ตุ๊บ! ร่างของเดมี่ถูกเหวี่ยงขึ้นมาบนเตียงนอนภายในห้องทันทีที่กลับมาถึง กระโปรงสีชมพูอ่อนที่สวมใส่ร่นขึ้นมากองอยู่ที่ต้นขาขาวจนเกือบจะเห็นเพนตี้ตัวบางอยู่รอมร่อ
แววตาคู่สวยสั่นระริกพร้อมเนื้อตัวสั่นเทา หญิงสาวยกมือสองข้างกุมท้องไว้แน่นด้วยความจุก เหลือบมองเลือดสีแดงสดที่กำลังไหลอาบท่อนแขนแกร่ง
บุรินทร์ทำราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผลหรือสนใจมันเลยสักนิด
“เดี๋ยวมี่ช่วยทำแผลให้นะคะ”
“ไม่ต้องเล่นละครทำเหมือนว่าเป็นห่วงฉัน” บีบท้ายทอยบอบบางให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา แววตาใสซื่อคู่นี้กำลังจะทำให้เขาร้อนรนจนแทบบ้า “เธอคิดจะไปอยู่แล้ว จะสนใจทำไม”
“…..”
“ถอดเสื้อผ้าออกสิ ฉันจะได้รีบเอาให้มันเสร็จๆ”
“แต่แด๊ดดี้เจ็บอยู่…”
“ฉันมีปัญญาแตกใส่เธอก็แล้วกัน”
“…..” ริมฝีปากอิ่มสวยเม้มเข้าหากันแน่นพร้อมกับมองคนตัวสูงอย่างชั่งใจ
“บอกให้ถอดเสื้อผ้าออก!”
“…..” เดมี่เอื้อมมือสั่นเทาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกทีละชิ้นอย่างไม่มีทางเลือก จนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าต่อหน้าชายหนุ่ม
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ คงไม่คิดเสียใจเพราะมันคือการตัดสินใจของเธอเอง บุรินทร์คือคนที่ชุบเลี้ยงเธอมา ให้ในสิ่งที่เขาต้องการก็เหมือนไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน
“เงยหน้ามา ฉันจะจูบ”
หญิงสาวทำตามคำสั่งแบบไม่อิดออด เงยหน้าขึ้นรอรับสัมผัสที่คุ้นเคย
“อื้อ…” เสียงหวานกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อริมฝีปากหนาโน้มลงมาประกบจูบแนบชิดเอาเป็นเอาตาย ปลายเรียวลิ้นสอดแทรกเข้ามาดูดกลืนกินน้ำลายของเธอจนเหือดแห้ง
จูบนี้หวานลึกซึ้งและเร่าร้อนกินเวลานานกว่าทุกครั้ง สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวเจือกลิ่นบุหรี่อ่อนๆ ที่กำลังเป่ารดพวงแก้ม
“อืม…” มาเฟียหนุ่มเป็นฝ่ายถอนจูบออกก่อน ถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่อย่างไม่รีบร้อนมากนัก
ความเร่าร้อนก่อตัวขึ้นภายในกายเมื่อมองเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าขาวเนียน
เดมี่คุกเข่านั่งลงก่อนจะคลานเข้าไปหยุดอยู่กลางหว่างขา แววตาปรากฏความอ้อนวอนร้องขอแต่เขากลับไม่รู้สึกเห็นใจเธอเลยสักนิด ซ้ำยังมองด้วยสายตาว่างเปล่าเหมือนเช่นเคย
เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นตามใบหน้าจิ้มลิ้ม มองเห็นความเป็นชายขนาดใหญ่เกือบเท่าข้อมือที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
เพียงแค่คิดว่ามันกำลังจะเข้ามา ร่างกายก็สั่นเกร็งอย่างหนัก
“อ้าปากสิเด็กดี” หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนเกือบจะหลุดออกจากอก เมื่อบุรินทร์บีบปลายคางของเธอเพื่อให้ยอมเปิดริมฝีปาก ก่อนจะจับแก่นกายใหญ่สอดใส่เข้ามาแล้วขยับเอวสอบด้วยจังหวะเนิบนาบ
“อึก…”
น้ำลายใสเปียกทั่วริมฝีปากไหลเยิ้มลงมาถึงปลายคาง กลีบปากที่เคยอมชมพูค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงช้ำหลังจากถูกแก่นกายเสียดสี ซ้ำแล้วซ้ำอีก
บุรินทร์นั่งอยู่บนขอบเตียง ก้มลงมองหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่กลางหว่างขา บีบท้ายทอยบอบบางให้ขยับขึ้นลงตามจังหวะที่ตัวเองต้องการจนศีรษะของเธอสั่นคลอน
“ทำเหมือนเด็กอนุบาลแบบนี้เมื่อไหร่จะแตก” บอกผ่านน้ำเสียงหงุดหงิด หยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ แล้วดึงเธอมาจูบอีกครั้ง
รสชาติกลิ่นหอมหวานรสวนิลาจากลูกอมที่เธอกินก่อนหน้านั้น ทำให้เขาแทบคลั่งไม่อยากให้ห่างไปไหน
“แด๊ดดี้อย่าโกรธมี่เลย มะ…มี่ไม่เคยทำ”
“เลียให้ทั่วแล้วดูดตรงหัวแรงๆ ไหนลองทำให้ฉันดู”
เดมี่พยักหน้าเงอะงะรีบทำตามคำสั่ง ใช้สองมือน้อยๆ ประคองท่อนเอ็นลำใหญ่ก่อนจะชักรูดขึ้นลงอย่างเบามือ
ดวงตาคู่สวยฉ่ำเยิ้มดูดน้ำล่อลื่นสีใสที่ไหลซึมออกทางส่วนปลาย ความรู้สึกแปลกใหม่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“ฉันบอกให้ทำแรงๆ” แค่ยัยเด็กฝรั่งอมแล้วดูดต่อเบาๆ ก็เหมือนจะแตกคาปากอยู่รอมร่อ มีเหรอที่ยอมปล่อยให้เธอหลุดมือไป
“มี่กลัวแด๊ดดี้เจ็บ”
“อีกหน่อยคนที่ต้องเจ็บคือเธอ ไม่ใช่ฉัน”
ริมฝีปากอิ่มสวยครอบลงบนแก่นกายแข็งขืน ค่อยๆ ใช้ลิ้นอุ่นลากเลียวนตั้งแต่โคนจรดปลายจนเกิดเป็นเสียงน้ำลายเฉอะแฉะ
ขนาดที่ใหญ่เกินมาตรฐาน ทำให้เข้าปากเธอได้เพียงนิด
บุรินทร์ยกยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเดมี่ตอบสนองเขาถึงใจมากกว่าที่คิด ยิ่งเห็นใบหน้าดื้อรั้นยิ่งอยากครอบครองเป็นเจ้าของไว้เพียงคนเดียว
ฝ่ามือหนากดศีรษะของหญิงสาวไว้มั่นก่อนจะกระแทกเอวสอบเร่งจังหวะเข้าออกเมื่อมองเห็นปลายทางรำไร
“อืม…เด็กดี”
ลาวาขาวขุ่นพวยพุ่งเข้าสู่โพรงปากเล็ก ก่อนจะค่อยๆ ไหลย้อนกลับทะลักเลอะเทอะไปทั่วปลายคาง เดมี่กลืนมันลงคอจนเกือบหมด พลางสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่
“อยากให้ฉันใส่เข้าไปหรือยัง”
หญิงสาวถูกอุ้มกระเตงขึ้นมาไว้แนบอก ก่อนที่ชายหนุ่มจะวางเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ
“อย่าทำแรงนะคะ…มี่กลัว” เกิดเป็นความสับสน หัวใจเต้นแรงมองเห็นบาดแผลและได้กลิ่นคาวเลือดของร่างสูงที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณห้องนอน
“ถ้ากลัวก็อย่ามอง
มือหนาเอื้อมไปคว้าเนกไทเส้นโปรดที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาปิดตาของเดมี่ไว้แน่น การกระทำของคนตัวสูงเมื่อครู่ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกกังวลมากขึ้นไปอีก
“อึก…แด๊ดดี้มี่กลัว”
“อย่าลืมตาจนกว่าฉันจะสั่ง!”
“…..”
หญิงสาวสะดุ้งเฮือก หุบขาเข้าหากันแน่นตามสัญญาณเมื่อมาเฟียหนุ่มแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางหว่างขา ใช้ส่วนปลายหัวถูไถย้ำๆ ที่ช่องทางรักสีหวาน ก่อนจะหยดน้ำลายใส่เพื่อให้เธอได้ปรับตัว “ของแด๊ดดี้ใหญ่เกินไป มะ…มี่รับไม่ไหวแน่เลย”
บุรินทร์หัวเราะเบาๆ ราวกับถูกใจนักหนาให้กับท่าทางใสซื่อ ถ้าเป็นคนอื่นคงสั่งลูกน้องหิ้วปีกไปโยนทิ้งข้างทาง
แต่กับเดมี่เขาไม่ได้รู้สึกรำคาญแต่ยังชอบที่เธอเป็นแบบนี้ หรือไม่ว่าเธอจะเป็นยังไงเขาก็ชอบทั้งนั้น
“อย่าดูถูกตัวเองขนาดนั้น”
“แต่มี่…”
“เชื่อสิว่าเธอรับมันได้หมดแน่” มาเฟียหนุ่มมองหญิงสาวที่นอนหอบหายใจหนัก เนื้อตัวของเธอสั่นเทิ้มยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ดิบของเขาได้เป็นอย่างดี
ฝ่ามือหนาขยับปลายนิ้วลงต่ำลูบไล้กลางจุดอ่อนไหวเพื่อเล้าโลม ใช้หัวแม่มือบดคลึงปุ่มกระสันย้ำๆ พร้อมกับสอดนิ้วกลางขยับหมุนวนเข้าออกในช่องทางรักให้เธอได้ปรับตัว
“อื้อ…แด๊ดดี้”
ริมฝีปากบางแห้งผากเมื่อทุกอย่างดำมืดสนิทมองไม่เห็นสิ่งรอบตัว ส่งผลให้หญิงสาวรู้สึกเคลิบเคลิ้มตกอยู่ในภวังค์ของเขาอย่างง่ายดาย
“มี่เสียว…อย่าจับตรงนั้น” ปลายเท้าของเดมี่จิกเกร็ง เสียงหวานร้องครวญครางปานจะขาดใจ
ปัก!
“กรี๊ดดด…อึก”
เล็บสวยจิกลงบนผ้าปูที่นอนไว้แน่นจนยับยู่ยี่ เขาปล่อยเธอให้เสพสมอยู่บนสวรรค์ไม่กี่นาที จากนั้นไม่นานเหมือนถูกฉุดให้กลับลงมาอยู่ที่ก้นเหวดังเดิม
เดมี่สะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกเจ็บปวดราวกับช่องทางคับแคบจะปริแตก ความจุกแน่น อึดอัดถาโถมเข้ามาสุดความยาว สอดใส่เข้าออกจนขาทั้งสองสั่นเกร็ง
สะโพกสอบอัดกระแทกความเป็นชายเข้ามาในช่องทางรักแบบที่เธอไม่ทันตั้งตัว
ส่งผลให้เลือดบริสุทธิ์หยดแล้วหยดเล่าไหลหยดจนเปียกผ้าปูที่นอนราคาแพง
ปลายจมูกโด่งคมคลอเคลียดอมดมไปตามซอกคอขาวเนียนพร้อมกับสูดกลิ่นกายหอมของหญิงสาวพร้อมกับขยับเอวสอบอย่างคลั่งไคล้
“ของเธอเล็กมาก แน่นมากเด็กดี”
“มันเจ็บจังเลยแด๊ดดี้” หยดน้ำสีใสเอ่อคลออยู่บนดวงตาทั้งสองข้าง นับจากนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าบุรินทร์คือผู้ชายคนแรกของเธอ
“มันเจ็บแค่ครั้งแรก เดี๋ยวก็ชินไปเอง”
สะโพกสอบอัดกระแทกกระทั้นกับต้นขาขาวอวบจนเกิดเป็นเสียงน่าอายดังลั่น
บุรินทร์ใช้ฟันคมขบไปตามร่างกายของเธออย่างแรงจนเกิดรอยช้ำ
กลิ่นหอมแป้งเด็กที่ผ่อนคลายและรู้สึกหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น จนเผลอปล่อยสัญชาตญาณป่าเถื่อนออกมาแบบไม่รู้ตัว
“ดะ…แด๊ดดี้”
ผิวชื้นเหงื่อเสียดสีกันให้ความรู้สึกหวาบหวาม เดมี่สัมผัสได้ถึงความป่าเถื่อนและอ่อนโยนเวลาเดียวกันจนเธอเองก็สับสนว่าตัวตนที่แท้จริงของเค้านั้นเป็นคนแบบไหน
ก๊อก…ก๊อก!
เดมี่สะดุ้งเฮือกหวาดกลัวจนถึงขีดสุด เมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตูในขณะที่บุรินทร์กำลังทำเรื่องอย่างว่า
มาเฟียหนุ่มรีบดึงผ้านวมหนาขึ้นมาปกปิด ก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออกในเวลาต่อมา
“ผมเอายาแก้ปวดและยาแก้อักเสบมาให้นายครับ”
ลูกน้องคนสนิทปรายตามองภาพเร่าร้อนบนเตียงเบื้องหน้า ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่ก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเขาที่มักจะเห็นบุรินทร์มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคู่นอนอยู่เสมอ
ถ้าเจ้านายกินเสร็จอีกไม่นานพวกลูกน้องอย่างเขาก็ได้กินต่อ ที่ผ่านมามันเป็นแบบนี้อยู่เสมอ
แต่สำหรับเดมี่…
ครามเองก็เริ่มไม่แน่ใจว่าเจ้านายจะยอมปล่อยเหมือนที่ผ่านมา หรือบางครั้งเดมี่อาจจะเป็นข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียว
“อยากให้ไอ้ครามมันยืนดูตอนที่เราเอากันไหม” ใบหน้าคมคายยกยิ้มมุมปากก้มลงกระซิบถามข้างใบหู พลางอัดสะโพกสอบใส่คนที่นอนใต้ร่างจนเกิดเป็นเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นไปทั่วบริเวณ
“มี่อยากให้แด๊ดดี้เห็นคนเดียว”
ใบหน้าคมเข้มเผยรอยยิ้มบางอย่างพอใจในคำตอบ ยัยเด็กฝรั่งคนนี้มักจะมีคำพูดที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอยู่เสมอ
“วันนี้ฉันจะตามใจเด็กดีก็แล้วกัน”
หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงกรีดร้อง ร่างกายของเธอสั่นคลอนกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงกระแทกที่อยู่เบื้องล่าง
“รีบไสหัวออกไป อย่าให้ใครเข้ามาจนกว่ากูจะเอาเด็กนี่เสร็จ”
“ครับนาย”
“แด๊ดดี้ช่วยใจดีกับมี่หน่อย” มือเล็กปัดป่ายไปทั่วแผงอกกำยำ จิกเล็บลงบนไหล่หนาซ้ำแล้วซ้ำอีก ได้แต่นอนกัดฟันข่มความเจ็บปวด โดยที่ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์จะจบลงเมื่อไหร่ “พะ…พอแล้วมี่ไม่อยากทำแล้ว มันเจ็บ”
“อยากโดนxxxเองจะมาเรียกร้องอะไร”
“ดะ…แด๊ดดี้…”
มาเฟียหนุ่มก้มลงมองจุดเชื่อมสัมพันธ์ที่กำลังรวมกันเป็นหนึ่ง พลางกลั้นหายใจกัดกรามแน่น เห็นแก่นกายที่เปียกแฉะมันวาวชะโลมไปด้วยเลือดบริสุทธิ์ก่อนจะยกยิ้มมุมปากแล้วส่งแรงอัดกระแทกหนักๆ เข้าไปในตัวเธออีกรอบ
“ถ้าไม่อยากท้องตอนนี้ก็อย่าเรียกชื่อฉันบ่อย”
“…..”
โรงพยาบาล “น้องจิ๋วมาแล้ว” “ไหนๆ ขอดูบ้าง” “ทำไมน้องไม่ลืมตา” “ตัวนิ่มมากเลย ลองจับดูสิ” เสียงบทสนทนาของพวกเด็กน้อยกำลังพูดคุยกันอย่างไร้เดียงสา ยืนล้อมวงจ้องมองสมาชิกใหม่ที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วัน “ตัวเป็นอะไร ทำไมไม่มาดูน้องคนใหม่” ฟรานเดินเข้าไปถามแฝดน้องที่เอาแต่นั่งกอดอกทำหน้าบึ้งตึงไม่ยอมพูดจา “เบื่อ! เค้าไม่อยากได้น้องผู้ชาย เค้าอยากมีน้องผู้หญิง” เด็กชายบ่นพึมพำพลางเบือนหน้าหันหนี “ผู้ชายก็ดีนะ ตัวจะได้ไม่เหงา จะได้มีเพื่อนเล่นไง” “เล่นแต่ฟุตบอลกับปั่นจักรยานจนเบื่อแล้ว อยากเล่นอย่างอื่นบ้าง” “แล้วอย่างอื่นที่แฝดว่ามันคืออะไร อยากเล่นขายของหรือเล่นตุ๊กตาเหรอ” ใบหน้าน้อยๆ ของฟรานเอียงคอมองน้องชายฝาแฝดอย่างไม่เข้าใจ “เพราะหม่ามี๊เลือกน้องให้เราไม่ได้” “แล้วทำไมแด๊ดดี้ถึงมีแต่ลูกผู้ชาย ทำไมถึงไม่มีลูกผู้หญิงบ้าง” เด็กชายตัดพ้อทำสีหน้าเศร้า ถ้ามีน้องผู้ชายเพิ่มขึ้นมาอีกคนคงได้ปวดหัวกว่าเดิม “เพร
หลายเดือนผ่านไป “อาการของคุณฟาเรนดีขึ้นมากเลยค่ะ วันนี้ทำกายภาพได้หลายอย่างเลย” เดมี่ยิ้มกว้างพร้อมกับหัวใจที่พองโตหลังจากได้ยินข่าวดีจากพยาบาลที่ดูแลลูกชาย ตั้งแต่ได้รับตัวยาชนิดใหม่จากบุรินทร์ อาการของฟาเรนก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ จากกล้ามเนื้อที่เคยอ่อนแรงค่อยๆ ขยับได้มากขึ้น กลายเป็นช่วยเหลือตัวเองได้ดีและเดินเองได้ในที่สุด “ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยดูแลฟาเรนให้เป็นอย่างดี” “คุณฟาเรนใจสู้มากค่ะ อีกไม่นานคงวิ่งเล่นกับพวกพี่ๆ ได้อย่างแน่นอน” “มี่รักแด๊ดดี้นะ รักที่สุดในโลก” หญิงสาวเดินเข้าไปกอดชายหนุ่มไว้แน่นแทนคำขอบคุณ ใบหน้าจิ้มลิ้มซบลงบนแผงอกแกร่งอย่างออดอ้อน “อะไรของเธอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นมองการกระทำเหล่านั้น ถึงแม้จะดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจแต่หัวใจของเขายังคงเต้นแรงกับผู้หญิงคนนี้อยู่ตลอด ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมเสมอมา “เพราะมีแด๊ดดี้ ฟาเรนถึงมีอาการดีขึ้นในทุกวัน ถ้าไม่ได้แด๊ดดี้ช่วยดูแล ลูกคงแย่แน่เลยค่ะ” บุรินทร์อ
“ฟาเรน!” เด็กชายหันไปตามเสียงเรียกที่คุ้นเคย ไปหน้าน้อยๆ เอียงคอมองด้วยความสงสัยเมื่อเห็นพี่สาววิ่งเข้ามากอด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าบอกว่าปู่จะพาไปเที่ยวต่างประเทศ “ไหนบอกว่าปู่จะพาไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่นไง” “ไม่อยากไปแล้ว เอาไว้ให้ฟาเรนหายป่วย พวกเราค่อยไปด้วยกัน” ฟรานโผกอดน้องชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นวิลแชร์ด้วยความคิด เด็กหญิงไม่ได้คิดเสียใจหรือเสียดายเลยสักนิด พวกเขาสามคนตกลงกันแล้วว่าจะไม่ขอไปเที่ยวถ้าเกิดไม่มีฟาเรน หรือถ้าจะไปก็ต้องไปพร้อมกัน “ไปวิ่งเล่นกัน แด๊ดดี้ทำสนามเด็กเล่นให้พวกเราอันใหม่ใหญ่เบ้อเริ่มเลย” “แต่แด๊ดดี้ไม่ให้ออกจากบ้านนะ เดี๋ยวไม่สบาย” ฟาเรนพูดเสียงเบา สีหน้าดูซึมลงอย่างน่าสงสาร เขารู้ตัวเองเสมอว่าไม่ใช่เด็กปกติเหมือนคนทั่วไป “ตอนนี้แด๊ดดี้ไม่อยู่ ทางสะดวกแล้วนะ อยากไปไหม” “ยะ…อยากไป” พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะวาดสายตาหันซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ “งั้นก็รีบขี่หลังพี่เลย” “จะไม่โดนแด๊ดดี้ตีใช่ไหม”
“ทำอะไรอยู่ตัวเล็ก” “ก่อประสาททรายอยู่ครับ” ฟาเรนเด็กชายวัยห้าขวบหันไปตอบผู้เป็นพ่อ ก่อนจะหันกลับมาสนใจสิ่งตรงหน้าดังเดิม “เล่นคนเดียวเหงาไหม” บุรินทร์ยืนมองลูกน้อยที่นั่งเล่นอยู่ไม่ไกล ข้างกายของฟาเรนมีรถเข็นวิลแชร์ประตำแหน่งและพยาบาลพิเศษมากถึงสามคนคอยประคบประหงมอยู่ไม่ห่าง ถึงแม้ว่าฟาเรนจะมีอายุห้าขวบ แต่น้ำหนักและสัดส่วนค่อนข้างตกเกณฑ์ต่ำกว่าเด็กปกติทั่วไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลข้างเคียงมาจากการคลอดก่อนกำหนด “หนูอยากมีเพื่อน” เด็กชายบอกผ่านน้ำเสียงเศร้าสร้อยท่าทางซึมลงจนสังเกตได้ ตั้งแต่จำความได้ เขาถูกเลี้ยงดูแตกต่างจากเด็กทั่วไป ในขณะที่พวกพี่ได้วิ่งเล่นแต่ฟาเรนทำได้แค่นั่งมองอยู่ในห้องพักปลอดเชื้อต้องให้ยาทุกสี่ชั่วโมง “อย่านั่งตากแดดนาน เดี๋ยวไม่สบาย” “คุณปู่ไม่รักฟาเรนเหรอครับแด๊ดดี้ ทำไมถึงไม่พาหนูไปเที่ยวด้วย” คำถามของลูกชายทำเอามาเฟียหนุ่มหยุดชะงักนิ่งไป หัวอกคนเป็นพ่อสั่นไหวค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงข้าง
“แฟรงก์มา!”เด็กน้อยที่นั่งอยู่ต่างหันขวับกันอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าน้อยๆ ของหลานฉีกยิ้มกว้างเมื่อมองเห็นปู่ที่เดินเข้ามาหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายเดือน“แฟรงก์…แฟรงก์!” เด็กหญิงตะโกนเรียกซ้ำๆ กระโดดโลดเต้นดีใจรีบวิ่งเข้าไปกอดด้วยความคิดถึงวันนี้ในมือปู่มีขนมแถมยังหิ้วของเล่นมาฝากหลานเยอะแยะ ตามใจกว่าแด๊ดดี้และหม่ามี๊ก็คงจะเป็นผู้ชายคนนี้“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกปู่ ข้าไม่ใช่เพื่อนเล่นของพวกเอ็งนะ” คนเป็นปู่ถอนหายใจมองหน้าไอ้พวกเด็กฝรั่งที่ไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนแต่ได้พอสบสายตาอันไร้เดียงสาเหล่านั้น หัวใจแกร่งก็ยอมโอนอ่อนให้โดยดี“ปู่คืออะไร” ฟาโรห์ตัวป่วนเอียงคอถามอย่างสงสัย“คือพ่อของพ่อไง”“แล้วพ่อคือใคร” พอได้ยินแบบนั้นยิ่งทำให้งงไปกันใหญ่“พ่อก็คือแด๊ดดี้ไง ภาษาไทยเขาเรียกว่าพ่อ”“เข้าใจแล้ว”“เดี๋ยวนี้ลืมกันแล้วสิ ทำไมพวกเอ็งถึงไม่ไปหาปู่บ้างเลย” บุรินทร์ภัทรแสร้งทำท่าทางตัดพ้อน้อยใจ อยู่ที่บ้านก็เอาแต่ชะเง้อคอคอยมองทางหลานน้อยอยู่ทุกวัน“ไม่ได้ลืมสักหน่อย แต่แด๊ดดี้ไม่ให้ไป” เด็กหญิงพูดแทรกน้ำเสียงเจื้อยแจ้วแต่สีหน้ากลับดูซึมลงอย่างเห็นได้ชัด“อยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปเที่ย
ห้างสรรพสินค้า“อ้าปากสิ เดี๋ยวฉันป้อน” มาเฟียหนุ่มบรรจงตักไอศกรีมคำโตจ่อไปที่ริมฝีปากเล็ก“…..” เดมี่ส่ายหน้าปฏิเสธ เธอเอาแต่คิดถึงลูกน้อยจนไม่เป็นอันทำอะไร“ไหนเคยบอกว่าอยากกินไอติม ก็พามาแล้วยังจะต้องการอะไรอีก”“มี่อยากรู้ว่าลูกเป็นยังไงบ้าง”“ไว้ถึงบ้านแล้วค่อยคุย”“มี่อยากรู้เดี๋ยวนี้ ตอนนี้มะ…มันไม่มีจิตใจอยากทำอะไรแล้ว” ดวงตาคู่สวยสั่นคลอนอย่างหนัก หยดน้ำตาไหลอาบใบหน้าอย่างสุดกลั้น “ทำไมแด๊ดดี้ถึงไม่บอกกันสักคำว่าลูกเป็นอะไร”“…..”ยิ่งเขาไม่พูดมันออกมา ยิ่งทำให้เธอแทบเสียสติ ในสมองมันเอาแต่คิดมากไปเองต่างๆ นานา “อยากเห็นมี่ขาดใจตายก่อนเหรอ”“ที่ไม่บอกเพราะลูกไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องร้องไห้” บุรินทร์ถอนหายใจหนัก เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาออกให้ ความทุกข์ของเดมี่ตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวก็คือเรื่องลูก “ทางโรงพยาบาลเขาโทรมาแจ้งข่าวดี”“ข่าวดี?” คนตัวเล็กรีบยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแบบลวกๆ หลังจากได้ยินประโยคที่เฝ้ารอมานานแสนนาน“อาการลูกดีขึ้นมาก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเราจะได้ไปรับลูกออกจากโรงพยาบาลด้วยกันอาทิตย์หน้า”“พูดจริงใช่ไหม อย่าหลอกให้ดีใจนะ” รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าแสนห