LOGINในตอนที่ฉันไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันกำเริบ พ่อ แม่ พี่ชาย และแม้กระทั่งคู่หมั้นของฉัน ทุกคนต่างกำลังวุ่นอยู่กับการฉลองวันเกิดให้น้องสาว ฉันโทรศัพท์เป็นสิบ ๆ สายจากหน้าห้องผ่าตัด เพื่อตามหาญาติมาเซ็นเอกสารยินยอมสำหรับการผ่าตัด แต่โทรศัพท์ทั้งหมดถูก ตัดสายทิ้งอย่างไม่ไยดี กู้เหยียน คู่หมั้นของฉัน ตัดสายแล้วส่งข้อความมาหาฉันว่า "เสี่ยวซู อย่ามาสร้างเรื่องน่ารำคาญน่า ตอนนี้เป็นงานฉลองบรรลุนิติภาวะของหนิงเยว่ รอให้งานเลี้ยงจบก่อนค่อยว่ากันนะ" ฉันวางโทรศัพท์ลง แล้วลงชื่อของตัวเองบนใบยินยอมด้วยความสงบ นี่คือครั้งที่เก้าสิบเก้า ที่พวกเขาเลือกทอดทิ้งฉันเพื่อหนิงเยว่ ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ไม่ต้องการพวกเขาอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่รู้สึกเสียใจกับความลำเอียงของพวกเขาอีกแล้ว แต่กลับทำตามทุกความต้องการของพวกเขาอย่างว่าง่าย พวกเขาทุกคนคิดว่าฉันโตขึ้นแล้ว แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าฉันกำลังจะจากพวกเขาไปตลอดกาล
View Moreดวงตาของฉันแดงก่ำเล็กน้อย นึกถึงช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ถูกละเลย แม้ว่าฉันจะปลงได้แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดและเจ็บปวดภายในใจ"พวกคุณมีความคาดหวังในตัวหนิงหยาง มีความรักใคร่โปรดปรานในตัวหนิงเยว่ แล้วฉันล่ะ? เป็นแค่คนที่มีหรือไม่มีก็ได้ แม้แต่ชื่อก็ยังไม่มีความหมายใด ๆ ที่แสดงถึงความคาดหวัง ไม่เหมือนพี่ชายกับน้องสาว ที่คนหนึ่งคือดวงตะวันที่ค้ำจุนฟ้า อีกคนคือจันทร์เพ็ญที่อยู่ในอุ้งมือของพวกคุณ! ในเมื่อพวกคุณไม่ชอบฉันเลย แล้วทำไมถึงต้องให้กำเนิดฉันมาล่ะ?""ตอนนี้ฉันไปแล้ว อยู่ห่างจากพวกคุณมาก พวกเราต่างคนต่างอยู่ ไม่ดีกว่าเหรอคะ?"แม่น้ำตาไหลอาบแก้มเพราะคำพูดของฉัน"เสี่ยวซู พ่อกับแม่ผิดไปแล้ว พวกเรารู้ตัวว่าผิดจริง ๆ! ลูกก็เป็นลูกสาวของเรานะ! สายเลือดความผูกพัน จะตัดขาดกันได้ง่าย ๆ ได้ยังไง?""ฉันขอไม่เป็นลูกสาวของพวกคุณดีกว่า!"พูดจบ ฉันก็หันหลังกลับไปหลังเวที โดยไม่มองครอบครัวที่กำลังร้องไห้กอดกันอีกอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีพลังมากเกินไป ครอบครัวหนิงจึง ไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าฉันเป็นเวลานานแต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องราวชีวิตของฉันถูกขุดคุ้ยออกมา โดยเฉพาะเรื่องที่ฉันถูกขังในห้องเก
ฉันจ้องมองเขาอย่างแน่วแน่ จนกระทั่งเขารู้สึกผิดและหลบสายตาไป ฉันจึงพูดอย่างเห็นด้วย"ถูกต้อง ฉันควรจะยอมเธอ ดังนั้นฉันจึงเลือกยกคุณให้เธอ พวกคุณสองคนได้อยู่ด้วยกัน นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเหรอคะ?"กู้เหยียนยังคงพยายามอธิบาย แต่ฉันโบกมือให้เขาอย่างเย็นชา"ความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณหมดลงไปแล้ว ตั้งแต่ที่คุณขอให้ฉันยอมอ่อนข้อให้ครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่รักคุณแล้ว และไม่ปรารถนาที่จะเสียสละตัวเองเพื่อคุณอีกต่อไป ไม่มีใครเห็นค่าฉัน แต่ฉันเห็นค่าตัวเองมาก"กู้เหยียนเหมือนถูกทุบด้วยกระบอง จนถอยหลังไปหลายก้าว ราวกับรับการกระแทกนี้ไม่ได้ฉันไม่ได้มองเขาอีก ก้าวขาเดินต่อไปทางหลังเวทีแต่ไม่นาน ก็ถูกคนอีกสามคนขวางไว้หนิงหยางมองฉันด้วยสายตาที่ซับซ้อน"ห่างจากพวกเราไปหลายปี เธอยิ่งประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ"พ่อถอนหายใจยาว "เสี่ยวซู พวกเราได้อ่านไดอารี่ของลูกแล้ว ถึงได้รู้ว่าหลายปีมานี้ลูกทนความน้อยใจมามากขนาดนี้"ฉันนึกถึงสมุดบันทึกที่ทิ้งไว้ในมุมห้องก่อนจากไป ไม่คิดว่าพวกเขาจะค้นเจอและอ่านมันแล้วน้ำเสียงของพ่อหนักอึ้ง ราวกับมีความเข้าใจผิดอันใหญ่หลวงเกิดขึ้น ท่านเอ่ยถึงความยาก
"ฉันเหรอคะ? ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่เคยขึ้นแสดงบนเวทีมาก่อนเลย"ฉันรีบโบกมือปฏิเสธด้วยความหวาดกลัว แต่ศาสตราจารย์กลับตบไหล่ฉันด้วยความมั่นใจ"เธออย่าดูถูกตัวเองนะ เธอเป็นศิษย์รักของฉันเลยนะ โทนเสียงของเธอบริสุทธิ์ มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก และบทเพลงที่เธอแต่งก็เหมือนกับว่าซ่อนเรื่องราวมากมายไว้ ฟังแล้วทำให้น้ำตาไหลได้เลย"ศาสตราจารย์มองฉันอย่างลึกซึ้ง"ฉันไม่รู้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง ถึงได้สร้างสรรค์บทเพลงที่เปี่ยมด้วยความรวดร้าวแบบนี้ออกมาได้ แต่ฉันบอกเธอได้เลยว่า ความยากลำบากในอดีตจะกลายเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จในอนาคตของเธอเท่านั้น เชื่อมั่นในตัวเองนะหนิงซู จงแสดงความสามารถของเธอออกมา เธอคู่ควรกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่านี้"น้ำตาของฉันร่วงหล่นลงมาทันทีมีคนได้ยินความเจ็บช้ำและความอดกลั้นหลายปีของฉันจากบทเพลงของฉันจริง ๆ สามารถเชื่อมโยงกับเรื่องราวของฉันผ่านผลงานของฉันได้นี่แหละคือเสน่ห์ของดนตรี และเป็นอาชีพที่ฉันเต็มใจจะอุทิศทั้งชีวิตให้คอนเสิร์ตของศาสตราจารย์ประสบความสำเร็จอย่างมาก ฉันเปิดตัวอย่างน่าทึ่งบนเวทีด้วยเพลงที่แต่งขึ้นเอง ทำให้ทุกคนจดจำโทนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์และบทเพลงที
ในขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยพังประตูเข้ามา ฉันก็ได้หมดสติเพราะหายใจไม่ออกเนื่องจากอาการแพ้ไปก่อนแล้วในห้องเก็บของโชคดีที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยมีความเชี่ยวชาญมาก รีบฉีดยาแก้แพ้ให้ฉันทันที และดึงฉันกลับมาจากเงื้อมมือของมัจจุราช"คุณผู้หญิงครับ คุณมีอาการคอบวมเนื่องจากอาการแพ้ ตอนนี้ยุบลงแล้ว แต่ผมแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจอย่างละเอียดครับ"คุณหมอช่วยประคองฉันขึ้นมา แล้ววางบนเปลหามในขณะนั้นเอง พ่อบ้านสวี่ก็รีบวิ่งมาจากสวนหลังบ้าน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยเต็มบ้านก็ตกใจ"เกิดอะไรขึ้น? พวกคุณเข้ามาได้ยังไง?"พอหันมาเห็นฉันนอนอยู่บนเปลหามด้วยใบหน้าบวมเป่ง เขาก็หยุดหายใจกะทันหัน กุมหน้าอกแล้วล้มลงกับพื้นช้า ๆคุณหมอตกใจมาก"เร็วเข้า! ช่วยพยุงเขาขึ้นรถพยาบาลที!"หลังจากความวุ่นวายผ่านไป คุณหมอก็หันมาหาฉันด้วยสีหน้าลำบากใจ"ขอโทษด้วยครับ คนไข้เมื่อครู่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตโดยด่วน พื้นที่ในรถพยาบาลมีจำกัด..."ฉันเข้าใจความหมายของเขา จึงพยุงร่างกายที่อ่อนแรงของตัวเองขึ้นมา แล้วพูดอย่างเห็นอกเห็นใจ"การช่วยชีวิตคนสำคัญกว่าค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรแล





