เข้าสู่ระบบ11 เธอกับฉันยังต้องเจอกันอีกยาว
@เช้าวันถัดมา เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหมอนดังขึ้นทำให้ทั้งอคิราห์และปรางปรีญาสะดุ้งตื่นหลังจากหลับใหลด้วยความเหนื่อยล้ากันทั้งคู่ โดยที่ร่างเล็กไม่รู้ว่าตกอยู่ในอ้อมกอดของซาตานร้ายทั้งคืน อคิราห์ค่อยๆคลายอ้อมแขนออกก่อนจะคว้าโทรศัพท์มากดรับสาย “ว่าไงครับขวัญ” เขาพูดกับปลายสายด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน (คุณอคิราห์อยู่ที่ไหนคะ ขวัญมาหาที่บ้านแต่พ่อของคุณบอกว่าคุณออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวาน) “อ๋อ พอดีผมมีธุระด่วนที่ภูเก็ตครับ ขอโทษที่ไม่ได้โทรบอก พอดีปรเมศชวนกะทันหัน” (คุณไปภูเก็ตหรอคะ ไปกับใครบ้าง) หล่อนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพราะกลัวว่าอคิราห์จะแอบไปกับผู้หญิง “ผมมากับปรเมศและก็พนักงานในบริษัทครับ” (ถ้างั้นขวัญไปหาคุณได้ไหมคะ พอดีช่วงนี้ขวัญว่าง ไม่มีอะไรทำ) “ผมว่าอย่าเลยดีกว่าครับ ผมกลัวคุณขวัญจะลำบาก เอาเป็นว่ากลับจากภูเก็ตผมจะพาคุณไปทานดินเนอร์หรูๆสักมื้อดีไหมครับ” (ขวัญแค่เป็นห่วงคุณเลยอยากตามไปดูแล แต่ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ) หล่อนประชดประชันหวังให้อีกฝ่ายเอ่ยปากชวน เพราะอยากมาดูให้เห็นกับตาว่าอคิราห์แอบมากับผู้หญิงหรือเปล่า ผู้ชายเวลามีพิรุธผู้หญิงมักจะดูออกเสมอ “เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะรีบกลับไปหาก็แล้วกัน พอดีช่วงนี้งานยุ่ง อีกอย่างไอ้ปรเมศก็เพิ่งเปิดโครงการใหม่ด้วย” (เอางั้นก็ได้ค่ะ พักผ่อนเยอะๆนะคะ ขวัญเป็นห่วง) “ขอบคุณคุณขวัญมากๆนะครับ ไว้ผมจะรีบกลับไปหา” ประโยคหลังเขาชำเลืองมองไปทางคนตัวเล็ก ถึงจะนอนหันหลังให้แต่เขาก็พอจะดูออกว่าเธอกำลังแอบฟังอยู่ ชายหนุ่มโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอน แล้วพลิกตะแคงร่างหันหน้าไปทางคนตัวเล็กที่เอาแต่นอนนิ่ง เขารู้ว่าเธอตื่นแล้ว “แอบฟังฉันคุยโทรศัพท์หรอ ไร้มารยาทจริงๆ” “…” คนตัวเล็กยังนิ่ง อคิราห์ทำการพิสูจน์ว่าเธอหลับจริงๆหรือเปล่าโดยการล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อแล้วบีบขย้ำหน้าอกอวบอย่างแรง จนปรางปรีญาสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด “โอ้ยย!!” “ตื่นแล้วจริงๆด้วย” “คนเลว!” หล่อนหันหน้ากลับมาสบตากับเขาทั้งน้ำตา เมื่อคืนยังทำร้ายกันไม่พอใช่ไหม “ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้นะ ออกไป!” เธอโกรธจนร่างสั่น ตะโกนไล่อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “เธอกำลังไล่คนที่เป็นเจ้าของโรงแรมอยู่นะ รู้ตัวไหม” “จะเป็นอะไรก็ช่าง ได้โปรดออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ ฮรื้อๆๆ” “ทำไม หน้าฉันมันทำไมหรอ” มือหนาคว้าหมับเข้าที่ปลายคางมนพร้อมออกแรงบีบ โดยไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร “หรือหน้าฉันเหมือนผัวคนแรกที่ได้ครอบครองเรือนร่างของเธอ” “…” ปรางปรีญาไม่ได้ตอบโต้ใดๆ เพียงมองเขาด้วยสายตาโกรธจัด “ฉันพูดตรงๆเลยนะ เซ็กส์ของเธอจืดชืดเป็นบ้าเลย แบบนี้ฉันเอาไม่กี่ครั้งก็เบื่อแล้ว” “เพราะฉันไม่ได้ส่ำส่อนเหมือนคุณไงที่จะเอาไปเรื่อย เลิกกันได้ไม่กี่วันก็ควงคนใหม่ เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น ฉันไม่น่าหลงเชื่อคนอย่างคุณเลย” “แสดงว่าที่ผ่านมาเธอแอบติดตามข่าวฉันใช่ไหม” ริมฝีปากร้ายแสยะยิ้มพรางเชิดหน้าขึ้นมองหน้าสวย “ฉันก็เป็นผู้ชายทั่วไป มีความต้องการทางเพศเหมือนกัน ในเมื่อเธอให้ฉันไม่ได้ ฉันก็ต้องไปลงกับคนอื่นสิ ใครจะปล่อยให้ตัวเองทรมาน” “เพราะคุณไม่ได้รักฉันจริงๆ” “เธอเองก็ไม่เคยรักฉันเหมือนกัน!” เขากระชากหน้างามที่กำลังก้มหน้างุดให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกครั้ง “ทำไม….อยากลำลึกเรื่องราวในอดีตหรอ” “เปล่า เรื่องมันจบไปแล้ว ตอนนี้คุณออกไปจากห้องของฉันเถอะ” “ทำไม กลัวมีคนรู้หรอว่าขายตัว” “ฉันกลัวคุณแพรขวัญรู้ต่างหาก” “ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องนี้จะไม่มีทางรู้ถึงหูแพรขวัญแน่นอน เพราะคงไม่มีใครคิดว่าฉันจะตาต่ำมาเอาคนอย่างเธอ” “งั้นก็ออกไปจากห้องฉัน คนสูงส่งอย่างคุณไม่ควรมานั่งใกล้คนต่ำๆอย่างฉัน” พูดจบปรางปรีญาก็รีบยกมือปาดน้ำตาแล้วเบือนหน้าหนี และเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเงียบไป อคิราห์จึงเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบเงินออกมาปึกหนึ่ง ก่อนจะยัดใส่ขอบผ้าห่มตรงเนินหน้าอก “สองแสนพอไหม จริงๆเมื่อคืนฉันจะให้ห้าหมื่นด้วยซ้ำ แต่ฉันแตกไปสามรอบเลยเพิ่มทริปให้ เธอจะได้มีกำลังใจในการทำงาน” เขาตบเข้าที่เงินปึกนั้นตรงเนินหน้าอก ทำให้ความอดทนของปรางปรีญาหมดลงกับการกระทำที่ไร้ความเป็นลูกผู้ชาย เธอหยิบเงินปึกนั้นออกมาแล้วปาใส่หน้าเขาอย่างแรง ปึก! “ฉันไม่รับเงินจากผู้ชายจิตใจสกปรกอย่างคุณหรอก อย่าคิดว่ารวยแล้วจะใช้เงินฟาดหัวใครก็ได้ เพราะนั่นมันคือการกระทำของพวกผู้ดีใจหยาบ!” “ปรางปรีญา นี่เธอกล้าขว้างเงินใส่หน้าฉันหรอ!” อคิราห์เอื้อมมือไปกระชากต้นแขนเรียวจนร่างเล็กเซล้มลงบนตักของเขา “ฟรีก็ไม่บอก ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินออกไปกดเงิน” “ฮึก! ปล่อย….ฉันเจ็บ โอ้ยย!!” ปรางปรีญาร้องเสียงหลงเมื่ออคิราห์กระชากร่างที่พยายามถดถอยหนีให้กลับมาที่เดิม ก่อนจะพลิกร่างขึ้นคร่อมทับไว้อย่างแน่นหนา มือทั้งสองข้างตรึงมือเล็กไว้ข้างลำตัว “รู้อะไรไหม ฉันชอบของฟรีที่สุดเลย” อคิราห์เค้นหัวเราะเสียงเยือกเย็น หัวใจของปรางปรีญาเต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัว…กลัวว่าจะเป็นเหมือนเมื่อคืน “ถ้างั้นฉันขอกินของฟรีอีกครั้งได้ไหม” “ไม่! ออกไปนะ!” ปรางปรีญาแว้ดเสียงใส่ พยามดันร่างออกแต่ก็สู้ผู้ชายตัวสูงไม่ได้อยู่ดี “ไม่งั้นฉันจะฟ้องคุณปรเมศ!” “ฟ้องเลย ฟ้องสิ แต่เธอจะฟ้องว่าอะไรล่ะ” เขาท้าทายอีกฝ่าย “ฟ้องว่าคุณข่มขืนฉัน คุณทำร้ายฉัน คุณปรเมศไม่มีทางเข้าข้างคนชั่วๆอย่างคุณหรอก!” “งั้นฉันคงต้องพิสูจน์อีกรอบแล้วว่าที่ทำกันเมื่อคืน….ฉันข่มขืนเธอจริงๆหรือเปล่า” เมื่อพูดจบอคิราห์ก็ใช้กำลังบังคับขืนใจปรางปรีญาอีกรอบโดยไม่สนว่าหญิงสาวจะเจ็บปวดเพียงใด มอบสัมผัสอันแสนรุนแรงให้เธอไม่ต่างอะไรจากเมื่อคืน คนตัวเล็กที่สู้ชายร่างสูงไม่ได้พยายามปกป้องตัวเองจนถึงที่สุด แต่สุดท้าย…ก็สู้ซาตานร้ายไม่ได้อยู่ดี อคิราห์เองก็ไม่คิดว่าตื่นมาแล้วจะมีอารมณ์ เพียงแค่เห็นหน้า เห็นเนินหน้าอกอวบ บางสิ่งบางอย่างก็แข็งตั้งขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันทั้งอึดอัดและปวดหนึบด้วยความทรมาน ถ้าไม่ได้ปลดปล่อยคงไม่เป็นอันทำการทำงานแน่ๆ ถึงปรางปรีญาจะไม่ได้ช่ำชองเรื่องบนเตียง แต่เขาดันติดใจรสชาติจืดชืดของเธอซะงั้น เธอกับฉันยังต้องเจอกันอีกยาว...ปรางปรีญา! -------------------50 รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง@เช้าวันถัดมาปรางปรีญารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบร่างของอคิราห์ยืนกวาดเศษใบไม้อยู่หน้าบ้าน นี่มันบ้านของเธอนะ เขามีสิทธิ์อะไรมายุ่งวุ่นวาย เพราะนี่มันไม่ใช่ที่ของเขา“ตื่นแล้วหรอ” อคิราห์ที่ยืนกวาดเศษใบไม้อยู่หน้าบ้าน เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้หญิงสาวที่กำลังยืนตาจ้องเขม่งอยู่บนบ้านเมื่อวานเห็นว่าเศษใบไม้กองอยู่ที่หน้าบ้านของปรางปรีญาเยอะมาก วันนี้เลยตั้งใจตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำความสะอาดหน้าบ้านให้เธอ เผื่อมีสัตว์มีพิษซุกอยู่ในกองใบไม้ ปรางปรีญาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามไม่สนใจอีกฝ่ายและกำลังจะก้าวลงจากบ้านเพื่อไปเก็บดอกไม้ ด้วยความหวังดี อคิราห์รีบวางไม้กวาดและกำลังจะก้าวเข้าไปประคองร่างเล็กลงมาจากบันได ขันทองที่อยู่ในมือของปรางปรีญาก็ขว้างมาโดนศีรษะของเขาอย่างแรงปึก!“โอ้ยย!! ปรางตีพี่ทำไม”“ฉันเดินเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง!” ปรางปรีญากระแทกเสียงใส่ อคิราห์จำเป็นต้องก้าวหลบออกจากบันไดเพื่อให้หญิงสาวเดินลงได้สะดวก ปรางปรีญาเดินไปก้มเก็บขันที่เพิ่งเขวี้ยงใส่คนหน้าด้านขึ้นมา แล้วเดินหลบไปยังสวนดอกไม้ แต่อคิราห์ก็ยังไม่ลดละความพยายาม เดินตา
49 เธอเปลี่ยนไปอคิราห์รีบหอบเอาร่างอันแสนบอบช้ำกลับมาที่บ้านพัก ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพมีรอยแดงเพราะถูกน้ำร้อนลวก ปรางปรีญาเล่นสาดน้ำร้อนใส่เหมือนเขาเป็นหมาเลย โชคดีที่โดนแค่ท่อนแขน ไม่อย่างนั้นคงเสียโฉมไปแล้ว ปรเมศที่นั่งรออคิราห์อยู่ที่หน้าบ้าน ตกใจเมื่อเห็นพื่อนสนิทกลับมาในสภาพไม่ปกติ“นะ...นั่นมึงไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้กลับมาในสภาพ...เอ่อ...เหมือนหมาถูกน้ำร้อนลวก”“เมียกูเอาน้ำร้อนสาด” เขาตอบสั้นๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หวายบริเวณหน้าบ้าน กว่าจะพาตัวเองกลับมาได้ ทุลักทุเลพอสมควร ตอนนี้อาการปวดแสบปวดร้อนเริ่มปะทุขึ้น ท่อนแขนบวมแดงคล้ายกำลังจะพุพอง“ไปทำอีท่าไหนเขาถึงสาดน้ำร้อนใส่”“ก็แค่บุกเข้าไปในบ้านเขาเฉยๆ ไม่คิดว่าปรางปรีญาจะกล้าทำขนาดนี้”“โชคดีแค่ไหนแล้วที่น้องเขาไม่สาดใส่หน้ามึง ไม่งั้นคงได้บินไปศัลยกรรมที่เกาหลี แต่จะว่าไป สาดใส่หน้าก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเอาหน้าหล่อๆไปหลอกฟันใครอีก”“พอเถอะ แค่นี้กูก็เจ็บปวดมากพอแล้ว อย่าให้กูต้องเจ็บกับคำพูดของมึงอีกเลยเพื่อน”“มึงรู้อะไรไหม กูโครตสะใจเลยที่มึงโดนซะบ้าง ปากเก่งมาตั้งนาน สุดท้ายเอาตัวไม่รอด” ปรเมศเค้นหัวเราะออกมาเ
48 มาทางไหนกลับไปทางนั้น“นี่มันอะไร” ปรางปรีญามองจดหมายฉบับนั้นด้วยความงุนงง แต่ก็พอจะเดาออกว่าเป็นลายมือของใคร“น้าของปรางเขียนจดหมายฉบับนี้ไว้ก่อนที่ท่านจะเสีย”ปรางปรีญารับจดหมายไปไล่อ่านด้วยความตกใจ เนื้อหาในจดหมายบอกถึงค่ำคืนที่เธอได้ไปขอร้องให้รินรดาเลิกยุ่งกับราเชษ“แสดงว่าคืนนั้นปรางแค่โกหกน้าดาใช่ไหม ปรางไม่ได้หลอกพี่จริงๆใช่ไหม”“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าวันนั้นฉันพูดอะไรกับน้าดา” ปรางปรีญาเงยหน้าถาม“พอพี่รู้เรื่องน้าดากับอาเชษ พี่ตั้งใจขับรถไปหาปรางที่บ้านเพราะอยากไปถามให้แน่ใจ แต่พี่ดันไปได้ยินเรื่องที่ปรางพูดกับน้าดาพอดี”“คืนนั้น…คุณไปหาฉันที่บ้านหรอ” ปรางปรีญาส่งจดหมายกลับ พร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าวันนั้นอคิราห์ไปหาเธอที่บ้าน“ใช่ พี่ตั้งใจไปหาปราง และพี่ก็ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่ปรางคุยกับน้าดา ตอนนั้นพี่เสียใจมากที่ได้ยินเรื่องแบบนี้ พี่นั่งร้องไห้อยู่เงียบๆคนเดียว ทั้งๆที่พี่ควรจะเดินเข้าไปถามปราง แต่พี่ก็ดันเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พอรู้อะไรแบบนั้นมันก็เริ่มทำให้พี่มองปรางเปลี่ยนไป”“…” ปรางปรีญานิ่ง ยืนฟังอีกฝ่ายด้วยสีหน้านิ่งเรียบไร้ความ
47 ดวงใจดวงเดิมก็อก…ก็อก…เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะการนอนของอคิราห์ ชายหนุ่มลืมตาขึ้น พลิกตะแคงร่างด้วยความหงุดหงิดเพราะเมื่อสักครู่กำลังนอนหลับฝันหวาน…ฝันว่าได้นอนกอดปรางปรีญากับลูกอคิราห์หยัดกายลุกขึ้นนั่ง ถอนหายใจพรืดใหญ่ ยกมือขยี้ผม สีหน้าบอกบุญไม่รับ เขาไม่อยากเปิดประตูออกไปแล้วเจอภาพของปรเมศกำลังจู๋จี๋กับศรุตา เพราะมันทำให้เขาคิดถึงปรางปรีญามากขึ้นจนไม่อาจทนดูภาพพวกนั้นได้ทำไมถึงไม่มีเมียให้นอนกอดแบบนี้บ้าง เห็นแล้วก็นึกอิจฉาไม่ได้จริงๆ“อะไร” อคิราห์เปิดประตูออกมา ตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ“กูมีข่าวดีจะบอก”“ข่าวอะไรของมึง”“เดี๋ยวให้ตาเป็นคนบอกดีกว่า”“ถ้างั้นพวกมึงก็กลับไปเถอะ ขัดจังหวะการนอนของกูจริงๆ” อคิราห์ปิดประตูใส่ แต่ถูกปรเมศดึงกลับมาเหมือนเดิม “ไหนมึงบอกว่าอยากเจอเมีย”“ก็อยากเจอ แต่มันไม่เจอไง”“แล้วถ้าเจอล่ะ”“มึงว่าอะไรนะ” อคิราห์ถามกลับอย่างรวดเร็ว“วันนี้ตาไปเดินตลาดแล้วบังเอิญเจอปรางปรีญา”“ว่ายังไงนะ ทะ…ที่ไหน!!” อคิราห์ตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ หัวใจที่เคยห่อเหี่ยวไปนานถึงเจ็ดเดือนกลับมาเต้นโครมครามอีกครั้ง “ท้ายหมู่บ้าน”อคิราห์เดินทางมาที่บ้า
46 บังเอิญเจอ ปรเมศใช้เวลาขับรถแค่สองชั่วโมงนิดๆ ในที่สุดก็มาถึงจังหวัดกาญจนบุรี ศรุตาที่ตอนนี้ท้องแก่ใกล้คลอดเดินออกจากบ้านพักตากอากาศเพื่อมารอรับสามีกับเพื่อนสนิทอย่างอคิราห์ อคิราห์ก้าวลงจากรถพร้อมกันกับปรเมศ ศรุตารีบวิ่งเข้ามาสวมกอดสามี ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถทนดูภาพนั้นต่อได้ รีบเบือนหน้าหนีด้วยความเจ็บปวดหัวใจเพราะมันทำให้เขานึกถึงปรางปรีญาทุกทีที่เห็น ศรุตากับปรางปรีญาน่าจะตั้งท้องไล่เลี่ยกัน ป่านนี้ก็คงท้องแก่ใกล้คลอดแล้วไปอยู่ที่ไหนกันนะปรางปรีญา ฉันอยากดูแลเธอกับลูกเหลือเกิน“ลมอะไรหอบโซ่มาถึงที่นี่” ศรุตาเอ่ยแซวเพื่อนสนิท หล่อนได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของสามี ไม่คาดคิดว่าคาสโนว่าตัวพ่อจะตกอยู่ในสภาพนี้“ไม่รู้สิ อาจจะลมบ้าหมู” เขาตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ พยายามไม่มองศรุตากับปรเมศที่กำลังยืนจู๋จี๋กัน พวกมันจะรู้หรือเปล่าว่าเขาไม่อยากเห็นภาพนี้ เห็นแล้วเจ็บใจทุกทีเพราะคิดถึงเมีย“ตาคิดว่าโซ่น่าจะเป็นบ้าจริงๆ ดูสภาพโซ่ในตอนนี้สิ ไม่ใช่คุณอคิราห์ที่ตาเคยรู้จักด้วยซ้ำ”“เอาน่า เราอย่าไปตอกย้ำมันเลยนะ” ปรเมศเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเพื่อนสนิท “ผมว่าเราเข้าบ้านกัน
45 มิตรแท้ไม่มีคำว่าปลอบใจ...เจ็ดเดือนต่อมา...“ไงเพื่อน ลมอะไรหอบมึงมาหากูถึงที่นี่” ปรเมศเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังเดินเข้ามาในบ้าน ช่วงนี้เขากับเพื่อนไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่เพราะอีกฝ่ายงานยุ่ง“ลมคิดถึงเมีย”“เมียคนไหน” ปรเมศชอบแซวแบบนี้เป็นประจำ ใจหนึ่งก็นึกสงสาร อีกใจก็สมน้ำหน้า ทำกับเขาไว้เยอะ ก็ไม่แปลกที่เขาจะไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา“เมียกูมีคนเดียวเว้ย!”“ไม่รู้สิ ตอนนั้นเห็นมึงคบหลายคน”“อย่าเพิ่งกวนประสาทกูไอ้เมศ ตอนนี้กูอารมณ์ไม่ค่อยดี” อคิราห์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับปรเมศ ก่อนจะยกมือก่ายหน้าผากเหมือนคนหมดอาลัยกับชีวิต ปรเมศเห็นภาพนี้จนชินแล้ว บางวันก็เมาหัวราน้ำจนคนในครอบครัวเอื้อมระอา เพราะพักหลังๆอคิราห์แทบไม่เป็นผู้เป็นคน “กูก็เห็นมึงอารมณ์ไม่ดีทุกวันนั่นแหละเพื่อน”“จะไปอารมณ์ดีได้ยังไง นี่ก็ผ่านมาเกือบเจ็ดเดือนแล้ว กูยังหาเมียไม่เจอเลย”“แล้วนักสืบที่มึงจ้างวานว่ายังไงบ้าง”“ไม่เจอ ทั้งๆที่เป็นนักสืบฝีมือดีที่สุดของเมืองไทย แต่ทำไมถึงยังหาปรางปรีญาไม่เจอวะ”“กูเคยบอกมึงแล้วไงเพื่อน ถ้าเชื่อกูตั้งแต่ตอนนั้น มึงก็คงไม่เสียปรางปรีญาไปแบบนี้หรอก ตอนมี







