“ทำไมคิดว่าฉันจะหึงหรือโกรธหรอคะ.. เคยเอ-ากันแค่ครั้งสองครั้ง ฉันไม่ถือหรอกนะ” “งั้นเรามาลองเอ-ากันอีกสักครั้งไหม.. เผื่อเธอจะถือ”
ดูเพิ่มเติมตอนที่ 1
งั้นลองเอากันอีกครั้งไหม.. เผื่อเธอจะถือ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เชิญ”
เสียงนุ่มทุ้มน่าเกรงขามของคนด้านในเอ่ยออกมาเรียบนิ่งเป็นการอนุญาตให้กับคนด้านนอก
“สิบโมงมีประชุมกับ บริษัท ABS ค่ะ”
สาวสวยร่างบางส่วนสูงตามฉบับนางแบบ เจ้าของเส้นผมสีคาราเมลยาวสลวยอย่างสุขภาพดีก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านในอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับยื่นเอกสารการประชุมให้เขาก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงนิ่มเช่นเดิม
“ท่านประธานตรวจสอบเอกสารก่อนนะคะ”
“อืม”
เขาตอบรับก่อนจะปรายตาไปมองใบหน้าของเธอเล็กน้อยแล้วหันจดจ่อกับกองเอกสารตรงหน้าต่อ
“ขอตัวค่ะ”
เธอก้าวเท้าเดินออกจากโต๊ะของเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉยอย่างไม่รู้สึกอะไร ก่อนจะเดินไปเปิดประตูออก แต่เมื่อเธอนึกถึงเรื่องที่คุณหญิงอมรสั่งมาทำให้เธอหันหลังและเดินกลับไปยืนข้างโต๊ะทำงานของปิติภัทรอีกครั้ง
“คุณหญิงอมรฝากเตือนคุณปิติภัทรว่าสองทุ่มวันนี้มีนัดทานข้าวกับลูกสาวท่านเจ้าสัวนะคะ”
ปิติภัทรเงยหน้าหล่อ ๆ ของเขาออกมาจากกองเอกสารแทบจะทันที ใช้มือหนาข้างหนึ่งเอื้อมมาคว้าเอวคอดของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว เพราะความรวดเร็วของเขาทำให้ม่านฟ้าไม่ทันได้ตั้งตัวจนเธอนั้นเสียหลักล้มลงไปนั่งบนตักแกร่งของเขา ที่จงใจหมุนเก้าอี้มารับไว้อย่างช่ำชอง
สองแขนของเขากอดรอบเอวเธอแน่นราวกับมือปลาหมึก ใบหน้าฟ้าประทานของเขาคลอเคลียไปตามซอกคอขาว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของแชมพู กลิ่นกายหอม ๆ ที่เป็นกลิ่นเฉพาะของเธอทำให้ปิติภัทรแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“เธออยากให้ฉันไปจริงหรอ”
เขาบ่นพึมพำของข้างหูของเธอ จมูกโด่งรั้นเป็นสันไล่คลอเคลียจนเธอรู้สึกขนลุกขนชันเป็นระยะ
“เป็นแขกของคุณหญิง ต้องไปค่ะ”
เธอตอบเขาออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมทั้งพยายามแกะมือปลาหมึกของเขาเป็นพัลวัน แต่มีหรือที่คนอย่างปิติภัทรนั้นจะยอมปล่อยให้เธอหลุดไปง่าย ๆ
‘ม่านฟ้า’ หญิงสาววัย 28ปี ที่ทำหน้าที่เป็นเลขาให้ประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์อย่างคุณ ‘ปิติภัทร’ มาเกือบ 2ปี เรียกได้ว่ารู้จักเจ้านายแบบเห็นไส้เห็นพุงเลยก็ว่าได้ เธอจัดอยู่ในผู้หญิงที่สวยติด1ใน3ของบริษัท นอกจากความสวยที่สะกดสายตาทุกคนแล้ว ความนิ่ง ความสุขุมเยือกเย็นและความดุราวกับสุนัขแม่ลูกอ่อนของเธอก็เป็นที่กล่าวขานตามกันมาติด ๆ เช่นกัน
นั่นจึงทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่แวะมาขายขนมจีบต่างพากันทยอยออกห่างเธอไปโดยปริยาย เดิมทีเธอเองก็ทำงานเป็นพนักงานทั่วไปในบริษัท แต่เพราะความฉลาดเป็นกรดของเธอที่เข้าตาคุณหญิงอมรหรือก็คือแม่ของปิติภัทรนั้น ทำให้เธอได้มารับหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวในการดูแลเจ้าลูกชายสุดที่รักของคุณหญิง โดยมีข้อตกลงร่วมกันกับคุณหญิงว่าเธอจะต้องช่วยกันท่าผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาใกล้ปิติภัทร.. รวมถึงตัวของเธอด้วย
“ปล่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า”
แต่สิ่งที่ยากกว่าการทำงานของเธอก็คือ การแกะมือของเขาให้ออกจากเอวของเธอนี่แหละซึ่งดูแล้วดูเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่ายาก
“ใครจะกล้าเข้ามา”
แต่ปิติภัทรก็คือปิติภัทร ความตีมึนของเขามีหรือใครจะเทียบเท่า นอกจากที่เขาจะไม่ปล่อยมือออกจากเอวเธอแล้ว ยังรัดให้แน่นกว่าเดิมราวกับว่าจะแกล้งให้เธอหายใจไม่ออกอย่างไรอย่างนั้น
“ฉันมีงานอีกเยอะนะคะ ปล่อยเถอะค่ะ”
เธอลดความแข็งกร้าวของเสียงลงหนึ่งระดับเพื่อให้ผู้ชายด้านหลังปล่อยมือออก ตามนิสัยของเขาแล้วเธอรู้ว่าคนอย่างเขาการใช้ไม้แข็งมากไม่ใช่ว่าจะได้ผล
เขาคลายความแน่นของวงแขนของเขาลงเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยกให้เธอขึ้นไปนั่งประจันหน้ากับเขาบนโต๊ะทำงาน ได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ ของเธอราวกับกำลังเอือมระอาการกระทำของเขาเต็มทน
“เติมพลังหน่อย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“เติมยังไงคะ”
ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้จักปิติภัทรแต่ก็เลือกที่จะลองถามหยั่งเชิงไปก่อนก็ไม่ได้เสียหาย
“หิวนม”
น้ำเสียงทะเล้นของเขาเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ชอบใจเสียเต็มประดา
นอกจากม่านฟ้าที่ไม่ได้ตกใจกับคำพูดของเขาเลยสักนิดแล้ว เธอกลับโน้มตัวลงไปใช้แขนตวัดรอบคอพร้อมกระซิบที่ข้างหูเขาด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ
“นม.. ฉันมีไว้ให้ลูกกินค่ะ”
“งั้นทำลูกกัน!”
ก๊อก! ก๊อก!
เธอสะดุ้งตัวโยนแทบกระโดดลงจากโต๊ะทำงาน ทันทีที่เธอลงมายืนพร้อมดึงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยประตูห้องก็ถูกเปิดออก หญิงสาวในชุดเดรสเกาะอกสีแดงสด รองเท้าสูงประมาณห้านิ้วเห็นจะได้ ดูก็รู้ว่าน่าจะเป็นคู่ขาคนใดคนหนึ่งของท่านประธานเป็นแน่
“งานของเธอมาอีกแล้วม่านฟ้า ทำงานให้คุณหญิงอมร..ก็เหนื่อยหน่อยนะ”
ปิติภัทรเอียงคอมาพูดกับเธอเบา ๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้จนตาหยี แล้วผละใบหน้าออกไปจดจ่อกับกองเอกสารราวกับว่าไม่ได้สนใจกับการมาของคนตรงหน้า
“นัดไว้หรือยังคะ” ม่านฟ้าหันไปเอ่ยถามผู้ที่มาใหม่ด้วยเสียงเข้ม
“ทำไมฉันต้องนัด” หญิงสาวเบะปากตอบด้วยใบหน้าของคนที่เหนือกว่า
เธอเดินเข้ามาใกล้ยกมือขึ้นกรีดเล็บสีแดงสดไปเชยคางม่านฟ้าเบา ๆ แต่เพราะความคมของเล็บปลอมหรือองศาอะไรไม่แน่ใจ ทันทีที่เล็บของเธอเชยคางม่านฟ้าก็เป็นจังหวะที่ม่านฟ้าเองต้องสะดุ้ง
“ทำอะไร!”
เธอตวาดออกไปด้วยความตกใจ และด้วยความแสบเล็กน้อยทำให้เธอยกหลังมือขึ้นมาเช็ดบริเวณนั้น เลือดสีแดงซึมติดหลังมือของเธอเล็กน้อย สายตาคมเฉี่ยวของม่านฟ้าจ้องมองเขม็งไปที่หญิงชุดแดงอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่เพราะการเป็นเลขาของท่านประธานเธอทำได้แค่ยืนขบฟันอยู่เท่านั้น
“อุ๊บ! ไม่ได้ตั้งใจ ซอรี่น้า”
“ไม่มีธุระ ไม่ได้นัดไว้ เชิญออกไปด้านนอกด้วยค่ะ”
“ฉันมาหาคุณเธียรไม่ได้มาหาเธอ เป็นแค่เลขาก็ทำแค่หน้าที่ตัวเอง”
“กำลังทำหน้าที่ไงคะ”
“หน้าที่อะไร”
“ไล่! หมา! ค่ะ!.. เดี๋ยวหมาจะมากัดคุณปิติภัทร!” เธอตอบไปช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มที่แสนหวาน
“แก!”
และเพราะคำพูดของเธอนั้นส่งผลให้ผู้หญิงด้านหน้ายืนกระทืบเท้าเร่า ๆ สะบัดมือไปมาราวกับไม่ถูกใจ เธอง้างมือหวังจะฝากศิลปะรอยนิ้วสวย ๆ ทั้งห้านิ้วไว้บนแก้มม่านฟ้า แต่กลับต้องชะงักมือเมื่อปิติภัทรที่นั่งเฉยราวไม่รู้ไม่เห็นอะไรลุกจากเก้าอี้ด้วยความเร็วแสง
“ทำอะไร” เขาหันไปถามหญิงสาวด้วยเสียงเย็นเฉียบแต่แสดงออกมาว่าไม่พอพอเป็นอย่างมาก
“ก็เลขาคุณด่าแมงมุมนี่คะ” เธอออดอ้อนเขาพร้อมทั้งซบหน้ากอดแขน
“แมงมุม?” เขาทวนชื่อเธอขึ้นมาก่อนจะหันไปมองที่ม่านฟ้าอย่างตั้งคำถาม
“ค่ะ แมงมุมเอง” เธอยังคงออเซาะกอดแขนเขาอยู่แบบนั้น
“ม่านฟ้า”
เขาไม่ได้ตอบอะไรผู้หญิงคนนี้ ได้แต่ยืนจับข้อมือของเธอเอาไว้พร้อมกับเรียกชื่อเลขาเสียงแข็ง
“เรียก รปภ. ใช่ไหมคะ เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ม่านฟ้าตอบไปนิ่ง ๆ แต่ทำให้หญิงสาวดีดตัวขึ้นมายืนตรงราวกับเคารพธงชาติ
“อะไรกันคะคุณเธียร” เธอหันไปตวาดเสียงใส่เขาที่ค่อนข้างดัง
“คุณจะมาฟันแมงมุมแล้วทิ้งแบบนี้ไม่ได้นะคะ แมงมุมไม่ยอม!”
“ฉันเรียก รปภ.แล้ว ถ้าคุณไม่อยากถูกลากออกไปและเป็นข่าวฉาว นางแบบสาวที่ไม่ค่อยจะมีชื่อเสียงวิ่งไล่ตามจับผู้ชาย แต่ถูก รปภ.จับลากออกจากห้องและโยนออกนอกบริษัทละก็ออกไปก่อน รปภ.จะมาถึงเถอะค่ะ.. ฉันเตือนด้วยความหวังดี”
“ได้! ไว้ฉันจะมาใหม่! ฉันไม่ยอมเสียตัวฟรีแน่!”
เธอเดินกระแทกเท้าออกไปอย่างไม่ถูกใจ และเป็นจังหวะเดียวกับที่ รปภ.เดินเข้ามาในห้องพอดียิ่งสร้างความฟึดฟัดให้กับเธอเป็นอย่างมาก
“ไม่ต้องจับ! มีขา! เดินเองได้!”
“เจ็บไหม” ปิติภัทรโน้มตัวลงมาหวังจะดูบาดแผลที่เธอได้รับ
“อีกครึ่งชั่วโมงมีประชุม ท่านประธานเตรียมตัวด้วยค่ะ”
ม่านฟ้าตอบออกมาเสียงเรียบ ก่อนจะถอยหลังออกจากมือของเขาที่กำลังจะเชยคางของเธอทำให้ฝ่ามือนั้นค้างอยู่กลางอากาศ เมื่อเตือนเรื่องเวลาประชุมเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินออกจากห้องไปทันที
“ขอตัวค่ะ”
“ม่านฟ้า!”
*///*
‘ที่รัก~ เลิกงานไปกินชาบูกันไหม’
เสียงดังฟังชัดเรื่องของกินนี้เป็นของอันวา เพื่อนสนิทที่เข้ามาทำงานพร้อมกันเมื่อตอนสมัครเป็นพนักงานแรก ๆ เธอส่งวอยซ์ทักมาในแอปพลิเคชันสีเขียวชื่อดัง
"ไปสิกำลังหิวพอดี เจอกันหน้าบริษัทนะ"
เธอส่งวอยซ์ตอบพร้อมกับยัดมือถือลงไปในกระเป๋าสะพายรุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์หรู
“ม่านฟ้า”
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เดินออกจากโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่หน้าห้องของท่านประธานคนหล่อ คนในห้องที่เดินออกมาด้วยใบหน้าไม่ชอบใจนักได้ส่งเสียงเรียกเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“หมดเวลางานแล้วค่ะคุณปิติภัทร”
เธอตอบเขาพร้อมกับยกข้อมือที่ถูกสวมด้วยนาฬิกาหรูราคาหลายแสนแบรนด์ดังชูไปที่เขา
“โกรธเหรอ” เขาเอียงคอถาม
“ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธอะไรท่านประธานนะคะ”
เธอตอบไปพร้อมกับเก็บของทั้งหมดยัดลงกระเป๋าแบบไม่ค่อยจะสนใจอะไรมากนัก
“ถ้าเธอยังไม่คุยกับฉันดี ๆ ฉันจะเหมารวมว่าเธอหึงนะม่านฟ้า”
เธอสะดุดหยุดนิ่งแล้วหันมามองปิติภัทรช้า ๆ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาอย่างคนที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรจริง ๆ
“ฉันไม่ได้หึง.. ไม่ได้โกรธ.. ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย”
“จริงเหรอ” เขาเลิกคิ้วถามอย่างคนที่ไม่เชื่อ
“ทำไมคิดว่าฉันจะหึงหรือโกรธหรอคะ.. เคยเอากันแค่ครั้งสองครั้งฉันไม่ถือหรอกนะ”
“งั้นเราจะลองมาเอากันอีกครั้งไหม.. เผื่อเธอจะถือ”
ตอนที่ 42ครอบครัวหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผมก็รู้ว่าความจริงแล้วผมอาจจะไม่ได้เก่งอะไรเลย เพราะในทุก ๆ การเติบโตของผมนั้นจะคอยมีพี่ชายของตัวเองคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ มาเสมอ ไอ้อัฐรู้มาตลอดว่าผมกับม่านฟ้าเป็นอะไรกันแต่มันกลับไม่เคยปริปากพูดกับพี่ชายของเธอเลยสักครั้งมันรู้มาตลอดว่าเรื่องราวของผมกับมันฟ้าเมื่อหกปีก่อนเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะตอนนั้นมันไม่สามารถหาหลักฐานนั้นไว้ได้ ทำให้มันจำเป็นต้องปล่อยเบลอเรื่องในครั้งนั้นจนในวันที่ฟ้านั้นบินไปต่างประเทศมันพยายามถามธันวาหลายครั้งว่าเธอไปที่ไหน แต่สำหรับธันวาเองแล้วก็รักน้องสาวไม่แพ้กันจึงไม่เคยปริปากออกมาเลยสักครั้ง ไม่ว่าใครจะมาถามก็ตามตอนนี้บริษัทผมยังคงทรงตัว รวมทั้งบริษัทใหญ่ที่เคยถอนตัวไปนั้นเมื่อรู้ว่าบริษัทเอเมเจนจ์เป็นหุ้นส่วนกับบริษัทของผมก็ทำให้หลายบริษัทกลับเข้ามาเซ็นสัญญาอีกครั้ง “แล้ววันนี้มึงจะไปไหน” เพราะหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นนี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วที่ผมต้องเทียวไปให้ปากคำ รวมถึงจัดการเรื่องราวในบริษัท และตัวไอ้อัฐเองหลังจากที่พวกเราเปิดอกคุยกันมันก็แทบจะยึดห้องผม อยู่กับผมที่คอนโดมาตลอดเจ็ดวันเช่นกัน“ไปหาเมีย”
ตอนที่ 41เปิดโปงผมเห็นว่าการ์ดหน้าห้องนั้นชะงักเล็กน้อยก่อนจะโน้มตัวไปกระซิบกระซาบอะไรกันสักอย่าง ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงหันมามองที่พวกเราอีกครั้งพร้อมทั้งพยักหน้าและพาพวกเรามาอีกทางก่อนจะเปิดประตูให้“เชิญครับ” และทันทีที่ประตูเปิดออกก็เห็นว่าตรงนี้เป็นประตูอีกฝั่งที่อยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าเวทีมากนัก เราทั้งสี่คนเดินมาหยุดยืนอยู่หลังเวทีที่คุณหญิงอมร เจ้าสัว และข้างกันนั้นมีน้องน้ำตาลที่กำลังยืนร้องไห้บีบน้ำตาอยู่“งานร่วมมือกันของ2บริษัท ทำไมถึงมีแต่นักข่าวถามเรื่องของกู” ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องนี้ไม่มีทางที่จะไม่เกิดประเด็น แต่ตั้งแต่ที่ผมยืนมาเกือบ 10 นาทีนั้น ยังไม่มีนักข่าวคนไหนถามเกี่ยวกับการร่วมมือของบริษัทเลยสักประโยค“มึงรอดูอะไรสนุก ๆ ได้เลย” สิ้นสุดคำพูดของไอ้อัฐผมเห็นว่ามีนักข่าวคนหนึ่งหันมามองที่พวกเราเล็กน้อย และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้พีชให้สัญญาณ“คุณหญิงอมรครับผมมีคำถาม” และทันทีที่นักข่าวคนนั้นเอ่ยถามนักข่าวคนอื่น ๆ ก็เงียบเสียงลงทันทีราวกับปิดสวิตช์ ซึ่งมันแปลกมากสำหรับวงการนี้นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล“คุณหญิงอมรเป็นหัวหน้าสม
ตอนที่ 40 เก็บกวาดผมมองหน้าของม่านฟ้าก่อนจะปรายตาไปมองที่เรียวนิ้วของเธอ ซึ่งปลายนิ้วของเธอชี้มายังเสื้อคลุมสีขาวของผมที่พาดอยู่ที่แขนผมชูเสื้อคลุมตัวนี้ขึ้นเป็นเชิงคำถามว่าเธอกำลังหมายถึงชิ้นนี้อย่างนั้นหรอ และก็เป็นม่านฟ้าที่พยักหน้ารัวเป็นคำตอบว่าเธอหมายถึงสิ่งนั้นจริง ๆถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจว่าเธอต้องการมันไปทำอะไรแต่ก็ยินดียื่นให้เธออย่างไม่คิดลังเล ก่อนจะเดินลงมาจากรถพร้อมกับปิดประตูให้ รถตู้คันนี้ก็แล่นออกไปจากหน้าโรงพยาบาลทันที“ไอ้ธันมึงไม่กลับไปกับน้องหรอ" หลังจากที่รถตู้คันนั้นออกไปสู่ถนนใหญ่พวกเราก็หันมามองหน้ากัน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงยังอยู่ตรงนี้"มึงมีเรื่องที่ยังเล่าไม่หมดหรือเปล่าไอ้อัฐ" และทันทีที่ไม่มีม่านฟ้าผมก็รู้สึกได้เลยว่าบทสนทนามันเปลี่ยนไป"มี""เรื่องอะไร" ผมเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างจะดังและฟังชัด เซนต์ของผมไม่น่าผิดพลาดเพราะว่าผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับม่านฟ้าแน่นอน“คนที่จ้างวานมาขับรถชนม่านฟ้า” ได้ยินเพียงแค่นั้นผมก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเองเลือดขึ้นหน้าขนาดไหน ผมอยากรู้เหลือเกินว่าคนที่คิดจะทำร้ายเธอต้องจิตใจอำมหิตขนาดไหน แต่ผมกลับไ
ตอนที่ 39ให้อภัยฉันหันขวับไปมองที่พี่อัฐนิ่ง ฉันมั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของผู้หญิงที่จงใจทำลายสิ่งที่พี่เธียรสร้างขึ้นมาแน่ เพราะฉะนั้นเหลือเพียงเหตุผลเดียวที่บริษัทยักษ์ใหญ่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือบริษัทที่กำลังจะล้มละลาย“เข้าใจแล้ว.. เดี๋ยวม่านฟ้าจัดการบอกคุณปิติภัทรให้ค่ะ” ฉันเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะกดวางสายแล้วยื่นมือถือคืนให้กับเขา พี่เธียรหันมามองที่มือถือเล็กน้อยแต่กลับไม่ได้หยิบมันไป สายตาของเขาชำเลืองมองไปที่ส้มลูกหนึ่งที่เขากำลังปลอกมันยังสวยงาม“หนูเพิ่งฟื้นกินอะไรหน่อยไหม รู้สึกเป็นยังไงบ้าง”ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าพี่เธียรนั้นตั้งใจที่จะง้อ และไอ้ความรู้สึกไม่รักดีของฉันในตอนนี้ก็พร้อมจะให้อภัยเขาซะด้วยสิ แต่การที่เราจะให้อภัยง่าย ๆ มันก็ไม่สนุกสิ ถูกไหม?“ไม่กิน” ฉันตอบออกไปแบบนั้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่หารู้หรือไม่ว่าภายในท้องไส้ของฉันนั้นปั่นป่วนเหลือเกิน ความรู้สึกที่อยากกินจนน้ำลายสอ ความรู้สึกที่หอมอย่างที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนฉันใช้จมูกค่อยๆ สูดดมฟุดฟิดไปตามในห้องจนพบว่ากลิ่นที่หอมที่สุดและแรงที่สุดในตอนนี้มาจากตัวของพี่เธียร แล้วเหมือนว่าเขาเองก็จะเห็นอาการ
ตอนที่ 38เรื่องราวคลี่คลายผมหันไปตามเสียงที่ได้ยินเห็นว่าเป็นม่านฟ้าที่ลืมตามองพวกเราอยู่ก่อนแล้ว สองเท้าผมรีบปรี่เข้าไปหาเธอด้วยท่าทีของคนทั้งตื่นเต้นและดีใจ“หนูเป็นยังไงบ้าง” ผมทำได้เพียงแค่ยืนมองเธอมือไม้สั่นไม่กล้าแม้แต่จะจับ สังเกตได้ว่าเธอมองผมด้วยสายตาเรียบเฉย เย็นชา แต่ก็เป็นแค่เพียงแวบเดียวเท่านั้นเพราะเธอหันไปถามพี่ชายของผมอีกครั้ง“เรื่องที่พี่พูดมาเป็นเรื่องจริงหรอคะ”“เธอจะมัวมาสนใจเรื่องนี้ทำไม! เดี๋ยวพี่ไปตามหมอให้” สิ้นสุดเสียงของธันวาเขาก็เตรียมที่จะหันหลังออกไปตามพยาบาล แต่กลับเป็นเสียงของม่านฟ้าที่รั้งเขาเอาไว้“พี่ธันอย่าพึ่งไป หนูอยากฟังทั้งหมดให้จบ”“ทั้งหมด?” เป็นเสียงของพี่ชายของผมที่มันเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของเธอ“อือ.. ทั้งหมด เพราะว่าหนูก็ฟังเรื่องทั้งหมดนี้พร้อมกับพวกพี่ตั้งแต่แรก” เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะเหลือบสายตามามองผมอีกครั้งสายตาของเธอที่จ้องมองมาไม่ได้แสดงออกว่าโกรธแค้น และก็ไม่ได้รู้สึกดีใจ ไม่ได้รู้สึกเสียใจ แต่เธอมองมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่าราวกับว่าผมเป็นอากาศธาตุ“ถ้าอย่างนั้นพี่เล่าต่อนะ”“ค่ะ” ผมทำได้เพียงแค่มองหน้า
ตอนที่ 37เรื่องมีอยู่ว่า ที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องจริงเราสองคนหันไปตามเสียงของผู้ที่มาทีหลัง และทันทีที่ผมเห็นหน้าของมันความรู้สึกหมั่นไส้ก็เกิดขึ้น“มึงมาทำไม” ผมหลงลืมไปชั่วขณะว่าความจริงแล้วไอ้อัฐมันเป็นเพื่อนของธันวา“ก็นี่น้องสาวเพื่อนกู.. กูจะมาเยี่ยมน้องสาวเพื่อนกูไม่ได้หรอ" มันก็ยังคงเป็นพี่ชายที่กวนตีนผมไม่เลิก และเพราะเกรงใจพ่อของเธอที่นั่งอยู่ทำให้ผมได้แต่เบือนหน้าหนี แต่จู่ ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของมันเมื่อครู่"ว่าแต่เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ" เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงหันไปมองหน้ามันอีกครั้ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดออกมาจากริมฝีปากของผู้ชายที่หน้าตาไม่เหมือนผมเลยสักนิด"กูบอกว่า! มึงไม่ได้เอาเข้า! แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าไม่ได้! มึงได้ยินชัดหรือยังไอ้น้องเวร!” มันจงใจพูดเน้นเสียงทุกคำถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่แต่ในเวลานี้ผมกลับรู้สึกเหมือนว่าผมพลาดอะไรไป“คืออะไร” ผมเอ่ยถามมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันทำเพียงแค่ยกยิ้มส่งให้ด้วยใบหน้าของคนเหมือนดูหมิ่นดูแคลน แต่ก็เป็นแค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น“ไอ้พีช! ของที่กูให้มึงเอามาอยู่ไหน” ทันทีที่ไอ้อัฐเอ่ยขึ้นเพื่อนสนิทของมันก็เดินเข้ามาหาพวกผมด้ว
ความคิดเห็น