Share

บทที่ 3

Author: มอร์ลิน
หนิงหยางกระชากผมของฉันไว้แน่น ดึงฉันจากชั้นสองลงมาอย่างแรง

"เสี่ยวเยว่บรรลุนิติภาวะแล้ว เธอจะมาทำเหมือนเมื่อก่อน ที่ไม่สนใจความรู้สึกของน้องไม่ได้นะ!"

ฉันล้มกระแทกพื้นอย่างแรง หัวเข่าทั้งสองข้างเจ็บปวดอย่างรวดร้าว

กู้เหยียนที่อยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วและพยายามเกลี้ยกล่อมฉัน

"เสี่ยวซู การเลื่อนงานแต่งงานเป็นความคิดของฉัน ไม่ได้เกี่ยวกับหนิงเยว่เลย เธอจะโกรธก็ให้มาลงที่ฉันคนเดียวเถอะ อย่าทำให้หนิงเยว่เสียใจเลย"

ฉันก้มตัวงออยู่บนพื้นชั่วขณะ ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าความเจ็บปวดที่บาดลึกนี้มาจากหัวเข่าหรือมาจากหัวใจกันแน่

"พวกพี่อย่าว่าพี่สาวเลยค่ะ ทั้งหมดเป็นความผิดของหนูเอง หนูควรจะโตช้ากว่านี้ จะได้ไม่มาชนกับงานแต่งงานของพี่สาวกับพี่เขย"

หนิงเยว่ปาดน้ำตาอยู่ข้าง ๆ แต่รอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปากของเธอนั้น ฉันมองเห็นได้อย่างชัดเจน

"พูดอะไรไร้สาระ? เมื่อไหร่จะบรรลุนิติภาวะเป็นเรื่องที่เธอตัดสินใจได้หรือไง? เรื่องงานแต่งงานนี่เป็นเพราะเธอเองที่เลือกวันไม่ดี ไม่ได้เกี่ยวกับหนิงเยว่เลยแม้แต่นิดเดียว!"

สายตาของเขาจับจ้องมาที่ฉัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ

"ถ้าเธอชอบโมโหมากนัก ก็ไปอยู่ในมุมนั้น แล้วโมโหให้พอเถอะ!"

หนิงหยางดึงฉันขึ้น แล้วผลักฉันเข้าไปในห้องเก็บของข้างบันได

ในที่สุดฉันก็ตื่นตระหนก พยายามบิดลูกบิดประตูอย่างสุดกำลังเพื่อจะออกมา แต่ก็มีเสียงแกร๊กดังขึ้นข้างนอก หนิงหยางล็อกประตูจากด้านนอกแล้ว

"อยู่ข้างในนั่นแหละ สำนึกได้เมื่อไหร่แล้วค่อยออกมา"

"ไม่! ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันออกไปเถอะ ฉันแพ้ ฉันต้องกินยาแก้แพ้เดี๋ยวนี้!"

ฉันส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัว แต่หนิงหยางได้ผลักหนิงเยว่ออกไปนอกประตูแล้ว ฉันได้ยินเสียงพวกเขาพูดกันเบา ๆ

"ฉันจองร้านอาหารทะเลไว้แล้ว ใกล้ถึงเวลาแล้ว เราไปกันเถอะ!"

"แต่ว่าเสี่ยวซูเขา..."

"ไม่เป็นไรหรอก ขังเธอไว้แค่สองสามชั่วโมง ให้เธอได้สำนึกซะบ้าง"

"นั่นสินะ นิสัยของเสี่ยวซูมันแย่เกินไปจริง ๆ ขังไว้หน่อยก็ดี ฉันจะซื้อกุ้งที่เธอชอบกลับมาฝากแล้วกัน"

"เสี่ยวเหยียน นายก็มากับพวกเราเถอะ ไม่ต้องห่วงเสี่ยวซูหรอก ขังไว้ไม่กี่ชั่วโมงไม่เป็นไรหรอก"

ความ หวาดกลัวอย่างรุนแรงก่อตัวขึ้นในใจฉัน ฉันกระหน่ำทุบประตูห้องและตะโกนสุดเสียง

"ฉันไม่โกรธแล้ว ฉันยอมขอโทษหนิงเยว่ก็ได้! ให้ฉันก้มกราบก็ได้! ได้โปรดปล่อยฉันออกไปเถอะ! ฉันแพ้จริง ๆ! ถ้าไม่กินยาแก้แพ้ฉันจะตายนะ! ได้โปรด!"

เสียงของฉันเปลี่ยนเป็นแหบแห้ง แต่ภายนอกกลับเงียบสนิท

ฉันทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นด้วยความสิ้นหวัง อาการคันลามจากแผ่นหลังไปทั่วใบหน้า อาจเป็นเพราะตื่นตระหนกเกินไป ลำคอของฉันก็เริ่มคันขึ้นมาด้วย

ทั้ง ๆ ที่พ่อกับแม่เห็นฉันดื่มน้ำมะม่วงด้วยตาตัวเอง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าฉันแพ้ แต่เพียงชั่วพริบตา พวกเขาก็ลืมฉันไปแล้ว

พวกเขาจำร้านอาหารที่หนิงเยว่เคยพูดถึงเมื่อนานมาแล้วได้ แต่กลับลืมว่าเมื่อห้านาทีก่อน ฉันเพิ่งดื่มน้ำมะม่วงที่จะทำให้ฉันแพ้เข้าไป

สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดที่รุนแรงทำให้ฉันลุกขึ้นยืนอีกครั้ง พยายามบิดลูกบิดประตูอย่างสุดกำลัง

แต่ประตูถูกล็อกกลอนจากด้านนอกไปแล้ว เปิดไม่ได้เลย

ฉันคลำหาไปทั่วตัว โทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าถูกหนิงหยางสะบัดไปตกอยู่ตรงไหนตอนที่เขาดึงฉันลงมา

ตอนนี้ผื่นแดงได้ลามไปทั่วตัว ใบหน้าของฉันบวมเป่งเพราะอาการแพ้จนเหมือนหมู แม้แต่ดวงตาก็ถูกบีบจนเหลือแค่ร่องเล็ก ๆ

ฉันเริ่มหายใจลำบาก ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือ ฉันจะต้องตายในห้องเก็บของนี้แน่!

ขณะที่ฉันกำลังคลำหาเครื่องมือที่พอจะใช้ทุบกลอนประตูได้ ฉันก็เห็นโทรศัพท์ที่ถูกเหวี่ยงไปตกอยู่ในมุมห้องจนได้

ฉันดีใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา

แต่ไม่มีใครรับสายฉันเลย ไม่มีใครเลย ทั้งพ่อแม่ พี่ชาย และคู่หมั้นของฉัน

สุดท้าย พี่ชายยังส่งข้อความมาหาฉันว่า

"ทริปไอซ์แลนด์ครั้งนี้ เธอไม่ต้องไปแล้ว จะได้ไม่ทำให้หนิงเยว่เสียใจเวลาเห็นเธอ"

น้ำตาไหลออกมาจากร่องตาที่บวมเป่ง ฉันรู้แล้ว.... พวกเขา ไม่คู่ควรให้ฉันคาดหวังอีกต่อไปแล้ว

ฉันกดโทรออกไปยังสายด่วนฉุกเฉินทันที

ช่วงเวลาที่รอการช่วยเหลือนั้นยาวนานเหลือเกิน อาการแพ้ทำให้ลำคอของฉันบวมและหายใจลำบาก ฉันพยายามสุดกำลังเพื่อบอกทางให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัย และมีบางช่วงที่ขาดออกซิเจนจนเกือบจะสำลัก

ในวินาทีที่ประตูห้องถูกกระแทกอย่างรุนแรง ฉันก็รู้สึกว่าทุกอย่างมืดลงและหมดสติไปในที่สุด
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ถูกทอดทิ้งครั้งที่ 99   บทที่ 10

    ดวงตาของฉันแดงก่ำเล็กน้อย นึกถึงช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ถูกละเลย แม้ว่าฉันจะปลงได้แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดและเจ็บปวดภายในใจ"พวกคุณมีความคาดหวังในตัวหนิงหยาง มีความรักใคร่โปรดปรานในตัวหนิงเยว่ แล้วฉันล่ะ? เป็นแค่คนที่มีหรือไม่มีก็ได้ แม้แต่ชื่อก็ยังไม่มีความหมายใด ๆ ที่แสดงถึงความคาดหวัง ไม่เหมือนพี่ชายกับน้องสาว ที่คนหนึ่งคือดวงตะวันที่ค้ำจุนฟ้า อีกคนคือจันทร์เพ็ญที่อยู่ในอุ้งมือของพวกคุณ! ในเมื่อพวกคุณไม่ชอบฉันเลย แล้วทำไมถึงต้องให้กำเนิดฉันมาล่ะ?""ตอนนี้ฉันไปแล้ว อยู่ห่างจากพวกคุณมาก พวกเราต่างคนต่างอยู่ ไม่ดีกว่าเหรอคะ?"แม่น้ำตาไหลอาบแก้มเพราะคำพูดของฉัน"เสี่ยวซู พ่อกับแม่ผิดไปแล้ว พวกเรารู้ตัวว่าผิดจริง ๆ! ลูกก็เป็นลูกสาวของเรานะ! สายเลือดความผูกพัน จะตัดขาดกันได้ง่าย ๆ ได้ยังไง?""ฉันขอไม่เป็นลูกสาวของพวกคุณดีกว่า!"พูดจบ ฉันก็หันหลังกลับไปหลังเวที โดยไม่มองครอบครัวที่กำลังร้องไห้กอดกันอีกอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีพลังมากเกินไป ครอบครัวหนิงจึง ไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าฉันเป็นเวลานานแต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องราวชีวิตของฉันถูกขุดคุ้ยออกมา โดยเฉพาะเรื่องที่ฉันถูกขังในห้องเก

  • ถูกทอดทิ้งครั้งที่ 99   บทที่ 9

    ฉันจ้องมองเขาอย่างแน่วแน่ จนกระทั่งเขารู้สึกผิดและหลบสายตาไป ฉันจึงพูดอย่างเห็นด้วย"ถูกต้อง ฉันควรจะยอมเธอ ดังนั้นฉันจึงเลือกยกคุณให้เธอ พวกคุณสองคนได้อยู่ด้วยกัน นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเหรอคะ?"กู้เหยียนยังคงพยายามอธิบาย แต่ฉันโบกมือให้เขาอย่างเย็นชา"ความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณหมดลงไปแล้ว ตั้งแต่ที่คุณขอให้ฉันยอมอ่อนข้อให้ครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่รักคุณแล้ว และไม่ปรารถนาที่จะเสียสละตัวเองเพื่อคุณอีกต่อไป ไม่มีใครเห็นค่าฉัน แต่ฉันเห็นค่าตัวเองมาก"กู้เหยียนเหมือนถูกทุบด้วยกระบอง จนถอยหลังไปหลายก้าว ราวกับรับการกระแทกนี้ไม่ได้ฉันไม่ได้มองเขาอีก ก้าวขาเดินต่อไปทางหลังเวทีแต่ไม่นาน ก็ถูกคนอีกสามคนขวางไว้หนิงหยางมองฉันด้วยสายตาที่ซับซ้อน"ห่างจากพวกเราไปหลายปี เธอยิ่งประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ"พ่อถอนหายใจยาว "เสี่ยวซู พวกเราได้อ่านไดอารี่ของลูกแล้ว ถึงได้รู้ว่าหลายปีมานี้ลูกทนความน้อยใจมามากขนาดนี้"ฉันนึกถึงสมุดบันทึกที่ทิ้งไว้ในมุมห้องก่อนจากไป ไม่คิดว่าพวกเขาจะค้นเจอและอ่านมันแล้วน้ำเสียงของพ่อหนักอึ้ง ราวกับมีความเข้าใจผิดอันใหญ่หลวงเกิดขึ้น ท่านเอ่ยถึงความยาก

  • ถูกทอดทิ้งครั้งที่ 99   บทที่ 8

    "ฉันเหรอคะ? ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่เคยขึ้นแสดงบนเวทีมาก่อนเลย"ฉันรีบโบกมือปฏิเสธด้วยความหวาดกลัว แต่ศาสตราจารย์กลับตบไหล่ฉันด้วยความมั่นใจ"เธออย่าดูถูกตัวเองนะ เธอเป็นศิษย์รักของฉันเลยนะ โทนเสียงของเธอบริสุทธิ์ มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก และบทเพลงที่เธอแต่งก็เหมือนกับว่าซ่อนเรื่องราวมากมายไว้ ฟังแล้วทำให้น้ำตาไหลได้เลย"ศาสตราจารย์มองฉันอย่างลึกซึ้ง"ฉันไม่รู้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง ถึงได้สร้างสรรค์บทเพลงที่เปี่ยมด้วยความรวดร้าวแบบนี้ออกมาได้ แต่ฉันบอกเธอได้เลยว่า ความยากลำบากในอดีตจะกลายเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จในอนาคตของเธอเท่านั้น เชื่อมั่นในตัวเองนะหนิงซู จงแสดงความสามารถของเธอออกมา เธอคู่ควรกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่านี้"น้ำตาของฉันร่วงหล่นลงมาทันทีมีคนได้ยินความเจ็บช้ำและความอดกลั้นหลายปีของฉันจากบทเพลงของฉันจริง ๆ สามารถเชื่อมโยงกับเรื่องราวของฉันผ่านผลงานของฉันได้นี่แหละคือเสน่ห์ของดนตรี และเป็นอาชีพที่ฉันเต็มใจจะอุทิศทั้งชีวิตให้คอนเสิร์ตของศาสตราจารย์ประสบความสำเร็จอย่างมาก ฉันเปิดตัวอย่างน่าทึ่งบนเวทีด้วยเพลงที่แต่งขึ้นเอง ทำให้ทุกคนจดจำโทนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์และบทเพลงที

  • ถูกทอดทิ้งครั้งที่ 99   บทที่ 7

    ในขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยพังประตูเข้ามา ฉันก็ได้หมดสติเพราะหายใจไม่ออกเนื่องจากอาการแพ้ไปก่อนแล้วในห้องเก็บของโชคดีที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยมีความเชี่ยวชาญมาก รีบฉีดยาแก้แพ้ให้ฉันทันที และดึงฉันกลับมาจากเงื้อมมือของมัจจุราช"คุณผู้หญิงครับ คุณมีอาการคอบวมเนื่องจากอาการแพ้ ตอนนี้ยุบลงแล้ว แต่ผมแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจอย่างละเอียดครับ"คุณหมอช่วยประคองฉันขึ้นมา แล้ววางบนเปลหามในขณะนั้นเอง พ่อบ้านสวี่ก็รีบวิ่งมาจากสวนหลังบ้าน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยเต็มบ้านก็ตกใจ"เกิดอะไรขึ้น? พวกคุณเข้ามาได้ยังไง?"พอหันมาเห็นฉันนอนอยู่บนเปลหามด้วยใบหน้าบวมเป่ง เขาก็หยุดหายใจกะทันหัน กุมหน้าอกแล้วล้มลงกับพื้นช้า ๆคุณหมอตกใจมาก"เร็วเข้า! ช่วยพยุงเขาขึ้นรถพยาบาลที!"หลังจากความวุ่นวายผ่านไป คุณหมอก็หันมาหาฉันด้วยสีหน้าลำบากใจ"ขอโทษด้วยครับ คนไข้เมื่อครู่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตโดยด่วน พื้นที่ในรถพยาบาลมีจำกัด..."ฉันเข้าใจความหมายของเขา จึงพยุงร่างกายที่อ่อนแรงของตัวเองขึ้นมา แล้วพูดอย่างเห็นอกเห็นใจ"การช่วยชีวิตคนสำคัญกว่าค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรแล

  • ถูกทอดทิ้งครั้งที่ 99   บทที่ 6

    พ่อกับแม่รีบเดินเข้าไปข้างหน้า เมื่อเห็นศพก็ เบิกตากว้าง"พ่อบ้านสวี่เหรอ? เขาตายได้ยังไง?""ไม่สิ? แล้วหนิงซูอยู่ไหน? เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วเธอไปไหน?"เมื่อรู้ว่าคนที่ตายไม่ใช่ฉัน หนิงเยว่ก็ผิดหวังสุดขีด เธอหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา"เธอจงใจซ่อนตัวเพื่อดูความตลกของพวกเราต่างหาก! รู้ทั้งรู้ว่าครอบครัวต้องเป็นห่วง แต่กลับแกล้งตาย แค่อยากเห็นทุกคนร้องไห้เพื่อเธอ!"หน้าของพ่อเปลี่ยนเป็นโมโหขึ้นมาทันที ท่านแค่นเสียงอย่างหนัก"เหลวไหล! หนิงซูทำเกินไปแล้ว! ไม่รู้หรือไงว่าพวกเราจะเป็นห่วง?"สีหน้าของหนิงหยางและกู้เหยียนก็ดูไม่จืดเช่นกัน ความอับอายที่เพิ่งเกิดขึ้น ทำให้พวกเขารู้สึกเคียดแค้นฉันขึ้นมาในใจกู้เหยียนหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาฉันทันที เมื่อโทรไม่ติดก็เริ่มพิมพ์ข้อความรัว ๆ"พอได้แล้วหนิงซู! สนุกมากหรือไงที่หลอกพวกเราแบบนี้? เธอใจร้ายมากที่เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น! รีบมาขอโทษพวกเราเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันจะไม่ยกโทษให้เธอ และจะยกเลิกงานแต่งงานของเราทันที!"หนิงหยางก็ส่งข้อความตำหนิฉันด้วยสีหน้าเย็นชา"ถึงฉันจะขังเธอไว้ในห้องเก็บของ แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสุดโต่งแบบนี้มาแก้แค้

  • ถูกทอดทิ้งครั้งที่ 99   บทที่ 5

    แม่ตาเหลือกหงายหลังล้มลงไป แต่พี่ชายรับไว้ได้ทันอย่างหวุดหวิดพ่อหน้าซีดเผือด เขาโซซัดโซเซ พุ่งเข้าไปในบ้าน เมื่อเห็นห้องเก็บของที่ถูกงัดแงะ ก็เข่าอ่อนทรุดลงนั่งกับพื้น"ลูกสาว พ่อ... ลูกสาวของพ่อ!"กู้เหยียนสับสนวุ่นวาย แม้แต่เสียงก็เริ่มสั่นเครือ"ไม่ ไม่จริงหรอก เสี่ยวซูเมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย ตอนนี้ก็ต้องไม่เป็นอะไร!"เขาได้สติ แล้วกำลังจะก้าวขาออกไป แต่ถูกหนิงเยว่ดึงแขนไว้จากด้านหลัง"อาเหยียน อย่าเพิ่งไปสิคะ แม่เป็นลมแล้ว รีบพาแม่ไปโรงพยาบาลก่อน!"หนิงหยางประคองแม่ไว้ มองเขาด้วยสีหน้าหมดหนทางกู้เหยียนกัดฟัน"รีบพาพวกเขาขึ้นรถ เราไปโรงพยาบาล... แล้วไปดูเสี่ยวซูด้วย"เมื่อพูดถึงคำสุดท้าย เสียงของเขาก็เริ่มสะอื้นหลายคนรีบร้อนไปยังโรงพยาบาล พอไปถึงโรงพยาบาล แม่ก็ฟื้นขึ้นมาทันที"เสี่ยวซู ลูกสาวของแม่!"เธอจับมือหนิงหยางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย"ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม? น่าจะยังอยู่ในห้องเก็บของใช่ไหม พวกแกรีบไปปล่อยลูกออกมาสิ!"หนิงหยางหลบสายตา ไม่กล้าสบตาแม่"เสี่ยวซู... ไม่อยู่ในห้องเก็บของแล้วครับ ตอนนี้เรากำลังจะไปหาเธอ""ไปหาเธอ? เราจะไปหาเธอที่ไหน?"แม่พึมพำอย่างใจลอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status