Share

บทที่ 2

Author: มอร์ลิน
การที่ฉันยอมอ่อนข้อ ทำให้ทุกคนในครอบครัวรู้สึกประหลาดใจ เงียบไปครู่หนึ่ง พ่อจึงเอ่ยปาก

"อย่างนี้สิถึงจะถูก ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน มีอะไรที่พูดกันไม่ได้ล่ะ? พ่อก็หวังดีกับลูกนะ"

"ค่ะ หนูทราบค่ะ"

ฉันพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มที่ด้านชา

เมื่อเห็นว่าฉันไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจจริง ๆ พวกเขาจึงวางใจ และดึงหนิงเยว่กลับไปที่ห้องนั่งเล่น

ฉันชะงักฝีเท้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินต่อไปยังห้องนอนที่ชั้นสอง

ทันทีที่ก้าวขึ้นบันได ข้อมือของฉันก็ถูกใครบางคนคว้าไว้

กู้เหยียนไม่รู้ว่ามาอยู่ข้างฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ เขากระซิบถามข้างหูเบา ๆ

"เธอ ไม่ได้โกรธจริง ๆ ใช่ไหม?"

คำพูดที่ดูเหมือนห่วงใยนั้น ทำให้น้ำตาของฉันไหลทะลัก ออกมาอีกครั้งในทันที

ใจเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำนับพัน แต่ฉันทำเพียงแค่ส่ายหน้าอย่างเงียบ ๆ สะอื้นจนพูดอะไรไม่ออก

ทว่า กู้เหยียนกลับพูดด้วยความยินดี

"ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนที่รู้จักคิดที่สุด จะไม่โกรธเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอก คืออย่างนี้ ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาเธอ..."

เขาเบือนหน้าหนี ไม่กล้าสบตาฉัน

"งานแต่งงานสัปดาห์หน้า เลื่อนออกไปก่อนนะ คือฉันเคยสัญญากับน้องสาวเธอไว้ว่า จะพาเธอไปดูแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์หลังจากบรรลุนิติภาวะ พอดีตอนนี้งานฉลองก็จัดไปแล้ว ยัยเด็กคนนั้นก็เอาแต่เซ้าซี้ให้ฉันทำตามสัญญา ฉันเลยคิดว่าอีกสองวันจะพาครอบครัวพวกเธอไปเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยกันเลย เธอว่าไง?"

กู้เหยียนยิ้มเล็กน้อย แววตาเผยความเอ็นดูอ่อนโยนจาง ๆ

"ยังไงซะการ์ดก็ยังไม่ได้แจกออกไป งานแต่งงานแค่นั้น เลื่อนไปสองสามวันก็ไม่เป็นไรหรอก"

หัวใจของฉัน เย็นเฉียบในทันที น้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความตื้นตันใจเมื่อครู่ ทำให้ฉันดูน่าสมเพชสิ้นดี

ถูกทอดทิ้งมาตั้งเก้าสิบเก้าครั้ง ฉันจะยังคาดหวังความรักจากพวกเขาได้อย่างไรอีก?

เห็นฉันเงียบไปนาน กู้เหยียนก็เกาศีรษะอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย

"หนิงเยว่โตมาขนาดนี้ ไม่เคยได้ไปต่างประเทศเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะไปไกลขนาดนั้น ในฐานะครอบครัว เราควรจะอยู่เคียงข้างเธอ และอีกอย่าง เธอก็ไม่เคยดูแสงเหนือเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ถือซะว่า พวกเราไปฮันนีมูนล่วงหน้า ก็แล้วกัน"

"ก็ได้ค่ะ"

กู้เหยียนที่กำลังจะพูดโน้มน้าวฉันต่อ ต้องชะงักค้างอยู่กับที่ เมื่อจู่ ๆ ได้ยินคำพูดของฉัน

"เธอว่าอะไรนะ?"

ฉันสูดหายใจลึก ๆ แล้วพูดอย่างใจเย็น

"ฉันบอกว่า ฉันตกลงที่จะยกเลิกงานแต่งงานแล้วค่ะ"

กู้เหยียนขมวดคิ้ว และรีบแก้คำพูดของฉันอย่างไม่เห็นด้วย

"เรียกว่ายกเลิกงานแต่งงานได้ยังไง? ต้องเรียกว่าเลื่อนต่างหาก งานแต่งจะยกเลิกได้ยังไงกัน?"

ฉันก้มหน้าลง มุมปากยิ้มเยาะเย้ย

มันจะต่างกันตรงไหน? ตราบใดที่หนิงเยว่ยังอยู่ เธอก็จะไม่มีวันปล่อยให้งานแต่งงานของเราดำเนินไปอย่างราบรื่นได้

เธอไม่ชอบหน้าฉัน และยังต้องการทุกสิ่งที่ฉันมี

ฉันรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ยังเด็กมากแล้ว

แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนแค่ไหนมาตั้งแต่เด็กจนโต ฉันก็ไม่เคยสู้เธอได้เลย การที่ครอบครัวลำเอียงเข้าข้างเธอ คือพื้นฐานที่ทำให้เธอเหยียบย่ำฉันอยู่ใต้เท้าได้เสมอมา

ตอนนี้แม้แต่คู่หมั้นของฉันก็เริ่มลำเอียงเข้าข้างเธอแล้ว

ดวงตาของฉันเริ่มปวดแสบ ผิวหนังก็เริ่มรู้สึกคันอย่างช้า ๆ

น้ำมะม่วงแก้วเมื่อกี้ สุดท้ายก็ทำให้ฉันแพ้เข้าจนได้

ฉันพยักหน้าอย่างส่ง ๆ แล้วหันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน

ในห้องนอนมียาแก้แพ้สำรองไว้เสมอ ฉันต้องรีบกินยาก่อนที่อาการแพ้จะกำเริบหนัก

"พี่คะ หนูให้พี่เขยพาหนูไปดูแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์ พี่ไม่พอใจใช่ไหม?"

เสียงของหนิงเยว่ดังมาจากด้านหลัง ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ

แต่ฉันไม่ได้สนใจ และเร่งฝีเท้าเดินขึ้นบันได

หนิงเยว่เป็นแบบนี้เสมอ ต่อให้ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย แต่แค่เธอร้องไห้โวยวายต่อหน้าครอบครัว ทุกคนก็จะออกหน้าแทนเธอทันที

หนิงหยางทนไม่ไหว รีบออกมาปกป้องเป็นคนแรก

"พอได้แล้ว! หนิงซู เธอไม่ได้ยินที่เสี่ยวเยว่พูดด้วยเหรอ? เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่โกรธอยู่เลย พอมาตอนนี้ก็ทำหน้าบึ้งตึงไม่สนใจใคร นี่คือทัศนคติที่เธอมีต่อครอบครัวงั้นเหรอ?"

ฉันยังคงไม่สนใจเสียงตะโกนของหนิงหยาง การกล่าวหาที่ไร้สาระแบบนี้เกิดขึ้นกับฉันมาตลอดช่วงวัยเด็ก จนฉันเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับมันโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแล้ว

ทว่า เท้าของฉันเพิ่งจะก้าวขึ้นบันไดขั้นที่สอง จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่หนังศีรษะ ผมของฉันถูกกระชากอย่างแรงโดยใครบางคน
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ถูกทอดทิ้งครั้งที่ 99   บทที่ 10

    ดวงตาของฉันแดงก่ำเล็กน้อย นึกถึงช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ถูกละเลย แม้ว่าฉันจะปลงได้แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดและเจ็บปวดภายในใจ"พวกคุณมีความคาดหวังในตัวหนิงหยาง มีความรักใคร่โปรดปรานในตัวหนิงเยว่ แล้วฉันล่ะ? เป็นแค่คนที่มีหรือไม่มีก็ได้ แม้แต่ชื่อก็ยังไม่มีความหมายใด ๆ ที่แสดงถึงความคาดหวัง ไม่เหมือนพี่ชายกับน้องสาว ที่คนหนึ่งคือดวงตะวันที่ค้ำจุนฟ้า อีกคนคือจันทร์เพ็ญที่อยู่ในอุ้งมือของพวกคุณ! ในเมื่อพวกคุณไม่ชอบฉันเลย แล้วทำไมถึงต้องให้กำเนิดฉันมาล่ะ?""ตอนนี้ฉันไปแล้ว อยู่ห่างจากพวกคุณมาก พวกเราต่างคนต่างอยู่ ไม่ดีกว่าเหรอคะ?"แม่น้ำตาไหลอาบแก้มเพราะคำพูดของฉัน"เสี่ยวซู พ่อกับแม่ผิดไปแล้ว พวกเรารู้ตัวว่าผิดจริง ๆ! ลูกก็เป็นลูกสาวของเรานะ! สายเลือดความผูกพัน จะตัดขาดกันได้ง่าย ๆ ได้ยังไง?""ฉันขอไม่เป็นลูกสาวของพวกคุณดีกว่า!"พูดจบ ฉันก็หันหลังกลับไปหลังเวที โดยไม่มองครอบครัวที่กำลังร้องไห้กอดกันอีกอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีพลังมากเกินไป ครอบครัวหนิงจึง ไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าฉันเป็นเวลานานแต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องราวชีวิตของฉันถูกขุดคุ้ยออกมา โดยเฉพาะเรื่องที่ฉันถูกขังในห้องเก

  • ถูกทอดทิ้งครั้งที่ 99   บทที่ 9

    ฉันจ้องมองเขาอย่างแน่วแน่ จนกระทั่งเขารู้สึกผิดและหลบสายตาไป ฉันจึงพูดอย่างเห็นด้วย"ถูกต้อง ฉันควรจะยอมเธอ ดังนั้นฉันจึงเลือกยกคุณให้เธอ พวกคุณสองคนได้อยู่ด้วยกัน นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเหรอคะ?"กู้เหยียนยังคงพยายามอธิบาย แต่ฉันโบกมือให้เขาอย่างเย็นชา"ความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณหมดลงไปแล้ว ตั้งแต่ที่คุณขอให้ฉันยอมอ่อนข้อให้ครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่รักคุณแล้ว และไม่ปรารถนาที่จะเสียสละตัวเองเพื่อคุณอีกต่อไป ไม่มีใครเห็นค่าฉัน แต่ฉันเห็นค่าตัวเองมาก"กู้เหยียนเหมือนถูกทุบด้วยกระบอง จนถอยหลังไปหลายก้าว ราวกับรับการกระแทกนี้ไม่ได้ฉันไม่ได้มองเขาอีก ก้าวขาเดินต่อไปทางหลังเวทีแต่ไม่นาน ก็ถูกคนอีกสามคนขวางไว้หนิงหยางมองฉันด้วยสายตาที่ซับซ้อน"ห่างจากพวกเราไปหลายปี เธอยิ่งประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ"พ่อถอนหายใจยาว "เสี่ยวซู พวกเราได้อ่านไดอารี่ของลูกแล้ว ถึงได้รู้ว่าหลายปีมานี้ลูกทนความน้อยใจมามากขนาดนี้"ฉันนึกถึงสมุดบันทึกที่ทิ้งไว้ในมุมห้องก่อนจากไป ไม่คิดว่าพวกเขาจะค้นเจอและอ่านมันแล้วน้ำเสียงของพ่อหนักอึ้ง ราวกับมีความเข้าใจผิดอันใหญ่หลวงเกิดขึ้น ท่านเอ่ยถึงความยาก

  • ถูกทอดทิ้งครั้งที่ 99   บทที่ 8

    "ฉันเหรอคะ? ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่เคยขึ้นแสดงบนเวทีมาก่อนเลย"ฉันรีบโบกมือปฏิเสธด้วยความหวาดกลัว แต่ศาสตราจารย์กลับตบไหล่ฉันด้วยความมั่นใจ"เธออย่าดูถูกตัวเองนะ เธอเป็นศิษย์รักของฉันเลยนะ โทนเสียงของเธอบริสุทธิ์ มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก และบทเพลงที่เธอแต่งก็เหมือนกับว่าซ่อนเรื่องราวมากมายไว้ ฟังแล้วทำให้น้ำตาไหลได้เลย"ศาสตราจารย์มองฉันอย่างลึกซึ้ง"ฉันไม่รู้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง ถึงได้สร้างสรรค์บทเพลงที่เปี่ยมด้วยความรวดร้าวแบบนี้ออกมาได้ แต่ฉันบอกเธอได้เลยว่า ความยากลำบากในอดีตจะกลายเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จในอนาคตของเธอเท่านั้น เชื่อมั่นในตัวเองนะหนิงซู จงแสดงความสามารถของเธอออกมา เธอคู่ควรกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่านี้"น้ำตาของฉันร่วงหล่นลงมาทันทีมีคนได้ยินความเจ็บช้ำและความอดกลั้นหลายปีของฉันจากบทเพลงของฉันจริง ๆ สามารถเชื่อมโยงกับเรื่องราวของฉันผ่านผลงานของฉันได้นี่แหละคือเสน่ห์ของดนตรี และเป็นอาชีพที่ฉันเต็มใจจะอุทิศทั้งชีวิตให้คอนเสิร์ตของศาสตราจารย์ประสบความสำเร็จอย่างมาก ฉันเปิดตัวอย่างน่าทึ่งบนเวทีด้วยเพลงที่แต่งขึ้นเอง ทำให้ทุกคนจดจำโทนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์และบทเพลงที

  • ถูกทอดทิ้งครั้งที่ 99   บทที่ 7

    ในขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยพังประตูเข้ามา ฉันก็ได้หมดสติเพราะหายใจไม่ออกเนื่องจากอาการแพ้ไปก่อนแล้วในห้องเก็บของโชคดีที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยมีความเชี่ยวชาญมาก รีบฉีดยาแก้แพ้ให้ฉันทันที และดึงฉันกลับมาจากเงื้อมมือของมัจจุราช"คุณผู้หญิงครับ คุณมีอาการคอบวมเนื่องจากอาการแพ้ ตอนนี้ยุบลงแล้ว แต่ผมแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจอย่างละเอียดครับ"คุณหมอช่วยประคองฉันขึ้นมา แล้ววางบนเปลหามในขณะนั้นเอง พ่อบ้านสวี่ก็รีบวิ่งมาจากสวนหลังบ้าน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยเต็มบ้านก็ตกใจ"เกิดอะไรขึ้น? พวกคุณเข้ามาได้ยังไง?"พอหันมาเห็นฉันนอนอยู่บนเปลหามด้วยใบหน้าบวมเป่ง เขาก็หยุดหายใจกะทันหัน กุมหน้าอกแล้วล้มลงกับพื้นช้า ๆคุณหมอตกใจมาก"เร็วเข้า! ช่วยพยุงเขาขึ้นรถพยาบาลที!"หลังจากความวุ่นวายผ่านไป คุณหมอก็หันมาหาฉันด้วยสีหน้าลำบากใจ"ขอโทษด้วยครับ คนไข้เมื่อครู่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตโดยด่วน พื้นที่ในรถพยาบาลมีจำกัด..."ฉันเข้าใจความหมายของเขา จึงพยุงร่างกายที่อ่อนแรงของตัวเองขึ้นมา แล้วพูดอย่างเห็นอกเห็นใจ"การช่วยชีวิตคนสำคัญกว่าค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรแล

  • ถูกทอดทิ้งครั้งที่ 99   บทที่ 6

    พ่อกับแม่รีบเดินเข้าไปข้างหน้า เมื่อเห็นศพก็ เบิกตากว้าง"พ่อบ้านสวี่เหรอ? เขาตายได้ยังไง?""ไม่สิ? แล้วหนิงซูอยู่ไหน? เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วเธอไปไหน?"เมื่อรู้ว่าคนที่ตายไม่ใช่ฉัน หนิงเยว่ก็ผิดหวังสุดขีด เธอหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา"เธอจงใจซ่อนตัวเพื่อดูความตลกของพวกเราต่างหาก! รู้ทั้งรู้ว่าครอบครัวต้องเป็นห่วง แต่กลับแกล้งตาย แค่อยากเห็นทุกคนร้องไห้เพื่อเธอ!"หน้าของพ่อเปลี่ยนเป็นโมโหขึ้นมาทันที ท่านแค่นเสียงอย่างหนัก"เหลวไหล! หนิงซูทำเกินไปแล้ว! ไม่รู้หรือไงว่าพวกเราจะเป็นห่วง?"สีหน้าของหนิงหยางและกู้เหยียนก็ดูไม่จืดเช่นกัน ความอับอายที่เพิ่งเกิดขึ้น ทำให้พวกเขารู้สึกเคียดแค้นฉันขึ้นมาในใจกู้เหยียนหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาฉันทันที เมื่อโทรไม่ติดก็เริ่มพิมพ์ข้อความรัว ๆ"พอได้แล้วหนิงซู! สนุกมากหรือไงที่หลอกพวกเราแบบนี้? เธอใจร้ายมากที่เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น! รีบมาขอโทษพวกเราเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันจะไม่ยกโทษให้เธอ และจะยกเลิกงานแต่งงานของเราทันที!"หนิงหยางก็ส่งข้อความตำหนิฉันด้วยสีหน้าเย็นชา"ถึงฉันจะขังเธอไว้ในห้องเก็บของ แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสุดโต่งแบบนี้มาแก้แค้

  • ถูกทอดทิ้งครั้งที่ 99   บทที่ 5

    แม่ตาเหลือกหงายหลังล้มลงไป แต่พี่ชายรับไว้ได้ทันอย่างหวุดหวิดพ่อหน้าซีดเผือด เขาโซซัดโซเซ พุ่งเข้าไปในบ้าน เมื่อเห็นห้องเก็บของที่ถูกงัดแงะ ก็เข่าอ่อนทรุดลงนั่งกับพื้น"ลูกสาว พ่อ... ลูกสาวของพ่อ!"กู้เหยียนสับสนวุ่นวาย แม้แต่เสียงก็เริ่มสั่นเครือ"ไม่ ไม่จริงหรอก เสี่ยวซูเมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย ตอนนี้ก็ต้องไม่เป็นอะไร!"เขาได้สติ แล้วกำลังจะก้าวขาออกไป แต่ถูกหนิงเยว่ดึงแขนไว้จากด้านหลัง"อาเหยียน อย่าเพิ่งไปสิคะ แม่เป็นลมแล้ว รีบพาแม่ไปโรงพยาบาลก่อน!"หนิงหยางประคองแม่ไว้ มองเขาด้วยสีหน้าหมดหนทางกู้เหยียนกัดฟัน"รีบพาพวกเขาขึ้นรถ เราไปโรงพยาบาล... แล้วไปดูเสี่ยวซูด้วย"เมื่อพูดถึงคำสุดท้าย เสียงของเขาก็เริ่มสะอื้นหลายคนรีบร้อนไปยังโรงพยาบาล พอไปถึงโรงพยาบาล แม่ก็ฟื้นขึ้นมาทันที"เสี่ยวซู ลูกสาวของแม่!"เธอจับมือหนิงหยางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย"ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม? น่าจะยังอยู่ในห้องเก็บของใช่ไหม พวกแกรีบไปปล่อยลูกออกมาสิ!"หนิงหยางหลบสายตา ไม่กล้าสบตาแม่"เสี่ยวซู... ไม่อยู่ในห้องเก็บของแล้วครับ ตอนนี้เรากำลังจะไปหาเธอ""ไปหาเธอ? เราจะไปหาเธอที่ไหน?"แม่พึมพำอย่างใจลอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status