การดึงเมียเก่ากลับเข้ามาในชีวิต ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ แต่เขา ‘ศิราช’ เลือกที่จะทำมัน
“งื้อออ กดลิ้นแรงๆ ได้ไหมคะ ดันเข้าไปอีก เฟรอยากได้อีก อ๊ะ!” ร่างบางสะดุ้งเมื่อคนตัวโตกว่าดูดปุ่มคลิตอริสของเธอดังจ๊วบ ก่อนจะผละตัวออก แหงนเงยมองความทรมานของคนตัวเล็ก เฟรญ่าบีบขาเข้าหากันแน่น หอบหายใจแรง มองคนใจร้ายยืนกอดอกมองเธออยู่ปลายเตียง
“อย่ามาสั่ง” มุ่ยหน้าใส่แผ่นหลังกว้างที่เปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำอย่างหงุดหงิด
“ศิราชจะไปไหนคะ” ถามคนตัวสูงที่เดินออกจากห้องน้ำ สวมเสื้อกล้ามสีดำและกางเกงขาสั้นสีใกล้เคียงกัน ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามเธอ ปรายตามองร่างบางที่ใช้ผ้าห่มห่อตัวอยู่บนเตียง
“วันนี้ไม่เข้าร้านหรือไง รีบแต่งตัว”
“ศิราชจะไปส่งเฟรญ่าเหรอคะ”
เอียงคอถามเขา หย่อนขาลงจากเตียง มือทั้งสองข้างขยุ้มผ้าห่มที่พันตัวเอาไว้
“อุ๊ย!” หญิงสาวเข่าอ่อนขึ้นมาเสียดื้อๆ ชายหนุ่มขยับตัวเข้ามาหาเธอ อุ้มหญิงสาวขึ้นพาดบ่า ฟาดมือใหญ่ลงบนก้นงอนผ่านผ้าห่มผืนหนา ก่อนจะดึงผ้าห่มที่เธอใช้พันตัวออก พาหญิงสาวเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“แข้งขาอ่อนเหลือเกินนะ” วางเธอลงในอ่างน้ำ เปิดน้ำใส่อ่างให้เธอ
“ศิราชใจร้ายกับเฟรญ่า” บ่นอุบอิบออกมา ก้มหน้าลงมองมือตัวเอง
“เลิกพล่ามแล้วรีบอาบน้ำ” ย่นจมูกใส่คนตัวสูงที่เดินออกไปจากห้องน้ำ ศิราชไม่ชอบให้ใครสั่งเขา ถ้าหากเขาอยากทำ ชายหนุ่มจะทำให้เธอเองโดยที่หญิงสาวไม่ต้องร้องขอ
เธอสั่งเขาไม่ได้ ขนาดเมื่อครู่เธอแสดงความต้องการออกมาอย่างเต็มเหนี่ยวว่าเธอต้องการเขา ชายหนุ่มยังผละตัวออกจากเธอ ศิราชชอบเป็นฝ่ายคุมเกม เขาชอบอยู่เหนือเกม
หญิงสาวสวมเดรสปาดไหล่สีน่ารัก เดินผ่านโรงรถขนาดใหญ่เข้าไปหาคนตัวสูง ยืนตระหง่านโดดเด่นเหนือกว่าคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นกล้ามแขน กล้ามขา ส่วนสูง บุคลิกความเป็นผู้นำ สีผิวแม้จะไม่ได้ขาวแต่ไม่ใช่สีผิวของคนดำ เป็นสีผิวที่ดูมีเสน่ห์มาก
“ถ้าพวกมึงจะกัดกันก็กลับบ้านไป แล้วไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก” เสียงเข้มหวนดังขึ้น เฟรญ่าที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาหยุดนิ่ง ศิราชกำลังอบรมกับเด็กในค่ายมวยของตนอยู่
ชายหนุ่มมีอาชีพหลักเป็น ช่างสัก ศิราชทำอาชีพนี้เพราะความชอบส่วนตัว ชายหนุ่มเป็นขวัญใจของสาวๆ ที่อยากเข้ามาสักเพราะอยากใกล้ชิดกับหนุ่มหล่อ แต่ว่าน่าเสียดาย ศิราชรับสักแค่ลูกค้ารายใหญ่และเป็นผู้ชายเท่านั้น และคิวของเขาก็ยาวมากเสียด้วย
ช่างน่าเสียดายแทนสาวๆ เสียจริง
แม้จะมีร้านสักเป็นของตัวเอง แต่ก็มีค่ายมวยที่อยู่ติดกับตัวบ้านเป็นของตัวเองเหมือนกัน โดยมีโรงรถขนาดใหญ่ของชายหนุ่มกลั้นไว้ตรงกลาง เพื่อความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง รวมถึงการหุ้นธุรกิจกับเพื่อน
“กูไม่ได้พูดเล่น ที่นี่มีไว้ฝึกซ้อม ไม่ใช่สนามมวยส่วนตัว หัดเกรงใจคนอื่นบ้าง” เอนตัวออกไปดูเด็กในค่ายมวยสองคนที่ยืนประสานมือไว้ด้านหน้า เพราะศิราชตัวใหญ่เธอยืนอยู่หลังเขา ชายหนุ่มจึงบังเธอเสียมิด เด็กทั้งสองคนก้มหน้ามองพื้น ริมฝีปากแห้งแตก มีเลือดออกตามคิ้ว ลักษณะนี้เดาได้ไม่ยากว่าคงทะเลาะกัน และหนักมากเสียด้วย
“กลับไป”
“ไม่ครับไม่ อย่าสั่งห้ามพวกผมมาซ้อมเลยนะครับเฮีย” ขอร้องอย่างมีความหวัง กลุ่มคนพวกนี้มีอายุไล่เลี่ยกับเธอ เฟรญ่าอายุ 21 ปี หนึ่งในสองคนนี้คงมีอายุต่างจากเธอไม่มากนัก ไม่อายุมากกว่าก็คงน้อยกว่า
“นะครับเฮีย ผม ผมจะไม่ทะเลาะกันอีก”
“กูบอกให้กลับไป สงบสติอารมณ์สักสองอาทิตย์ แล้วกลับมารายงานตัวกับกู” กลับมารายงานตัวไม่ได้หมายความว่าจะได้กลับมาฝึกซ้อม ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเขาอีกที
“เฮีย!” ทั้งสองคนเรียกศิราชออกมาพร้อมกัน คิ้วที่ขมวดเข้าหากันคงหมายถึงว่าทั้งสองคนไม่อยากหยุดซ้อม
“กูจะไม่พูดซ้ำ ไป!” แม้จะไม่อยากไป แต่ก็จำต้องเดินออกไปจากค่ายมวยอยู่ดี เฟรญ่ายื่นนิ้วน้อยๆ ของตัวเองสะกิดที่แขนข้างขวาของเขาเบาๆ ก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง เมื่อชายหนุ่มกระชากแขนเธออย่างรวดเร็ว ไขว้มือเธอไว้ด้านหลัง แรงกดของเขาทำให้หญิงสาวเบ้หน้าด้วยความเจ็บ
“โอ๊ยย มันเจ็บนะคะ”
“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาเงียบๆ”
“เฟรกำลังเรียกศิราชต่างหากล่ะคะ แต่ศิราชก็ทำร้ายร่างกายของเฟรก่อน”
ชายหนุ่มยอมปล่อยเธอ จ้องใบหน้าของเฟรญ่าที่หันมาทำสีหน้ากระเง้ากระงอดใส่เขา “เรียกก่อนค่อยสะกิด ไม่ใช่สะกิดแล้วค่อยเรียก ยัยเบ๊อะ!” ดีดนิ้วใส่หน้าผากเธอ หญิงสาวมุ่ยหน้าใส่เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากของตัวเอง ชายหนุ่มไม่ได้ดีดเธอเต็มแรง เขาดีดเพื่อเรียกสติของเธอก็เท่านั้น
“ไปส่งได้ไหมคะ”
“เจ้านายต้องไปส่งลูกน้องด้วยงั้นเหรอ” เลิกคิ้วขึ้นมองเธอ หญิงสาวเปิดคาเฟ่อยู่ใกล้กับร้านสักของเขา ลูกค้าส่วนใหญ่ของเธอเป็นลูกค้าจากธุรกิจของศิราชอีกทีหนึ่ง มีคนแวะเวียนมาสัก ก็ต้องมีคนแวะเข้าคาเฟ่ของเธอ และในหนึ่งวันคนเข้าคาเฟ่ของเธอไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยคน
ทุกคนที่มาไม่ได้มาสักเสียทีเดียว โดยมากจะเป็นกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นเสียส่วนใหญ่ ดูจากหน้าตาของเจ้าของร้าน ฝีมือและช่างสักของชายหนุ่มอีกสองคนแล้ว คงอดใจยากหากจะปฏิเสธว่าหลายคนอยากมาเจอตัวจริง
“แล้วเจ้านายนอนกับลูกน้องตัวเองเหรอคะ”
“แค่สำเร็จความใคร่”
“คนปากร้าย” ค้อนดวงตาใส่เขา ศิราชมีศักดิ์เป็นเจ้านายของเธอ หญิงสาวเปิดคาเฟ่ที่นี่ก็จริง แต่มันตั้งอยู่บนพื้นที่ของเขา ชายหนุ่มให้เธอบริหารจัดการโดยไม่เข้ามายุ่ง โดยเสนอจ่ายเงินเดือนให้เธอสูงมาก
“หรือเธอจะเถียง”
“เฟรจะเถียง เพราะศิราชเอาเปรียบเฟร”
“ทำตัวเอง”
“เมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นแบบนี้กับเฟรเลยนี่คะ”
“อย่ารื้อฟื้น”
“ไปส่งหน่อยไม่ได้เหรอคะ” ศิราชต้องเข้าร้านสักอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าจะให้เดินไปเอง น่องเธอโตกันพอดี ระยะทางจากตัวบ้านไปคาเฟ่ไม่ต่ำกว่า 1.5 กิโลเมตร ที่นี่เป็นอาณาจักรขนาดย่อมๆ ของศิราช คาเฟ่ของเธอตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้า และทางเข้ามาที่นี่ก็เหมือนกับทางเข้าของบ้านจัดสรร พอเลี้ยวรถเข้ามาก็จะเป็นพื้นที่ของชายหนุ่มทั้งหมด
“ไม่เอามือถือลงมาหรือไง ถ้าฉันโทรสั่งกาแฟแล้วไม่ติดเธอโดนดีแน่” มองเรือนร่างบางที่ไม่มีอะไรติดตัวลงมาเลยนอกจากใบหน้าอ่อนใสกับริมฝีปากช่างพูดของเธอ
“เฟรญ่าลืมค่ะ”
“ขึ้นไปหยิบลงมา เร็ว” พลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ก่อนจะออกคำสั่งกับเธอ หญิงสาวมุ่ยหน้าใส่กับความช่างสั่งของเขา เตรียมจะวิ่งชายหนุ่มก็ดึงตัวเธอเข้ามาชิดเรือนกายเอาไว้เสียก่อน
“เร็วที่ไม่ได้หมายถึงให้วิ่ง ห้ามวิ่ง ถ้าเธอวิ่งแล้วล้มขึ้นมา เธอเจ็บกว่าที่ล้มแน่”
“ขู่กันตลอดเลย” ออกแรงผลักอกเขาเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน เพื่อขึ้นไปเอามือถือบนห้องนอน กลัวเธอล้มเพราะเป็นห่วงก็พูดมาสิ
ศิราชคนขี้ขู่!
6 วันถัดมา..เช้าวันใหม่ศิราชวิ่งออกกำลังกายตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เขาวิ่งทว่าเฟรญ่าปั่นจักรยานตาม เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ตอนเช้า และเพื่อไปเที่ยวดูสวนทุเรียนของคุณพ่อด้วยคุณพ่อกับคุณแม่เข้าสวนตั้งแต่เช้าไปดูคนตัดทุเรียน เฟรญ่าจึงถือโอกาสออกกำลังกายขาด้วยการปั่นจักรยานเพื่อไปหาท่านขับมาถึงหน้าสวน ตั้งขายั้งกับพื้น เดินเข้าไปในสวนพร้อมกับศิราช เฟรญ่ามาอยู่ที่นี่เกือบอาทิตย์ เธอยังไม่ได้เข้าสวนทุเรียนสักครั้ง มัวแต่หากิจกรรมทำกับครอบครัว เป็นต้นว่าพาคุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันใกล้ๆ บ้าน ให้คุณพ่อได้ทำความคุ้นเคยกับว่าที่ลูกเขย“เดินดีๆ” มองเฟรญ่าที่เดินเซไปเซมาเพราะพื้นไม่เสมอเรียบเหมือนพื้นปูน “บอกว่าเป็นลูกชาวสวนใครจะเชื่อ” ส่ายหน้ามองเธอ“เฟรญ่าไม่ได้ใส่ผ้าใบมานี่คะ เลยเดินไม่คล่องตัว” ชายหนุ่มจับมือเธอ ตรงเข้าไปหาคุณพ่อ การปรากฏตัวพร้อมกันของทั้งคู่ เหมือนเป็นการประกาศว่าที่ลูกเขยของที่นี่ก็ไม่ปาน“น้องเฟรญ่าของพี่~” เสียงยานเรียกเฟรญ่าดังขึ้นบนต้นทุเรียน “จำพี่ได้ไหมจ๊ะ” บอกตรงจำไม่ได้ แต่เฟรญ่าก็เลือกที่จะอมยิ้มส่งให้ “จำไม่ได้แต่พี่จำน้องเฟรญ่าได้นะจ๊ะ คนสวยของพี่~”
ดินเนอร์มื้อค่ำง่ายๆ เกิดขึ้นหน้าบ้าน ศิราชกับคุณพ่อไม่มีบรรยากาศอึมครึมต่อกัน แถมยังดูเข้ากันง่ายขึ้นเพราะกินเหล้าเหมือนกันชายหนุ่มตักหมูกระเทียมให้เธอเพราะเห็นว่าอยู่ไกลมือ การใส่ใจของศิราชอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งหมด แม้จะมีการดูแลคุณพ่อคุณแม่ของเฟรญ่าเพื่อเรียกคะแนนอยู่บ้าง แต่การดูแลลูกสาวของตนดูออกง่ายมาก ว่าทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติเพราะทำแบบนี้ให้เฟรญ่าบ่อย“เฟรญ่าอยากกินกุ้งหรือเปล่าลูกรัก” คุณพ่อพูดและหันไปมองศิราช “ให้พ่อตักให้ไหม”“เฟรญ่าแพ้กุ้งครับ” ศิราชพูดดักเอาไว้“ฮึ” ยกแก้วเหล้าขึ้นกิน พูดไปงั้นแหละ อยากรู้ว่าเขยจะรู้หรือเปล่าว่าเฟรญ่าแพ้ ดูจากการตอบสนองจากคำถามที่ถามเฟรญ่า สีหน้าก็ออกทันที“ถ้าเฟรญ่ามาอยู่ที่นี่ คงมีหนุ่มจีบตรึม เนื้อหอมมากรู้หรือเปล่า” คุณพ่อพูดกับใครไม่มีใครรู้ เสมือนพูดขึ้นมาลอยๆ“แต่เฟรญ่าชอบศิราชค่ะ” พูดกับคุณพ่อยิ้มๆ ได้รับเสียงหัวเราะจากคุณแม่เป็นการยกใหญ่“คุณก็อย่าแกล้งลูก” คุณแม่หันไปพูดกับคุณพ่อ“แล้วศิราชล่ะชอบลูกสาวพ่อหรือเปล่า ไม่สิรักหรือเปล่า ชอบมันพูดง่ายเกินไป มาเพื่อที่จะขอเฟรญ่าแต่งงานคงไม่ตอบว่าแค่ชอบหรอกใช่ไหม?”เฟรญ่าอมยิ้
“คุณพ่อจะไปไหนคะ” เดินเข้ามาในบ้าน เห็นคุณพ่อสวมเสื้อแขนยาว เหมือนจะออกไปไหน แถมยังโยนเสื้อแขนยาวอีกตัวให้ศิราชอีกด้วย ชายหนุ่มเองก็รับเอาไว้ได้ทัน“จะเข้าสวน พ่อหนุ่มตามมา จะเป็นลูกเขยของชาวสวน ก็ต้องเก็บทุเรียนให้เป็น”“คุณพ่อ…” เรียกท่านเสียงอ่อน มองตามหลังท่านที่เดินผ่านเธอไป ศิราชเองก็สวมเสื้อและเดินตามท่านไปเช่นกันเฟรญ่ากังวล เพราะกลัวว่าคุณพ่อจะทดสอบอะไรแผลงๆ ถึงศิราชจะไม่ใช่คนที่ใช้ชีวิตฟู่ฟ่าหรูหรา แต่เขาก็ไม่เคยลำบาก แถมตอนนี้แดดยังร้อนจัดอีกด้วย ขนาดเธอเป็นลูกเจ้าของสวน เฟรญ่ายังไม่เคยเก็บทุกเรียนเองเลยมันต้องใช้ความชำนาญ ซึ่งมีคนงานคอยทำหน้าที่นี้อยู่แล้วคุณพ่อนะคุณพ่ออยากเดินตามทั้งสองคนไป แต่คุณแม่จับแขนเธอเอาไว้ พร้อมส่ายหน้า“เราซื้ออะไรมาเยอะแยะจ๊ะ พาแม่ไปดูหน่อยสิ เตรียมมื้อเย็นให้ทั้งสองคนนั้นด้วย กลับมาคงเหนื่อยและหิว” มองคุณแม่อ้อนๆ แต่ในเมื่อท่านยังคงส่ายหน้าเฟรญ่าจึงจำยอม เดินตามท่านไปในครัว“ตอนนี้ทำงานอะไร” เปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างคนขับ คุณพ่อของเฟรญ่าใช้รถกระบะขับเข้าไปในสวนที่อยู่ห่างออกไป“เปิดร้านสักครับ มีหุ้นธุรกิจกับเพื่อนอีกนิดหน่อย” ตอบท่านอย่างตรง
สองอาทิตย์ต่อมา..เลื่อนกระเป๋าไปให้ศิราชยกขึ้นท้ายรถ เฟรญ่ายิ้มตั้งแต่ตื่นเช้า เธอทั้งตื่นเต้นมากและยินดีมาก เพราะวันนี้เป็นวันที่ศิราชจะเดินทางไปพบคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอท่านเป็นคนต่างจังหวัด และศิราชต้องการขับรถไปเอง แม้จะเหนื่อยหน่อยแต่มันสะดวกต่อการเดินทาง จะแวะที่ไหนก็ได้ระหว่างทาง และเฟรญ่าชอบนั่งรถมากกว่านั่งเครื่องบิน“ไม่ต้องยก” หันมาพูดกับเธอ “พูดไม่ฟังเดี๋ยวโดน” เฟรญ่าย่นจมูกใส่เขา เธอแค่อยากช่วยเขายกกระเป๋าเอง อีกอย่างมันเป็นใบเล็ก“โดนอะไรคะ”“โดนจับจูบ ถ้าไม่อายเด็กในค่ายก็ลองยกอีกรอบ” เฟรญ่าหันไปมองเด็กในค่ายมวยที่มองตรงมายังเธอ ก่อนจะเบือนหน้าหนี“อายค่ะ ไม่ยกแล้ว” ก้าวขาถอยหลัง แต่เฟรญ่ากลับถูกดึงให้กลับเข้าไปชิดตัวเขา “อื้อออ” ชายหนุ่มจูบหนักๆ บนปากนุ่ม“ยิ้มตั้งแต่เช้า ตอนนี้ก็ยังไม่หยุดยิ้ม”“เหมือนคนบ้าไหมคะ” ยิ่งเขาพูดเธอก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น“ไม่เหมือน” ส่ายหน้าตอบ “ไม่มีคนบ้าที่ไหนน่ารักเท่าเธอแล้วเฟรญ่า”“ฮืออออ” วางมือบนแผ่นอกกว้าง ก่อนจะกดหน้าลงเพื่อหลบซ่อนความเขินอายของตัวเองชายหนุ่มปล่อยตัวเธอ ยกกระเป๋าใบสุดท้ายขึ้นรถ ก่อนจะจูงมือเฟรญ่าไปขึ้นรถเพื่อออกเดินท
07.40 น.วางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะ มองคนตัวโตเดินลงบันไดตรงมาที่โต๊ะทานข้าว วันนี้เฟรญ่าทำข้าวต้มเองในครัว ไม่ได้ออกไปทำที่ร้านเฉกเช่นทุกวันชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะดึงเฟรญ่านั่งลงบนตัก เกยคางบนไหล่บอบบาง “วัดไข้ให้หน่อย” จับมือเล็กวางบนหน้าผากเขา “ยังมีไข้อยู่ไหม”เฟรญ่าอมยิ้ม หอมแก้มของชายหนุ่มเป็นการเอาใจคนป่วย “ตัวไม่ร้อนแล้วค่ะ” เมื่อคืนเธอคาดการณ์ว่าเขาอาจไข้สูง แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น หลังจากกินยา อาบน้ำ นอนพัก แปะแผ่นเจลลดไข้ ศิราชก็ไม่ไข้อีกเลย “ตัวเย็นมากเลย”“เพราะเพิ่งอาบน้ำมา” เฟรญ่าพยักหน้ารับ เพราะกลิ่นครีมอาบน้ำยังติดตัวเขาอยู่เลย “ป้อนหน่อย” มองข้าวต้มในถ้วย บอกเฟรญ่าชิดริมหูเฟรญ่าอมยิ้มน้อยๆ นานทีเธอจะเจอศิราชโหมดนี้ ใช้ช้อนตักข้าวต้มเป่าป้อนเขา ศิราชก็อ้าปากรับกินจนหมด วันนี้เขานอนตื่นสายกว่าทุกวัน อยากลุกไปออกกำลังกายตามความเคยชิน แต่ก็โดนเมียตัวน้อยห้ามเอาไว้ แถมยังขู่อีกด้วยว่า หากเขาดื้อ เธอจะขังเขาเอาไว้ในห้องตัวก็แค่นี้ยังมีหน้ามาขู่ ทว่าศิราชก็ยอมทำตาม“วันนี้หยุดทำงานสักวันดีไหมคะ”“เมื่อกี้ฉันมีไข้ไหม” เฟรญ่าส่ายหน้าตอบ “แสดงว่าหายแล้ว”“แต่อาจจะยังไม่
19.00 น.‘มึงอยากให้กูจัดการแบบไหน’ เสียงพูดธิเบศร์ดังผ่านมือถือเข้ามากระทบหูเขา ศิราชถอดถุงมือโยนใส่ถังขยะ เพราะพึ่งสักให้ลูกค้าเสร็จ ทว่ายังไม่เสร็จทั้งหมด ต้องมาทำต่ออีกในวันพรุ่งนี้“แล้วแต่ดุลพินิจ” ตอบเรียบๆ หันไปคว้าเสื้อแขนยาวมาพาดบ่า มองนาฬิกาบนข้อมือเพียงนิด “สองคนนั้นทำร้ายว่าที่น้องสะใภ้มึง”‘…’“น้องสะใภ้คนแรกของมึง”‘เออ’ ตอบรับอย่างหงุดหงิด รู้อยู่หรอกว่าเฟรญ่าเป็นว่าที่น้องสะใภ้ มีใครไม่รู้บ้าง ธิเบศร์เองก็เพิ่งรู้เรื่องว่าพ่อของเขาไปหาว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยตัวเอง ไปดูให้เห็นกับตา“จัดการให้เหมาะสมแล้วกัน”‘ไอ้เวร ทำไมมึงไม่จัดการเองวะ’“หรือมึงจะคอยตามเช็ดให้กู?” ศิราชจัดการเองได้ แต่เพราะเขาละเอียดไม่มากพอ เส้นสายไม่เยอะเท่าธิเบศร์ อารมณ์ร้อนดั่งไฟ เผลอพลั้งมือทำอะไรเกินกว่าเหตุคงไม่ใช่เรื่องดี “จะเอาอย่างนั้นก็ได้ กูไม่มีปัญหา”‘เฮ้อ เดี๋ยวกูจัดการเอง เก็บเงินเตรียมแต่งน้องสะใภ้กูแล้วกัน’“อย่าห่วง เฟรญ่าพร้อมเมื่อไหร่แต่งเมื่อนั้น”‘เออ กูรอดู’สายถูกตัดไป ชายหนุ่มเดินออกจากห้อง มองเฟรญ่าที่นั่งกินผัดไทยอยู่บนโซฟา ดวงตาคู่สวยมองซีรีเกาหลีบนหน้าจอไอแพด โดยมีไอชินั่งเล่น