยา สามีหย่าขาดแล้วจึงรีบหาที่คุ้มหัวใหม่ ยอมแม้กระทั่งเป็นสตรีของชายตัดแขนเสื้ออย่างอดีตชินอ๋อง" แล้วมหกรรมแสร้งขับไล่ว่าที่ลูกสะใภ้ก็เกิดขึ้น พระนางยกเอาทั้งเร
ตอนพิเศษ3.1ฮองไทเฮาได้รับข่าวว่าบุตรชายคนเล็กพาสตรีเข้าจวน ตนจึงเร่งเดินทางมาหาทันทีด้วยความร้อนใจแต่ใจจริงคืออย่างมาดูให้เห็นกับตาต่างหาก จึงได้เร่งร้อนจนแทบไม่เอาอะไรไปสักอย่าง หากมามาคนสนิทไม่ห้ามไว้ก่อน พระนางคงควบม้าไปแต่ตัวแล้วกว่าจะเดินทางมาถึงก็ใช้เวลาหลายวันเลยทีเดียว ป่านนี้คนของพระนางที่ส่งมาก่อนคงกำลังแสดงอำนาจอย่างเต็มที่ เพราะพระนางเลือกแต่คนที่หน้าไหว้หลังหลอกมาทั้งนั้นและก็เป็นเช่นนั้นจริง เพียงพระนางก้าวขาลงจากรถม้าก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนแหลมเล็กของเหล่าขันทีดังมาให้ได้ยิน“ฮองไทเฮาต้องท่องไว้นะเพคะ ต้องสง่างาม น่าเกรงขาม และเด็ดขาดให้เหมือนแม่สามีผู้ร้ายกาจ” มามาคนสนิทเอ่ยเตือนนายตนฮองไทเฮาที่มายืนอยู่หน้าจวนบุตรชายสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าจวนไปที่มามาเอ่ยเช่นนั้นเพราะพระนางจะทดสอบว่าที่ลูกสะใภ้ผู้นี้นั่นเอง และที่ผ่านมาในสายตาบุตรชายพระนางเป็นสตรีสูงศักดิ์เกินเอื้อมถึง ทำให้ความสัมพันธ์แม่ลูกไม่ค่อยดีนัก“ฮองไทเฮาเสด็จ!!!” ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวยมีเสียงขันทีประกาศการมาถึงของพระนาง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในลานกว้างรีบคุกเข่าก้มหน้ากับพื้นทันท
ตอนพิเศษ2.3ฮูหยินใหญ่ตระกูลฮุ่ยถึงกับหลั่งเหงื่อเย็น เพราะจากสภาพที่นางพบฮุ่ยเยว่เล่อเมื่อเช้าก็มีความเป็นไปได้ตามที่ชายเหล่านั้นเอ่ยไม่นานบ่าวอาวุโสคนนั้นก็กลับมาด้วยใบหน้าซีดเผือด ก่อนจะเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้านายท่านหวังตอนนี้เหล่าชายหนุ่มทั้งหลายถูกเชิญเข้ามาคุยกันในจวนแล้ว เพราะแขกเหรื่อที่มางานเริ่มออกมามุงดูอย่างสนใจ“เป็นอย่างไรเจ้าลองพูดมาซิ” นายท่านหวังสั่ง“เออ...สภาพของอี๋เหนียงเล็ก...เออ...”“จะอะไรเจ้าก็รีบพูดมาสิ จะมัวอ้ำอึ้งทำไม” คุณชายหวังเอ่ยอย่างหงุดหงิด“อี๋เหนียงมีสภาพราวกับเพิ่งผ่านคืนวสันต์มาไม่ผิดแน่เจ้าค่ะ ข้าน้อยมีประสบการณ์กล้ารับประกันได้” บ่าวอาวุโสเอ่ยพร้อมกับ ก้มหน้าหลบสายตาทุกคนแต่คนที่อยู่ตรงนั้นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แขกที่มาในงานเริ่มซุบซิบกันจนเกิดเสียงอื้ออึงไปทั่วบริเวณฮูหยินใหญ่หวังนั่นเป็นลมไปแล้ว นายท่านฮุ่ยกับฮูหยินใหญ่ฮุ่ยเองก็ไม่ต่างกันมากนัก ส่วนนายท่านหวังนั่นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า“ไปลากตัวนางมา!!!” คุณชายหวังตวาดบ่าวของตน“นายท่านฮุ่ยท่านจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร” นายท่านหวังหันไปถามบิดาฝ่ายเจ้าสาว“ข้าขออภัยนายท่านหวัง เรื่องในวันนี้ข้าขอ
ตอนพิเศษ2.2รถม้าเคลื่อนมาหยุดที่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ก่อนจะมีชายรูปร่างสูงใหญ่ใส่หมวกสานเข้ามาอุ้มหญิงสาวบนรถม้าออกไปขึ้นรถม้าอีกคัน“ท่านรู้หรือไม่นั่นน่ะนายท่านของข้าเอง เขามารับภรรยากลับจวนเพราะนางต้องไปเฝ้าไข้มารดาตั้งเป็นเดือน ที่นางหลับไม่รู้เรื่องเช่นนี้คงเพราะนางอ่อนเพลียมากเป็นแน่ น่าสงสารนายหญิงของข้าจริง ๆ ”ชายที่ร่วมคารวานมาด้วยเอ่ยกับหลงจู้โรงเตี๊ยมพลางมองไปที่ผู้เป็นนายทั้งสองอย่างปลาบปลื้มใจ“นายท่านของเจ้าช่างรักภรรยายิ่งนัก ข้าละนับถือจิตใจเขาจริง ๆ ว่าแต่พวกท่านจะเดินทางไปที่ใดงั้นหรือ” หลงจู้เอ่ยถามตามมารยาท“พวกข้าจะไปเมืองหลวงกัน ข้าคงต้องไปแล้วไว้พบกันใหม่” ชายผู้นั้นเอ่ยก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นม้าตัวเอง แล้วคารวานนั้นก็ออกเดินทางไปฮุ่ยเยว่เล่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ประดับไปด้วยผ้าแดง กลิ่นกำยานแสบจมูกจนนางต้องยกมือขึ้นมาปิด“นางตื่นพอดีเลยเจ้าค่ะนายท่าน” เสียงสตรีแหลมเล็กดังขึ้นขณะที่ประตูถูกเปิดเข้ามาภาพตรงหน้าเป็นเฉินโม่วโฉวกับสตรีร่างท้วมแต่งหน้าจัดนางหนึ่ง ด้านนอกมีกลุ่มบุรุษหน้าตาโหดเหี้ยมอีกนับสิบ“ดีเลย นางจะได้รับรู้ถึงความสุขที่ข้