Beranda / โรแมนติก / ทฤษฎีร้ายสลักรัก / ทฤษฎีร้าย บทที่ 1 : ของขวัญชิ้นพิเศษ

Share

ทฤษฎีร้าย บทที่ 1 : ของขวัญชิ้นพิเศษ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-23 17:11:15

ณ บ้านไม้สักทองเก่าแก่ประจำตระกูลนุภาสากรณ์

“อลิสมาช้าเหมือนเคยเลยนะ วันนี้ก็วันเกิดโตอีกขึ้นปีแล้วต้องปรับปรุงเรื่องเวลานะจ๊ะ คนอื่นเขาจะติติงเอาว่าบ้านเราไม่สอนมารยาท” เสียงหญิงวัยกลางคนเอ่ยทักทายหลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูลนุภาสากรณ์

อลิส นางแบบสาวเบอร์ต้นของประเทศไทย เจ้าของคะแนนโหวตสูงสุดของผู้หญิงที่มีรูปร่างที่ดีสุดประจำปีนี้ เรือนผมสีบลอนด์สวยสะดุดตา แตกต่างจากทุกคนในบรรดาญาติทั้งหมด ใบหน้าสวยคมแบบฉบับสาวลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ดวงตาเฉี่ยวคมปาดมองใบหน้าญาติผู้ใหญ่ที่เป็นคนเอ่ยทักทาย

“ขอโทษด้วยนะคะที่อลิสเป็นคนมีการมีงานทำเลยมาช้า ทำให้ทุกคนต้องรอ ให้ทำยังไงได้ล่ะคะก็อลิสไม่อยากนั่งแบมือเกาะกินเงินกงสีแบบป้านี่ ถ้าทำแบบนั้นอลิสมาถึงก่อนป้าอีกค่ะ” เสียงหวานตอบกลับญาติผู้ใหญ่พร้อมรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าสวย

“ฉันเป็นญาติผู้ใหญ่ของเธอนะอลิส” ไม่เคยมีครั้งไหนที่การรวมญาติฉันจะไม่ถูกพูดด้วยถ้อยคำอะไรแบบนี้

“ทราบดีค่ะ ถึงอลิสจะไม่อยากนับถือสักเท่าไรก็ตาม” พูดจบก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มหวานแล้วปาดสายตามองบรรดาลูกสะใภ้คุณปู่แล้วเดินผ่านไปนั่งลงยังโซฟาตัวที่ว่างอยู่

“อย่าด่าคนอื่นด้วยรอยยิ้มแบบนั้นสิ มันเจ็บมากนะ” เสียงทุ้มเอ่ยพูดข้างหู พี่กร ลูกพี่ลูกน้องเอียงใบหน้ามากระซิบกระซาบหลังจากที่ฉันนั่งลง

“เขาไม่เจ็บหรอกพี่กร โดนมากี่ครั้งแล้วล่ะ พวกผู้ใหญ่ที่มีดีแค่ปีเกิด” ถึงปากจะพูดกับพี่กร แต่ก็ยังส่งยิ้มหวานให้แก่พวกญาติที่หันมามอง คำพูดกับสีหน้าที่แสดงออกช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

“ยังไม่เลิกยิ้มอีก ช่วยทำตัวให้สมกับที่เป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของบ้านเราหน่อย” พี่กรได้แต่ส่ายหัวให้กับฉันด้วยความเหนื่อยใจ

ตระกูล ‘นุภาสากรณ์’ นามสกุลเก่าแก่ที่ต้นตระกูลคือเจ้าพระยาสมัยหลายร้อยปี แล้วยังทรงอิทธิพลลำดับต้น ๆ ของประเทศจนมาถึงรุ่นปัจจุบัน นักการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการยศใหญ่โตมากมายคือคนของตระกูลเรา แล้วฉันก็ยังเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวภายใต้ตระกูลเก่าแก่ที่มีเครือญาติราวเกือบ 100 คน และอีกอย่างยังเป็นหลานที่เกิดจากหญิงชาวเยอรมัน

ตระกูลเก่าแก่ผู้ยึดหลักความคิดไม่ยอมรับคู่สมรสต่างชาติ ก็ไม่ได้ให้การยอมรับแม่ของฉันนัก มีเพียงคุณปู่และคุณพ่อของพี่กรเท่านั้นที่ใจดีกับแม่เสมอมา จนกระทั่งวันที่พ่อจากไปทำให้แม่ทนรับแรงกดดันต่อไปไม่ไหวจึงเลือกที่จะพาฉันกลับไปอยู่เยอรมัน

แต่คุณปู่ท่านไม่ยอม และนั่นก็เป็นเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้ทั้งสองทะเลาะกันใหญ่โต  แม่ถูกตัดสิทธิ์การเลี้ยงดูตลอดหลายปี จนกระทั่งแม่ของฉันจากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อปีก่อน และตามมาด้วยคุณปู่ที่พึ่งจากฉันไปช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเช่นกัน

“สวัสดีครับคุณหนูอลิส สุขสันต์วันเกิดอายุครบยี่สิบเจ็ดปีนะครับ” คุณลุงทนายประจำตระกูลกล่าวทักทายพร้อมกับอวยพรวันเกิด ใช่วันนี้เป็นวันเกิดอายุครบ 27 ปี ของฉันเอง

“ขอบคุณค่ะคุณลุงทนาย” ริมฝีปากบางยกยิ้มหวานส่งให้คุณลุงทนาย ถึงไม่มีคุณปู่แล้ว ก็ยังมีคุณลุงทนายกับพี่กรนี่แหละที่ใจดีกับฉัน

“เราเสียเวลากันมานานมากแล้วค่ะ เปิดพินัยกรรมคุณพ่อได้หรือยัง” คุณป้าใหญ่ ภรรยาลูกชายคนโตของคุณลุงพูดพร้อมกับปาดสายตามองมาที่ฉัน

“ใจเย็นสิครับ ให้คุณหนูอลิสได้พักหายใจสักหน่อย เธอพึ่งกลับมาจากการทำงานนะครับ” ลุงทนายพูดจบก็หันมาส่งยิ้มให้ฉัน

ตั้งแต่คุณปู่จากไปคนพวกนี้ก็ต่างรบเร้าให้ลุงทนายรีบเปิดพินัยกรรม แต่ข้อกำหนดที่คุณปู่สร้างขึ้นดันมาผูกไว้กับฉัน นั่นก็คือ

‘พินัยกรรมจะถูกเปิดก็ต่อเมื่อฉันได้ตายไปแล้ว และต้องเปิดในวันเกิดของอลิสหลานสาวเพียงคนเดียวของฉันเท่านั้น’

จดหมายที่ถูกเขียนด้วยลายมือของคุณปู่ที่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง ก็ได้แต่เอามาพูดลับหลังคนตายแบบนี้

“ทำไมต้องเอาเวลาร่วมสองเดือนมาเสียไปกับอลิสเพียงคนเดียวด้วย การเคลียร์อะไรหลายอย่างหลังจากพินัยกรรมถูกเปิดต้องใช้เวลานะคะ เปิดตั้งแต่ที่คุณพ่อเสียไปก็จบแล้ว เสียเวลา” ภรรยาของลูกชายคนที่ 4 พูดขึ้นทำให้หลายคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย

“คุณปู่พึ่งเสียไปได้แค่สองเดือน ทุกคนดูจะเป็นห่วงเรื่องพินัยกรรมมากกว่าการทำบุญร้อยวันซะอีกนะคะ” ขาเรียวยกไขว่ห้าง ดวงตาคมจ้องมองไปยังกลุ่มคนตรงหน้า

“อลิสคงไม่เข้าใจสินะ เพราะเป็นแค่หลานแล้วก็ตัวคนเดียว ไม่มีลูกที่ต้องมาจัดแจงแบ่งสมบัติให้เท่ากันเหมือนป้า เพราะทั้งพ่อทั้งแม่ก็ตายหมดแล้ว สมบัติในส่วนนั้นของอลิสก็ไม่ต้องแบ่งให้ใคร” ป้าใหญ่ภรรยาลูกชายคนที่หนึ่งของปู่พูดขึ้น

“จัดแจงให้ลูก หรือจัดแจงเอาไปขายคะ ดูจะรีบร้อนกันจังที่บอกต้องใช้เวลานี่คือต้องไปทำประกาศขายน่ะเหรอ เก็บไว้ดูสักเดือนก็ได้มั้ง เอาไว้ระลึกหน้าคุณปู่” ถึงจะเป็นหลาน แต่ฉันก็ไม่เคยอ่อนให้คนพวกนี้ พ่อของพี่กรเคยพูดว่าฉันนิสัยไม่ได้แม่เลย แต่กลับได้คุณปู่มาหมด แม้กระทั่งรอยยิ้มที่ถูกเปรียบให้เป็น น้ำผึ้งที่ขมเหมือนยาพิษ

“อลิส!” คุณป้าใหญ่จ้องมองด้วยสายตาดุ ซึ่งคนอย่างฉันที่ไม่เคยกลัวอะไรก็ยักไหล่ใส่เธอแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟา

“เอาละครับหยุดเถียงกันได้กันก่อน ผมจะเปิดพินัยกรรมแล้วนะครับ เราเสียเวลากันไปมากแล้วเดี๋ยวคุณอลิสจะไม่มีเวลาได้เตรียมตัว” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแล้วหันมองไปทางลุงทนาย เมื่อกี้ฉันได้ยินไม่ผิดใช่มั้ยเตรียมตัวอะไร

“เมื่อกี้ลุง” ฉันเด้งตัวจากท่าพิงแล้วถามลุงทนายด้วยความสงสัย แต่ก็ถูกห้ามเอาไว้

“อลิสอย่าพึ่งถามอะไรฟังก่อน” พี่กรที่นั่งอยู่ข้างกันจับแขนเอาไว้เพื่อให้รอฟังที่คุณลุงทนายกำลังจะพูดต่อจากนี้

ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกแกะออกแล้วดึงเอาเอกสารภายในนั้นที่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับพินัยกรรมทั้งหมดของคุณปู่ออกมา และเริ่มแจงสมบัติทั้งหมด คุณปู่มีลูก 10 คน และเป็นผู้ชายทั้งหมด แต่พ่อของฉันกับพ่อของพี่กรเสียไปแล้ว ในส่วนนั้นจึงเป็นเราทั้งคู่ที่จะถูกระบุชื่อลงในพินัยกรรมแทน

“ทรัพย์สินของคุณธานินทร์ นุภาสากรณ์มีจำนวนทั้งสิ้นดังต่อไปนี้ เงินสดจำนวนสี่หมื่นล้านบาทถ้วน ซึ่งในเศษส่วนต่างจำนวนสิบห้าล้านบาทคุณธานินทร์ได้นำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลชนบทด้วยตัวเองก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต เงินสดทั้งหมดจะถูกจัดแบ่งให้แก่ทายาทให้อัตราส่วนที่เท่ากันทั้งสิบคน ซึ่งลูกชายที่เสียชีวิตไปแล้วสองคนจะยกให้ทายาททางสายเลือดเป็นผู้ดูแลในส่วนของคุณพ่อของทั้งสอง โดยห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปยุ่งเกี่ยว”

พูดจบคุณลุงทนายก็หันมาส่งยิ้มให้ฉันกับพี่กร แต่สายตาของญาติผู้ใหญ่บางคนอาจจะไม่พอใจเท่าไรนัก เพราะคุณปู่ดันรู้ทันระบุทุกอย่างเอาไว้ชัดเจนแล้ว

“ต่อเลยครับ” หนึ่งในลูกชายคุณปู่เร่งให้ลุงทนายพูดต่อไป

“ที่ดินในแต่ละจังหวัดคุณธานินทร์แบ่งด้วยตัวของท่านเองไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ซึ่งผมจะนำเอกสารส่วนนั้นเอามาให้ทุกคนดูภายหลังจากข้อตกลงสำเร็จไปได้ด้วยดี”

“หมายความว่ายังไง” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยความสงสัย

“ขอให้ฟังให้จบแล้วทุกคนจะรู้เอง หุ้นส่วนบริษัท โรงแรม และธุรกิจในเครือของนุภาสากรณ์จัดแบ่งในสัดส่วนที่เท่ากัน” คุณปู่กันการทะเลาะกันสินะถึงทำทุกอย่างให้มันเท่ากันไปเลยก็จบ

“เท่ากันทั้งหมดเลยเหรอ” หนึ่งในสะใภ้พูดขึ้น ฉันว่าแล้วว่าคนพวกนี้ต้องติดใจ

“ใช่ครับ คุณท่านป้องกันปัญหาระหว่างทุกคนเอาไว้แล้ว และนี่ก็ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ดีที่สุด แต่...” คุณลุงทนายหยุดพูดแล้วหันมามองที่ฉันก่อน

“....” อะไรอีกล่ะทีนี้

“แต่อะไรคะ ยังมีเรื่องเกี่ยวกับอลิสอีกเหรอ แค่นี้ก็วุ่นวายมากพอแล้วนะ คุณพ่อทำอะไรให้มันยุ่งยาก” เสียงบ่นพึมพำของพวกญาติทำให้ฉันต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อระงับอารมณ์ตัวเอง

“เฮ้อ...” เมื่อไหร่เรื่องพวกนี้จะจบสักที แบ่งให้พอใจคนพวกนั้นซะจะได้เลิกมาวุ่นวายกับฉัน

“เกี่ยวโดยตรงครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่แจงมาข้างต้นพวกคุณจะได้รับไม่ได้รับก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณหนูอลิส” ทุกสายตาจ้องมองไปที่คุณลุงทนาย รวมไปถึงฉันด้วย

“หมายความว่าไงคะ” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย สังหรณ์ใจไม่ดีเลยนะแบบนี้

“จดหมายฉบับเป็นลายมือของคุณธานินทร์ซึ่งมีพระนามของบุคคลสำคัญลงประทับเอาไว้อยู่ด้วย...คุณธานินทร์ระบุเอาไว้ว่า เมื่อหลานสาวเพียงคนเดียวของฉันอายุครบ 27 ปี สัญญาการหมั้นหมายระหว่างหลานสาวของตระกูลนุภาสากรณ์กับรัชทายาทของราชวงศ์จักรวรรดิจะเริ่มต้นขึ้นทันที”

“ขอปฏิเสธค่ะ” ฉันพูดออกไปทันทีแม้จะยังฟังไม่จบ

“ยังไม่จบครับ...สมบัติที่ทายาทของฉันจะได้รับก็ต่อเมื่อมีพิธีสมรสระหว่างหลานทั้งสองเกิดขึ้น ถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปฏิเสธ สมบัติทุกชิ้นของฉันจะถูกนำไปบริจาคให้แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ และมูลนิธิต่าง ๆ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดได้ถือครอง”

“....!!” ตอนนี้ทุกคนอ้าปากค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“อลิสไม่เล่นนะคะคุณลุงทนาย” มันเป็นเรื่องล้อกันเล่นใช่มั้ย

“เรื่องแบบนี้ไม่มีใครล้อเล่น คุณหนูถูกวางตัวหมั้นเอาไว้ตั้งแต่เกิดมาแล้วนะครับ หลานสาวเพียงคนเดียวของคุณธานินทร์” คุณลุงทนายพูดพร้อมกับยื่นเอกสารในมือมาให้ดูเพื่อเป็นการยืนยัน

ฉันรับมันมาถือไว้แล้วไล่สายตาอ่านละบรรทัด ลายมือของคุณปู่ที่เขียนด้วยปากกา ทุกตัวอักษรที่ท่านบรรจงเขียนลงไป พร้อมกับลายเซ็นคุณปู่ ข้างกันเป็นตราประทับสัญลักษณ์ที่ฉันไม่เคยเห็น

“เรื่องอะไรกันเนี่ย!”

“อะไรอีก ทำไมมันต้องวุ่นวายกับเด็กนี่คนเดียวด้วย!”

“อะไรก็อลิส อลิส เด็กนี่มันมีอะไรดีนักหนาวะ!”

เสียงโวยวายจากบรรดาญาติดังขึ้น จนพี่กรกับลุงทนายต้องช่วยลุกห้ามปราม ส่วนฉันน่ะเหรอจ้องมองกระดาษในมืออย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เรื่องบ้าบออะไรเนี่ย!

“ทุกคนใจเย็นก่อน ในเมื่อคุณปู่แจงเอาไว้แบบนี้ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่ที่อลิสนะครับ” พี่กรพยายามพูดให้ทุกคนใจเย็น แต่ดูมันจะไม่ได้ผลเท่าไรนัก

“ฉันไม่สนเว้ย! เอาในส่วนของฉันมาเดี๋ยวนี้ แม่งมันก็แค่การหาผัวให้หลานสาวที่ไม่มีใครเอาไง!” ตระกูลผู้ดีเก่าที่มีแต่พวกปากแบบนี้

“นั่นสิ เป็นการหาผัวให้หลานสาวคนนี้นี่เอง คุณลุงทนายคะถ้าอลิสไม่หมั้นจะเกิดอะไรขึ้น” ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วกวาดสายตามองทุกคน รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปตอนนี้เหลือเพียงดวงตาแข็งกร้าวที่จ้องมองไปทางทุกคน พวกเขาเริ่มสงบลงเมื่อฉันโมโห ต้องให้เป็นแบบนี้ถึงจะเกรงใจกันเหรอ

“จะไม่มีใครได้รับสมบัติของคุณธานินทร์แม้แต่บาทเดียว” สิ้นเสียงของคุณลุงทนาย ฉันก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นส่งยิ้มให้บรรดาญาติตัวเอง แต่ทุกคนกลับมองฉันด้วยสายตาโกรธจัดที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะคุณปู่วางให้ฉันเดินหมากเกมนี้เอง

“อย่าทำให้อลิสไม่พอใจจนกว่าจะตัดสินใจได้ เพราะไม่งั้น...พวกเราทุกคนจะต้องได้ทำบุญใหญ่ร่วมกันแน่ ๆ เลยนะคะ” รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้า ท่ามกลางสายตาตกใจค้างของทุกคน พวกเขาเห็นเงินมากกว่าชีวิตฉันที่เป็นหลานซะอีก

พึ่บ! ฉันคว้ากระเป๋าถือตัวเองเดินผ่านทุกคนออกไปจากบ้านทันที ในมือกำกระดาษของคุณปู่ไว้แน่น แรงกดดันบ้าบอนี่กำลังทำให้ฉันใกล้จะระเบิด

“อลิส ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องหมั้น ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ถึงจะเป็น...เออนั่นแหละ” พี่กรเดินตามหลังมาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เพราะเขารู้ว่าในตอนนี้ฉันกำลังโมโหจัด

“พี่กร” ร่างบางหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองญาติตัวเอง ซึ่งคุณลุงทนายก็วิ่งเข้ามาหยุดยืนร่วมวงอีกคน

“.....” ทั้งสองตั้งใจฟังในสิ่งที่ฉันพูด

“มีวิธีสื่อสารกับคนตายมั้ย หรือปลุกคนตายขึ้นมาคุยก็ได้!” ของขวัญวันเกิดหรือไง จะพิเศษเกินไปแล้วนะปู่!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทฤษฎีร้ายสลักรัก    [THE END] ทฤษฎีร้าย บทที่ 52 : รอยยิ้มของกันและกัน

    หลายอาทิตย์ผ่านไปหลังจากผ่านงานแต่งมาข่าวของพวกเรายังคงถูกจับตามอง ส่วนเรื่องราวปัญหาของมิเชลถูกประณามจากสื่อและประชาชนอย่างมาก ในฐานะทำตัวเมากร่างในงานสำคัญ ซึ่งความจริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากความตั้งใจของเพื่อนฉันเอง ยายโซต้องการเลือกที่จะแสดงตัวเป็นผู้ถูกเข้าใจผิด แต่เพื่อนฉันก็ทำจริง ๆมิเชลพูดถึงฉันไม่ดีก่อน เพื่อนสาวผู้ใจดีก็เลยตามยายนั่นตลอด เมื่อได้โอกาสก็จัดให้ไป 2 น้ำกับ 1 ดิน แล้วก็ยืมมือสื่อกับแขกในงานมาตบหน้ามิเชลนั่นแทนที่จะลงมือเอง ตอนนี้มิเชลจึงต้องเก็บตัว ถูกเพื่อนในกลุ่มถอยออกห่าง เพราะทั้งเรื่องของไดอาน่าด้วยเลยไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้ส่วนฉันหลังจากผ่านช่วงงานแต่งมาแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด หนึ่ง ฉันเข้าใจมาตลอดว่าราฟาว่าง แต่ไม่ใช่ งานในฐานะของเชื้อพระวงศ์เยอะมาก และเขาก็มีสิ่งที่ต้องดูแลในส่วนของตัวเอง แต่ด้วยความที่เกิดมาพร้อมกับหน้าที่นี้ เขาเลยจัดการมันได้ไม่ยาก และทำตัวเหมือนว่างก็แค่นั้นเองสอง ไม่ว่าราฟาต้องออกไปที่ไหนฉันต้องไปกับเขาทุกที่ ซึ่งคนที่พึ่งเข้ามาในตำแหน่งนี้ได้ไม่นานก็ทำเอาร่างพังทุกครั้งที่กลับมา จนช่วงนี้เขารู้สึกว่าร่างกายฉั

  • ทฤษฎีร้ายสลักรัก    ทฤษฎีร้าย บทที่ 51 : คำขอบคุณ

    หนึ่งอาทิตย์ต่อมา“งานแต่งเลื่อนกำหนดการเข้ามาเป็นวันที่หนึ่งเดือนนี้ครับ” “....” ฉันนั่งฟังสิ่งที่คุณยูรายงาน คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหากันทีละนิดการที่งานเลื่อนเข้ามาแบบนี้ฉันไม่จำเป็นต้องไปถามเลยว่าเป็นเพราะใคร ก็มีคนเดียวที่เอาแต่ใจตัวเองแล้วยังสั่งเลื่อนงานได้ตามใจก็คือ คนที่ฉันต้องแต่งงานด้วยนี่แหละ“ดี” ราฟาเห็นด้วยอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น เดาอะไรไม่เคยผิด“บ้านพักส่วนพระองค์ที่ประเทศไทย คุณภาคินแจ้งว่าจัดการหาผู้ดูแลทั้งหมดให้เรียบร้อยแล้วครับ” “....” มือที่กำลังแกะเปลือกองุ่นหยุดชะงัก แล้วค่อย ๆ เงยหน้ามองไปยังคนตัวสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม“หาผู้ดูแลให้? ฟังเหมือนตั้งใจเข้ามาช่วย แต่บังคับโดยไม่มีสิทธิ์ให้เลือกเลยใช่มั้ย” เหมือนราฟาจะรู้ทันเพื่อนตัวเอง“ครับ” คุณยูเองก็พยักหน้าเห็นด้วย“ไอ้เวร...” เสียงพึมพำของราฟาที่มีต่อเพื่อนตัวเอง ทำเอาฉันถึงกับอมยิ้มมือเล็กหยิบลูกองุ่นเข้าปาก แต่เพียงแค่ลิ้นสัมผัสรสชาติก็ต้องคายมันออกมาทันที รสขมติดอยู่ปลายลิ้นทำเอาความอยากกินหายไปจนหมดทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เจอเข้ากับสายตาของคนรอบตัว นี่ฉันทำอะไรที่เสียมารยาทบนโต๊ะอาหารสินะ“ขอ

  • ทฤษฎีร้ายสลักรัก    ทฤษฎีร้าย บทที่ 50 : เจ้าของ

    หญิงสาวในชุดกางเกงเข้าชุด ผมยาวถูกมัดรวมยกสูงแล้วสวมทับด้วยหมวกบักเก็ตสีดำ สายตามองยังร้านค้าในงานเทศกาลรอบตัวด้วยความตื่นตาตื่นใจ สองเท้าก้าวเดินท่ามกลางสายตาคนรอบข้างที่มองมาเป็นตาเดียวเสียงพูดคุยรอบตัวคือทุกคนต่างคุ้นหน้าในฐานะของคู่หมั้นเจ้าชายราฟา แต่เมื่อมองรอบตัวฉันที่เดินอยู่คนเดียวพวกเขาก็เลิกให้ความสนใจ เพราะเป็นไปได้ยากที่คู่หมั้นรัชทายาทลำดับที่สองจะมาเดินเล่นโดยไร้ผู้ดูแล“เอาวานิลลากับสตรอว์เบอร์รีค่ะ” ฉันหยุดยืนหน้าร้านไอศกรีมของชอบอันดับหนึ่งในใจ“รอสักครู่นะคะ” เจ้าของร้านส่งยิ้มหวานมาให้พร้อมกับหันไปจัดเตรียมออร์เดอร์หลังจากแยกกับท่านปู่ คำตอบของฉันที่ท่านได้รับทำให้ได้เห็นรอยยิ้มที่คล้ายกับปู่ของฉัน รอยยิ้มที่ใจดี อบอุ่น และมีความสุขจนปกปิดมันไว้ไม่อยู่ แค่สิ่งที่พวกเขาอยากให้เป็นมันกำลังเป็นไปในทางที่ทั้งสองรอมาตลอดแต่เราก็ร่วมกันวางแผนแกล้งราฟาสักหน่อย เก่งนักใช่มั้ย รู้อะไรก็ไม่ยอมบอก ปล่อยให้รออยู่ที่นั่นไปก่อน แต่ก็แอบคิดว่าคนที่รู้มากอย่างเขาไม่มีทางรออยู่เฉยแน่ แต่ถ้าจะให้หาเจอง่ายก็ไม่สนุกเท่าไรในระหว่างที่ยืนรอไอศกรีมอยู่นั้นก็รู้สึกได้ถึงสายตาสองคู่ที่

  • ทฤษฎีร้ายสลักรัก    ทฤษฎีร้าย บทที่ 49 : การตัดสินใจครั้งสุดท้าย

    จุดเด่นของงานแต่งนั่นคือ เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ยิ่งเป็นงานแต่งของรัชทายาทลำดับที่หนึ่งแล้วด้วยทุกสายตาจะจับจ้องไปยังหญิงสาวเพียงคนเดียวที่เข้าใกล้ตำแหน่ง ควีน คนต่อไปแต่เมื่องานแต่งที่หญิงสาวผู้เป็นจุดเด่นมีถึง 2 คน จึงสร้างความสนใจให้กับงานในครั้งนี้มากเข้าไปอีก งานพิธีถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตสมฐานะ ภาพงานถูกถ่ายทอดให้แก่คนทั่วโลกได้ชม เป็นครั้งแรกที่ฉันกับราฟายืนเคียงข้างกันในงานใหญ่ขนาดนี้มือเล็กถูกเขาดึงไปจับเอาไว้แน่น ตลอดงานราฟาไม่ปล่อยให้ฉันห่างจากตัว เมื่อฉันถูกจับภาพก็มีราฟาอยู่ข้างด้วยเสมอ ยิ่งงานใหญ่ขนาดนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าที่ประเทศไทยจะเป็นยังไง“ฉันเดินตามข้างหลังนายแบบปกติได้นะ ตอนนี้ยิ่งถูกสนใจในฐานะคู่หมั้นเจ้าชายด้วย เวลากล้องจับมานายจะติดเข้าไปด้วยนะ” ปกติเก็บตัวไม่ค่อยให้ใครได้เห็นภาพอยู่แล้ว“ติดแล้วยังไง” “ไม่ชอบออกมาให้คนเห็นไม่ใช่หรือไง ตอนฉันหาประวัตินายก็มีแต่รูปวัยเด็ก” ราฟาหันมามองแล้วส่งยิ้มให้“ไม่ชอบออกมาให้คนเห็นเหรอ เหมือนเป็นตัวอะไรสักอย่างเลยฉัน” “ไม่ได้หมายความว่าแบบนี้” “ที่ผ่านมาก็แค่มันน่าเบื่อน่ะ เลยไม่เคยอยู่เกินสิบนาที ภาพฉันก็เลยไม่ค่อยมีเท่าไร”

  • ทฤษฎีร้ายสลักรัก    ทฤษฎีร้าย บทที่ 48 : สัญลักษณ์

    “คนปกติที่ไหนเขาจะเอาผู้หญิงตัวเล็กที่สวยมากแบบนี้ไปผูกไว้กลางป่าให้เสือมาเลียหน้าเล่น!” “อ้าว เป็นคนเหรอนึกว่าไม่ใช่คน” “แล้วนั่นปากเหรอ นึกว่า...” ดวงตากลมหลุบต่ำมองไปที่เท้าของคนตัวสูง“ใครเอาลงมาได้กูให้ล้านหนึ่ง” “กรี๊ด!!” เสียงแหลมสูงกรีดร้องเมื่อกลุ่มคนจำนวนมากต่างเดินเข้าไปล้อมต้นไม้สูงฉันยืนอ้าปากตาค้างมองไปยังหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ที่ยื่นออกมา ตอนนี้เหมือนสติกำลังจะหลุดออกจากร่าง ต้องเริ่มตกใจจากเรื่องไหนก่อนหนึ่งพี่คาริชม่าขึ้นไปอยู่ต้นไม้ทำไม สองพี่คาริชม่าขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ได้ยังไง เพราะมันสูงมากเทียบกับตึกสองชั้น สามพี่อีวานจะเอาเจ้าสาวตัวเองไปผูกกลางป่าให้เสือกินจริงเหรอ สี่ความปากแจ๋วที่ไม่ได้ต่างไปจากน้องชาย!“ปีนต้นไม้เก่งเหมือนเดิมเลยนะ” ราฟากอดอกยืนพิงรถพี่อีวาน สายตาจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนต้นไม้“ทำไมพูดเหมือนมันเป็นเรื่องปกติอะไรขนาดนั้น” ฉันกระซิบถาม สายตาก็แอบมองไปยังพี่อีวานหมับ! แต่ก็มองได้แค่แป๊บเดียว เพราะมือของราฟาจับปลายคางบังคับให้หันกลับมามองที่เขา“สามีตัวเองอยู่นี่ เธอต้องมองแค่ฉัน” เพียะ! มือเล็กตีเข้าที่ต้นแขนเขา“มันใช่เว

  • ทฤษฎีร้ายสลักรัก    ทฤษฎีร้าย บทที่ 47 : เกิดจากความตั้งใจ NC

    “เดี๋ยว! หยุดราฟา!” ริมฝีปากบางส่งเสียงทักท้วงหลังจากดิ้นหลุดจากคนตัวสูง หันเบือนหน้าหลบริมฝีปากชวนสัมผัสของผู้ชายตรงหน้า คนถูกขัดใจแสดงอาหารออกมาชัดเจนจนรู้สึกได้ นัยน์ตาคมจ้องมองคนตัวเล็กที่อยู่ภายใต้ร่าง“....” เพราะไม่กล้าดุ จึงทำได้เพียงแค่มองหน้าเท่านั้น“ไม่เป็นไปตามข้อตกลงเลย แค่นี้นายยังทำไม่ได้ ฉันก็ไม่เชื่อสิ่งที่พูดมาทั้งหมดหรอก” ถ้าไม่หยุดตอนนี้ฉันจะไม่มีโอกาสได้หยุดแล้วนะ!“ถ้าทำตามข้อตกลงทุกอย่าง ทุกอย่างก็จบใช่มั้ย” “...อือ” เราทั้งคู่ต่างจ้องหน้ากันจนในที่สุดราฟาก็ยอมผละออก เขาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วดึงแขนฉันให้ลุกขึ้นตามมาด้วยอีกคน มือหนาเอื้อมไปหยิบเอกสารมาอ่านด้วยความตั้งใจ ก่อนจะลงมือเซ็นมันทีละใบอีกครั้ง เกือบแล้ว...เกือบปล่อยตัวปล่อยใจแล้ว!ติ้ด! ติ้ด!ระหว่างที่กำลังทะเลาะกับตัวเองอยู่เสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น มือเล็กที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบ แต่ก็ช้าไปเมื่อคนที่แขนยาวกว่าหยิบมันมาให้ก่อน แต่สายตาที่เห็นเบอร์บนหน้าจอ ราฟาก็กดรับสายอย่างถือวิสาสะทันทีติ้ด!“โทรมาหาเมียคนอื่นทำไม เอาเวลาไปตามเมียตัวเองเถอะพี่อีวาน” ราฟากรอกเสียงพูดกับคนปลายสาย แล้วทำไมไปเรียก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status