ฟู่หยุนชิงตายแล้วมาเข้าร่างคนที่ชื่อเหมือนกันแต่นิสัยต่างกันคนละขั้ว แล้วคนเย็นชาอย่างเธอกับคนเย็นชาอย่างเขาจะรักกันได้อย่างไร?
View Moreเสียงกลองศึกดังไปทั่วสนามรบ ทหารมากมายของทั้งแคว้นเหอและแคว้นอู่ต่างสู้รบกันอย่างดุเดือดนานถึงสามวันสามคืนแล้ว พวกเขาเริ่มอ่อนล้าและหิว เพียงแต่หากพวกเขาเผลอแสดงออกว่าอ่อนแรงเมื่อไหร่แล้วล่ะก็ ศัตรูก็คงจะใช้จังหวะนี้สังหารพวกเขาเป็นแน่
ฟู่หยุนชิง แม่ทัพหญิงแห่งแคว้นเหอเองก็ใช่ว่าจะไม่เหนื่อยล้า ตอนนี้นางกับหยางไป่เฉียวแม่ทัพของแคว้นอู่สู้รบกันมาโดยต่างคนต่างมีบาดแผลเต็มตัวกันไปหมดแล้ว เพียงแต่พวกเขาสองคนเป็นผู้นำทัพ ต่างฝ่ายจึงต่างไม่ยอมที่จะเพลี่ยงพล้ำให้คนของตนเองหมดสิ้นกำลังใจ
รองแม่ทัพของพวกเขาก็ต่อสู้กันใกล้ ๆ กับท่านแม่ทัพของตนเอง ทั้งสองฝ่ายต่างทุ่มเทกายใจใช้วรยุทธของตนเองอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้รองแม่ทัพของแคว้นเหอเป็นฝ่ายได้เปรียบรองแม่ทัพของแคว้นอู่แล้ว เขามาเป็นรองแม่ทัพโดยที่ทางบ้านไม่ยินยอม แต่ด้วยความรักแว่นแคว้น เขาจึงอาสาฮ่องเต้ออกรบพร้อมกับฟู่หยุนชิงซึ่งเป็นแม่ทัพ ตัวเขาเองไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นทหารจะต้องโหดร้ายกับศัตรูมากมายถึงขนาดนี้ เห็นได้จากการที่ต่างฝ่ายต่างตัดคอศัตรูของตนเองจนตกตายไป มีน้อยคนนักที่ตายโดยร่างยังสมบูรณ์ บางคนขาขาดแขนขาดเสียด้วยซ้ำก่อนจะถูกฆ่า เขาเห็นแล้วก็ได้แต่เร่งมือเพื่อที่จะไปช่วยแม่ทัพของเขาซึ่งดูท่าทางว่าจะอ่อนแรงแล้ว ไม่กี่กระบวนท่าที่รองแม่ทัพใช้ไป เขาสามารถโค่นศัตรูตรงหน้าได้แล้ว แต่พอหันไปมองท่านแม่ทัพที่กำลังเพลี่ยงพล้ำ ในใจเขาคิดเพียงว่าทำอย่างไรจึงจะช่วยนางเอาไว้ได้ รองแม่ทัพใช้กำลังภายในของตนเองจนถึงขีดสุดและวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศของตนเองไปยืนอยู่หน้าท่านแม่ทัพของเขา แต่ฝีมือของเขากับแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามต่างกันเกินไป รองแม่ทัพถูกดาบฟันจนร่างแทบขาดสะพายแล่ง ฟู่หนิงชิงเห็นเช่นนี้ก็ได้แต่โกรธตนเองที่อ่อนแอ นางรับร่างของรองแม่ทัพพร้อมรอยน้ำตา จากนั้นฟู่หยุนชิงใช้วิชาทั้งหมดที่นางมีอยู่อย่างพร้อมที่จะตายไปกับศัตรูที่ฆ่าคนของนาง
แม่ทัพแคว้นอู่ที่ทุ่มเทฝีมือชั่วชีวิต ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาขวาง ตอนนี้เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้วจึงได้แต่ใช้พลังชีวิตที่เหลืออยู่รับกระบวนท่าอันรุนแรงของฟู่หยุนชิง นางที่กำลังโกรธมากมีหรือที่แม่ทัพแคว้นอู่จะสู้กับนางได้ เขามองรองแม่ทัพซึ่งถูกฆ่าไปก็ได้แต่ฝืนรับมือกับฟู่หนิงชิงซึ่งกำลังบ้าคลั่ง
ไม่ถึงยี่สิบกระบวนท่า แม่ทัพแคว้นอู่ก็ถูกฟู่หยุนชิงสังหาร นางตะโกนเสียงดังว่าแม่ทัพแคว้นอู่สิ้นใจแล้ว บรรดาทหารแคว้นอู่ที่ได้ยินต่างมองไปที่จุดเดียวกัน เมื่อพบว่าท่านแม่ทัพสิ้นแล้วจริง ๆ พวกเขาจึงได้แต่ล่าถอยอย่างทุลักทุเล ฟู่หยุนชิงสั่งให้ทหารฝ่ายแคว้นเหอไม่ต้องตามไป เพราะนางเห็นแล้วว่าแต่ละคนเหนื่อยล้าสายตัวแทบขาดขนาดไหน การตามพวกเขาไปยิ่งจะทำให้นางเสียคนไปมากกว่านี้ ตอนนี้กองทัพของนางเหลือน้อยเต็มทีแล้วด้วย นางต้องการรักษาชีวิตของทุกคนเอาไว้เสียก่อน
หลังจากศัตรูจากไปได้เกือบครึ่งชั่วยาม ฟู่หยุนชิงสั่งให้ทหารที่เหลือช่วยกันนำร่างของเพื่อนทหารไปฝังรวมกัน ส่วนตัวนางเองนั้นยกร่างของรองแม่ทัพที่ใช้ชีวิตของตนเองช่วยนางเอาไว้พร้อมน้ำตาคลอเบ้า นางไม่คิดจริง ๆ ว่าคนที่เงียบงันเช่นเขาจะใช้ชีวิตเพื่อช่วยเหลือนาง ฟู่หนิงชิงได้แต่ให้ทหารทำโลงศพอย่างดีขึ้นมาเพื่อส่งร่างเขากลับเมืองหลวง การกลับไปของทหารนางครั้งนี้รวมถึงการส่งข่าวเรื่องการศึกในครั้งนี้ให้ฮ่องเต้รับทราบด้วย ตอนนี้ชายแดนยังไม่สงบ นางไม่สามารถกลับเมืองหลวงโดยไม่มีคำสั่งจากฮ่องเต้ ฟู่หยุนชิงจัดการเรื่องราวทั้งหมดภายในสามวันโดยไม่ได้พักผ่อนดี ๆ เสียด้วยซ้ำ
บรรดาทหารของนางเห็นนางที่เป็นหญิงยังคงสั่งการพวกเขาอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย พวกเขาที่เป็นชายมีหรือจะยอมเสียหน้าพักผ่อนก่อนนางกัน รองแม่ทัพกวานได้แต่เตรียมการทั้งหมดตามคำสั่งของฟู่หยุนชิง พร้อมทั้งตัวเขาเองที่จะต้องเข้าไปรายงานการศึกกับฮ่องเต้ ฟู่หยุนชิงสั่งให้เขารายงานไปตามความจริงทั้งหมด หากฝ่าบาททรงกริ้วก็ให้มาลงโทษนางแทน นางจะรอคำสั่งอยู่ที่ชายแดนแล้วจะรีบกลับไปเมืองหลวงตามที่รับสั่ง แต่ตอนนี้นางยังต้องเฝ้าระวังชายแดนและปกป้องชาวบ้านเสียก่อน
รองแม่ทัพกวานที่อายุมากแล้วได้แต่สงสารฟู่หยุนชิง เขาเองก็คิดว่าฮ่องเต้น่าจะทรงกริ้วอย่างที่นางคาดเดา แต่เขาไม่รู้หรอกว่าฝ่าบาทจะลงโทษฟู่หยุนชิงอย่างไร ครั้งนี้พวกเขาสูญเสียหนักมาก ไหนจะรองแม่ทัพหลางที่สละชีวิตปกป้องท่านแม่ทัพอีกเล่า เสนาบดีกรมอาญามีหรือจะยอมให้ลูกชายตายเปล่า เขาจะต้องเอาเรื่องท่านแม่ทัพของพวกเขาเป็นแน่ รองแม่ทัพกวานได้แต่คิดอย่างเศร้าใจ เขาทำงานกับฟู่หยุนชิงมาหลายปีจนรู้ว่ากว่าที่นางจะได้มาถึงจุดที่ได้เป็นแม่ทัพไม่ง่ายนัก นางต้องฝ่าฟันทั้งคำครหาและการไม่ได้รับการยอมรับจากเหล่าขุนนาง แต่เนื่องจากฝีมือวรยุทธของนางที่สูงส่งที่สุดในแคว้นเหอแห่งนี้ ฮ่องเต้จึงไม่มีทางเลือกและส่งนางมาที่ชายแดนในตอนที่แม่ทัพคนเก่าถูกสังหารไปก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว
ฟู่หยุนชิงหลังจากสั่งการทั้งหมดเสร็จสิ้นจึงได้เข้าไปพักผ่อนเพื่อรอข่าวจากเมืองหลวงในอีกไม่กี่วันที่จะถึง ที่นี่เป็นชายแดนตะวันออกซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงมากที่สุด หากชายแดนแห่งนี้ถูกตีแตก แน่นอนว่าศัตรูย่อมเข้าสู่เมืองหลวงได้อย่างง่ายดาย นางจึงได้ทุ่มเททุกอย่างเพื่อปกป้องชายแดนแห่งนี้โดยไม่สนใจว่าตนเองจะตกตายหรือไม่
รุ่งเช้าวันต่อมา รองแม่ทัพกวานออกเดินทางพร้อมทหารอีกสิบนายเพื่อกลับเมืองหลวง พวกเขาเดินทางได้ไม่เร็วนักเนื่องจากต้องนำโลงศพของรองแม่ทัพหลางกลับไปด้วย แต่อย่างไรระยะทางของชายแดนถึงเมืองหลวงก็เพียงแค่ใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
ระหว่างที่ฟู่หยุนชิงรอคำสั่งของฮ่องเต้อยู่ที่ชายแดน เมืองหลวงในตอนนี้กลับไม่สงบเนื่องจากข่าวการศึกที่มาจากชายแดน โดยเฉพาะเสนาบดีกรมอาญาที่รู้ว่าลูกชายสุดที่รักของตนเองสละชีพในศึกครั้งนี้ เขาถวายฎีกาเอาผิดฟู่หยุนชิงที่ไม่ปกป้องลูกน้องของตนเอง แต่กลับให้ลูกชายของเขาเป็นคนปกป้องนางจนต้องตายไป
ฮ่องเต้ได้แต่หนักใจ ใช่ว่าเขาอยากจะลงโทษฟู่หยุนชิงที่ปกป้องชายแดนเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด เพียงแต่หากเขาไม่ลงโทษนาง ต่อไปใครจะกล้ามารับใช้เขาเล่า อีกอย่างก่อนที่นางจะได้รับตำแหน่งแม่ทัพในคราวนี้ เป็นเขาที่ฝ่าฝืนคำเตือนของบรรดาขุนนางแล้วส่งนางพร้อมทั้งหลางจวิ้นไปสู้ศึกที่ชายแดนในครั้งนี้ อีกทั้งคราวนี้แคว้นของพวกเขาสูญเสียทหารมากกว่าครึ่ง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พวกเขาจึงจำเป็นต้องเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
เหล่าขุนนางที่ไม่ชอบฟู่หยุนชิงอยู่แต่เดิมต่างถวายฎีกาให้นางฆ่าตัวตายเพื่อรับความผิด ฮ่องเต้ต่อสู้กับพวกขุนนางอยู่นานถึงสามวัน กว่าที่เขาจะต้องร่างราชโองการอย่างจำใจ คราวนี้เขาได้แต่ต้องขอโทษฟู่หยุนชิงที่ต้องเอาชีวิตนางเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นขุนนางเหล่านี้คงไม่ไว้หน้าเขาแน่แล้ว
สองสัปดาห์ต่อมา แม่ทัพคนใหม่พร้อมขันทีประจำพระองค์ก็มาถึงค่ายทหารชายแดน ขันทีประกาศราชโองการให้ฟู่หยุนชิงกลับเมืองหลวงไปรับโทษที่ทำให้แคว้นเหอสูญเสียมากมายกว่าที่แม่ทัพผู้อื่นเคยรักษาชายแดนมา แม่ทัพคนใหม่นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาเป็นบุตรชายเสนาบดีที่รอโอกาสจะเป็นแม่ทัพมานานมากแล้ว ครั้งนี้เขาจึงมาที่นี่อย่างภาคภูมิใจที่ผู้หญิงอย่างฟู่หยุนชิงหลุดจากตำแหน่งเสียที เขากับนางต่อสู้กันมาตลอดหลายปีเพื่อตำแหน่งนี้ แต่ที่สุดแล้วเขาต้องเพลี่ยงพล้ำให้นางอยู่ตลอด ซึ่งสำหรับเรื่องกลศึกนั้นเขาเก่งกว่านาง ส่วนฝีมือการต่อสู้เขาด้อยกว่านางมากนัก
ฟู่หยุนชิงรับราชโองการมาจากขันทีพร้อมกับมอบสินน้ำใจให้เขา นางรู้ดีว่าจะต้องเจออะไรเมื่อกลับไปถึงเมืองหลวง แต่ตอนนี้จิตใจของนางยังไม่สงบจากสิ่งที่เพิ่งประสบมา ยิ่งเรื่องของรองแม่ทัพหลางที่สละชีพเพื่อนาง ยิ่งทำให้ฟู่หยุนชิงฝันร้ายมาหลายคืนแล้ว นางได้แต่ขอโทษเขาในฝันที่ไร้ฝีมือจนทำให้เขาต้องตกตายไปเช่นนี้
ขันทีเฒ่าเมื่อเห็นว่านางยังสงบนิ่งอยู่ทั้งที่ต้องกลับไปรับโทษก็ได้แต่นับถือนางซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในค่ายทหารแห่งนี้ เขารู้ดีว่ากลับไปแล้วนางต้องรับโทษอย่างไร เขาเองก็ไม่ต่างจากฮ่องเต้ที่เสียดายคนเก่งเช่นนาง หากครั้งนี้นางไม่วางแผนการรบผิดพลาดจนทำให้มีคนตกตายมากมายเช่นนี้ ฮ่องเต้ก็คงไม่ลงดาบกับนาง
ฟู่หยุนชิงกลับไปเก็บสิ่งของไม่นานก็ออกมาพบขันทีเฒ่า นางแจ้งว่าพร้อมที่จะเดินทางแล้ว และให้คนไปเอาม้าศึกของนางมา ขันทีเฒ่าไม่คิดว่านางจะออกเดินทางทันทีเช่นนี้ทั้งที่พวกเขาเพิ่งมาถึง แต่ในเมื่อนางต้องการ เขาที่เป็นแค่ขันทีเฒ่าก็ได้แต่ต้องทำตามความต้องการของนาง
ขบวนเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ฟู่หนิงชิงซึ่งไม่นำพากับชีวิตตนเองแต่แรกนั้นนิ่งสงบที่สุดในขบวนเดินทางแล้ว ขันทีเฒ่ายิ่งมองนางก็ยิ่งสงสาร แต่เขาไม่รู้จะช่วยนางได้อย่างไร เพราะขนาดฝ่าบาทออกหน้าว่าจะลงโทษเพียงแค่เบาะ ๆ ซึ่งทำให้พวกขุนนางต่างไม่พอใจจนถวายฎีการ่วมกันว่าพวกเขาต้องการให้นางตายเพื่อชดใช้ความผิด รวมทั้งต่อไปจะไม่มีแม่ทัพหญิงอีก ฮ่องเต้ที่ถกเถียงกับพวกเขามานานจึงถูกมัดมือชกให้ประหารนางด้วยยาพิษเช่นนี้
เมื่อถึงวังหลวงแล้ว ฟู่หยุนชิงก็เข้าเฝ้าฝ่าบาททันที บรรดาขุนนางทั้งหลายที่รู้ข่าวตั้งแต่หน้าประตูเมืองเองก็เข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยเช่นกัน พวกเขาอยากเห็นจุดจบของฟู่หยุนชิงว่าจะเป็นอย่างไร
ฮ่องเต้ได้แต่นึกเสียใจที่เขาต้องทำเช่นนี้ เขาได้แต่ฝืนให้ขันทีเฒ่าอ่านราชโองการประหารนางด้วยยาพิษอย่างเศร้าสร้อย โดยตัวฮ่องเต้เองไม่แม้แต่จะมองหน้าฟู่หยุนชิง ส่วนพวกขุนนางทั้งหลายต่างก็ยิ้มอย่างพอใจที่แคว้นของพวกเขาไม่มีผู้หญิงเป็นแม่ทัพอีกต่อไป ด้วยความคิดคร่ำครึของพวกเขาเองที่เห็นว่าฟู่หยุนชิงไม่เหมาะที่จะทำหน้าที่นี้แต่แรกแล้ว
หลังจากฟังราชโองการจบ ฟู่หยุนชิงก็กล่าวน้อมรับราชโองการเสียงดังฟังชัด พร้อมทั้งรับถ้วยยามาจากนางกำนัลที่ยื่นให้นาง นางกำนัลเองก็ได้แต่น้ำตารื้นด้วยความผิดหวังที่ฝ่าบาทตัดสินโทษให้ท่านแม่ทัพต้องกลืนยาพิษเช่นนี้ ก่อนที่ฟู่หยุนชิงจะกลืนยาพิษ นางกล่าวขอพระราชทานอภัยกับฮ่องเต้ที่ทำให้พระองค์ทรงผิดหวัง รวมทั้งกล่าวว่าทางศัตรูเองก็สูญเสียไม่น้อยเช่นเดียวกัน นางคาดว่าอีกหลายปีนับจากนี้จะยังไม่มีการรุกรานจากข้าศึกเป็นแน่ หลังพูดจบนางก็กล่าวลาฮ่องเต้และแสดงความเสียใจที่นางไม่สามารถรับใช้พระองค์ได้อีกในชาตินี้ จากนั้นนางก็กลืนยาพิษทันทีโดยที่นางมองไม่เห็นเลยว่าฮ่องเต้เองก็ได้แต่กลั้นน้ำตาที่ต้องสูญเสียคนดีมีฝีมือเช่นนางไปเช่นเดียวกัน
หลังจากฟู่หยุนชิงตายแล้ว เหล่าขุนนางต่างชื่นชมในพระปรีชาของฮ่องเต้อย่างมากมาย ฮ่องเต้ที่ไม่มีอารมณ์ฟังคำเยินยอของพวกเขาได้แต่โบกมือให้พวกเขาออกไปจากวังเสีย ส่วนศพของฟู่หยุนชิงเขาก็ให้ขันทีนำไปจัดการตามประเพณี เพราะฟู่หยุนชิงเป็นเด็กกำพร้าที่เขาเคยช่วยเอาไว้จนนางฝึกฝนตนเองอย่างหนักเพื่อที่จะตอบแทนความเมตตาของเขานั่นเอง
“ไม่ว่าลูกสาวหรือลูกชาย ผมก็ชอบทั้งนั้นที่รัก ขอบคุณนะครับที่ยอมเหนื่อยตั้งท้องให้ผมกับลูกได้มีลูกสาวอีกคน”“ใช่ครับ ๆ แม่เก่งที่ซู๊ดเลย หลังจากนี้ผมจะปกป้องน้องสาวเป็นอย่างดีนะครับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง เห็นมั้ยครับพ่อ ผมบอกแล้วว่าต้องเป็นน้องสาว ฮิ ฮิ”“ครับผม ลูกชายพ่อเก่งมากเลย เราปล่อยให้แม่นอนพักผ่อนกันก่อนดีกว่า”“ที่รักนอนพักก่อนเถอะนะ รอให้ลูกตื่นก่อนคุณค่อยลุกมาให้นมก็แล้วกัน”“ได้ค่ะ คุณกับลูกก็นอนพักก่อนนะคะ เดี๋ยวพอลูกสาวเราตื่นคงไม่ได้พักผ่อนกันแน่เลย ท่าทางลูกสาวคนจะซนกว่าพี่ชายน่าดู กว่าฉันจะคลอดได้เลยเสียเวลาไปเยอะ”“ฮ่า ฮ่า จริงเหรอที่รัก ไม่ต้องกังวลไป อย่างไรเสี่ยวหมิงน่าจะดูแลน้องได้นะ” เหอจิ้งเกาจูบหน้าผากภรรยาแล้วอุ้มเสี่ยวหมิงหอมแก้มแม่ให้นอนพักผ่อน ส่วนพวกเขาพ่อลูกก็เข้าไปนอนที่เต
หลังหนังจบ เหอจิ้งเกาเห็นว่าภรรยากับลูกชายง่วงมากแล้ว เขาจึงไม่ให้ทั้งสองคนให้สัมภาษณ์นักข่าวหรือพูดคุยกับแฟนคลับ ซึ่งเขาสั่งให้บอดี้การ์ดไปบอกแฟนคลับของฟู่หยุนชิงเอาไว้ก่อน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เข้าใจฟู่หยุนชิงผิดสัปดาห์ต่อมา รายได้ของหนังที่ฟู่หยุนชิงแสดงยังขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศเหมือนเคย ทำให้ผู้กำกับและทีมงานต่างดีใจที่หนังเรื่องนี้คนดูชอบและนักวิจารณ์ยังกล่าวถึงหนังไปในทางบวกแทบทุกคน เหล่าแฟนหนังยังอยากดูภาคสองของเรื่องนี้อีกต่างหาก เสียดายที่ฟู่หยุนชิงต้องหยุดถ่ายทำเพื่อเลี้ยงลูกก่อน ทำให้ผู้กำกับไม่อยากนำคนอื่นมาแสดงแทน เขาตั้งใจจะรอฟู่หยุนชิงคนเดียวห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ใกล้กำหนดคลอดของฟู่หยุนชิงเข้าไปทุกที เหอจิ้งเกาที่กลัวภรรยาจะคลอดก่อนกำหนดอีกจึงขอร้องให้ฟู่หยุนชิงไปพักที่ รพ.ก่อนสักสองสามวัน แน่นอนว่าพวกเขาพ่อลูกก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วย&n
ก่อนที่เหอจิ้งเกาจะเคลียร์งานเสร็จในเดือนถัดมา ฟู่หยุนชิงก็จำเป็นต้องเข้าร่วมงานเปิดตัวหนังรอบปฐมทัศน์ เหอจิ้งเกาจึงพาเสี่ยวหมิงไปให้กำลังใจและคอยดูแลฟู่หยุนชิงด้วย เพราะตอนนี้ท้องของฟู่หยุนชิงเริ่มขยายใหญ่มากขึ้นเนื่องจากใกล้เข้าสู่เดือนที่สี่ของการตั้งครรภ์แล้ว ระหว่างทางที่กำลังจะไปยังโรงหนังในห้างสรรพสินค้าใหญ่ของเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงได้แต่บ่นว่าสามีห่วงมากเกินไป“ความจริงฉันมากับลูกก็ได้นะคะ มันทำให้คุณเสียเวลาทำงานไปด้วยโดยใช่เหตุ”“เฮ้อ ที่รัก ผมจะปล่อยให้คุณกับลูกมากันเองได้ยังไง ในเมื่องานนี้มีคนเข้าร่วมมากมาย หากใครชนท้องคุณเข้าจะทำยังไงล่ะที่รัก เชื่อผมเถอะ รับรองว่าผมไม่กวนตอนคุณอยู่บนเวทีแน่ที่รัก”“ใช่ครับแม่ ให้พ่อพามาดีแล้วครับ ผมเองก็เป็นห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะคนน่าจะเยอะมากจริง ๆ นะครับแม่”“เอาล่ะ ๆ ยังไงก็มากันแล้วนี่นะ แม่จะไม่บ่นแล้วก็ได้”
ระหว่างที่ฟู่หยุนชิงกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น เหอจิ้งเกาก็ให้ลูกน้องนำงานมาให้ทำที่บ้าน เพราะเขาอยากดูแลลูกกับภรรยาด้วยตัวเอง กระทั่งสามวันต่อมาที่เป็นวันนัดของหมอเพื่อตรวจครรภ์ของฟู่หยุนชิงมาถึง ทั้งสามคนต่างเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า หลังอาหารเช้าพวกเขาจึงออกจากบ้านเพื่อไปที่ รพ. ระหว่างนั่งรถอยู่นั้น ฟู่หยุนชิงก็คุยกับสามีเรื่องลูกคนที่สอง“คุณคะ ครั้งนี้เรามาลุ้นกันดีไหมคะว่าลูกจะเป็นชายหรือหญิง ฉันไม่อยากรู้ก่อนเหมือนตอนเสี่ยวหมิงน่ะค่ะ ดีไหมลูก”“ได้จ๊ะ ผมตามใจคุณอยู่แล้ว เรารอลุ้นก็สนุกดีเหมือนกันนะ”“ดีครับแม่ ผมอยากลุ้นว่าน้องของผมจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง อีกตั้งหลายเดือนกว่าที่แม่จะคลอดน้องอ่ะ ยังไงผมจะช่วยแม่ดูแลน้องหลังคลอดนะครับ”“ขอบใจมากจ๊ะลูก แล้วลูกอยากไปโรงเรียนตอนกี่ขวบ แม่เห็นส่วนใหญ่เด็กสามขวบก็เข้าเรียนอนุบาลกันแล้วนะ”
เมื่อพวกเขามาถึงร้านนาฬิกา พนักงานในร้านรีบออกมาต้อนรับฟู่หยุนชิงเช่นกันกับพนักงานร้านก่อนหน้านี้ พวกเขาได้รับข่าวมาก่อนหน้าจากร้านเสื้อผ้าแล้วว่าภรรยาของท่านประธานกับนายน้อยมาเดินเล่นที่นี่ ด้วยการข่าวอันฉับไว ทุกร้านในห้างจึงเตรียมพนักงานเอาไว้ต้อนรับกันแต่แรกแล้ว“ไม่ทราบว่าคุณมีนาฬิกาคู่รักหรือเปล่าคะ? กับนาฬิกาของเด็กขนาดเดียวกับแขนลูกชายของฉัน”“มีทั้งสอบแบบเลยค่ะ เชิญคุณลูกค้าตามดิฉันมาดูนาฬิกาคู่รักก่อนนะคะ พอดีเพิ่งมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน เผื่อว่าคุณลูกค้าถูกใจ” ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับคำและเดินตามพนักงานไปพร้อมอาหยงที่อุ้มเหอเสี่ยวหมิงอยู่ ส่วนอาเหว่ยก็เดินตามหลังฟู่หยุนชิงไปไม่ไกลเช่นกัน อาเหว่ยได้แต่คิดว่าตอนนี้ทั้งห้างคงรู้แล้วว่านายหญิงมา ดูจากการบริการที่รวดเร็วและไม่ถามที่มาที่ไปแบบนี้ นับว่าผู้จัดการห้างมีความสามารถไม่น้อยที่แจ้งข่าวให้ร้านต่าง ๆ ทราบภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโม
ระหว่างทางไปยังบริษัท เลขารายงานเรื่องเมื่อวานให้กับเหอจิ้งเกาทราบทุกอย่าง อีกทั้งวันนี้เขาจะไปหาทนายของบริษัทเพื่อให้ทำเรื่องแจ้งความและส่งฟ้องหวงเหมยหงและลี่ลี่อีกครั้งหนึ่ง“คุณทำได้ดีมาก รอสิ้นปีผมจะเพิ่มโบนัสให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกที ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับการช่วยรักษาชื่อเสียงภรรยาของผมก็แล้วกัน”“ขอบคุณครับเจ้านาย” เลขากับบอดี้การ์ดที่ช่วยเหลืองานเมื่อวานนี้ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้รับรางวัลในการทำงานครั้งนี้ด้วย นับว่าเจ้านายใจดีมากขึ้นตั้งแต่มีครอบครัว พวกเขาที่ได้รับเงินเดือนไม่น้อยต่างก็ดีใจที่เจ้านายมีความสุขและเผื่อแผ่ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พวกเขาเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงที่อยู่บ้านกับเหอเสี่ยวหมิงวันนี้ เธอเรียกอาหยงกับอาเหว่ยมาสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่สามีทำให้เธออยู่เบื้องหลัง เธอแน่ใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที
เหอจิ้งเกาใช้เวลาไม่นานในการซื้อของ เขาอยากรีบกลับไปทำอาหารให้ฟู่หยุนชิงจะแย่แล้ว บอดี้การ์ดเองก็รีบขับรถกลับบ้านให้เจ้านายตามที่พวกเขาเห็นว่าเจ้านายดูเร่งรีบไม่น้อย เมื่อถึงบ้านแล้ว เหอจิ้งเกาก็เห็นพ่อบ้านมายืนรออยู่แล้ว บอดี้การ์ดช่วยถือวัตถุดิบอาหารเข้าไปยังห้องครัวให้กับเหอจิ้งเกา เขาบอกพ่อบ้านว่ามื้อเย็นเขาจะทำอาหารเอง ให้แม่บ้านทำอาหารให้กับพวกบอดี้การ์ดกับพวกเขาก็พอ พ่อบ้านรับคำเหอจิ้งเกาแล้วเดินไปบอกกับแม่บ้านทั้งสองคนให้ไปทำอาหารที่ครัวของอีกตึกหนึ่งซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ คราแรกแม่บ้านทั้งสองคิดว่าเจ้านายไม่พอใจอาหารของพวกเธอก็พากันตกใจไม่น้อย แต่พอพ่อบ้านบอกว่าเจ้านายอยากทำอาหารให้นายหญิงด้วยตัวเองเท่านั้น พวกเธอจึงได้เบาใจลง พวกเธอไม่อยากหางานใหม่เพราะอายุที่มากแล้วและที่นี่ก็ให้ค่าตอบแทนสูงมากอย่างน่าตกใจแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการต้องพักที่นี่และทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ช่วยกันทั้งสี่คน  
หวงเหมยหงกับลี่ลี่ที่ถูกเหอจิ้งเกาจัดการไม่ให้มีงานในวงการก่อนหน้านี้พอได้ข่าวเรื่องเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ได้แต่คิดอิจฉาและแค้นใจที่เหอจิ้งเกาทำกับพวกเธอแบบนี้ ทั้งสองคนไม่อยากให้พวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุขง่าย ๆ จึงได้จ้างโกสต์เพื่อแพร่ข่าวว่าฟู่หยุนชิงวางยาเหอจิ้งเกาจนต้องรับผิดชอบในปีนั้น แถมยังสร้างข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของฟู่หยุนชิงมากมายอีกด้วย เลขาที่ให้คนคอยติดตามข่าวอยู่ตลอดรู้ในทันทีที่มีข่าวแพร่ออกมา เขารีบแจ้งให้เจ้านายทราบอย่างเร่งด่วนว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง“ให้คนสืบว่าใครเป็นคนทำ และปิดข่าวอย่าให้ฟู่หยุนชิงรู้ เดี๋ยวเธอจะไม่สบายใจ”“ได้ครับเจ้านาย แล้วถ้ารู้ตัวคนทำแล้วจะให้ทำยังไงต่อไปดีครับ”“ค้นหาเรื่องราวของคนทำที่ทำเรื่องสกปรกออกมาให้หมด แล้วส่งให้สำนักข่าวทุกสำนัก รวมทั้งให้คนกระจายข่าวออกไปตามสื่อโซเชียลด้วย หลังจากได้หลักฐานว่าใครเป็นคนสร้างข่าวเสีย
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว เหอจิ้งเกาให้พ่อบ้านพาเขาไปดูห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เขากับฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิง พ่อบ้านรีบรับคำและเดินนำเจ้านายทั้งสามไปอย่างช้า ๆ เขารู้มาก่อนแล้วว่านายหญิงกำลังท้องอยู่จึงไม่กล้าเดินเร็วเกินไปนักด้วยกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ถึงแม้ว่าเจ้านายจะจับมือนายหญิงอยู่ก็เถอะ เขาก็ควรจะต้องระวังเอาไว้ให้มากจะดีที่สุด พ่อบ้านพาทุกคนไปดูห้องใหญ่ของเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก่อนที่ปีกซ้ายชั้นสองของบ้าน ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำกว้างขวางในตัว รวมทั้งยังมีตู้เสื้อผ้าแบบบิวอินที่กว้างพอ ๆ กับห้องอีกห้องหนึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำและมีประตูเปิดเข้าไปได้ อีกด้านหนึ่งของห้องมีระเบียงกว้าง โต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ด้านหลังบ้านซึ่งมองเห็นทะเลสาบและสวนดอกไม้อยู่ ฟู่หยุนชิงกับเหอเสี่ยวหมิงที่เห็นทุกอย่างตามที่พ่อบ้านอธิบายก็พอใจมากกับห้องที่เขาเลือกให้เธอและเหอจิ้งเกา หลังจากที่สำรวจดูคร่าว ๆ แล้ว ฟู่หยุนชิงจึงบอกพ่อบ้า
Comments